๕๐

ฝ่ายพระเจ้าฌ้อปาอ๋องอยู่ในเมืองแพเสีย มีผู้เอาเนื้อความเข้าไปทูลว่าฮั่นอ๋องตั้งทัพอยู่ ณ เมืองเซงโก๋ แต่บรรดาหัวเมืองทั้งปวงก็มาบรรจบทัพพร้อมกันอยู่ประมาณคนสักร้อยหมื่น ตั้งค่ายรายกันมาแต่เมืองเซงโก๋ถึงเมืองเอ๊กเอี๋ยง ทางแปดพันเส้นไม่ขาดกองทัพฮั่นอ๋อง ถ้าเวลากลางคืนแสงไฟสว่างเหมือนกลางวัน แล้วมีกองซุ่มอยู่นอกกระบวนประมาณสองร้อยกอง ฝ่ายกองส่งลำเลียงนั้นแต่เมืองซินหลิวมาจนเมืองเซงโก๋ ขนเนื่องติดกันมาทั้งกลางวันกลางคืนมิได้ขาด ฮั่นสินก็ตั้งซ้อมหัดทแกล้วทหารอยู่ แต่บรรดาทหารในกองทัพมีแต่ร้องรำทำเพลงรื่นเริงอยู่ทุกค่าย กำลังศึกฮั่นอ๋องครั้งนี้ข้าพเจ้าเห็นหนักกว่าแต่ก่อน ได้ยินข่าวว่าในสองสามวันจะยกทัพมาทางบู๊เอี๋ยง เข้าติดเมืองแพเสีย พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้แจ้งดังนั้นจึงคิดถึงคำฟัมแจ้งที่ว่าไว้ ถ้าไม่ฆ่าฮั่นอ๋องเสียนานไปจะเป็นเสี้ยนศัตรูใหญ่จริงดังคำฟัมแจ้ง เพราะเราไม่เชื่อจึงเป็นดังนี้ จึงให้หาห้างเป๊กห้างจิงจงลิมวยกี๋โป้จี๋วลันเข้ามาปรึกษาว่า ฮั่นอ๋องมีกำลังศึกกล้าแข็งนักจะยกมาในสองสามวัน บรรดาเมืองขึ้นซึ่งให้หาก็ยังไม่มาถึง ทหารที่อยู่ในเมืองก็น้อยกว่าทหารฮั่นอ๋องถึงสองสามเท่า ถ้าฮั่นอ๋องยกมาล้อมเมืองเข้าไว้ เราจะคิดแก้ตัวประการใด ห้างเป๊กจงลิมวยแลขุนนางทั้งปวงจึงทูลว่าศึกฮั่นอ๋องครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ซึ่งจะทำประมาทเหมือนแต่ก่อนนั้นไม่ได้ ข้าพเจ้าคิดว่าเมืองกังตั๋งเป็นเมืองเก่าของพระองค์ แล้วชาวเมืองนั้นก็มีน้ำใจสามิภักดิ์โดยสุจริต ขอให้มีหนังสือไปถึงเจ้าเมืองกังตั๋งแลเจ้าเมืองก้วยกี๋ แต่บรรดาหัวเมืองขึ้นฝ่ายตะวันออกทิศใต้ให้เร่งยกทหารมาโดยเร็ว แล้วให้รวบรวมเสบียงอาหารที่มีอยู่นั้นเอามาไว้ในเมืองนี้ ถึงมาตรว่าฮั่นอ๋องจะยกมาล้อมไว้ก็จะได้เป็นกำลังเลี้ยงทหาร อนึ่งจิวฮื้นเจ้าเมืองสุลักนั้นแต่มีกิจราชการสงครามมา รับสั่งให้หาถึงสองสามครั้งก็มิได้ยกมาช่วย ครั้งนี้ขอให้คนไปหาตัวมาให้จงได้ แล้วให้กวาดเอาคนบรรดาเมืองข้างทิศเหนือนั้นแต่ผู้ชายที่เป็นกำลังราชการได้ ก็ให้รวบรวมเอามาให้สิ้นอย่าให้หลีกอยู่เหมือนแต่ก่อน พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังดังนั้นจึงว่า อันจะให้หาตัวจิวฮื้นมาช่วยทำการศึกนั้นเราไม่เห็นด้วย เพราะจิวฮื้นกับหยินโป้นั้นเป็นคนชอบกัน บัดนี้หยินโป้มันโจทจากเราไปอยู่กับฮั่นอ๋องแล้ว ซึ่งเราให้หาตัวจิวฮื้นไม่มา เพราะจิวฮื้นมันคิดเอาใจออกจากเราหมายจะไปอยู่กับฮั่นอ๋อง ครั้งนี้ถึงจะให้หาตัวจิวฮื้นมาเราก็ไม่เลี้ยงมันแล้ว แต่จะให้มีหนังสือไปว่ากล่าวโดยดี ล่อลวงเอาตัวมาฆ่าเสีย ห้างเป๊กได้ฟังพระเจ้าฌ้อปาอ๋องตรัสดังนั้นจึงทูลว่า ซึ่งทรงพระดำริดังนี้สมควรอยู่ แต่ซึ่งจะให้ไปหาตัวจิวฮื้น ขอให้หลีเหลงไปเห็นจะได้ราชการ

พระเจ้าฌ้อปาอ๋องจึงแต่งหนังสือสองฉบับ ให้หาตัวเจ้าเมืองสุลักเจ้าเมืองก้วยกี๋ส่งให้หลีเหลง ๆ ก็คำนับลาพระเจ้าฌ้อปาอ๋องไป ณ เมืองสุลักจึงเข้าไปคำนับจิวฮื้น ๆ เห็นหลีเหลงมาก็เชิญให้นั่งที่สมควร หลีเหลงจึงส่งหนังสือให้จิวฮื้น ๆ รับมาอ่านได้ความว่า ไตสุมาห้างเป๊กเป็นขุนนางผู้ใหญ่ในพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง บอกมาถึงจิวฮื้นเจ้าเมืองสุลัก ด้วยมีรับสั่งพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง ว่าเดิมจิวฮื้นเป็นขุนนางอยู่ว่ารู้ดีในการสงครามจึงให้ออกมาเป็นเจ้าเมืองสุลัก วางพระทัยต่างพระเนตรพระกรรณ จะได้ช่วยรักษาขอบขัณฑสีมา ครั้นพระเจ้าฌ้อปาอ๋องกระทำศึกกับฮั่นอ๋อง ให้หาจิวฮื้นยกทัพไปช่วย จิวฮื้นยังไม่ไป ครั้งนี้ฮั่นอ๋องยกทัพใหญ่มาตีเมืองแพเสีย จึงให้หลีเหลงถือหนังสือมาบอกให้แจ้ง ถ้าจิวฮื้นยังรักทำราชการอยู่ ก็ให้รีบยกทหารไปช่วยให้ทัน ซึ่งจิวฮื้นมิได้ไปแต่ก่อนนั้น เป็นแต่ศึกยกไปกระทำแก่ฮั่นอ๋อง ไม่สู้เคืองพระทัยนัก ถ้าครั้งนี้จิวฮื้นยกทัพไปโดยเร็ว ช่วยทำศึกมีความชอบ ก็จะตั้งให้เป็นใหญ่ขึ้นไปกว่าเก่า

จิวฮื้นได้แจ้งในหนังสือจึงคิดว่า ครั้งนี้เขตแดนฌ้อปาอ๋องแคบเข้า พระเจ้าฮั่นอ๋องได้แผ่นดินกว้างขวาง พระเจ้าฌ้อปาอ๋องแคลงเราว่าเป็นเพื่อนรักกับหยินโป้ ซึ่งมีหนังสือมาทั้งนี้จะลวงเราไปฆ่าเสีย เราจะเตรียมแต่กองทัพไว้ ถ้าเห็นพระเจ้าฌ้อปาอ๋องจะมีชัยเราจึงจะเข้าทำราชการด้วย จิวฮื้นคิดดังนั้นแล้วจึงว่าแก่หลีเหลงว่า ซึ่งพระเจ้าฌ้อปาอ๋องตรัสมาทั้งนี้พระคุณหาที่สุดมิได้ แต่บัดนี้โจรในเมืองสุลักซ่องสุมผู้คนเที่ยวกระทำยํ่ายีราษฎรได้ความเดือดร้อนนัก ถ้าเราไม่อยู่แล้วพวกโจรก็จะกำเริบมากขึ้น เราจะขอทุเลาอยู่กำจัดพวกโจรเสียให้ราบคาบก่อนจะจัดแจงยกกองทัพไป หลีเหลงได้ฟังจิวฮื้นว่าดังนั้นจึงว่าพระเจ้าฌ้อปาอ๋องจะทำศึกใหญ่ จึงให้ข้าพเจ้ามาเป็นการร้อนให้ท่านรีบยกไปช่วย ซึ่งท่านจะเอาความโจรผู้ร้ายเป็นแต่การเล็กน้อยมาขัดราชการศึกไว้จะควรหรือ จิวฮื้นจึงตอบหลีเหลงว่า เดิมแผ่นดินจะวุ่นวายเพราะเกิดโจรผู้ร้ายขึ้นทุกหัวเมืองจนมีกองทัพมากระทำแก่พระเจ้าฌ้อปาอ๋อง ฟัมแจ้งมีสติปัญญาคิดเห็นการลึกซึ้ง จึงทัดทานพระเจ้าฌ้อปาอ๋องว่าฮั่นอ๋องผู้นี้นานไปจะเป็นเสี้ยนศัตรูในแผ่นดิน พระเจ้าฌ้อปาอ๋องมิได้เชื่อถ้อยฟังคำฟัมแจ้ง ฟังแต่คำคนหาสติปัญญามิได้ ยุยงจนเกิดการศึกใหญ่ขึ้นถึงเพียงนี้ พระเจ้าฌ้อปาอ๋องให้เรามาอยู่ในเมืองสุลักเป็นหลังเมืองฌ้อ ถึงมีรับสั่งให้รีบไปโดยเร็ว ถ้าเราทิ้งเมืองสุลักนี้ไว้พวกโจรจะกำเริบใหญ่ขึ้น โทษเราก็ถึงตายเหมือนกัน หลีเหลงฟังจิวฮื้นพูดจาดูทำนองจะไม่สมัครทำราชการด้วยพระเจ้าฌ้อปาอ๋องแล้ว ครั้นจะว่ากล่าวจิวฮื้นไปก็คิดกลัวจิวฮื้นจะฆ่าเสีย หลีเหลงก็ลาจิวฮื้นไป ณ เมืองก้วยกี๋ เอาหนังสือฉบับหนึ่งให้แก่ง้อต๋านเจ้าเมืองก้วยกี๋ ง้อต๋านแจ้งในหนังสือแล้วจึงให้หาขุนนางแลที่ปรึกษาเข้ามาพร้อม เล่าความให้ฟังตามมีรับสั่งพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง แล้วง้อต๋านให้ตรวจเตรียมทหารในเมืองก้วยกี๋แลหัวเมืองขึ้นนั้นได้คนประมาณแปดหมื่น จึงให้ขุนนางชื่อแต้เอ๋งเป็นแม่ทัพบังคับทหาร ง้อต๋านกับหลีเหลงก็ยกทัพมา ณ เมืองแพเสีย เข้าไปเฝ้าพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง พระเจ้าฌ้อปาอ๋องเห็นง้อต๋านเจ้าเมืองก้วยกี๋จึงปราศรัยว่า ท่านอุตส่าห์ยกทัพมาโดยเร็วขอบใจนัก แล้วถามหลีเหลงว่าจิวฮื้นจะมาหรือไม่ หลีเหลงจึงทูลว่าจิวฮื้นพูดจาบิดเบือนอยู่ เอาความโจรผู้ร้ายมาขัดดูทีจะไม่มา

พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้แจ้งดังนั้นก็โกรธ กระทืบเท้าลงแล้วร้องว่าอ้ายจิวฮื้นมันดูหมิ่นเรานัก จำจะยกไปล้อมเมืองสุลักจับอ้ายจิวฮื้นมาฆ่าเสียให้ได้จึงจะหายแค้น แล้วเราจึงกลับมาคิดการกระทำศึกกับฮั่นอ๋อง ห้างเป๊กแลขุนนางผู้ใหญ่ได้ฟังพระเจ้าฌ้อปาอ๋องตรัสดังนั้น จึงทูลว่าซึ่งจิวฮื้นแข็งเมืองนั้นเหมือนเสี้ยนหนามนิดหนึ่งเสียดแทงปลายพระบาท อันฮั่นอ๋องนั้นเหมือนโรคร้ายแลพิษเกิดขึ้นในพระอุระ แพทย์จะประกอบยาแก้ให้หายยากนัก ซึ่งจะยกไปตีจิวฮื้นนั้นขอให้งดไว้ก่อน ผ่อนทหารให้มีกำลังคอยท่ากองทัพฮั่นอ๋องจึงจะชอบ พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังห้างเป๊กแลขุนนางทั้งปวงทูลดังนั้น จึงสั่งให้ทำบัญชีทหารในเมืองแพเสียแลหัวเมืองขึ้น ได้คนประมาณห้าสิบหมื่นตรวจเตรียมไว้ในเมืองแพเสีย

ฝ่ายฮั่นสินตั้งทัพอยู่ ณ เมืองเซงโก๋ ตรึกตรองการที่จะทำศึกเอาชัยชนะฌ้อปาอ๋อง ในขณะนั้นคนใช้ซึ่งไปทำแผนที่เขาเกาหลีซัวกลับมา เอาแผนที่เข้าไปให้ฮั่นสิน ๆ รับมาดูมีความยินดีนัก จึงให้หาหลีโจเฉียเข้าไป เอาแผนที่ให้ดูแล้วว่า เขาเกาหลีซัวนี้ชะรอยเทพยดามาสาปสรรไว้ให้ เป็นที่สมรภูมิสำหรับกระทำศึกกัน แต่ข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูที่ทางตั้งแต่เมืองเอ๊กเอี๋ยงไปจนเมืองชีจี๋ว ไม่ดีเหมือนตำบลเขาเกาหลีซัวนี้ ด้วยข้างซ้ายมีภูเขากั้นอยู่หลายชั้น ข้างขวาเป็นทุ่งแลท่านํ้าคลองอันใหญ่ ข้างหลังเป็นป่าไม้สำหรับซ่องสุมทหาร ถึงจะอับจนก็หลบหลีกได้ ข้างหน้าเตียนเป็นสนามรบกว้างขวาง ครั้งนี้ถึงเราจะคิดเป็นกระบวนศึกกลอุบายประการใดก็ทำได้ถนัด แต่ข้าพเจ้ายังมีความวิตกอยู่เกลือกฌ้อปาอ๋องจะไม่ยกมาจากเมือง การซึ่งคิดจะลวงให้ฌ้อปาอ๋องเข้าในเขาเกาหลีซัวเห็นจะไม่สมคะเน ท่านมีอุบายประการใดช่วยแนะนำข้าพเจ้าด้วย หลีโจเฉียจึงว่าฌ้อปาอ๋องแต่ยกมากระทำศึกเสียทีไปหลายครั้ง ท่านมาตั้งอยู่ที่นี่รี้พลก็มาก ครั้นจะคอยท่ากองทัพเมืองฌ้อ เห็นเสบียงอาหารที่มาส่งกลัวจะมิทันเกลือกจะขัดสนลง ถึงว่าฌ้อปาอ๋องทะนงตัวยกมา ใจข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูเห็นว่าจะมีผู้ทัดทานไว้ แต่เมื่อใดแต่งคนมีสติปัญญาไปสามิภักดิ์ทำเป็นคนสนิทคิดคอยยุยง จึงจะได้ตัวฌ้อปาอ๋องมา ฮั่นสินจึงว่าซึ่งท่านคิดดังนี้ดีแล้ว แต่จะหาคนให้ไปอยู่กับฌ้อปาอ๋องนั้นยากนัก ข้าพเจ้าเห็นจะไปได้สองคนแต่ท่านกับเตียวเหลียง เตียวเหลียงเล่าฌ้อปาอ๋องก็รู้จักคิดพยาบาทอยู่ ครั้งนี้จำท่านช่วยธุระแผ่นดินจึงจะสมคิด ด้วยตัวท่านเป็นขุนนางอยู่เมืองเตียว ถึงมาอยู่กับข้าพเจ้าก็เป็นแต่คนรับหน้า เห็นฌ้อปาอ๋องจะเชื่อถือเป็นมั่นคง หลีโจเฉียจึงว่าข้าพเจ้ามาอยู่กับท่าน ๆ ก็ชุบเลี้ยงได้ความสุขมาช้านานแล้ว ข้าพเจ้ายังมิได้สนองคุณ ซึ่งจะใช้ไปครั้งนี้ข้าพเจ้ามีความยินดีนัก แต่ใจข้าพเจ้าจะใคร่ให้ท่านยกทัพไปโดยเร็ว หลีโจเฉียก็ไปจัดแจงผู้คนซึ่งมาด้วยแต่เมืองเตียวเสร็จแล้วก็ไป ครั้นถึงเมืองแพเสียเป็นเวลาพลบค่ำ จึงหยุดที่โรงสำหรับอาศัยคืนหนึ่ง ครั้นรุ่งเช้าก็ไป ณ บ้านไตสุมาห้างเป๊ก ครั้นถึงจึงบอกนายประตูว่า เราชื่อหลีโจเฉีย เป็นก๋องบู๋กุ๋นอยู่เมืองเตียว จะเข้าไปคำนับไตสุมาห้างเป๊ก นายประตูเอาความไปแจ้งแก่ไตสุมาห้างเป๊ก ๆ ได้ฟังจึงนึกว่าหลีโจเฉียคนนี้มีสติปัญญา เป็นที่ปรึกษาอยู่เมืองเตียวตกไปอยู่ในกองทัพฮั่นสิน ซึ่งมาหาเราชะรอยจะมีธุระเป็นมั่นคง คิดแล้วก็ให้รับหลีโจเฉียเข้ามา ครั้นหลีโจเฉียมาถึงต่างคนคำนับกันแล้วเชิญให้นั่งที่สมควร ห้างเป๊กจึงถามหลีโจเฉียว่าท่านไปอยู่เมืองเจ๋เป็นที่ปรึกษาฮั่นสิน บัดนี้ท่านมาหาเราด้วยธุระประการใด หลีโจเฉียจึงว่าเมื่อฮั่นสินยกทัพไปตีเมืองเตียวนั้น ข้าพเจ้าได้บอกกลอุบายให้เตียวอ๋องจะให้สู้รบฮั่นสิน แต่ตินอี๋ซึ่งเป็นเตียวอ๋องหาฟังคำข้าพเจ้าไม่ ไปเชื่อถือเซงอันกุนให้เป็นแม่ทัพมารบ ตินอี๋เซงอันกุนก็ตายในกลางศึก เมืองเตียวก็เสีย ข้าพเจ้าจึงตกเป็นเชลยอยู่ในกองทัพฮั่นสิน บัดนี้ฮั่นอ๋องตั้งฮั่นสินให้เป็นสำเจ๋อ๋องครองเมืองเจ๋ แล้วให้เป็นแม่ทัพใหญ่ยกมา ฮั่นสินมีนํ้าใจกำเริบอิสริยยศหนักขึ้น ถือว่าตัวมีสติปัญญายิ่งกว่าคนทั้งปวง จะว่ากล่าวการสิ่งใดเอาแต่ตามอำเภอนํ้าใจ ข่มขี่ที่ปรึกษาแลนายทหาร บรรดานายทัพนายกองชวนกันเสียนํ้าใจ แต่คนมีสติปัญญาเช่นข้าพเจ้าอยู่ในฮั่นสินสิบคน หนีไปแปดคนแล้ว ข้าพเจ้ารู้ว่าฌ้อปาอ๋องจัดแจงกองทัพจะยกไปรบกับฮั่นอ๋องแลฮั่นสิน ข้าพเจ้าจึงหนีมาหาท่าน ด้วยฮั่นสินติเตียนข้าพเจ้าว่ามีปัญญาน้อย ข้าพเจ้าจะมาอยู่เป็นข้าพระเจ้าฌ้อปาอ๋องลองสติปัญญาฮั่นสินสักครั้งหนึ่ง ห้างเป๊กจึงว่าตัวก็อยู่กับฮั่นสิน ซึ่งมาทั้งนี้เราเห็นว่ามาด้วยอุบายยังหาเห็นความจริงไม่ หลีโจเฉียจึงว่า ข้าพเจ้าเป็นคนเสียนํ้าใจ หมายจะพึ่งท่านพอรอดชีวิต ข้าพเจ้าก็เป็นที่ปรึกษา ใช่ว่าทหารมีฝีมือเข้มแข็งในการสงคราม ท่านก็รู้อยู่แล้ว ที่ข้าพเจ้าจะมาเป็นไส้ศึกนั้นจำเพาะแต่ตัวข้าพเจ้าหรือ ฮั่นสินก็ใช้คนเล็ดลอดมาสืบรู้การในเมืองแพเสียอยู่มิได้ขาด ข้าพเจ้ามาโดยสุจริตฉะนี้ เมื่อท่านไม่เชื่อฟังยังกลับคิดสงสัยก็เป็นกรรมของข้าพเจ้าเอง ครั้นจะหนีไปอื่นก็ไม่พ้นฮั่นสินคงจะตาย ครั้นจะไม่ไปก็อายแก่คนเพราะท่านไม่เชื่อถือ ข้าพเจ้าจะตายเสียต่อหน้าท่านให้เห็นความจริง หลีโจเฉียว่าดังนั้นแล้วก็ฉวยเอากระบี่ที่มือทหารห้างเป๊กทำจะเชือดคอ ห้างเป๊กเห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นมาจับมือหลีโจเฉียไว้แล้วจึงว่า ท่านมาแต่ค่ายฮั่นสินเราก็สงสัย บัดนี้เห็นความจริงของท่านเราขออภัยเถิด ห้างเป๊กจึงชวนหลีโจเฉีย เข้าไปในตึกให้อยู่คืนหนึ่ง ครั้นรุ่งเช้าห้างเป๊กจึงพาหลีโจเฉียเข้าเฝ้าพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง แล้วทูลว่าบัดนี้หลีโจเฉียมาสามิภักดิ์อยู่กับไต้อ๋อง

พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังจึงว่าเราไม่มีที่ปรึกษา ถ้าได้หลีโจเฉียมาอยู่กับเรา ๆ ก็ยินดีนัก แล้วตรัสแก่หลีโจเฉียว่า เราคิดว่าท่านยังอยู่เมืองเตียวจะให้ไปหาตัวมาตั้งเป็นที่ปรึกษา บัดนี้ท่านมาหาเราขอบใจนัก หลีโจเฉียจึงทูลว่าข้าพเจ้าอยู่เมืองเตียว เตียวอ๋องไม่ฟังคำข้าพเจ้า ๆ จึงตกอยู่กับฮั่นสินก็ได้เป็นที่ปรึกษาอยู่บ้าง บัดนี้ฮั่นสินถือตัวว่าดีแต่ผู้เดียว ข้าพเจ้าคิดอุบายทูลสิ่งใดก็ว่ากล่าวถากถางได้ความเจ็บแค้นนัก จึงหนีมาพึ่งพระบารมีไต้อ๋องดุจทารกมาหาบิดาแลมารดา แม้นข้าพเจ้าได้มาเป็นข้าอยู่ในพระองค์แล้ว จะขอทำราชการสนองพระคุณแก้แค้นฮั่นสินให้จงได้ ถ้าครั้งนี้ไต้อ๋องเคลือบแคลงข้าพเจ้าอยู่มิได้เอาไว้ใช้ ข้าพเจ้าก็จะไปโจนทะเลตายถวายความสัตย์ให้ปรากฏ ไม่ขออยู่ให้ฮั่นสินเห็นหน้า พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังหลีโจเฉียว่าดังนั้นมีความกรุณาไม่คิดสงสัย จึงตั้งให้เป็นที่ปรึกษาผู้ใหญ่ให้รางวัลเป็นอันมาก

ฝ่ายฮั่นสินจัดแจงทหารเข้ากระบวนทัพเสร็จแล้ว จึงเข้าไปทูลพระเจ้าฮั่นอ๋องว่า เวลาพรุ่งนี้ ขอเชิญเสด็จยกทัพใหญ่ไปเมืองไภก้วน พระเจ้าฮั่นอ๋องจึงตรัสว่าจะเดินทัพครั้งนี้ผ่านหัวเมืองไปเป็นอันมาก เกลือกทหารในกองทัพเราจะกระทำยํ่ายีแก่ราษฎรชาวเมืองได้ความเดือดร้อน เราคิดว่าจะหาคนที่สัตย์ซื่อทั้งมีความคิดแลฝีมือเข้มแข็งให้คุมทหารเป็นกองหน้า กำชับอย่าให้ผู้ใดเบียดเบียนของอาณาประชาราษฎร์ ทหารในกองทัพท่านอย่างนี้จะมีบ้างหรือไม่ ฮั่นสินจึงทูลว่าเมื่อข้าพเจ้าไปตีเมืองเตียวได้ทหารสองคน มีฝีมือเข้มแข็งแล้วสัตย์ซื่อมีสติปัญญาเห็นจะใช้ราชการได้

พระเจ้าฮั่นอ๋องได้ฟังจึงให้หาทหารสองคนเข้าไป แล้วตรัสถามว่าท่านทั้งสองนี้เป็นแซ่ใดอยู่เมืองไหน ทหารทั้งสองจึงทูลว่าคนหนึ่งแซ่ค้วงชื่อกีเดิมอยู่เมืองเลียวกวน คนหนึ่งเป็นแซ่ตวนชื่อโฮอยู่เมืองลุยกวน ครั้นไต้อ๋องตีเมืองห้ำเอี๋ยงได้ข้าพเจ้าไปอาศัยอยู่เขาบูเนีย ข้าพเจ้าทั้งสองนี้แต่น้อยมาก็มิได้ทำมาหากิน พอใจแต่หัดขี่ม้ายิงเกาทัณฑ์ รู้ข่าวว่าฮั่นสินจะยกทัพไปตีเมืองเตียว ข้าพเจ้าจึงชวนกันมาอยู่ด้วยฮั่นสิน

พระเจ้าฮั่นอ๋องได้ฟังก็พิศดูทหารทั้งสองคน รูปร่างโตใหญ่สมควรเป็นทหารจึงตั้งค้วงกีเป็นเลียวเฮา ตวนโฮเป็นลุยเฮา ตำแหน่งนายทหารเอก พระราชทานรางวัลตามสมควร แล้วสั่งให้คุมทหารสามหมื่นยกไปเป็นกองหน้า ลุยเฮาคำนับลาออกมาจัดแจงทหารได้พร้อมก็เดินทัพเป็นกองหน้า พระเจ้าฮั่นอ๋องก็จัดแจงพยุหโดยขบวนทัพหลวงยกไป ตั้งแต่พระเจ้าฮั่นอ๋องได้เป็นกษัตริย์ครองราชสมบัติในเมืองโปต๋งมาจนยกทัพหลวงออกจากเมืองเซงโก๋ ศักราชได้ห้าปีเดือนแปดฤดูลม ขณะเมื่อพระเจ้าฮั่นอ๋องยกทัพไปครั้งนั้น คนเดินเนื่องกันไปไม่ได้ขาด เสียงคนแลฝีเท้าดุจคลื่นในท้องมหาสมุทร ถ้าพระเจ้าฮั่นอ๋องไปถึงเมืองใดตำบลใด ราษฎรก็อยู่เย็นเป็นสุขโดยปกติ เจ้าเมืองก็ออกมาอ่อนน้อมสามิภักดิ์ ทหารในกองทัพมิได้กระทำย่ำยี เพราะบารมีพระเจ้าฮั่นอ๋องปกแผ่ไป กองทัพฮั่นสินยกเป็นกระบวนหลังตามเสด็จพระเจ้าฮั่นอ๋อง ครั้นถึงตำบลแซ่ฮองโผ เป็นที่พญาหงส์มาจับต้นไม้ใหญ่ชื่อหลอต๋ง อยู่ริมทางแดนเมืองไภก้วน ควรที่จะตั้งทัพหลวงหยุดอยู่ ที่นั่นมีภูเขาใหญ่ต่อกันยืดยาว ทางวงเวียนไปจนถึงเขาเกาหลีซัวร่มรื่นด้วยป่าสน ฮั่นสินจึงให้ตั้งค่ายหลวงไว้ แล้วเชิญเสด็จพระเจ้าฮั่นอ๋องเข้าประทับ เลียวเฮาลุยเฮาก็เข้ามาเฝ้าแล้วทูลว่า ซึ่งโปรดให้ข้าพเจ้าเป็นกองหน้ามาครั้งนี้เพราะบารมีไต้อ๋องปกแผ่มามิได้มิอันตรายสิ่งใด พระเจ้าฮั่นอ๋องตรัสว่า ท่านเป็นกองหน้ามาครั้งนี้ทำเหมือนใจเรา จึงสั่งให้เลียวเฮาลุยเฮาออกไปตั้งค่ายอยู่ตามซ้ายขวา แล้วจัดคนให้ไปคอยสืบข่าวราชการในเมืองแพเสีย

ฝ่ายเสียวโหก็รีบเร่งกองลำเลียงมาถึงพร้อมกัน ฮั่นสินก็ยกไปตั้งอยู่ริมเมืองไภก้วน เห็นตึกภายหลาวนั้นสูงกว่าตึกกว้านแลหอรบในเมืองไภก้วน ตึกภายหลาวนั้นอยู่ริมกำแพงเป็นทางร่วมคนเดินไปมา ฮั่นสินจึงให้เขียนฉลากไปปักไว้ ณ ตึกภายหลาวใจความว่า หัวเมืองทั้งปวงซึ่งขึ้นกับฌ้อปาอ๋อง บัดนี้มาเข้าด้วยพระเจ้าฮั่นอ๋องยกทัพมาประชุมกันอยู่ที่นี่ แสงกระบี่ทหารในกองทัพขึ้นไปจับบนผนังตึกภายหลาวแวบวาบอยู่ ดูประหนึ่งจะได้ตัดศีรษะฌ้อปาอ๋องไว้ที่นี่เป็นมั่นคง

ฝ่ายคนใช้ซึ่งพระเจ้าฌ้อปาอ๋องให้มาสืบข่าวราชการนั้น ครั้นเห็นพระเจ้าฮั่นอ๋องยกทัพมาตั้งอยู่ตำบลแซ่ฮองโผ ทัพฮั่นสินอยู่ริมเมืองไภก้วน ประตูเมืองเปิดอยู่ทั้งสี่ทิศพบฉลากปักอยู่ที่ตึกภายหลาว จึงลอกเอาหนังสือไปถวายพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง แล้วทูลความตามฮั่นอ๋องฮั่นสินยกมาตั้งทัพอยู่ทุกประการ

ฝ่ายพระเจ้าฌ้อปาอ๋องทราบหนังสือดังนั้นก็โกรธ ฉีกหนังสือเสียแล้วชี้นิ้วไปข้างทิศตะวันตกว่า ครั้งนี้กูจะยกทัพไปฆ่าอ้ายฮั่นสินฮั่นอ๋องเสียให้จงได้ ถ้าไม่สมคิดไม่กลับมาเมืองแพเสีย กี๋โป้จี๋วลันจึงทูลว่า ซึ่งฮั่นสินเขียนหนังสือไว้นี้แกล้งล่อให้โกรธดีร้ายจะแต่งกลไว้รบ ถ้าไต้อ๋องยกไปเห็นจะต้องกล พระเจ้าฌ้อปาอ๋องจึงตรัสว่า เราทำศึกมาแต่เมืองก้วยกี๋จนปานนี้ ยังไม่มีผู้ใดดูหมิ่นเราเหมือนอ้ายฮั่นสิน ถ้าเราไม่ยกทัพไปหัวเมืองทั้งปวงรู้ก็จะนินทาเราว่าสู้มันไม่ได้ แล้วเร่งให้จัดแจงกองทัพจะยกไปโดยเร็ว จี๋วลันจึงทูลว่า อันกองทัพฮั่นอ๋องยกมาครั้งนี้ทหารเลวแลทหารฝีมือก็มาก ฮั่นสินเล่าก็มีกลอุบายลึกซึ้ง แล้วก็เป็นศึกแรกมากำลังกล้าอยู่ ขอให้ทหารรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้ตั้งมั่นอยู่ในเมืองก่อน ผ่อนเสบียงอาหารภายนอกเข้ามาไว้ในเมืองให้มาก ประการหนึ่งง้อต๋านเจ้าเมืองก้วยกี๋เป็นคนจงรักภักดีรีบมาทันกำหนด ขอให้กลับออกไปรวบรวมเสบียงอาหารแต่บรรดาเมืองขึ้นฝ่ายทิศเหนือแลทิศตะวันออกถ่ายเข้ามาไว้ในเมืองหลวง ให้ตั้งมั่นดูกำลังศึกแต่งแต่คนให้สืบราชการเมืองไว้ ถ้าทัพฮั่นอ๋องฝืดเคืองเสบียงลง จึงค่อยยกทัพไปตีให้ถึงเมืองเซงโก๋เมืองเอ๊กเอี๋ยง อันศึกซึ่งขาดเสบียงแล้ว ถึงฮั่นสินจะคิดด้วยกลอุบายประการใด ข้าพเจ้าเห็นว่าถึงจะทำก็ไม่สมความคิด

พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังจี๋วลันว่าเห็นชอบ แต่ไม่ตรัสประการใด เสด็จเข้าข้างในจึงตรัสบอกนางหงอกี๋เป็นฮองเฮาว่า ฮั่นอ๋องยกทัพมาครั้งนี้รี้พลมาก ฮั่นสินทำฉลากว่ากล่าวหยาบช้า ข้าจะยกทัพไปฆ่าฮั่นอ๋องฮั่นสินเสีย จี๋วลันว่างดอยู่ดูกำลังศึกก่อน นางหงอกี๋จึงทูลว่า ซึ่งจี๋วลันทูลทั้งนี้ ข้าพเจ้าเป็นสตรีก็เห็นชอบ ควรไต้อ๋องจะทำตาม ครั้นเวลารุ่งเช้าพระเจ้าฌ้อปาอ๋องออกมาปรึกษาขุนนางแลนายทหารว่า ราชการศึกครั้งนี้ใครจะเห็นประการใดบ้าง หลีโจเฉียจึงทูลว่ากองทัพฮั่นอ๋องคนกว่าร้อยหมื่น มาตั้งอยู่เมืองไภก้วนช้านาน การจะถ่ายเสบียงมาส่งที่ไหนจะทันคนกิน แม้นไต้อ๋องอยู่ในเมืองนี้จะแต่งคนไปสืบราชการ ถ้าว่าทหารในกองทัพฮั่นอ๋องขาดเสบียงลงก็จะเลิกไป ทำไฉนจะได้ตามซํ้าเติมเล่า ถ้ายกทัพไปอยู่ใกล้จะได้รู้การโดยเร็ว แม้นทัพฮั่นอ๋องขาดเสบียงทแกล้วทหารเรรวน ควรจะขับทหารทุ่มเทตามตีให้แตกฉาน ประการหนึ่งคนทั้งปวงก็จะนินทาว่า ไต้อ๋องกลัวสติปัญญาแยบคายฮั่นสินจึงไม่ยกไป จะมิเสียเกียรติยศไปหรือ พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังหลีโจเฉียทูลชอบพระทัย จึงสั่งนายทหารทั้งปวงจัดแจงกองทัพเตรียมไว้ให้พร้อม พรุ่งนี้ให้กองหน้ารีบยกไปก่อน แล้วเสด็จกลับเข้าข้างในบอกนางหงอกี๋ว่าเราจำจะยกไป ถ้าไม่ยกไปคนทั้งปวงจะติเตียนว่ากลัวฮั่นสิน ประการหนึ่งอยู่ในเมือง ถ้าฮั่นสินขัดเสบียงเลิกทัพไปถึงรู้จะติดตามก็ไม่ทัน เราได้สั่งทหารให้เตรียมทัพไว้ให้พร้อมแล้ว จะให้หงอจูกี๋เป็นกองหลังอยู่รักษาเจ้า ตรัสแล้วบรรทมหลับไป ครั้นเวลารุ่งเช้าพระเจ้าฌ้อปาอ๋องทรงเครื่องสำหรับกษัตริย์เสร็จแล้ว ก็ขึ้นม้าโอจือแบ๊ยกทัพออกจากเมืองแพเสีย จะไปตามทางเมืองไภก้วน บังเกิดลมพายุใหญ่พัดหนัก คันธงจารึกพระนามพระเจ้าฌ้อปาอ๋องหักกระเด็นเป็นสองท่อน บรรดานายทหารแลรี้พลทั้งปวงเห็นคันธงหักออกไปตกใจทุกตัวคน พระเจ้าฌ้อปาอ๋องขืนพระทัยอยู่มิได้หวาดหวั่นนัก รีบยกทัพไปถึงเชิงสะพานเก๊กหลาว ม้าที่นั่งซึ่งพระเจ้าฌ้อปาอ๋องทรงมานั้นก็หวาดสะดุ้งร้องขึ้นด้วยเสียงอันดังหลายหน ห้างเป๊กจี๋วลันเห็นเหตุเป็นสองครั้ง จึงปรึกษากันว่าม้าโอจือแบ๊แต่พระเจ้าฌ้อปาอ๋องทรงเข้าสู้สงครามนับครั้งไม่ถ้วน ถึงมาตรวาจะฝ่าอาวุธแลลูกเกาทัณฑ์ในท่ามกลางศึก ระดมเสียงประทัดม้าล่อกลองรบสักเท่าใด ๆ ก็ไม่หวาดหวั่นไหว พระเจ้าฌ้อปาอ๋องยกทัพมาครั้งนี้ เกิดลมพายุใหญ่พัดคันธงซึ่งจารึกพระนามก็หัก แล้วม้าโอจือแบ๊ก็ตื่นตกใจ เห็นอัศจรรย์ใหญ่หลวงนัก จำเราจะไปทูลห้ามจึงควร แล้วให้คนใช้ไปบอกหงอจูกี๋ให้บอกความแก่นางหงอกี๋ซึ่งเป็นฮองเฮาทุกประการ นางหงอกี๋แต่งหนังสือทูลห้ามให้คนสนิทถือไปให้พระเจ้าฌ้อปาอ๋อง ๆ ก็รีบยกทัพไปถึงด่านไภก้วนหยุดประทับร้อนอยู่ ห้างเป๊กจี๋วลันก็พาคนที่ถือหนังสือเข้าไปเฝ้าพระเจ้าฌ้อปาอ๋องทูลว่า เมื่อไต้อ๋องยกออกจากเมืองเกิดพายุพัดต้านทาน คันธงซึ่งจารึกพระนามก็หัก ดูกิริยาม้าพระที่นั่งทำอาการวิปลาสกว่าแต่ก่อน เหตุทั้งนี้ล้วนห้ามในการสงคราม ขอเชิญเสด็จกลับคืนเข้าในเมือง แต่งคนไปสืบทัพฮั่นอ๋องให้แน่ก่อนจึงค่อยคิดการศึกต่อไป

พระเจ้าฌ้อปาอ๋องจึงตรัสว่า การอัศจรรย์แต่เพียงนี้ยังมาทัดทานเรา ครั้งพระเจ้าบูอ๋องกับพระเจ้าติวอ๋องกระทำศึก ยกออกมาพร้อมกันในวันเดียวก็เป็นวันชั่ว ทำไมพระเจ้าบูอ๋องชนะติวอ๋องเล่า แต่คันธงหักม้าร้องเท่านี้จะถือเอาไม่ได้ ถ้าเราจะยกกลับเข้าไปก็อายแก่ชาวเมือง ฮั่นอ๋องรู้ก็จะว่าเรากลัว ตรัสแล้วก็เร่งกองทัพจะให้เดินไป

ขณะนั้นพอคนใช้นางหงอกี๋ฮองเฮามาถึง จึงเข้าไปเฝ้าถวายหนังสือต่อพระหัตถ์พระเจ้าฌ้อปาอ๋อง ๆ รับหนังสือมาฉีกผนึกออกดู รู้ว่าฝีมือนางหงอกี๋เขียนมาจึงอ่านได้ความว่า ครั้งพระเจ้าบูอ๋องครองเมืองตั้วก๊กจี๋ว ถัดลงมาพระเจ้าไต้อู๋เหลาได้ราชสมบัติเป็นเมืองหลวงแลลำดับกษัตริย์มาแต่ก่อน ก็ยอมเชื่อถือถ้อยคำขุนนางที่สัตย์ซื่อทูลห้ามปราม จึงได้เสวยราชย์เป็นสุขช้านาน ครั้งนี้พระองค์เสด็จมาม้าพระที่นั่งไม่เคยร้องก็ร้อง พายุก็พัดต้องคันธงหัก ชะรอยบุญไต้อ๋องมาก เทพยดาจึงบอกเหตุให้เห็นวิปริตดังนี้ ข้าพเจ้าเป็นสตรีไม่รู้ซึ่งการใหญ่ ได้ยินแต่คนว่าฮั่นสินทหารฮั่นอ๋องมีกลอุบายเป็นอันมาก ซึ่งห้างเป๊กจี๋วลันเป็นคนซื่อสัตย์ทูลห้าม ขอไต้อ๋องจงฟังคำข้าพเจ้าห้าม ขอเชิญเสด็จกลับคืนเข้าพระนครก่อน ฤกษ์ดีค่อยยกออกไป

พระเจ้าฌ้อปาอ๋องแจ้งในหนังสือแล้ว หน่วงพระทัยจะไม่ยกทัพไป หลีโจเฉียจึงทูลว่า บ่าวข้าพเจ้ามาแต่เมืองไภก้วนบอกว่าได้ยินทหารฮั่นอ๋องพูดกันว่า ฮั่นสินกับฮั่นอ๋องจะถอยทัพกลับไป ณ เมืองเซงโก๋ การครั้งนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าทหารฮั่นอ๋องมากชะรอยจะส่งเสบียงกันมิทัน ครั้นจะอยู่ก็กลัวจะเสียทีแก่ไต้อ๋องด้วยการเสบียงจึงถอยไป ถ้าไต้อ๋องรีบยกกองทัพไป พอจะได้ทีตามตีให้ยับเยิน

พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังหลีโจเฉียทูลชอบพระทัย ไม่มีความสงสัย สำคัญว่าจริงก็เร่งยกกองทัพไปถึงที่ชอบกลแห่งหนึ่ง ให้ตั้งค่ายลงไว้ห่างเมืองไภก้วนประมาณห้าร้อยเส้น แล้วให้คนไปสืบดูว่าทัพฮั่นอ๋องจะยกกลับไปจริงหรือ แลฮั่นสินนั้นจะทำประการใดบ้าง คนใช้ก็คำนับลาไปสืบราชการ ณ ค่ายฮั่นอ๋องฮั่นสินได้ความทุกประการแล้วจึงกลับมาทูลพระเจ้าฌ้อปาอ๋องว่า บัดนี้ฮั่นอ๋องตั้งทัพ อยู่ ณ บ้านแซ่ฮองโผริมเมืองไภ้ก้วน แต่บรรดาทัพหัวเมืองทั้งปวงก็ตั้งค่ายรายกันไปเป็นอันมาก ทหารในกองทัพกินเหล้าแล้วร้องรำทำเพลงรื่นเริงอยู่ทุกทัพทุกกอง ในเมืองไภก้วนนั้นผู้คนก็เข้าออกวุ่นวายอยู่ แต่ฮั่นสินออกมาตั้งทัพใหญ่อยู่ ณ เขากิวลิสารฝ่ายตะวันออก เห็นช้อมหัดม้าแลคนอยู่มิได้ขาด พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังดังนั้นก็คิดแคลงใจ จึงสั่งให้หาตัวหลีโจเฉียเข้าไป ทหารทั้งปวงก็เที่ยวหาหลีโจเฉียเป็นหลายแห่งก็มิได้พบ มีผู้บอกว่าเวลาวานนี้เห็นหลีโจเฉียกับบ่าวขึ้นม้าพากันไปข้างไหนมิได้แจ้ง ทหารรู้เนื้อความดังนั้นก็กลับเข้าไปทูลพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง ๆ ก็โกรธ จึงว่าอ้ายหลีโจเฉียนี้ฮั่นสินคงจะใช้ให้มาเข้าเกลี้ยกล่อมเป็นไส้ศึกในกองทัพเรา ครั้นมันรู้ราชการแล้วมันจึงหนีไป พระเจ้าฌ้อปาอ๋องจึงสั่งหาห้างเป๊กเข้าไป แล้วว่าตัวเป็นขุนนางผู้ใหญ่เหตุไฉนจึงมิสืบสวนให้แน่ก่อน พาเอาอ้ายหลีโจเฉียเข้ามาให้เราว่าเป็นคนดี เราคิดว่าผู้ใหญ่จะไล่เลียงสืบสวนแล้วจึงหาทันพิเคราะห์ไม่ บัดนี้มันมาล่อลวงให้เราเสียการใหญ่ ทั้งนี้ตัวจะคิดเป็นประการใด ห้างเป๊กได้ฟังพระเจ้าฌ้อปาอ๋องว่าดังนั้นก็ตกใจคุกเข่าลงกระทำคำนับ แล้วทูลพระเจ้าฌ้อปาอ๋องว่าหลีโจเฉียนี้ ข้าพเจ้าได้ยินว่าข่าวว่ามีสติปัญญาอยู่ มาหาจะเข้ามาสามิภักดิ์ทำราชการด้วย ข้าพเจ้าก็เบาความหาทันตรึกตรองไม่ คิดว่ามันเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้วจะไม่เจรจากลับกลอก ข้าพเจ้าจึงพาเข้ามาถวายหมายว่าจะได้ช่วยคิดอ่านราชการ เมื่อมันแกล้งมาเป็นไส้ศึกทำให้เสียการไปดังนี้ ตัวข้าพเจ้าก็มีโทษถึงสิ้นชีวิต ทั้งนี้ก็สุดแต่จะโปรด พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังดังนั้นก็นิ่งอยู่

ฝ่ายจี๋วลันแลขุนนางทั้งปวง เห็นพระเจ้าฌ้อปาอ๋องยังโกรธห้างเป๊กอยู่ดังนั้น กลัวจะให้ฆ่าห้างเป๊กเสีย จึงทูลพระเจ้าฌ้อปาอ๋องว่า อันไตสุมาห้างเป๊กนี้เป็นคนสัตย์ซื่อมีกตัญญูต่อพระองค์นัก แต่ครั้งนี้เพราะประมาทไปจึงพาหลีโจเฉียเข้ามา ด้วยหมายว่าพระองค์กระทำสงครามอยู่ เห็นว่าหลีโจเฉียเป็นคนมีสติปัญญาจะได้ช่วยอ่านราชการ ก็เป็นเคราะห์ของไตสุมาห้างเป๊กกลับให้เสียการไป ทั้งนี้ไตสุมาห้างเป๊กก็ผิดมีโทษอยู่เป็นอันมาก แต่ขอให้งดไว้ครั้งหนึ่งก่อน ด้วยการทั้งปวงได้เกินถึงเพียงนี้แล้ว เชิญดำริที่จะยกทัพไปกระทำกับฮั่นอ๋องเถิด พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังจี๋วลันแลขุนนางทูลดังนั้นก็เห็นชอบด้วย จึงให้รางวัลแก่จี๋วลันแลขุนนางทั้งปวง ซึ่งได้ทูลห้ามไว้แต่แรกนั้น แล้วพระเจ้าฌ้อปาอ๋องก็เข้าไปข้างใน จึงบอกแก่นางหงอกี๋ว่า อ้ายหลีโจเฉียซึ่งมันเข้ามาสามิภักดิ์อยู่ด้วย มันแกล้งล่อลวงให้เรายกกองทัพมาถึงนี้ บัดนี้มันหนีไปแล้ว เหตุนี้เพราะแต่แรกเราไม่ฟังคำเจ้าจึงแพ้รู้แก่ข้าศึก นางหงอกี๋ได้ฟังพระเจ้าฌ้อปาอ๋องว่าดังนั้นจึงทูลว่าอันประเพณีการศึก ก็ย่อมจะล่อลวงกันด้วยกลอุบายต่าง ๆ ถึงผู้ใดว่ามีสติปัญญาก็ไม่พ้นความประมาทย่อมเสียทีไปบ้าง ใช่จะเป็นแต่เราหามิได้ ครั้งนี้ข้าพเจ้าคิดว่าก็ได้เสียการเกินมาแล้ว จึงตั้งใจจะกระทำศึกกับฮั่นอ๋องเอาชัยชนะให้จงได้จะได้กลับไปเมืองแพเสีย พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังนางหงอกี๋ว่าดังนั้นก็เห็นชอบด้วย จึงว่าซึ่งเจ้าว่ากล่าวทั้งนี้ต้องกับน้ำใจข้าแล้ว ครั้นเวลารุ่งเช้าพระเจ้าฌ้อปาอ๋องเสด็จออก ที่ปรึกษาขุนนางทั้งปวงก็เข้าไปเฝ้าพร้อม พระเจ้าฌ้อปาอ๋องจึงตรัสแก่ขุนนางทั้งปวงว่า ท่านทั้งปวงมีแต่ได้ความลำบาก กระทำศึกมากับเราเป็นหลายครั้งแล้ว เราก็ยังมิได้ปูนบำเหน็จรางวัลให้ผู้ใด ครั้งนี้เราจะกระทำศึกกับฮั่นอ๋อง ๆ มีกำลังศึกมากกว่าเรา เราจะเอาชัยชนะในครั้งนี้ให้จงได้ ท่านทั้งปวงจงตั้งใจกระทำให้สิ้นฝีมือเถิด แต่บรรดานายทหารทั้งปวงก็รับคำพระเจ้าฌ้อปาอ๋องทุกคน พระเจ้าฌ้อปาอ๋องจึงสั่งให้จงลิมวยคุมทหารห้าหมื่นเป็นปีกขวา กี๋โป้คุมทหารห้าหมื่นเป็นปีกซ้าย ควั่นฌ้อคุมทหารสิบหมื่นเป็นทัพหน้า หงอจูกี๋คุมทหารห้าหมื่นเป็นกองหลัง พระเจ้าฌ้อปาอ๋องคุมทหารยี่สิบห้าหมื่นเป็นกองกลาง แต่บรรดาขุนนางนายทหารทั้งปวงที่นอกเกณฑ์ แลทหารคู่ใจพระเจ้าฌ้อปาอ๋องแปดพันนั้นให้คอยตามพระเจ้าฌ้อปาอ๋องออกรบ แล้วสั่งว่าถ้าได้รบพุ่งกันเห็นข้าศึกเสียทีถอยไป เราอย่าติดตามไปให้ตั้งมั่นอยู่ ถ้าข้าศึกไล่ล่วงเข้ามาก็ให้รีบระดมเข้าช่วยกันให้ทันทั้งสี่ด้าน อุตส่าห์รักษาทัพเราให้มั่นคงไว้สักเดือนหนึ่งเถิด ฮั่นอ๋องก็จะขัดเสบียงอาหารลงเลิกทัพถอยไปเอง จึงมีคำกลางว่า พระเจ้าฌ้อปาอ๋องกระทำศึกคิดแต่จะได้ชัยชนะฝ่ายเดียว ซึ่งตัวจะแพ้นั้นพระเจ้าฌ้อปาอ๋องหาคิดไม่

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ