๔๔

ฝ่ายคนใช้ที่ถือหนังสือไปถึงเมืองแพเสียจึงเข้าไปเฝ้า เอาหนังสือถวายพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง ๆ ฉีกผนึกออกอ่านได้ความว่า ข้าพเจ้าเจ๋อ๋องขอคำนับมาถึงพระเจ้าไซฌ้อปาอ๋อง ผู้มีบุญญาธิการทรงกำลังไม่มีผู้ใดเสมอ พระเดชปกแผ่ไปนานาประเทศ แต่เล่าปังซึ่งรับสั่งให้เป็นฮั่นอ๋องไปกินเมืองโปต๋งมีน้ำใจกำเริบ คบเอาฮั่นสินซึ่งหนีไต้อ๋องไปตั้งให้เป็นแม่ทัพคุมคนหลายสิบหมื่น ยกมาตีได้หัวเมืองใหญ่น้อยซึ่งขึ้นแก่ไต้อ๋อง บัดนี้ยกมาตีเมืองเจ๋ซึ่งข้าพเจ้ารักษาอยู่ อันเมืองเจ๋นี้เหมือนคอหอยเมืองหลวง ถ้าฮั่นสินตีได้แล้วเขตแดนไต้อ๋องจะแคบเข้า จะยังอยู่แต่เมืองแพเสียเมืองเดียว กว่าจะบริบูรณ์ขึ้นดังเก่าโดยยาก ถ้าทราบในหนังสือนี้แล้ว ขอจัดแม่ทัพคุมทหารรีบยกมาโดยเร็ว ช่วยดับไฟซึ่งเกิดในเมืองเจ๋ให้สัตว์หายร้อน พระเจ้าฌ้อปาอ๋องแจ้งในหนังสือนั้นแล้ว จึงให้หาลองโจกับจี๋วลันเข้ามาว่า ท่านจงคุมทหารสามหมื่นรีบยกไปทางด่านริมจู๋ ตีกองทัพฮั่นสินให้แตกฉานช่วยเมืองเจ๋ไว้จงได้ ถ้าเห็นข้าศึกเข้มแข็งอยู่จึงบอกมา เราจะยกทัพหลวงไป ลองโจจึงทูลว่าขอไต้อ๋องจงวางพระทัยเถิด ข้าพเจ้าไปครั้งนี้จะตัดศีรษะฮั่นสินมาถวายให้จงได้ พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังดังนั้นดีพระทัยนัก จึงถอดเสื้อขนอย่างดีให้แก่ลองโจ แล้วพระราชทานสุราให้ลองโจจี๋วลันกินคนละสามจอก ลองโจจี๋วลันคำนับลาพระเจ้าฌ้อปาอ๋องมาจัดทหารครบสามหมื่นแล้ว ก็รีบยกออกจากเมืองแพเสีย

ฝ่ายเสียงก๊กฮั่นสิน เมื่อเกลี้ยกล่อมชาวเมืองเจ๋แลเมืองขึ้นได้ พักทหารไว้พอมีกำลัง แล้วสั่งให้จัดแจงขบวนทัพยกไป ณ เมืองโกปีกวน ครั้นถึงให้ตั้งค่ายลงไว้ใช้กองหน้าให้ล้อมเมืองแล้วแต่งคนออกลาดตระเวนทั้งสี่ทิศ

ฝ่ายลองโจยกกองทัพมาถึงด่านริมจู๋แดนเมืองเจ๋ รู้ว่าฮั่นสินตีเมืองเจ๋ได้ยกไปตามเจ๋อ๋อง ณ เมืองโกปีกวน ลองโจกับจี๋วสันก็รีบยกกองทัพตามไปใกล้เมืองโกปีกวนทางประมาณสามร้อยเส้น เห็นที่กว้างขวางจึงให้ตั้งค่ายมั่นลงไว้

ฝ่ายกองตระเวนเห็นกองทัพยกมา แอบฟังก็รู้ว่าลองโจเป็นแม่ทัพ รีบกลับมาบอกแก่เสียงก๊กฮั่นสิน ๆ ได้ฟังก็สั่งให้กองทัพล้อมรอบกันอยู่ทั้งสี่ด้าน แล้วเรียกแฮเฮาหยินโจฉำตันบูเข้าไปใกล้บอกว่า เราคิดอุบายฆ่าลองโจเสียก่อนจึงจะตีเมืองโกปีกวน แล้วสั่งตันบูว่าท่านจงคุมทหารหมื่นหนึ่งขึ้นไปเหนือน้ำอุยจุย เอากระสอบบรรจุทรายตั้งเป็นทำนบกั้นน้ำไว้อย่าให้ไหลลงมาได้ ถ้าแลเห็นโคมสัญญาณที่ท่าข้ามนั้นดับลง จงทำลายทำนบเปิดน้ำให้ไหล แล้วให้โจฉำกวนหยินคุมทหารเกาทัณฑ์สองหมื่นไปทำโคมปักไว้กลางแม่น้ำอุยจุยตรงท่าข้าม จึงเอากระดาษเขียนอักษรปักเป็นฉลากไว้ที่ต้นเสาว่าปักเสาโคมฆ่าลองโจ แล้วท่านซุ่มทหารไว้สองฟากน้ำ ถ้าเห็นโคมสำคัญดับลงก็ให้ทหารเร่งระดมยิงเกาทัณฑ์ลงสองฟาก กวนหยินโจฉำตันบูคำนับลาพาทหารไปทำตามสั่งทุกประการ ฮั่นสินก็แบ่งทหารไปตั้งค่ายอยู่ฝั่งแม่น้ำอุยจุยฟากตะวันออก

ฝ่ายลองโจจึงพูดกับจี๋วลันว่า ฮั่นสินแต่ก่อนเป็นคนขอทานข้าวผู้หญิงกินไม่มีใครนับถือ ครั้งนี้ได้เป็นแม่ทัพใครจะกลัวเกรง จี๋วลันว่าท่านอย่าประมาท อันฮั่นสินผู้นี้ตั้งแต่ตีเมืองสามจีนได้จนป่านนี้ ยกไปถึงเมืองใดก็ได้เมืองนั้น แต่พระเจ้าฌ้อปาอ๋องยังเสียทีแตกหนีด้วยทัพรถ เห็นสติปัญญาลึกซึ้งอยู่ ลองโจจึงว่า ถึงฮั่นสินเคยชนะแต่คนซึ่งทำศึกฝีมืออ่อน ถ้ามาปะเราเข้าถึงมีสติปัญญาเราไม่ให้ใช้กลอุบายได้ แล้วจึงเขียนหนังสือแต่งคนให้ไปถึงนายทัพนายกองฮั่นสิน คนใช้รีบถึงประตูค่าย บอกนายทหารรักษาประตูว่า ลองโจใช้มาหาท่านแม่ทัพ นายทหารจึงพาเข้าไป คนใช้ก็ส่งหนังสือให้ฮั่นสิน ๆ รับหนังสือฉีกผนึกอ่านได้ความว่า ลองโจเป็นไต้เจียงกุ๋นเมืองฌ้อมาถึงนายทัพนายกองเมืองโปต๋งว่า ฮั่นสินทำศึกยังไม่ปะนายทัพซึ่งเข้มแข็งเหมือนเราจึงชนะ ครั้งงุยป่าก็ไม่ฟังคำจิวซกทัดทานจึงเสียตัว ตันอี๋เล่าก็ไม่ฟังคำหลีโจเฉียจึงตายอยู่ริมแม่น้ำกิจุย เอี๋ยนอ๋องนั้นใจเบาได้ยินกิตติศัพท์ก็กลัวจึงได้เมืองเอี๋ยน อันเมืองห้ำเอี๋ยงแลด่านสามจีนนั้น เพราะพระเจ้าฌ้อปาอ๋องทิ้งเมืองหลวงเสียด่านสามจีนจึงแตก บัดนี้เราถือรับสั่งพระเจ้าฌ้อปาอ๋องให้มาช่วยเมืองเจ๋จับฮั่นสินฆ่าเสีย ให้ฮั่นสินเอาน้ำล้างคอไว้ท่าคมอาวุธ เราจะตัดศีรษะไปถวายพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง ท่านทั้งปวงล้วนมีสติปัญญาจะเป็นทหารด้วยกัน พึงพิเคราะห์ดูรู้ว่าเราจะชนะแล้วจงคิดหลบหลีกเสีย ถ้าตัวฮั่นสินจะต่อสู้จงอยู่รบ ฮั่นสินแจ้งความดังนั้นก็โกรธจะฆ่าคนถือหนังสือเสีย นายทหารทั้งปวงจึงว่าซึ่งคนใช้มามิได้หยาบช้าต่อท่าน ซึ่งจะฆ่าเสียนั้นยกโทษไว้ครั้งหนึ่งก่อน ฮั่นสินจึงสั่งให้ตีคนซึ่งลองโจใช้มาสามสิบทีแล้วเอาชาดเขียนเป็นอักษรสี่ตัวไว้ที่หน้าว่า พรุ่งนี้จะรบกัน แล้วปล่อยให้คืนไป คนใช้มีความเจ็บแค้น ครั้นมาถึงค่ายจึงบอกลองโจว่าฮั่นสินกล่าวหยาบช้าต่อท่าน แล้วจะฆ่าข้าพเจ้าเสีย ทหารทั้งปวงขอตัวไว้จึงตีข้าพเจ้าสามสิบทีปล่อยตัวมา

ฝ่ายลองโจเป็นคนโทโสมาก ครั้นเห็นอักษรที่หน้าคนให้ก็ยิ่งมีความโกรธใจเร็วดุจหนึ่งไฟไหม้ป่าอันต้องพายุพัดนัก จึงสั่งให้เตรียมทัพจะยกไป

ฝ่ายจี๋วลันจึงห้ามลองโจว่า ซึ่งท่านจะรีบยกไปในเวลานี้จวนค่ำเกลือกจะต้องกลฮั่นสิน จงหยุดอยู่ก่อน ต่อรุ่งขึ้นจัดแจงทหารพร้อมแล้วจึงยกไป ลองโจได้ฟังจี๋วลันห้ามก็หยุดทัพไว้ ในเวลากลางคืนนั้นตรองการที่จะรบแก่ฮั่นสินนอนไม่หลับ ครั้นรุ่งเช้าสั่งให้รี้พลกินอาหารเสร็จแล้ว ก็ให้ผูกม้าชื่อฉอหนีขูอันมีกำลังมาเตรียมไว้ ลองโจแต่งตัวถือง้าวขึ้นม้า บรรดาทหารก็ออกจากค่ายรีบไปถึงหน้าค่ายฮั่นสิน จึงร้องเรียกให้ฮั่นสินออกมาพูดจากัน

ฝ่ายฮั่นสินได้ยินลองโจเรียก จึงถือทวนขึ้นม้าออกมายืนอยู่หน้าทหาร

ฝ่ายลองโจครั้นเห็นฮั่นสินยืนม้าอยู่ จึงร้องว่าเดิมท่านเป็นข้าพระเจ้าฌ้อปาอ๋องหนีไปอยู่ด้วยฮั่นอ๋อง กลับมาย่ำยีหัวเมืองซึ่งขึ้นกับเมืองหลวง แล้วมิหนำซํ้ามาตีเมืองเจ๋ พระเจ้าฌ้อปาอ๋องจึงให้เรายกมาตัดศีรษะท่าน แม้นยังรักชีวิตอยู่ จงลงจากม้าทิ้งอาวุธเข้ามาคำนับโดยดีจึงจะรอดตาย เสียงก๊กฮั่นสินได้ฟังก็หัวเราะ จึงว่าท่านนี้เป็นคนโฉดเขลาจึงเอาฌ้อปาอ๋องเป็นที่พึ่ง ถ้าผู้มีสติปัญญาจึงจะเห็นว่าพระเจ้าฮั่นอ๋องเป็นผู้มีบุญ เราเป็นถึงเสียงก๊กแม่ทัพไม่ควรจะรบกับท่าน แต่ฝีมือทหารของเราก็จะตัดศีรษะท่านไปถวายพระเจ้าฮั่นอ๋องได้ ลองโจได้ยินก็โกรธขับม้าเข้ามาใกล้เงื้อง้าวจะฟันฮั่นสิน ๆ ปัดด้วยทวนอาวุธไม่ต้องตัว ถ้อยทีหนีไล่ได้ยี่สิบเพลง ฮั่นสินทำเป็นชักม้าหนีลงข้ามแม่น้ำอุยจุยไป ลองโจขับม้าไล่ร้องว่า คนนับถือฮั่นสินว่าเข้มแข็งดี ครั้งนี้เห็นหรือไม่ เราจะรีบตามไปตัดศีรษะเสีย

ฝ่ายจี๋วลันขับม้าไปตามลองโจถืงแม่นํ้าอุยจุย พอเวลาค่ำเห็นนํ้าประหลาดอยู่ ขับม้ารีบขึ้นไปกั้นม้าลองโจไว้แล้วว่า แม่นํ้านี้ลึกข้ามมิได้เหตุใดจึงตื้นขึ้นสงสัยนัก ชะรอยข้าศึกจะทำอุบายทดน้ำไว้เราข้ามไปเห็นจะเปิดน้ำลงมา ลองโจจึงว่า ครั้งนี้อ้ายฮั่นสินมีแต่ความกลัวหนีไปยังแต่จะตาย ที่ไหนจะทันคิดอุบายอยู่ทดน้ำ ยามนี้ก็เป็นฤดูแล้งน้ำจึงแห้งลง ว่าไม่ทันขาดคำพอทหารกองหน้ามาบอกลองโจว่า ฮั่นสินเพิ่งข้ามไปแลเห็นหลังอยู่ ลองโจได้ฟังจึงเร่งทหารให้ลุยน้ำข้ามตามไป ครั้นถึงกลางน้ำเห็นเสาสูงตามโคมอยู่ ลองโจจึงชักม้าเข้าไปใกล้ เห็นฉลากหนังสือเขียนไว้หกตัวว่า ปักเสาโคมฆ่าลองโจ

ฝ่ายจี๋วลันแลทหารทั้งปวงมาถึงชวนกันดู ลองโจจึงว่า ชะรอยฮั่นสินกลัวเราจะตามแกล้งทำให้สงสัย จี๋วลันจึงว่า ฮั่นสินหนีเป็นเวลากลางคืนจะทำที่ไหนทัน เห็นจะเป็นโคมสำคัญซุ่มทัพปักไว้ก่อน ลองโจจึงว่าถึงเป็นโคมกำหนดทัพ ถ้าเราตัดเสียจะเอาสิ่งใดสังเกตเล่า ว่าแล้วลองโจจึงเอาง้าวฟันเสาโคมขาดล้มลง

ฝ่ายตันบูไม่เห็นแสงโคมก็ขับทหารให้เปิดทำนบ น้ำก็ไหลเชี่ยวเป็นลูกคลื่นลงมา ตันบูพาทหารมาคอยสกัด โจฉำแฮเฮาหยินก็ขับทหารเกาทัณฑ์ระดมยิงสองฟากน้ำ

ฝ่ายจี๋วลันครั้นได้ยินเสียงน้ำไหล ตกใจกระทืบโกลนม้าขับหนีคืนไปขึ้นฝั่งตะวันออก ลองโจเห็นน้ำไหลรี่เร็วลงมาสะดุ้งใจ ก็ลงแส้กระทืบโกลนม้าขึ้นฝั่งตะวันตกได้เพราะม้าที่ขี่นั้นมีกำลังเดินทางได้มากกว่าม้าทั้งปวง บรรดาทหารลองโจจมน้ำตายสิ้น

ฝ่ายโจฉำกับตันบูขับทหารให้ไล่ล้อมลองโจไว้ ลองโจเห็นข้าศึกล้อมเข้ามาก็ขับม้ารำง้าวไล่ฟันออกไป ตันบูก็ขับม้าเข้าใกล้รบกับลองโจอยู่ พอโจฉำมาทันเอาง้าวฟันลองโจคอขาดตาย

ฝ่ายแฮเฮาหยินรู้ว่าจี๋วลันหนีได้ ก็พาทหารสามพันรีบยกไปฝั่งตะวันออก

ฝ่ายเจ๋อ๋องอยู่ในเมืองโกปีกวน รู้ข่าวว่าลองโจตายมีความวิตกดังนั่งอยู่บนคมอาวุธ สั่งให้หาเตียนเหงผู้หลานมาปรึกษาว่า แต่ลองโจฝีมือเข้มแข็งยังสู้ฮั่นสินไม่ได้ เราจะอยู่ในเมืองโกปีกวนนี้มีทหารจะสู้รบนั้นน้อย จำจะหนีลงไปอยู่เกาะกลางทะเล ครั้งนี้ถึงจะไปสามิภักดิ์กับฮั่นอ๋องก็เห็นไม่เชื่อใจ ต่อเมื่อใดฌ้อปาอ๋องกับฮั่นอ๋องทำศึกกัน ถ้าผู้ใดชนะจึงจะกลับมาทำราชการอยู่ด้วยผู้นั้น เตียนเหงได้ฟังเห็นชอบก็เปิดประตูพาครอบครัวหนีออกจากเมืองไปทางทิศตะวันออก พอมีคนเอาความไปแจ้งแก่เสียงก๊กฮั่นสินว่า เจ๋อ๋องหนีไปจากเมืองนี้แล้ว เสียงก๊กฮั่นสินรู้ดังนั้นก็รีบยกกองทัพออกจากค่ายตามไปประมาณสองร้อยเส้น

ฝ่ายแฮเฮาหยินไปตามจี๋วลันไม่ทัน ครั้นกลับมาเห็นเจ๋อ๋องพาครอบครัวหนี ได้ทีก็ขับทหารเข้าล้อมที่ตำบลเซงเอี๋ยงจับเจ๋อ๋องได้ แต่เตียนเหงพาครอบครัวหนีลงเรือไปได้ แฮเฮาหยินก็พาตัวเจ๋อ๋องมา พอพบเสียงก๊กฮั่นสินที่กลางทาง แฮเฮาหยินบอกเสียงก๊กฮั่นสินว่าจับเจ๋อ๋องได้ แต่เตียนเหงหลานเจ๋อ๋องหนีไป เสียงก๊กฮั่นสินได้ฟังจึงว่าท่านไม่จับเตียนเหงให้ได้เราเสียดายนัก จึงสั่งทหารให้ยกกองทัพเข้าไป ณ เมืองโกปีกวน แล้วให้หมายไปทุกหัวเมืองแต่ขึ้นกับเมืองเจ๋ให้มาสามิภักดิ์โดยดี แล้วเสียงก๊กฮั่นสินยกกองทัพออกจากเมืองไปทางด่านริมจู๋เข้าในเมืองเจ๋ เห็นเจ๋อ๋องจัดแจงแต่งไว้งามจะใคร่อยู่ จึงว่าอันเมืองเจ๋นี้สนุกยิ่งนัก

ฝ่ายกวยถองพิเคราะห์ดูกิริยาฮั่นสิน เห็นจะรักเมืองเจ๋อยู่จึงว่า อันเมืองเจ๋นี้เขตแดนกว้างขวาง ข้างทิศตะวันตกมีภูเขาใหญ่ห้าเขา ทิศตะวันออกมีภูเขายืดไปถึงทะเล ทิศใต้มีหนองใหญ่ ทิศเหนือมีทุ่งนากว้าง นอกนั้นออกไปเป็นป่าชัฏล้อมรอบ บรรดาเมืองทั้งปวงไม่เหมือนเมืองนี้ เป็นที่ชัยภูมิมั่นคง จะเข้าออกได้แต่ทางด่านริมจู๋ บัดนี้ท่านตีได้กิตติศัพท์ลือไปทุกทิศ บรรดาหัวเมืองทั้งปวงก็กลัวสิ้น ท่านจงแต่งให้คนถือหนังสือไปเฝ้าพระเจ้าฮั่นอ๋อง ขอตราเทียบที่เจ๋อ๋องมาจะได้เป็นเจ้าครองเมืองเจ๋ จึงค่อยคิดตั้งขึ้นเป็นใหญ่ พอคนใช้เข้ามาบอกเสียงก๊กฮั่นสินว่า พระเจ้าฮั่นอ๋องให้คนถือหนังสือมา

ฝ่ายฮั่นสินรู้ก็พาขุนนางแลทหารทั้งปวงออกไปรับผู้ถือหนังสือ ครั้นกลับเข้ามาถึง คนใช้คำนับส่งหนังสือให้เสียงก๊กฮั่นสิน ๆ รับหนังสือแล้วฉีกผนึกออกอ่านได้ความว่า เราตั้งท่านเป็นแม่ทัพตีหัวเมืองได้ก็หลายสิบเมือง กิตติศัพท์เลื่องลือชื่อท่านปรากฏไปทุกประเทศ แต่เราวิตกถึงพระบิดาด้วยฌ้อปาอ๋องจับไว้ เรากับบิดาจากกันมาช้านานแล้ว เมื่อครั้งก่อนเราตั้งอยู่ ณ เมืองเซงโก๋ ฌ้อปาอ๋องยกมาล้อม เราเห็นว่าทหารจะอิดโรยอยู่จึงไม่ออกรบ ครั้งนี้จะทำศึกกับฌ้อปาอ๋องต่อไปไม่มีที่ปรึกษา เห็นว่าท่านมีสติปัญญาดีในกลอุบายจะได้ปรึกษาหารือบ้าง จึงใช้คนถือหนังสือมาหาตัวท่าน ท่านตีเมืองเจ๋ได้แล้ว ก็รีบยกกองทัพมาบรรจบทัพเรา ณ เมืองเซงโก๋ กวยถองจึงว่า ครั้งนี้ท่านได้ทีแล้วอย่าเพ่อยกกองทัพไปช่วยพระเจ้าฮั่นอ๋องก่อน จงแต่งคนที่มีสติปัญญาให้ถือหนังสือไปขอตราสำหรับที่เจ้าเมืองเจ๋มา ถ้าพระเจ้าฮั่นอ๋องให้ตราตั้งท่านเป็นเจ๋อ๋องแล้ว ท่านจึงยกกองทัพไปปราบเมืองฌ้อ ถ้าไม่ได้ตราตั้งมาครั้งนี้เมืองเจ๋ก็จะได้แก่ผู้อื่น

ฝ่ายฮั่นสินได้ฟังจึงว่า ท่านพูดนี้เป็นเวลาคํ่า พรุ่งนี้จึงจะพูดกับผู้ถือหนังสือ ครั้นรุ่งเช้า ฮั่นสินจึงให้หาผู้ถือหนังสือเข้ามาแล้วบอกว่า ราษฎรในเมืองเจ๋ยังไม่ราบคาบ ครั้นจะไปเฝ้าพระเจ้าฮั่นอ๋อง อยู่ภายหลังคนในเมืองเจ๋เกลือกจะเป็นขบถขึ้น เราจะให้จี๋วซกไปขอตราพระเจ้าฮั่นอ๋องมาจัดแจงให้ปกติ แล้วจึงจะยกกองทัพไปกำจัดฌ้อปาอ๋อง จึงจัดแพรกับทองให้ผู้ถือหนังสือตามสมควร เสียงก๊กฮั่นสินเขียนหนังสือส่งให้จี๋วซก ๆ รับหนังสือคำนับลาออกมากับผู้รับสั่งรีบไปเมืองเอ๊กเอี๋ยง คนใช้กับจี๋วซกเข้าไปคำนับพระเจ้าฮั่นอ๋องแล้วว่า ฮั่นสินให้ข้าพเจ้ามาเฝ้าไต้อ๋อง จี๋วซกถวายหนังสือพระเจ้าฮั่นอ๋องรับหนังสือฉีกผนึกออกอ่านได้ความว่า ข้าพเจ้าฮั่นสินซึ่งเป็นไต้เสียงก๊ก ขอกราบทูลว่าอันประเพณีเมืองใหญ่ ถ้าไม่มีเจ้าเมืองดับร้อน บรรดาราษฎรทั้งปวงก็ไม่ราบคาบ ข้าพเจ้าถือบารมีไต้อ๋องไปตีเมืองใดก็ได้เมืองนั้น เจ๋อ๋องหนีไป ฌ้อปาอ๋องให้ลองโจยกมาช่วยเมืองเจ๋ ข้าพเจ้าคิดอุบายฆ่าลองโจที่แม่นํ้าอุยจุยได้ที่ตำบลเซงเอี๋ยง กิตติศัพท์ลือไปแก่เมืองขึ้น ผู้คนแตกตื่นกันเข้า ป่าดงยังไม่ราบคาบ บัดนี้ข้าพเจ้ายังรวบรวมทหารอยู่ คำคนผู้ใหญ่แต่ก่อนว่ามาว่าชาวเมืองเจ๋นี้เป็นคนมักกลับกลอกไม่ซื่อตรง ข้าพเจ้าขอพระราชทานตราเทียบที่เจ๋อ๋องมาจะได้จัดแจงข่มขี่ราษฎรให้เรียบร้อย แล้วจึงจะค่อยยกกองทัพตามเสด็จไปปราบฌ้อปาอ๋อง แก้ไขพระบิดากับฮองเฮามาถวายไต้อ๋องให้จงได้ พระเจ้าฮั่นอ๋องทราบในหนังสือทรงพระโกรธจึงตรัสว่า อ้ายลูกเล็กตั้งให้เป็นแม่ทัพ ทำศึกตีเมืองได้ จองหองจะคิดตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้า

ฝ่ายเตียวเหลียงกับตันแผงเฝ้าอยู่ใกล้ เห็นพระเจ้าฮั่นอ๋องเคืองฮั่นสินจึงกระซิบทูลว่า ยังจะทำศึกกับฌ้อปาอ๋องอยู่ ข้าพเจ้าเห็นว่าฌ้อปาอ๋องมีกำลังเข้มแข็งจะเอาชัยชนะยาก ซึ่งไต้อ๋องได้เมืองขึ้นของฌ้อปาอ๋องไว้หลายสิบเมืองก็ดี อย่าประมาทเสีย จงเอาใจฮั่นสินให้ตราตั้งเป็นเจ๋อ๋องไว้ก่อนพอจะได้คิดทำศึก แม้นไม่ตั้งฮั่นสินเห็นจะเสียใจเกลือกจะกลับเป็นศัตรู เปรียบเหมือนเกิดโรคในกายไต้อ๋อง พระเจ้าฮั่นอ๋องได้ฟังเตียวเหลียงตันแผงว่า จึงหน่วงพระทัยแล้วแกล้งทำเป็นโกรธตรัสด้วยเสียงอันดังว่า ฮั่นสินก็เป็นชายยังหนุ่มทำศึกปราบหัวเมืองทั้งปวงได้ มีความชอบอยู่เป็นอันมาก ทำไมมาขอตราแต่เพียงเทียบที่ ถ้าจะเป็นเจ๋อ๋องครองเมืองใหญ่ไม่ได้หรือ จึงถามจี๋วซกว่า ฮั่นสินทำประการใดจึงตีเมืองเจ๋ได้ แลหลีเสงผิดข้อใดเจ๋อ๋องจึงฆ่าเสีย จี๋วซกทูลว่า หลีเสงให้หนังสือมาสองครั้ง เสียงก๊กฮั่นสินแคลงว่าไม่มีรับสั่ง จึงให้ยกกองทัพเข้าไป เจ๋อ๋องก็สงสัยจึงฆ่าหลีเสงเสีย แล้วทูลความซึ่งฮั่นสินทำกลปักเสาโคมฆ่าลองโจจับเจ๋อ๋องได้ให้พระเจ้าฮั่นอ๋องฟังทุกประการ

พระเจ้าฮั่นอ๋องได้ฟังดังนั้นจึงว่า หลีเสงมาอยู่ด้วยเราแต่ครั้งได้เมืองโคเอี๋ยง อุตส่าห์ภักดีโดยซื่อ มีราชการสิ่งใดช่วยคิดอ่านการทั้งปวงก็ได้ แต่ยังหาได้ปูนบำเหน็จตามความชอบไม่ บัดนี้เจ๋อ๋องฆ่าหลีเสงเสีย เราคิดเสียดายนัก จึงให้ขุนนางผู้ทำบัญชีซึ่งได้จดหมายรายชื่อทหารที่มีความชอบมา ให้จดหมายความชอบหลีเสงไว้ จะได้ชุบเลี้ยงลูกหลานสืบไป แล้วให้ช่างหล่อตราแต่งให้ใหม่ ส่งให้เตียวเหลียงกับหนังสือไปตั้งเสียงก๊กฮั่นสินเป็นเจ๋อ๋องครองเมืองเจ๋ เตียวเหลียงคำนับรับหนังสือแล้ว รีบเดินทางด่านริมจู๋ถึงเมืองเจ๋ เสียงก๊กฮั่นสินรู้ก็ออกมาต้อนรับคำนับตรา แล้วเชิญเตียวเหลียงเข้าไปให้นั่งที่สมควร เตียวเหลียงจึงว่า ซึ่งท่านให้ไปขอตราเทียบที่เจ๋อ๋อง พระเจ้าฮั่นอ๋องเห็นว่าท่านตีเมืองเตียวเมืองเจ๋ได้เมืองขึ้นมากมีความชอบ จึงให้ข้าพเจ้าเอาหนังสือแลตราตั้งมามอบให้ท่านเป็นเจ๋อ๋องครองเมืองเจ๋ มอบเมืองขึ้นทั้งเจ็ดสิบสองเมืองให้ท่านรวบรวมทหารให้พร้อม แล้วยกกองทัพไปประชุมกัน ณ เมืองเซงโก๋กำจัดฌ้อปาอ๋องซึ่งเป็นศัตรู ว่าแล้วก็ส่งตราตั้งให้แก่ฮั่นสิน ๆ คำนับรับตราแลหนังสือ แล้วฉีกผนึกออกอ่านได้ความว่า ประเพณีแต่ก่อนถ้าจะตั้งบ้านเมืองขึ้นเป็นใหญ่ให้มีนํ้าใจโอบอ้อมอารี หัวเมืองทั้งปวงก็จะมีนํ้าใจรัก บัดนี้เสียงก๊กฮั่นสินปราบหัวเมืองทั้งปวงได้ ความชอบควรจะจารึกไว้ในแผ่นศิลา อันเมืองเจ๋นี้ถ้าไม่แต่งตั้งยศศักดิ์ขึ้นเห็นจะบังคับน้ำใจราษฎรยาก หัวเมืองทั้งปวงก็กระด้างกระเดื่องอยู่ บัดนี้ตั้งเสียงก๊กฮั่นสินขึ้นเป็นเจ๋อ๋องครองเมืองเจ๋ ท่านจงจัดแจงราษฎรให้ราบคาบ แล้วให้รีบยกทัพมาช่วยกำจัดเมืองฌ้อ ฮั่นสินอ่านหนังสือแล้วผินหน้าไปข้างทิศใต้คุกเข่าลงคำนับแล้วจึงสั่งเจ้าพนักงานให้แต่งโต๊ะมาเลี้ยงเตียวเหลียงแลขุนนางนายทหาร

ฝ่ายเตียวเหลียงกินโต๊ะแล้วบอกความแก่ฮั่นสินว่า พระเจ้าฮั่นอ๋องอยู่เมืองเอ๊กเอี๋ยง มีพระทัยคิดถึงไทก๋งทุกวันมิได้ขาด แล้วได้ยินข่าวว่าฌ้อปาอ๋องยกกองทัพจะมาตีเมืองเซงโก๋ พระเจ้าฮั่นอ๋องหมายจะยกกองทัพไปรบเอาชัยชนะได้รับพระราชบิดากลับมาเมือง ท่านจงจัดแจงทหารรีบยกไป ฮั่นสินจึงว่า ข้าพเจ้าได้ให้หมายไปทุกหัวเมืองถ้าพร้อมกันแล้วจึงจะรีบยกทัพตามไป ท่านช่วยกราบทูลพระเจ้าฮั่นอ๋องด้วย แล้วให้จี๋วซกไปกับเตียวเหลียงให้ทูลว่า ฮั่นสินกราบถวายบังคมไต้อ๋องมาว่ามีพระคุณนัก

ฝ่ายเตียวเหลียงกับจี๋วซกก็ลาเจ๋อ๋องฮั่นสินกลับไป ฝ่ายเจ๋อ๋องฮั่นสินครั้นถึงวันฤกษ์ดีแล้ว แต่งตัวตามตำแหน่งเจ๋อ๋อง ขึ้นนั่งบนที่ออกขุนนาง บรรดาขุนนางนายทหารก็คำนับตามธรรมเนียม

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ