๔๐
“ฉันคิดว่าคนที่เสียสละให้แก่ชาติของเราย่อมมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย” จางหลินพูดด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึมเช่นเดิม “คนเหล่านี้ได้ตายไปแล้วมากมายโดยที่อาจไม่มีใครรู้จักก็ได้ ในประวัติศาสตร์ เราพบพวกตงฉินไม่น้อยที่ยอมตายเพื่อประเทศชาติ คนเช่นนี้ในสมัยปฏิวัติก็มีอยู่ไม่น้อย แต่นั่นแหละระพินทร์ ในสมัยที่จีนเต็มไปด้วยความมืดมัวเช่นนี้ ความจริงมีได้ไม่มากนัก ฉันเคยเล่าให้เธอฟังถึงเรื่องเพื่อนหนังสือพิมพ์ในมณฑลซานตุง เธอคงยังจำได้ว่าคนเหล่านั้นต้องถูกจับตัวไปยิงเป้าเพราะเขาพูดความจริง เขาอาจจะไม่ฉลาดที่ไม่พูดในเซี่ยงไฮ้ แต่ฉันคิดว่าเขาทำถูกแล้ว เรื่องอะไรเล่าจะต้องเอาบารมีฝรั่งมาเป็นที่พึ่ง เขานับถือตัวเองมากพอที่จะไม่ทำเช่นนั้น อย่างไรก็ดี ฉันคิดว่าในเวลาเช่นนี้ย่อมเป็นของธรรมดาที่คนดีซึ่งต้องการจะทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของประเทศชาติ จะต้องมีชีวิตขมขื่นมาก เขาจะต้องผ่านการตำหนิติเตียนของคนที่เห็นแก่ตัว เขาจะต้องได้รับความชอกช้ำ เขาอาจจะต้องเคราะห์ร้ายอย่างช่วยไม่ไหวก็ได้ ฉันอยากให้เธอเข้าใจว่า คนดีที่เสียสละเพื่อประเทศชาติของเราไม่ได้มีอยู่ในหมู่พวกราษฎรสามัญเท่านั้น พวกที่เกิดมาด้วยจานเงินจานทองก็มีคนที่เสียสละให้แก่ประเทศชาติอย่างน่าสรรเสริญเหมือนกัน ตัวอย่างง่าย ๆ ที่แลเห็นได้ก็คือพระเจ้ากวงสู้ กษัตริย์องค์นี้มีหัวเป็นประชาธิปไตย ไม่ต้องการอำนาจส่วนตัว ต้องการจะเห็นประเทศจีนก้าวหน้าทันบ่าไหล่ประเทศอื่น พระองค์ต้องการจะตัดอำนาจของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชลงไป ต้องการจะให้ราษฎรได้มีการร่วมมือในการปกครอง โดยเหตุนี้พอคั้งเหย่าเหวยกับเหลียงฉีเชาถวายโครงการปฏิรูปใหม่ พระองค์จึงทรงรับเอาด้วยความเต็มพระทัย แต่การเปลี่ยนใหม่นี้หาได้เป็นที่พอใจพระนางสึสีผู้กุมอำนาจอยู่หลังราชบัลลังก์ไม่ เพราะเห็นว่าจะทำให้ราชวงศ์เสียอำนาจที่ได้พยายามควบคุมมาแล้วหลายร้อยปี ฉะนั้น เมื่อยวนซีไขทำการหักหลังคั้งกับเหลียง โดยนำความลับมาบอกพระนาง พระนางจึงสั่งจับพระเจ้ากวงสู้ขังเสีย พวกของคั้งกับเหลียงก็ถูกฆ่าตายเป็นอันมาก พระเจ้ากวงสู้ถูกขังไว้จนสิ้นชีวิต ตำหนักที่ถูกขังอยู่ไม่ไกลจากนี้นัก บางทีเธออาจมีโอกาสไปดูได้ในวันหลัง ฉันรู้สึกว่าในจำนวนผู้ที่เสียสละชีวิตให้แก่ชาติ ซึ่งเรามีอยู่ไม่น้อยเหมือนกันระหว่างสมัยปฏิวัติ พระเจ้ากวงสู้ทรงเป็นผู้หนึ่งที่ได้แสดงน้ำพระทัยให้ราษฎรเห็นอย่างถนัด การแก้ไขการปกครองโดยไม่ห่วงอำนาจได้เป็นเครื่องหมายที่แสดงให้เห็นความไม่เห็นแก่ตัวของพระองค์, แสดงให้เห็นความรักประเทศชาติ ซึ่งเวลานั้นเป็นความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะแพร่หลายนักในประเทศจีน”