๔๙

“การที่จางซุนเอากษัตริย์มานั่งบัลลังก์ใหม่นี้ ดร. ซุนยัดเซนและเหลียงฉีเชาต่างก็พากันค้านอย่างรุนแรง เมื่อมีจุดหมายร่วมกัน ดร. ซุนกับเหลียงก็น่าจะหันหน้ามาคืนดีกันได้ ซึ่งจะทำให้จีนเป็นปึกแผ่นขึ้นในทันทีทันใด แต่เรื่องมันไม่เป็นไปอย่างนั้น เคราะห์กรรมของจีนยังจะต้องมีอยู่ต่อไปอีก จึงดลใจให้เหลียงฉีเชายังคงถือทิษฐิมานะแข็งกร้าวอยู่ตามเดิม ไม่ยอมร่วมความคิดเห็นกับ ดร. ซุน ดังนี้การแตกร้าวระหว่างคนทั้งสองจึงยังคงมีอยู่ตามเดิม

“จางซุนถูกปราบลงภายในไม่กี่วัน เมื่อระบอบกษัตริย์ที่คืนชีพมาอย่างรวดเร็วได้สิ้นชีวิตลงไปอีกครั้งหนึ่งเช่นนี้ การเมืองในจีนเหนือก็เริ่มปั่นป่วนต่อไปอีก ขณะนั้นพรรค ดร. ซุน (นั่นคือพรรคก๊กมินตังในจีนเหนือ) ได้หมดอำนาจลงแล้วอย่างเด็ดขาด พรรคเหยียนจิวของเหลียงฉีเชาได้รีบกำอำนาจไว้โดยเร็ว เพราะเป็นโอกาสที่หาไม่ได้เลยตั้งแต่ตั้งเป็นพรรคมา หลี่หยวนหุงถูกขับออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี และเฝิงกวอชางได้ขึ้นเป็นแทน ต้วนฉีร่วยได้เป็นนายกรัฐมนตรีตามเดิม คณะรัฐมนตรีก็ประกอบขึ้นด้วยพรรคของเหลียงฉีเชาแทบทั้งสิ้น ตัวเหลียงเองได้เข้าสวมตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่ออำนาจอยู่ในกำมืออย่างเต็มเปี่ยมเช่นนี้ ต้วนฉีร่วยก็รีบนำจีนเข้าสู่สงครามในยุโรปตามสกีมที่ได้กะไว้แต่เดิม ซึ่งกระเทือนใจ ดร. ซุนมาก เพราะท่านผู้นี้ไม่ต้องการให้จีนประกาศสงครามกับใคร ที่ชอกช้ำใจ ดร. ซุนมากที่สุดก็คือ เหลียงฉีเชาได้ประกาศว่าต้วนฉีร่วยเป็นคนกู้ระบอบริปับลิคให้คืนมา เพราะฉะนั้นรัฐบาลคณะนี้จึงมีสิทธิอย่างชอบธรรมที่จะร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่แทนของเก่า ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของ ดร. ซุนยัดเซน

“การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ทำให้ ดร. ซุนและพรรคก๊กมินตังเต็มไปด้วยความโกรธแค้นอย่างยิ่ง ซึ่งยิ่งทำให้จีนเหนือกับจีนใต้แตกร้าวกันมากขึ้นอีก ดร. ซุนได้ประกาศอย่างเปิดเผยว่า ฝ่ายก๊กมินตังจะเป็นผู้ดำรงรัฐธรรมนูญของเก่าไว้จนกระทั่งจะหมดลมหายใจ บรรดาพรรคก๊กมินตังได้รวบรวมกำลังกันเข้าเป็นปึกแผ่นยิ่งขึ้น เพื่อจะโค่นรัฐบาลจีนเหนือของต้วนกับเหลียงลงให้จงได้ ขณะนั้นมณฑลที่อยู่ในกำมือของรัฐบาลฝ่ายใต้ ก็มีกวางตุ้ง, กวางซี, ก้วยโจว, หยุนนาน, และบางส่วนของมณฑลหูหนานและเสฉวน

“เหลียงฉีเชาเห็นฝ่ายรัฐบาลจีนใต้มีกำลังเป็นปึกแผ่นยิ่งขึ้นทุกวัน ก็บังเกิดความวิตก จึงหันเข้าหามหาอำนาจต่างชาติ เพื่ออย่างน้อยก็จะได้เรียกร้องเอาความเห็นใจมาไว้ทางฝ่ายตน ในเวลาเดียวกันก็กล่าวหาว่า ดร. ซุนกับพวกเป็นผู้ขัดขวางชาติ ทั้งยังได้ประกาศให้รางวัลอย่างงาม ถ้าแม้ผู้ใดเอาหัว ดร. ซุนและคนสำคัญของพรรคก๊กมินตังทุกคนมาให้ได้

“ขณะนั้นจีนได้แตกออกเป็นฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้อย่างเด็ดขาดแล้ว และทั้งฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ต่างก็มีเรื่องข้างในอย่างยุ่งเหยิง ทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนไปทุกหัวระแหง ดร. ซุนยัดเซนยังคงมีโชคร้ายอยู่ตามเดิม เพราะในวงรัฐบาลฝ่ายใต้ที่ตั้งกันขึ้นที่เมือแคนตอน (กวางตุ้ง) นั้น เกิดแก่งแย่งอำนาจกันขึ้นมาอีก ดร. ซุนกับพวกเพียงไม่กี่คนต้องหนีออกจากแคนตอนไปชั่วคราว รอจนนายพลก๊กมินตังคนหนึ่งชื่อเฉินชุงหมิง คุมทหารปราบพวกแข็งอำนาจราบคาบไปได้ ดร. ซุนจึงกลับมาแคนตอนอีก ในตอนนี้เฉินชุงหมิงได้กลายเป็นผู้มีอำนาจทางทหารอย่างใหญ่โต เพราะถือตัวว่าเป็นผู้กู้รัฐบาลของ ดร. ซุนให้คืนชีวิตขึ้นมาได้ การถือตัวเช่นนี้ทำให้เฉินมักใหญ่ใฝ่สูงมากขึ้นทุกวัน จนกระทั่งในที่สุดก็กลายเป็นภัยแก่ ดร. ซุนอีก ในขณะที่ ดร. ซุนกำลังวุ่นวายอยู่ทางใต้นี้ ทางเหนือก็วุ่นวายไม่น้อยเหมือนกัน ว่ากันตามรูปการณ์แล้ว พูดได้ทีเดียวว่าความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในจีนเหนือนี้ใหญ่โตมาก และมีผลร้ายต่อประเทศจีนในสมัยต่อ ๆ มาอย่างมากมาย เธอคงจะยังต้องการฟังต่อไปอีกไม่ใช่หรือ, ระพินทร์? เธอคงต้องการจะรู้ว่า ทำไมฉันจึงมาเป็นนักหนังสือพิมพ์ ทำไมฉันจึงมาเล่นกับความตาย แทนที่จะหนีเอาตัวรอดไปเป็นคนใหญ่คนโตอยู่ในบริษัทเหมืองแร่ในแหลมมลายู”

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ