๔๗
“ปัญหาเรื่องจีนจะเข้าสงครามยุโรปหรือไม่นี้ ได้กลายเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ ดร. ซุนยัดเซนกับเหลียงฉีเชาแตกร้าวกันมากขึ้น เหลียงฉีเชาเห็นว่าจะสู้ ดร. ซุนยัดเซนไม่ได้ เพราะประธานาธิบดีหลี่หยวนหุงได้สนับสนุน ดร. ซุนยัดเซนอย่างเปิดเผย ที่จะเหนี่ยวรั้งไม่ให้จีนเข้าสู่สงคราม จึงคิดหาวิธีใหม่ซึ่งไม่ทำประโยชน์ให้แก่เหลียงฉีเชาเลย ตรงกันข้าม กลับทำให้ท่านผู้นี้ต้องเสียชื่อมากในสายตาของมหาชน ราษฎรพากันรู้สึกว่าวิธีการเช่นนี้ไม่ใช่วิธีที่สะอาด ไม่สมควรที่นักปราชญ์อย่างเหลียงฉีเชาจะพึงกระทำ ถึงเหลียงฉีเชากับพวกจะปฏิเสธแก้ตัวสักเพียงใดก็ตาม ก็หาทำให้ความเชื่อถือของมหาชนเปลี่ยนแปลงไปไม่
“หลังจากที่ประธานาธิบดีและ ดร. ซุนยัดเซนได้ยืนกรานไม่ยอมให้จีนเข้าสู่สงครามแล้ว วันหนึ่งในราวต้นเดือนพฤษภาคม ค.ศ.๑๙๑๗ ก็มีกรรมกรประมาณ ๒,๐๐๐ คน โดยมากเป็นพวกรับจ้างหามศพไปฝัง พากันเดินขบวนมาล้อมสภาปารเลียเมนต์อยู่ตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงคืน กรรมกรพวกนี้ส่งเสียงเอะอะร้องตะโกนให้จีนเข้าสู่สงคราม ทำท่าทีเหมือนกับจะแสดงมติมหาชน ให้เห็นว่าราษฎรต้องการให้จีนรบ และถ้าใครขืนคัดค้านไม่ให้จีนรบ ก็เท่ากับเป็นการขัดขืนมติของมหาชน ซึ่งเท่ากับเป็นการขัดขวางชาติ กรรมกรเหล่านี้ได้ล้อมสภาอยู่เป็นเวลานานถึงสิบกว่าชั่วโมง สมาชิกพรรคก๊กมินตังหลายคนได้ถูกลากตัวเอาไปทุบตีต่อหน้าต่อตาตำรวจ ซึ่งทำให้พรรคก๊กมินตังโกรธแค้นมาก การที่พวกกรรมกรหามศพสามารถวางอำนาจได้อย่างไม่กลัวเกรงตำรวจและกองทหารเช่นนี้ ทำให้คนเป็นอันมากพากันเชื่อว่าต้องมีคนหนุนอยู่ข้างหลัง และผู้นั้นคงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากต้วนฉีร่วยกับเหลียงฉีเชาซึ่งเป็นผู้ต้องการอย่างยิ่งที่จะผลักไสให้จีนเข้าไปร่วมวงสงครามในยุโรป เรื่องนี้ฉันมีความเห็นที่ไม่มีอคติเลยว่า ต้วนกับเหลียงจะต้องรู้เห็นเป็นใจอยู่ด้วย ถ้าเธออยู่เมืองจีนนานไป เธอจะรู้ดีว่าที่นี่เขาจ้างคนเดินขบวนแสดงมติของมหาชนกันง่ายมาก เพียงคนละ ๒๐ เซนต์ก็จะหาคนเข้าขบวนตะโกนลั่นไปตามถนนได้อย่างดี ๆ มีใครในโลกเชื่อบ้างว่าพวกกุลีหามศพมีความคิดที่จะให้จีนเข้าสู่สงคราม คนพวกนี้ไม่ต้องการอะไรนอกจากหมานโท่ววันละสองสามก้อนสำหรับยาท้อง ใครให้เขากินได้เขาก็ยอมให้ใช้ได้ทุก ๆ อย่าง นี่เป็นวิธีหนึ่งของเกมการเมืองที่เขาชอบเล่นกัน ซึ่งเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้จีนหาความสงบไม่ได้
“เรื่องสภาถูกพวกกรรมกรหามศพซึ่งจำแลงตัวเป็นราษฎรธรรมดาล้อมเอานี้ ทำให้พรรคเหยียนจิวของเหลียงฉีเชาเสียชื่อมาก คนโดยทั่วไปพากันแลเห็นว่า พรรคเหยียนจิวใช้วิธีการที่ต่ำช้าผิดกับพรรคก๊กมินตังซึ่งได้ต่อสู้อย่างเปิดเผย หลังจากที่เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว พรรคก๊กมินตังของ ดร. ซุนยัดเซนก็ได้รับความนิยมจากราษฎรมากขึ้นอีก แต่ในเวลาเดียวกันความแตกร้าวระหว่าง ดร. ซุนกับเหลียงก็ยิ่งทวีมากขึ้นอีกเหมือนกัน ผลของการล้อมสภาไม่ทำให้ความคิดของเหลียงฉีเชากับต้วนฉีร่วยสำเร็จผลแต่อย่างใด คนทั้งสองจึงหาวิธีใหม่ต่อไป กล่าวคือยุให้พวกข้าหลวงที่คุมอำนาจทหารอยู่ตามมณฑลต่าง ๆ ช่วยกันคัดค้านขอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อตัดอำนาจของประธานาธิบดีและของสภาลงไป การคัดค้านนี้ไม่ได้ผลอีก เพราะพรรคก๊กมินตังได้พยายามขัดขวางอย่างเต็มที่ ผลที่สุดพวกข้าหลวงที่สนับสนุนเหลียงฉีเชากับต้วนฉีร่วยก็พากันออกจากปักกิ่งในทันทีทันใด ซึ่งทำให้เป็นที่หวาดหวั่นกันว่าคงจะเกิดเรื่องใหญ่ เพราะพวกนี้ต่างก็คุมอำนาจทหารกันไว้คนละมาก ๆ หลี่หยวนหุงตอนนี้ไม่พอใจต้วนฉีร่วยเป็นอันมาก จึงใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญปลดต้วนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งก่อความอลเวงขึ้นทันที บรรดาพวกหัวหน้าทหารในจีนเหนือได้แสดงความไม่พอใจกันทั่วไป การจลาจลทำท่าจะเกิดขึ้นในวันในพรุ่ง ขณะนั้นพวกราษฎรชาวเมืองพากันตัวสั่นขวัญหายไปตาม ๆ กัน เพราะทุกคนต่างก็คะเนเอาว่าศึกกลางเมืองคงจะเกิดขึ้นอีกในไม่ช้า”