๕๐
“ก่อนที่ฉันจะเล่าถึงเหตุการณ์ในจีนเหนือให้ฟัง ขอให้ฉันเล่าเรื่องจีนใต้เสียก่อน จะได้เข้าใจดีไม่ปะปนกัน ความจริงเหตุการณ์ในจีนใต้นี้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันกับเหตุการณ์ในจีนเหนือ เหนือกับใต้ก็รวมกันไม่ได้อยู่แล้ว ซ้ำร้ายต้องมาเกิดจลาจลเสียเองอีก จะไม่ให้บ้านเมืองปั่นป่วนไปทุกหย่อมหญ้ากระไรได้ ดร. ซุนแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากเฉินชุงหมิง จนกระทั่งได้กลับมาตั้งรัฐบาลใหม่อีกครั้งหนึ่งที่แคนตอนแล้วก็ดี, ก็ยังหาได้พ้นจากโชคร้ายไม่ ดร. ซุนยังต้องผจญกับปัญหาการชิงอำนาจต่อไปอีก แม้จนกระทั่ง ดร. ซุนตายแล้วต่อมาอีกหลายปี ปัญหาการแย่งชิงอำนาจกันก็ยังแก้ไม่ตก ดร. ซุนมีศัตรูมากเกือบเท่าที่มีมิตร ศัตรูเหล่านี้หาความร้ายใส่ ดร. ซุนเนือง ๆ เพื่อให้ประชาชนเสื่อมความนับถือยำเกรง ที่จริง ดร. ซุนก็ทำการพลาดไปบ้าง ทั้ง ๆ ที่ตนเองเป็นคนดีเหลือเกิน ความพลาดพลั้งนี้ก็เกิดมาจากความมีใจดีของ ดร. ซุนนั่นเอง เมื่อได้ตั้งรัฐบาลใหม่อีกครั้งหนึ่งแล้วที่เมืองแคนตอน ด้วยความช่วยเหลือของเฉินชุนหมิงซึ่ง ดร. ซุนได้อุ้มชูมาตั้งแต่ต้น ท่านประมุขคณะพรรคก๊กมินตังผู้นี้ก็ถูกรบกวนจากญาติมิตร จนกระทั่งตนเองต้องเสียไป ญาติมิตรของ ดร. ซุนพากันมารุมล้อมของานทำไม่เว้นแต่ละวัน ดร. ซุนเป็นคนใจดี เสียไม่ได้ก็ให้คนนั้นไปเป็นนั่นคนนี้ไปเป็นนี่ ล้วนแต่ตำแหน่งใหญ่ๆ โตๆ ทั้งสิ้น โดยไม่คำนึงถึงคุณค่าของคนเหล่านั้นว่าจะสามารถพอ หรือจะซื่อตรงพอที่จะทำงานของส่วนรวมได้หรือไม่ ญาติมิตรของ ดร. ซุนเมื่อได้อำนาจแล้ว ก็มิได้คิดถึงชื่อเสียงและความรับผิดชอบของท่านประมุขคณะพรรคก๊กมินตังแม้แต่น้อย พากันตั้งหน้าแต่จะกอบโกยเงินทองเข้ากระเป๋า ก่อความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรเป็นอันมาก พวกราษฎรแทนที่จะติเตียนคนเหล่านี้กลับข้ามไปเล่นงาน ดร. ซุน ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงของท่านอย่างน่าเสียดาย ศัตรู ดร. ซุนเห็นช่องโหว่ก็รีบเอาเรื่องนี้ขึ้นมาห้ำหั่นเอา ซึ่งทำให้ความโกรธเกลียดของราษฎรตีวงกว้างออกไปเสมอ ฉันรู้สึกว่า ดร. ซุนใจอ่อนมากไปในตอนนี้ ถ้าไม่เห็นแก่ญาติมิตรจนเกินไป รอยด่างพร้อยของชื่อเสียงก็จะไม่มีเลย นอกจากนี้พรรคก๊กมินตังเองก็ระส่ำระสายเกิดแตกแยกกันขึ้นมากบ้างน้อยบ้าง พวกสมาชิกแยกออกเป็นสามพวกใหญ่ ๆ พวกหนึ่งยอมตัวเป็นบริวารซุนโฟบุตรชายของ ดร. ซุน ซึ่งเกิดกับเมียคนแรก พวกนี้เรียกตัวเองว่าพรรคมกุฎราชกุมาร อีกพวกหนึ่งเข้าอยู่กับจางจิงเกียงและหูฮั่นหมิน พวกนี้เรียกว่าพรรคผู้มีอาวุโส ยังมีอีกพวกหนึ่งที่เข้ากับ ทีวี ซุง พี่ชายของมาดามซุนยัดเซนคือเมียคนที่สอง พวกหลังนี้โดยมากเป็นนักเรียนนอก
“ความพลั้งพลาดที่ ดร. ซุนปฏิบัติไปนี้ ทำให้พวกเดียวกันเกิดอิจฉาริษยาขึ้น เฉินชุงหมิงซึ่งถือตัวว่าเป็นคนช่วยชุบชีวิตรัฐบาลของ ดร. ซุนที่แคนตอนให้คืนชีพมาอีก ได้เริ่มไม่พอใจ ดร. ซุนเรื่อยมา เพราะเหตุที่ ดร. ซุนอุดหนุนพวกญาติมิตรเกินไป ตนเองเหนื่อยยากมาด้วยการรบราฆ่าฟันกลับไม่ได้อะไรสมกับความดีความชอบ เฉินกับญาติมิตร ดร. ซุนต่างก็ผูกใจเกลียดชังกันอยู่ตลอดเวลา เฉินเก็บความเจ็บใจไว้เงียบ ๆ รอคอยเวลาที่จะใช้อำนาจที่ตนกำไว้ในมือเพื่อจัดการกับคนเหล่านี้ ดร. ซุนซื่อเกินไปที่จะสงสัยเฉินชุงหมิง เพราะคน ๆ นี้ ดร. ซุนได้อุดหนุนเลี้ยงดูมาตั้งแต่ต้นมือ และเป็นสมาชิกพรรคก๊กมินตังที่เอางานเอาการอย่างดียิ่งผู้หนึ่ง
“เหตุเหล่านี้รวมทั้งเหตุอื่น ๆ อีกหลายประการ ทำให้เฉินไม่ต้องการให้ ดร. ซุนยัดเซนเป็นประมุขของรัฐบาลจีนใต้อีกต่อไป เมื่อได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว เฉินชุงหมิงก็ทำรัฐประหารขึ้นในตอนพลบค่ำวันหนึ่ง เฉินได้ส่งกองทหารไปล้อมที่ทำการของ ดร. ซุนยัดเซนทันที ทหารประจำตัว ดร. ซุนยัดเซนได้ทำการต่อสู้อย่างแข็งแรงทั้งๆ ที่คนน้อยกว่า เปิดโอกาสให้ ดร. ซุนกับภรรยาปลอมตัวหนีเล็ดลอดออกมาได้ ดร. ซุนหนีไปอยู่ในเรือปืน และได้พยายามต่อสู้กับเฉินเป็นเวลามากกว่าหนึ่งเดือน เมื่อเห็นว่าจะขับเฉินออกจากแคนตอนไม่ได้ เพราะกำลังทหารไม่พอเพียง ดร. ซุนก็พาภรรยากับพวกเดินทางขึ้นไปพำนักอยู่ในเซี่ยงไฮ้ รัฐประหารของเฉินชุงหมิงนี้ทำให้พวกก๊กมินตังโกรธแค้นมาก เฉินได้ถูกกล่าวหาอย่างรุนแรงว่าเป็นตัวกบฏที่จะไม่มีการได้รับอภัยโทษเลย
“ต่อไปนี้ฉันจะย้อนไปเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจีนเหนือให้เธอฟังบ้าง ตลอดเวลาที่ ดร. ซุนผจญภัยอยู่ในกวางตุ้งจนต้องหนีออกไปจากแคนตอนถึงสองครั้งนี้ ทางจีนเหนือก็ยุ่งเหยิงจนแทบไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เธอคงยังจำได้ว่า ฉันเคยเล่าค้างไว้ตอนที่เหลียงฉีเชากับต้วนฉีร่วยได้อำนาจการปกครองไว้ในกำมือ ต้วนฉีร่วยได้เป็นนายกรัฐมนตรี เหลียงฉีเชาได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พวกพ้องอีกหลายคนก็ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีไปตาม ๆ กัน เฝิงกวอชางได้เป็นประธานาธิบดีแทนหลี่หยวนหุง ซึ่งต้องหลุดจากตำแหน่งตอนที่จางซุนทำรัฐประหารเอากษัตริย์มานั่งบัลลังก์อีก เหลียงฉีเชาไม่มีวาสนาดีเหมือน ดร. ซุนยัดเซน การได้อำนาจการเมืองครั้งนี้ นับว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่เหลียงฉีเชาจะมีชื่ออยู่ในเวทีการเมือง เหลียงอยู่ในคณะรัฐมนตรีเพียงไม่ถึงปี ก็ต้องอำลาชีวิตการเมืองไปเป็นอาจารย์อยู่ในมหาวิทยาลัยชิงหวา และตั้งแต่นั้นก็สิ้นวาสนาเอาทีเดียว นับว่าชีวิตของนักปฏิวัติคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของจีนได้ปิดฉากไปอย่างไม่มีวันเปิดอีก การที่เหลียงต้องสิ้นอำนาจลงไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ก็เพราะพรรคเหยียนจิวที่ตนนำอยู่มีอิทธิพลแคบมาก เหลียงเล่นการเมืองด้วยการคบเป็นมิตรกับผู้มีอำนาจ เช่นคบกับยวนซีไขกับต้วนฉีร่วยเป็นต้น เหลียงไม่ได้คบกับราษฎรอย่าง ดร. ซุนยัดเซน โดยเหตุนี้พอผู้มีอำนาจที่เหลียงคบต้องเสียอำนาจลง หรือไม่นำพาในตัวเหลียงอีกต่อไป เหลียงก็ไม่มีทางจะสร้างบารมีต่อไปได้อีก นอกจากนี้ยังมีเหตุอีกประการหนึ่งที่ทำให้เหลียงฉีเชาต้องสิ้นอำนาจลงอย่างรวดเร็ว เหตุนี้ก็คือขณะนั้นได้เกิดมีคนดีขึ้นในวงการเมืองของจีนเหนือ คนดีคนนี้ก็คือนายพลหวูเพ่ฝู หรือที่เรียกกันทางใต้ว่า วูแป๊ะฟูนั้นเอง นอกจากนายพลผู้นี้แล้ว ยังมีพรรคการเมืองเกิดขึ้นอีกพรรคหนึ่ง เรียกกันว่าพรรคอันฝู่ พรรคนี้แหละเป็นต้นเหตุสำคัญอีกเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เหลียงฉีเชาถูกไล่ออกจากวงการเมืองไปเป็นอาจารย์ใหญ่อยู่ในมหาวิทยาลัยชิงหวาข้าง ๆ มหาวิทยาลัยเยียนจิงซึ่งเธอคงได้เคยไปเที่ยวมาบ้างแล้ว”