ขณะนั้นเป็นปลายฤดูออตัมน์ ลมอันเย็นยะเยือกราวกับจะกัดผิวหนังที่ปลายจมูกและใบหู พัดโกรกเข้ามาอย่างแรงทางช่องหน้าต่าง อากาศหนาวเย็นยิ่งขึ้นทุก ๆ กิโลเมตรที่รถแล่นล้ำขึ้นไปทางแผ่นดินภาคเหนือ ต้นไม้ใบหญ้าแห้งเกราะมีสีเหลืองแก่ปนแดง มีสภาพดูประหนึ่งว่ากำลังจะตายไปจากพื้นโลก ออตัมน์เป็นฤดูแห่งความเศร้า เสียงลมที่พัดลอดกิ่งไม้อันปราศจากใบดังสะเทือนใจนัก–เป็นเสียงดนตรีที่เต็มไปด้วยความโศก ดนตรีที่บอกกำหนดว่าสีและเสียงของธรรมชาติอันสวยงามกำลังจะหายลับไปจากพื้นโลก ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังตกอยู่ในความสงัดเงียบ รอคอยความหนาวเหน็บแห่งฤดูเหมันต์อยู่ด้วยหัวใจอันสั่นสะท้าน

เมืองจีนอันแท้จริงกำลังปรากฏตัวอยู่เฉพาะหน้าข้าพเจ้า เมืองจีนที่มีเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาล มีพลเมืองที่พูดกันไม่รู้เรื่อง เพราะมีแขนงของภาษามากมายก่ายกอง ทุก ๆ กิโลเมตรที่รถไฟแล่นผ่านไป สิ่งที่สะดุดตาสิ่งแรกก็คือ ความทุกข์ยาก ข้าพเจ้าได้เห็นส่วนลีกของเมืองจีนเป็นวาระแรกในฤดูออตัมน์ ความจริงเนื้อแท้ของฤดูนี้ก็เปี่ยมไปด้วยความเศร้ามากพออยู่แล้ว เพราะเป็นฤดูที่สีของธรรมชาติกำลังจะสิ้นสูญไป แต่ในเนื้อแท้ของความเศร้าแห่งชีวิตธรรมชาตินี้ เรายังได้พบความเศร้าที่มนุษย์ช่วยกันบันดาลให้มีขึ้นด้วยน้ำมือของเขาเอง–ความเศร้าที่ไม่มีอะไรอีกแล้วจะเปรียบเทียบได้ ข้าพเจ้าไม่ลีมภาพของความพินาศนานาประการอันเกิดเพราะสงครามกลางเมือง แม้ในท้องทุ่งอันแวดล้อมไปด้วยความบริสุทธิ์ของชีวิตจิตใจ ท้องทุ่งที่เต็มไปด้วยหัวใจอันซื่อ ไม่ต่างกับหัวใจของกวนอู–ท้องทุ่งที่สงัดเงียบและงดงามไปด้วยสีและเสียงของธรรมชาติ–ความเศร้าที่ชาวจีนได้ช่วยกันสร้างขึ้น ก็ยังทิ้งร่องรอยไว้ให้เห็น กระท่อมน้อย ๆ กลางทุ่งนาทำด้วยดินเหนียว ไม่มีหน้าต่าง มีแต่ประตูช่องเล็กๆ ซึ่งควรจะหลับอยู่ได้ด้วยความสงบ บัดนี้ได้เหลืออยู่แต่ทราก ท้องทุ่งที่ควรจะประดับไปด้วยรวงข้าวสาลี ก็กลับมีแต่แต่รอยกระสุนระเบิดและทรากรถบรรทุก ตลอดจนหลุมฝังศพ เหล่านี้คือภาพ ๆ แรกในส่วนลึกของแผ่นดินจีนที่ปรากฏแก่ตาข้าพเจ้า อย่างไรก็ดีข้าพเจ้ามิได้ผิดหวังแต่อย่างใด ข้าพเจ้ารู้ล่วงหน้าแล้วว่าข้าพเจ้าจะได้พบอะไรในเมืองจีน ข่าวเมืองจีนในหน้าหนังสือพิมพ์ได้เตือนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ข้าพเจ้าจะได้เห็นสิ่งเหล่านี้ เลือดกำลังนองแผ่นดิน เลือดที่นองมาแล้วตั้งแต่ ค.ศ. ๑๙๑๑ เมืองจีนกำลังปฏิวัติ–กำลังพยายามที่จะมีชีวิตใหม่ สำหรับชาวต่างประเทศอย่างข้าพเจ้า ความทุกข์ยากที่ได้พบเห็นย่อมจะเป็นของใหม่ต่อประสาทรู้สึก แต่สำหรับชาวจีนที่รู้จักบ้านเมืองของเขาดี ความทุกข์ยากทั้งหลายเหล่านี้ให้ความสะเทือนใจแก่เขาแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขารู้ดีว่าเมืองจีนยังจะต้องเป็นเช่นนั้นอยู่ เขาไม่ลืมการนองเลือดครั้งใหญ่ยิ่งเมื่อสามพันกว่าปีมาแล้ว–คือสมัยชุนชิว เขาไม่ลืมความพินาศของบ้านเมืองสมัยสามก๊ก เขาไม่ลืมความล่มจมของอิสรภาพในสมัยหนานเป่เฉา คือขณะที่พวกซงหนูได้ชิงเอาแผ่นดินไปครึ่งประเทศ เขาไม่ลืมความสูญสิ้นแห่งเสรีภาพ เมื่อพวกมองโกลได้เข้ามาตั้งราชวงศ์หยวนขึ้นในศตวรรษที่สิบสาม ทุกยุคทุกสมัยเขาไม่ลืมว่า การนองเลือดอย่างเดียวเท่านั้นที่ทำให้จีนเปลี่ยนราชวงศ์กษัตริย์จากราชวงศ์หนึ่งไปเป็นอีกราชวงศ์หนึ่ง จีนได้นองเลือดมาเป็นระยะ ๆ ตลอดเวลาห้าพันปีในประวัติศาสตร์ได้ฉันใด ในปัจจุบันนี้ จีนก็ย่อมจะยังคงนองเลือดอยู่ได้ฉันนั้น ความทุกข์ยากในเมืองจีนไม่ใช่สิ่งที่ชาวจีนประหลาดใจ เขารู้ว่าความทุกข์ยากของเขายังจะต้องมีอยู่ต่อไปอีกนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคที่จีนกำลังปฏิวัติใหญ่เช่นนี้

ผู้ที่เข้าใจความทุกข์ยากของชาวจีนอย่างดีเลิศผู้หนึ่งก็คือ จางหลิน........คนดีที่โลกไม่ต้องการ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ