๓๘

ขณะที่จางหลินพูด ข้าพเจ้าสังเกตเห็นแววตาของเขาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวบางประการที่แสดงถึงความมุ่งหมาย ความเอาจริง ตลอดจนความสุจริตในหัวใจ เขาพูดด้วยความจริงใจทุกอย่าง เขาต้องการเป็นนักหนังสือพิมพ์ ต้องการจะช่วยชาติด้วยปากกา ต้องการจะเอาอย่างบุรุษที่เขานับถือบูชา ชีวิตของบุรุษนักเขียนผู้นี้เป็นกำลังใจของเขา เป็นสิ่งที่กระตุ้นเตือนให้เขาต้องการจะอุทิศชีวิตให้แก่ประเทศชาติ อย่างที่ผู้รักชาติด้วยชีวิตจิตใจได้อุทิศมาแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าตลอดเวลาที่เขาพูด ข้าพเจ้าอ่านจิตใจเขาได้ตลอด ข้าพเจ้าเข้าใจดีว่าเขาไม่ได้พูดแต่ปาก เขามีอุดมคติของเขาที่จะยึดถือและปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้นเท่าที่จะปฏิบัติได้

ข้าพเจ้าฉวยโอกาสที่เขาหยุดทอดระยะถามขึ้นด้วยความอยากรู้ว่า “เธอยังไม่ได้บอกฉันว่าท่านผู้นี้คือใคร ถ้าไม่ใช่ ดร. ซุนยัดเซน”

จางหลินควักบุหรี่ออกมาจุดสูบ ยิ้มพลางกล่าวว่า “ท่านเป็นนักปฏิวัติรุ่นแรกคนหนึ่ง เธอคงได้ยินชื่อ เหลียงฉีเชา มาแล้ว”

“ฉันยังอยู่ที่นี่น้อยเกินไปที่จะทราบชีวิตละเอียดของท่านผู้นี้” ข้าพเจ้าตอบเบา ๆ

“เธอเคยถามฉัน เรื่องความยุ่งเหยิงของเมืองจีน วันนี้เรามีเวลาคุยกันมาก บางทีฉันอาจจะทำให้เธอเข้าใจบ้าง” เขาเขี่ยเถ้าบุหรี่ลงกับจานกระเบื้อง ทอดระยะคล้ายกับจะคิดถึงเรื่องที่จะพูดต่อไป “เหลียงฉีเชาเป็นนักปฏิวัติผู้หนึ่งที่ได้ร่วมอยู่ในวงการเมืองจีนอย่างใกล้ชิด ตลอดเวลาที่ความแตกร้าวได้เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา ฉันอยากจะกล่าวว่าท่านผู้นี้เป็นผู้หนึ่งในคณะของคั้งเหย่าเหวย ที่กำโชคชาตาของประเทศจีนไว้ในมือมาครั้งหนึ่ง ถ้าเหลียงฉีเชาทำการแก้ไขการปกครองเป็นรูปรัฐธรรมนูญ มีกษัตริย์อยู่ใต้กฎหมายสำเร็จใน ค.ศ. ๑๘๙๘ เราอาจจะไม่ได้เห็นความปั่นป่วนอย่างน่ากลัวอย่างนี้เลย แต่ดูเหมือนฟ้าต้องการจะให้เป็นไปอย่างนี้ เพราะฉะนั้นจึงบันดาลให้ทำงานไม่สำเร็จ เปิดโอกาสให้ทางราชบัลลังก์มีอำนาจปกครองบ้านเมืองอย่างสิทธิ์ขาดต่อไป ซึ่งเป็นการเปิดจุดอ่อนแอต่าง ๆ ให้ราษฎรเห็นมากขึ้น เวลานั้น ดร. ซุนยัดเซนกับพวกก็กำลังคิดการปฏิวัติอยู่แล้ว เมื่อแก้ไขการปกครองให้เข้ารูปไม่ได้ กำลังทางฝ่าย ดร. ซุนยัดเซนก็ย่อมจะเพิ่มขึ้นทุกวัน พวกราษฎรต่างพากันต้องการจะเห็นประเทศมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ จะเปลี่ยนเป็นอะไรก็ช่าง ขอแต่อย่าให้อยู่ใต้ราชบัลลังก์ที่กำลังจะพาบ้านเมืองไปสู่ความล่มจมเท่านั้น เธอคงทราบดีตลอดร้อยปีมานี้ พวกฝรั่งได้แผ่อิทธิพลเข้ามาทางตะวันออกอย่างหนาแน่น เขาต้องการตลาด ต้องการวัตถุดิบ ความต้องการสองข้อนี้ทำให้การค้าขายกลายเป็นการเมืองไป เธอคงรู้เรื่องที่อินเดียเสียเอกราชดี นั่นก็เพราะการค้าขายที่ค่อย ๆ แปรรูปเป็นการเมืองทีละน้อย จนกระทั่งในที่สุดก็ถึงการทหารซึ่งเป็นการตัดสินครั้งสุดท้าย เราชาวจีนแลเห็นตัวอย่างของอินเดียดี เพราะฉะนั้นจึงเดือดร้อนและหวาดหวั่นมาก เมื่อแลเห็นการค้าของฝรั่งในเมืองจีนค่อย ๆ กลายเป็นรูปการเมืองไป เราเสียดินแดนและเสียสิทธิไปทีละอย่างสองอย่าง ประเดี๋ยวประเทศนี้ขอไอ้นั้น ประเดี๋ยวประเทศนั้นขอไอ้นี่ เราถูกยื่นคำขาด–ถูกขอซึ่งๆ หน้า จนแทบจะตอบเขาไม่ทัน ที่จริงราษฎรของเราก็มิใช่ว่าจะจงเกลียดจงชังราชบัลลังก์อย่างรุนแรงอะไร เราปล่อยให้กษัตริย์ราชวงศ์แมนจูปกครองเรามาตั้งหลายร้อยปี ก็เพราะราษฎรของเราไม่มีความเกลียดเป็นเดิมพัน ถ้าเกลียดกันจริง ๆ แล้ว ฉันว่าราชวงศ์ชิงคงจะไม่มีอายุยืนยาวมาได้จนถึง ค.ศ. ๑๙๑๑ แต่ที่ราษฎรต้องลุกขึ้นเป็นฟืนเป็นไฟในปีนี้นั้น ก็เพราะแลเห็นเสียแล้วว่าราชบัลลังก์เห็นแก่ตัวมากกว่าเห็นแก่ชาติ กษัตริย์ราชวงศ์ชิงความจริงก็มีดี ๆ หลายองค์ ได้ทำประโยชน์ให้แก่ชาติบ้านเมืองมาก ความจริงผู้ที่เราลงโทษหาใช่กษัตริย์ผู้ชายไม่ แต่เป็นกษัตริย์ผู้หญิง คือพระนางสึสี ซึ่งเป็นผู้คว่ำโครงการแก้ไขการปกครองประเทศของคั้งเหย่าเหวยกับเหลียงฉีเชาเสียจนหมดลิ้น นางผู้นี้เป็นคนเฉลียวฉลาด มีความสามารถยิ่งกว่ากษัตริย์ผู้ชายเก่า ๆ บางองค์ แต่เสียที่หัวเก่าเกินไป มองไม่เห็นความต้องการอันแท้จริงของประเทศชาติ ไม่เข้าใจว่าเดี๋ยวนี้กับเมื่อร้อยปีก่อนนั้นผิดกันอย่างไร โลกภายนอกได้ขยายตัวออกไปอย่างไร และชีวิตจิตใจของราษฎรชาวจีนได้เปลี่ยนแปลงตามเหตุการณ์ไปอย่างไร ผู้หญิงคนนี้กำอำนาจการปกครองไว้แต่ผู้เดียว หวงอำนาจอย่างที่สุด เห็นแก่ตัวอย่างที่สุด กลัวว่าธรรมนูญการปกครองของคั้งเหย่าเหวยกับเหลียงฉีเชาจะตัดอำนาจเจ้าแผ่นดินลงไป เพราะฉะนั้นจึงได้ทำการขัดขวางไว้ จับพวกของคั้งกับเหลียงตัดหัวเสียมากต่อมาก การกระทำครั้งนั้นเป็นการเลี้ยวผิดอย่างมหันต์–ผิดต่อราชบัลลังก์เอง และผิดต่อประเทศชาติด้วย ถ้าพระนางยอมให้คั้งกับเหลียงเปลี่ยนรูปการปกครองเป็นระบอบกษัตริย์อยู่ใต้กฎหมายอย่างมหาอำนาจหลายประเทศ ราชวงศ์ชิงก็น่าจะได้นั่งบัลลังก์ต่อมาจนถึงเดี๋ยวนี้ และบ้านเมืองก็คงจะไม่ต้องแตกฉานซ่านเซ็นระส่ำระสายจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ซึ่งเกิดเพราะไม่รู้จะยึดใครเป็นหลักดังที่ฉันได้เคยเล่าให้เธอฟังแล้ว การก้าวผิดครั้งนั้นเป็นหัวเลี้ยวที่สำคัญยิ่งเลี้ยวหนึ่งในประวัติศาสตร์ปัจจุบันของจีน พวกราษฎรที่พากันชะเง้อคอคอยรัฐธรรมนูญพากันผิดหวังมาก และยิ่งมองเห็นถนัดว่าราชบัลลังก์เห็นแก่ตัวมากกว่าเห็นแก่ประเทศชาติ พระนางได้สัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขรูปการปกครองให้ดีขึ้น แต่คำสัญญานั้นดูเหมือนจะเป็นคำหลอกลวงขอไปทีมากกว่า เพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ซึ่งทำให้ราษฎรยิ่งทวีความไม่พอใจมากขึ้นทุกวัน โดยเหตุนี้เมื่อพระนางประกาศสัญญาจะให้รัฐธรรมนูญแก่ราษฎร เพราะทนความเร่าร้อนของราษฎรไม่ได้ พวกราษฎรจึงหมดความเชื่อถือ แทบทุกคนไม่ต้องการจะคอยต่อไปอีก ผลที่เกิดขึ้นก็คือการปฏิวัติ”

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ