๓๙

ข้าพเจ้าฟังด้วยความเอาใจใส่ แววตาและถ้อยคำของจางหลินทำให้ข้าพเจ้ามองเห็นหัวใจเขาถนัด ข้าพเจ้ารู้ดีว่าเขาปวดร้าวใจเพียงไรเมื่อพูดถึงความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ ความเห็นแก่ตัวที่ทำลายชาติทั้งชาติ ความเห็นแก่ตัวที่เป็นบ่อเกิดของความชั่วทั้งหลาย เขามีความเชื่อถืออย่างมั่นคงว่า ความเห็นแก่ตัวของนางกษัตริย์ผู้นี้ เป็นมูลเหตุสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งที่ทำให้ประเทศจีนต้องบ้านแตกสาแหรกขาดเรื่อยมา หาความสงบไม่ได้แม้แต่วันเดียว เมื่อระลึกดูว่าความเห็นแก่ตัวของคน ๆ เดียว เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้คนอีก ๔๕๐ ล้านต้องมีชีวิตอยู่ในธารเลือดและน้ำตา ข้าพเจ้าก็บังเกิดความสังเวชใจอย่างประมาณไม่ได้ ความเห็นแก่ตัวได้ทำลายความสุขของมนุษย์มาตั้งแต่ประวัติศาสตร์หน้าแรก ความเห็นแก่ตัวทำลายครอบครัว, ทำลายหมู่คณะ, ทำลายชาติ, และทำลายโลก อนิจจา! เราจะเห็นแก่ตัวกันไปถึงไหนหนอ!

“ประเทศของฉันได้ผ่านความเห็นแก่ตัวอันใหญ่ยิ่งของคนสองคน จึงได้นองเลือดเรื่อยมาจนเดี๋ยวนี้” จางหลินกล่าวต่อไป “คนหนึ่งคือนางกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจคนนั้น อีกคนหนึ่งคือยวนซีไข คนสองคนนี้มีความสามารถอย่างสูง เป็นคนเก่งที่หาได้ยาก แต่เขาใช้ความเก่งของเขาไปในทางเห็นแก่ตัว บ้านเมืองจึงป่นปี้แทบเอาตัวไม่รอด ยวนซีไขเป็นคนสำคัญคนหนึ่งที่ทำให้โชคชาตาของประเทศชาติต้องหมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างขาวเป็นดำ พูดถึงคน ๆ นี้ฉันเสียดาย เขาเป็นนักการเมืองที่สามารถ แต่เป็นนักการเมืองที่ไม่ซื่อ อุดมคติของเขาเกิดจากความเห็นแก่ตัว ไม่ใช่เกิดจากความเห็นแก่ชาติอย่างอุดมคติของ ดร. ซุนยัดเซน ยวนซีไขเป็นคนหักหลังคั้งเหย่าเหวยกับเหลียงฉีเชา เพื่อจะหาความดีความชอบในการที่จะได้เป็นใหญ่เป็นโตต่อไป ฉันไม่เชื่อว่าเขาหักหลังผู้รักชาติทั้งสอง เพราะกลับใจไปเข้าข้างราชบัลลังก์อย่างสุจริต การแสวงอำนาจต้องการจะเป็นเจ้าแผ่นดินเสียเองในสมัยต่อมา ได้เป็นพะยานให้เห็นความทะเยอทะยานอย่างเห็นแก่ตัวของเขาอย่างชัดเจน ยวนซีไขเป็นคนเปิดเผยความลับของโครงการแก้ไขการปกครองของคั้งกับเหลียง เป็นเหตุให้คนทั้งสองต้องหนีไปอยู่ญี่ปุ่น และโครงการทั้งหมดต้องล้มเหลวไปสิ้น คิดดูเถิด ระพินทร์ การที่โครงการช่วยชีวิตคน ๔๕๐ ล้านต้องมาล้มเสียเพราะความเห็นแก่ตัวของคน ๆ เดียวเช่นนี้ มันช่างน่าสลดใจเพียงไร! ฉันมีความเห็นว่าความทุกข์ยากของประเทศจีนไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการแผ่อำนาจของฝรั่ง นั่นเป็นเหตุเล็กน้อย เหตุใหญ่ยิ่งนั้นเป็นเพราะเราเห็นแก่ตัวกันมากไป ความเห็นแก่ตัวของนางกษัตริย์และความเห็นแก่ตัวของพวกที่รักชาติแต่ปาก เป็นเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้เราเอาตัวไม่รอด ทุกวันนี้เขาพูดกันแต่รักชาติ รักชาติ แต่คนที่รักชาติจริง ๆ นั้นมีสักกี่คน การรักชาติแต่ปากเป็นภัยแก่ประเทศเสียยิ่งกว่าการไม่รู้จักความรักชาติหลายร้อยหลายพันเท่า ยังมีชาวจีนหัวเก่าอีกเป็นอันมากที่ไม่รู้ว่าชาติคืออะไร คนเหล่านี้มีใจเป็นกลาง ๆ แต่ก็หาเป็นภัยแก่ประเทศอย่างคนรักชาติแต่ปากไม่ ทั้งนี้ก็เพราะเขาไม่ปลอมตัวมาหลอกเรา เขาไม่หาประโยชน์ใส่ตัวด้วยการพูดว่ารักชาติ ถ้าเราจัดการปกครองเรียบร้อย เราก็ย่อมจะเกลี้ยกล่อมให้เขารักชาติได้โดยง่าย และเมื่อรักแล้ว ความซื่อของเขาก็ย่อมประกันความสุจริตใจและความมั่นคงอยู่ในตัว ไม่ต้องระแวงว่าเขาจะหลอกเราเล่นเหมือนคนที่รักชาติแต่ปาก ฉันสลดใจเมื่อคิดว่าประเทศของฉันยังมีคนที่รักชาติเพียง ๕ นาทีอีกมาก เรายุ่งกันจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ก็เพราะคนที่หาประโยชน์ใส่ตัวด้วยการเอาชาติเป็นเครื่องมือเหล่านี้ ฉันคิดว่าเมืองจีนเป็นละครโรงใหญ่ที่สุดในโลก–ละครของความสลดใจ”

เขาทอดระยะเพื่อนึกเรื่องที่จะพูดต่อไป นี่เป็นครั้งแรกที่จางหลินได้พูดความในใจแก่ข้าพเจ้าอย่างยืดยาว

“แต่ความดีกับความชั่วเป็นของคู่กัน” เขากล่าวต่อไป “เมื่อมีดีก็ต้องมีชั่ว เมื่อมีความเห็นแก่ตัวก็ต้องมีความเห็นแก่ชาติ เห็นแก่โลก ประเทศจีนไม่ได้มีความเห็นแก่ตัวไปทั้งประเทศ คนเห็นแก่ชาติก็มีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย แต่คนดีเหล่านี้ได้ถูกทำลายไปด้วยน้ำมือของคนที่เห็นแก่ตัวก็ไม่น้อยเหมือนกัน เรามีคนเห็นแก่ชาติทุกยุคทุกสมัย คนเหล่านี้สวรรค์ประทานมาให้แก่เรา เป็นคนกล้าพูด กล้าทำ ไม่กลัวตาย เป็นคนที่เกิดมาสำหรับชาติบ้านเมือง ยอมสละชีวิตให้ชาติโดยไม่มีการคิดบัญชี เพราะหวังการตอบแทน รางวัลที่เขาหวังก็คือความอิ่มใจที่ได้ใช้ชีวิตทั้งชีวิตรับใช้ชาติบ้านเมืองที่รัก คนเหล่านี้แหละเป็นคนกู้ชาติจีนให้พ้นจากการดับสูญ–เป็นคนที่ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกชื่อลงไปในสมุด เพื่อความยุติธรรม แต่มันน่าอนาถ เราไม่รู้ว่าคนเช่นนี้ได้ตายไปเท่าใดแล้ว สูญไปโดยไม่มีใครได้รู้จักชื่อ ตายอยู่ในคุกมืด ในซอกในตรอก อดอยากยากจน ไม่มีอะไรติดตัว แต่ฉันรู้ว่าเขาพอใจแล้ว เขาไม่เดือดร้อน เพราะเขาไม่ต้องการยศศักดิ์และเงินทอง เมื่อรู้ตัวว่าได้ทำความดีให้แก่ชาติสมใจแล้ว ก็ตายได้อย่างหน้าชื่นตาบาน”

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ