๔๔
“เหตุสำคัญอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้จีนรวมกันได้ยากตั้งแต่เริ่มปฏิวัติเรื่อยมา ก็คือการทำลายกัน” จางหลินกล่าวต่อไป “จิตใจชาวจีนได้ปักไปในทางรูปการปกครองแบบริปับลิคอย่างมั่นคงเสียแล้ว ทุกคนต้องการสิทธิเสรีภาพในการออกความเห็น ความเชื่อถือบูชาในบุคคลใด หรือในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่นรัฐธรรมนูญเป็นต้นมีน้อย หรือไม่ศักดิ์สิทธิ์พอที่จะทำให้เกิดความเป็นปึกแผ่นทางจิตใจขึ้นได้ เสรีภาพแผนใหม่เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา เพราะเป็นของใหม่เพิ่งใส่เรือเข้ามาจากยุโรปและอเมริกา ความปรารถนาในเสรีภาพได้ตีวงโตออกไป จนกระทั่งเกือบจะกลายเป็นเสรีภาพที่ไม่มีขอบเขต เมื่อเป็นเช่นนี้การวิพากษ์วิจารณ์กันจึงเป็นไปอย่างรุนแรงที่สุด พรรคการเมืองที่เกิดขึ้นที่นั่นที่นี่ต่างก็หาโอกาสโจมตีกัน ทะเลาะกัน หาความเป็นปึกแผ่นไม่ได้เสียเลย ดร. ซุนยัดเซนเป็นที่นับถือของชาวจีนส่วนมากก็จริง แต่เวลานั้นก็ไม่มีอิทธิพลพอที่จะรวบเอาจิตใจของชาวจีนไว้ทั้ง ๔๕๐ ล้านได้ ทั้งนี้เพราะ ดร. ซุนก็มีคนเกลียดเช่นเดียวกับที่มีคนรัก พรรคการเมืองที่เป็นปรปักษ์ต่อ ดร. ซุน ได้พยายามอย่างที่สุดที่จะปลุกปั่นความร้ายให้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ความรู้สึกของราษฎรจึงแตกแยกกันมาก ราษฎรหมู่ใดอยู่ในอิทธิพลของพรรคการเมืองพรรคใด ก็เอาใจเข้ากับฝ่ายนั้น ช่วยกันออกความเห็นทับถมอีกฝ่ายหนึ่ง นี่แหละจึงทำให้จีนเต็มไปด้วยความแตกแยกตั้งแต่ความคิดเห็นลงไปจนถึงการกระทำ ผลที่เกิดขึ้นก็คือความชุลมุนวุ่นวายทุกหย่อมหญ้า ฉันอนาถใจเมื่อคิดว่าเราทำอะไรกันมักไม่ค่อยคิด เราไม่คำนึงถึงรากฐานและความเป็นจริงที่เราจะต้องเผชิญ เราหลงไปว่าเมืองจีนก็อาจเหมือนยุโรปอเมริกา มีรากฐานทางการปกครองแบบประชาธิปไตยแน่นหนามั่นคง ราษฎรรู้จักสิทธิเสรีภาพของตนดีแล้ว เพราะฉะนั้นพอเรือบรรทุกเอาตัวเสรีภาพมาถึงเซี่ยงไฮ้ ก็แจกจ่ายกันอย่างฟุ่มเฟือยไม่อั้นประตู ฉันว่าการทำเช่นนี้ก็เหมือนยื่นอาวุธให้แก่คนที่ขาดสติ ประโยชน์ที่ได้รับจึงมีน้อย เราก้าวกันเร็วเกินไป ไม่มีโอกาสได้วางรากฐานของประชาธิปไตยให้มั่นคงเสียก่อน เหตุการณ์มันไม่ช่วยเราเลย เพราะการวางรากฐานขั้นสำคัญสมัยพระเจ้ากวงสู้และคั้งเหย่าเหวยกับเหลียงฉีเชาได้ถูกทำลายหมดเพราะความเห็นแก่ตัว ทุกวันนี้ฉันยังรู้สึกอยู่เสมอว่า เสรีภาพที่ไม่มีขอบเขตของพวกเรา เป็นมูลเหตุสำคัญเหลือเกินที่ทำให้เราก้าวหน้าเร็วไม่ได้ ไม่ว่าใครจะคิดอะไรทำอะไรก็มีคนติไปเสียหมด ติด้วยความริษยามากกว่าด้วยความต้องการจะช่วยให้ดีขึ้น เสรีภาพที่ไม่มีขอบเขตทำให้คนโดยมากเข้าใจว่าเขาจะทำอะไรก็ทำได้ ไม่จำเป็นต้องมีขีดคั่น ไม่จำเป็นต้องเกรงอกเกรงใจใคร ความคิดเช่นนี้สำหรับผู้ที่มองคนอื่นในแง่ร้ายก็ยิ่งเป็นภัยแก่ความสงบสุขความก้าวหน้าของประเทศชาติมากขึ้น เพราะนอกจากจะทำให้การออกความเห็นเต็มไปด้วยความระส่ำระสายไม่มีหลักเกณฑ์แล้ว ยังทำให้เกิดการติกันอย่างที่ต้องการจะทำลาย ไม่ได้ติเพื่อก่อ การติเพื่อทำลายเป็นภัยแก่ประเทศชาติเหลือที่จะประมาณได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ฉันเคยได้ยินผู้ใหญ่คนหนึ่งติเตียนหลักการบริหารประเทศและลัทธิซานหมินจู่อี้ของ ดร. ซุนยัดเซนว่าไม่เห็นมีประโยชน์ ใครก็ร่างได้ เมื่อถามว่าถ้าไม่มีประโยชน์แล้วเขามีลัทธิหรือหลักการอะไรจะมาแทนได้บ้างไหม เขาก็นิ่งไม่ตอบ ได้แต่พูดว่าไม่เห็นมีประโยชน์–ไม่เห็นมีประโยยน์ ฉันฟังแล้วก็สลดใจนัก เพราะคนชั้นนั้นแล้วยังพูดเช่นนี้ คนอื่นๆ ที่เห่อเสรีภาพจะพูดอย่างไร การพูดพล่อย ๆ โดยไม่คิดอย่างนี้แหละ ระพินทร์, ทำให้จิตใจของชาติเสียไปอย่างน่าเสียดาย ชาติก็เหมือนคน เพราะชาติประกอบขึ้นด้วยคน ชาติมีชีวิตวิญญาณ, มีกำลังใจ, กำลังกายเช่นเดียวกับคนทุกอย่าง เธอลองคิดดูเถิด ถ้าคนไม่มีกำลังใจ คิดอะไรโลเลไม่แน่นอน ทำอะไรจับ ๆ จด ๆ เขาก็คงมีชีวิตที่ก้าวหน้าไม่ได้ เพราะจะทำงานทำการอะไรให้สำเร็จได้ยาก ชาติก็เหมือนกัน ถ้าขาดกำลังใจก็จะเจริญรุ่งเรืองไม่ได้ เพราะไม่อาจจะทำงานใหญ่ได้ กำลังใจของชาติย่อมมาจากกำลังใจกำลังความคิดของคน ถ้าคนมีความคิดเข้าแนวกัน พร้อมใจกัน ไม่ติกันอย่างพล่อย ๆ แล้ว กำลังความคิดและกำลังใจของแต่ละคนก็ย่อมจะรวมกันขึ้นเป็นปึกแผ่นแน่นหนา กลายเป็นกำลังน้ำใจอันเข้มแข็งของชาติ เมื่อชาติมีกำลังใจเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว กำลังกายก็ย่อมจะตามมาเอง จะทำอะไรก็ทำได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว ฉันว่าเคล็ดลับของการสร้างชาติอยู่ตรงนี้เอง คือว่าทำอย่างไรราษฎรจึงจะมีกำลังใจร่วมกัน ทำอย่างไรจึงจะเลิกติกันเอง วิพากษ์กันอย่างพล่อย ๆ โดยไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ การติเพื่อทำลายเป็นการฆ่าตัวเองอย่างชัด ๆ ทีเดียว เพราะเมื่อตัวเองไม่คิดจะทำอะไรให้เป็นประโยชน์แก่ชาติแล้ว ยังซ้ำไปขัดขวางเจตนาดีและการกระทำที่ดีของคนอื่นอีกเล่า เธออยู่เมืองจีนนานไปอีกสักหน่อย เธอจะรู้ว่าพวกเรายังมีโรคติเพื่อทำลายอีกมาก อันนี้แหละฉันเป็นห่วงนัก ฉันเห็นว่าประเทศจีนก้าวหน้าเร็วไม่ได้ก็เพราะคนจำพวกนี้มาคอยถ่วงความเจริญอยู่ ฉันพูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่ชอบการคัดค้านและการแสดงความคิดเห็น นักประชาธิปไตยทุกคนย่อมบูชาการออกความเห็น เพราะความเห็นใหม่ ๆ ที่ดีย่อมหมายถึงการก้าวหน้า ข้อสำคัญอยู่ที่ว่า การออกความเห็นนั้นออกในลักษณะใดและเวลาใด ถ้าเป็นความเห็นเพื่อก่อถูกกับสมัยเวลาและกรณีแวดล้อมแล้ว ความเห็นนั้นก็ย่อมจะเป็นคุณแก่ชาติเสมอ”