๙
/*39*/อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ข้าพเจ้าก็จะถึงปักกิ่ง
ปักกิ่ง–นครแห่งความหลัง ทำไมข้าพเจ้าจึงพูดเช่นนี้ ? ข้าพเจ้ามีความหลังอะไรมากนักหรือ ในนครโบราณที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองจีน ? และตัวนครปักกิ่งเอง ได้มีความหลังอะไรบ้างตลอดศตวรรษที่ได้จมหายไปในมหาสมุทรของประวัติศาสตร์ อันมีเวลานับด้วยพัน ๆ ปี ? สำหรับข้าพเจ้า ปักกิ่งมีความหลังมาก ปักกิ่งได้ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจว่า ชีวิตมนุษย์เป็นแต่เพียงทาสของโชคชาตา เป็นเรื่องละครของความสลดใจมากกว่าความสุข แต่ก่อนข้าพเจ้าแลเห็นชีวิตเป็นสิ่งที่สวยงาม บริสุทธิ์สะอาด มีแต่ความซื่อความเที่ยงธรรมและความดี แต่ชีวิตในปักกิ่งได้สอนข้าพเจ้าว่า ชีวิตของคนเรายังมีด้าน/*40*/ที่ดำมืดอีกด้านหนึ่ง เป็นด้านที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน........เต็มไปด้วยความผิดหวัง และร้ายที่สุด........เต็มไปด้วยความคดโกงเอาเปรียบเห็นแก่ตัว นี่เป็นชีวิตด้านใหม่ที่ข้าพเจ้าได้ศึกษา–ชีวิตที่ทำให้ข้าพเจ้ามองดูโลกด้วยความเบื่อหน่ายในบางครั้ง แต่ระพินทร์เกิดมาด้วยเลือดของพ่อ–เลือดของความทรหดในหัวใจ เลือดของพ่อทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจว่า โลกนี้เป็นเวทีใหญ่ที่ทุกคนจะต้องต่อสู้กันด้วยความทรหดอดทน ผู้ที่เจริญแล้วก็ต้องต่อสู้เหมือนกัน แต่เขาสู้อย่างมีกติกา–สู้ด้วยน้ำใจของนักกีฬาแท้ สำหรับคนป่าเถื่อนที่อาจซ่อนตัวอยู่ในเสื้อผ้าอันมีเกียรติ เขาก็ต้องสู้เช่นเดียวกับสัตว์ที่มีชีวิตทั้งหลาย แต่การต่อสู้ของเขาไม่มีกติกาอะไรเลย เขาไม่เอาใจใส่ว่าวิธีต่อสู้ของเขาจะสกปรกโสมมเพียงไร ขอแต่ให้ได้ชัยชนะเท่านั้นเป็นพอ คนเหล่านี้ได้แบกเอาความเห็นแก่ตัวไว้มากเท่ากับความขลาด คือขลาดที่ไม่กล้าต่อสู้อย่างใจนักเลง เขาอาจจะตีหัวคู่ต่อสู้ของเขาทางข้างหลังได้ โดยไม่ต้องเป็นห่วงอุดมคติอะไรสักนิด นี่แหละ เวทีของการต่อสู้ เวทีที่ทำให้คนซื่อกลายเป็นคนโง่ /*41*/เวทีที่ทำให้ผู้เจริญกลายเป็นผู้แพ้ที่ถูกย่ำเหยียบ เวทีที่ทำให้ศิลปินผู้บูชาความจริงต้องเผชิญหน้ากับความตาย อย่างไรก็ดี ปักกิ่งได้สอนข้าพเจ้าว่า จงอย่าผิดหวังในเกมการต่อสู้ของมนุษย์ จงอย่าคิดว่าการต่อสู้ของสัตว์ที่มีชีวิตทุกชนิด มีกติกาที่ควรจะไว้วางใจได้ ชีวิตคือการต่อสู้! แน่นอนเทียวท่าน แต่มันน่าสลดใจที่เราไม่ได้ต่อสู้กันอย่างผู้เจริญ
จางหลินสนิทสนมกับข้าพเจ้าภายในเวลาอันรวดเร็ว เราสนทนากันถึงเรื่องเมืองจีนและเมืองไทย เขาบอกข้าพเจ้าว่าเขามีเพื่อนคนไทยหลายคนที่บอสตันและโตเกียว เขาสารภาพว่าเขารักน้ำใจของคนไทยหลายคนที่เขาพบ คนไทยเป็นคนใจกว้าง เปิดเผย ไม่ถือตัว นี่คือความรู้สึกของจางหลิน ความรู้สึกที่ทำให้เขาคิดว่า ข้าพเจ้าก็คงจะเหมือนกับเพื่อนคนไทยที่เขาได้พบในที่อื่น ๆ คือใจกว้าง เปิดเผย และไม่ถือตัว
รถไฟยังคงแล่นต่อไปอย่างรวดเร็ว เราผ่านทรากกำแพงโบราณ ที่มีอายุนับด้วยเรือนศตวรรษหลายแห่ง จางหลินบอกว่าเราเข้าเขตนครปักกิ่งแล้ว ข้าพเจ้าใจเต้น /*42*/ปักกิ่งกำลังใกล้เข้ามา ปักกิ่ง–นครโบราณอันตั้งอยู่เหนือพื้นแผ่นดินที่เกรอะกรังไปด้วยเลือดของการต่อสู้ ที่ได้หลั่งไหลมาตลอดเวลาหลายพันปี ข้าพเจ้าเชื่อว่าขณะนั้น ข้าพเจ้ากำลังผ่านไปเหนือสมรภูมิที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ คือสมรภูมิของการศึกระหว่างชือหยิวพ่อเมืองของคนไทยยุคดึกดำบรรพ์ กับหวงตี้พ่อเมืองของจีนเมื่อประมาณ ๔๖๒๑ ปีมาแล้ว