๑๑
รถไฟแล่นเข้าเทียบชานชาลา แล้วก็หยุดนิ่งลง พ่นไอน้ำออกกระทบอากาศอันหนาวเย็นเสียงดังสนั่น ดูประหนึ่งเป็นอาการแสดงว่าเจ้าม้าเหล็กที่ได้วิ่งมาตลอดระยะทางอันไกลกำลังหอบอยู่ด้วยความเหนื่อยอ่อน ข้าพเจ้าหิ้วกระเป๋าเดินทางลงมาที่ชานชลาพร้อมด้วยจางหลินและออสมียา พอเท้ากระทบพื้นซิเมนต์เราก็ถูกห้อมล้อมด้วยพวกโรงแรมร้อยแปด ร้องเชิญให้เราไปกับเขาเสียงสนั่นหวั่นไหว จางหลินส่งภาษาที่ข้าพเจ้าไม่ค่อยเข้าใจ เป็นผลให้คนพวกนี้กระจายกันออกไปหาเหยื่อรายใหม่ต่อไป เราเดินไปตามชานชลาอันยาวยืด จะมองไปแห่งใดก็มืดไปด้วยผู้คนที่เคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว ขณะนั้นอากาศหนาวมากแล้ว ทุกคนห่อหุ้มร่างกายด้วยเสื้อผ้าอันหนา ส่วนมากสวมเสื้อผ้าแบบจีน คือเสื้อคลุมยาวจดข้อเท้า ข้างในกรุด้วยขนแกะหรือสำลี เสื้อแบบนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกันทั้งผู้หญิงผู้ชาย เสียงพูดกันที่ดังอยู่รอบ ๆ หูช่วยให้ข้าพเจ้าแน่ใจตัวเองว่า บัดนี้ได้มาถึงปักกิ่งแล้ว ข้าพเจ้าไม่มีเวลาที่จะมองดูอะไร เพราะต้องหลีกไม่ให้ชนกับกุลีและพวกโรงแรมที่วิ่งไปมาอย่างสับสนอลหม่าน สักครู่จางหลินกับออสมียาก็พาข้าพเจ้าออกมาถึงลานถนนอันกว้างใหญ่หน้าสถานี เรายืนสูดอากาศอันหนาวเย็นแต่บริสุทธิ์สดชื่นอยู่สักครู่ ส่ายตามองหารถยนต์เช่า ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าควรจะจอดอยู่อย่างแน่นขนัด จางหลินรีบอธิบายว่า ในปักกิ่งมีรถยนต์เช่านับคันได้ และทุกคันเป็นรถฟอรฺดเก๋งสมัยคุณปู่ซึ่งควรจะทิ้งแล้วทั้งนั้น ยานพาหนะที่ชาวปักกิ่งใช้กันอยู่ชั่วนาตาปีก็คือรถลาก ซึ่งออกแบบและตกแต่งอย่างหรู ผิดกับรถลากที่พบในเมืองไทย รถประจำบ้านของพวกเศรษฐีตลอดจนพวกกุมอำนาจการปกครองมักเป็นรถลากทั้งนั้น แทบไม่มีบ้านใดที่ใช้รถยนต์ ข้าพเจ้าฟังด้วยความประหลาดใจ “แต่เธอจะต้องรู้จักปักกิ่งในไม่ช้า” จางหลินกล่าวต่อไป “ฉันรับรองว่าเธอจะต้องชอบปักกิ่ง เธอจะหนีเสน่ห์เมืองปักกิ่งไปไม่พ้นดอก”
ข้าพเจ้าหัวเราะเบา ๆ “ฉันคิดว่ากำลังจะเริ่มชอบปักกิ่งเสียแล้ว ต่างกับเซี่ยงไฮ้ราวฟ้ากับดินทีเดียว”
“วัฒนธรรมของเราอยู่ที่นี่” จางหลินพูดต่อไป “อ้าว! นั่นแน่ะแท๊กซี่”
รถฟอรฺดเก๋งสีดำรุ่นคุณปู่วิ่งมาหยุดอยู่ตรงที่จอดรถข้างหมู่รถลากใกล้กับที่เรายืนอยู่ ขณะนั้นเรากำลังจะถูกรุมล้อมโดยพวกกรรมกรรถลากเหล่านั้น ออสมียากวักมือเรียกคนขับมาแล้วบอกให้ขนกระเป๋าเดินทางสามใบไปใส่รถโดยไม่ต้องถามราคา กรรมกรรถลากพยายามจะยื้อแย่งกระเป๋ากันอย่างพัลวัน เพื่อจะนำไปใส่รถของตน และบังคับทางอ้อมให้เราเช่ารถของเขา ออสมียาส่งเสียงเอ็ดตะโร ส่วนจางหลินยิ้มอย่างใจเย็น คำพูดอันหนักแน่นของเขา ช่วยให้เราได้กระเป๋าคืนมาอย่างง่ายดาย
รถฟอรฺดที่มีอายุเกือบเท่าข้าพเจ้าวิ่งโขยกไปตามถนนปูด้วยท่อนหินแผ่นมหึมา สมกับเป็นถนนในนครโบราณ ผ่านเฉียนเหมินซึ่งมีหอคอยอันสูงตระหง่านแบบจีน แล้วก็เลี้ยวเข้าเขตสถานทูต ซึ่งมีลักษณะคล้ายเมืองเล็ก ๆ ที่สร้างซ้อนอยู่ในนครปักกิ่ง รอบเขตสถานทูตมีกำแพงกั้นอย่างแข็งแรง เจาะช่องสำหรับบรรจุปืน ห่างกันทุกๆ สองหลา ตรงปากถนนทุกสายทำประตูเหล็กบานมหึมาเจาะช่องสำหรับตั้งปืนเหมือนกัน ภาพกำแพงซึ่งมีลักษณะเตรียมพร้อมเหล่านี้ ทำให้ข้าพเจ้าระลึกไปถึงสมัย ค.ศ. ๑๙๐๐ ซึ่งอ่านพบในหนังสือหลายเล่ม ในปีนั้นปักกิ่งกำลังนองเลือด พวกกบฏนักมวยได้เข้าล้อมเขตสถานทูต ซึ่งชนชาวต่างชาติได้หนีเข้าไปอาศัยเพื่อให้พ้นจากการถูกจับฆ่า การโจมตีเขตสถานทูตซึ่งเรากำลังนั่งรถผ่านเข้าไปเพื่อทะลุออกอิสต์ซิตี้นี้ ได้เต็มไปด้วยความดุเดือดทารุณ จากคำบอกเล่าในหนังสือเหล่านั้น ปรากฏว่าการล้อมได้ดำเนินไปนาน พอที่จะทำให้ฝ่ายที่ถูกล้อมต้องเอาม้ามาฆ่ากินเป็นอาหารทุกวัน ภัยที่เกิดขึ้นในสมัยนั้นเป็นเหตุให้ต้องก่อกำแพงล้อมเขตสถานทูต ซึ่งมีอาณาเขตเป็นสี่เหลี่ยมใหญ่คล้ายเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่ง และตามกำแพงที่สร้างขึ้นใหม่นี้ ได้เจาะรูไว้สำหรับตั้งปืนอย่างพร้อมมูล เตรียมผจญกับการถูกล้อมซึ่งอาจเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองก็ได้ ในบริเวณเขตสถานทูตนี้แบ่งซอยออกเป็นสถานทูตชาติต่างๆ เช่นสถานทูตอังกฤษ, เยอรมัน, ญี่ปุ่น, อิตาลี, อเมริกัน, ฝรั่งเศส และ สเปญ ฯลฯ ตึกอันเป็นที่ตั้งสถานทูต ก่อเป็นแบบต่าง ๆ กันตามอัธยาศัยของผู้สร้าง ตึกสถานทูตอเมริกันสร้างแบบง่ายเป็นตึกเก่าแก่ที่สุดตึกหนึ่ง ได้สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. ๑๙๐๕ เขตสถานทูตรัสเซียกำลังปิดตาย เพราะความสัมพันธ์ทางการทูตได้ขาดสบั้นออก เมื่อเจียงไคเช้คตัดไมตรีกับโซเวียด หลังจาก ดร. ซุนยัดเซนได้ถึงแก่กรรมแล้วเมื่อ ค.ศ. ๑๙๒๕ อันเขตของรัสเซียนี้นับว่าเป็นเขตที่ตกอยู่ภายในกำมือของชาวต่างประเทศนานที่สุด กล่าวคือได้มีอายุยืนยาวมากกว่าสองร้อยปี สถานทูตอังกฤษล้อมรอบด้วยกำแพงสูงใหญ่ อยู่ตรงข้ามสถานทูตญี่ปุ่น บนกำแพงด้านหน้ายังมีรอยกระสุนปืนสมัยกบฏนักมวยปรากฏอยู่แลเห็นได้ถนัด เพราะเขาตั้งใจจะรักษาไว้เป็นเครื่องเตือนใจ ยิ่งกว่านั้นพวกอังกฤษยังจารึกตัวอักษรสีดำไว้ใต้รอยกระสุนปืนว่า “Lest We Forget” เป็นเครื่องชวนให้จดจำความหลังอันเต็มไปด้วยรอยเลือด เมื่อ ค.ศ. ๑๙๐๐ นั้น อักษรสามคำนี้ทำให้ข้าพเจ้าสลดใจเสมอ ตะวันตกกับตะวันออก! ท่านเข้าใจว่าอย่างไร? ท่านคิดหรือว่า ถ้ามนุษย์ยังคงจองเวรกันอยู่ เศษของสันติภาพจะมีอยู่ในโลกนี้?