๔๑
“ฉันเคยพูดถึงยวนซีไข ว่าเป็นคนสำคัญคนหนึ่งที่หมุนโชคชาตาของจีน บางทีเธออาจต้องการทราบว่าทำไมฉันจึงกล่าวเช่นนั้น ฉันเคยเล่าให้เธอฟังบ้างแล้วว่า ประเทศจีนถ้าไม่ถูกยวนซีไขหักหลังเมื่อตอนคั้งเหย่าเหวยกับเหลียงฉีเชาเสนอโครงการเปลี่ยนระบอบการปกครองแก่พระเจ้ากวงสู้ บางทีเราอาจจะมีความสงบมากกว่าเวลานี้มาก ฉันไม่คิดว่าจะมีการปฏิวัติใหญ่เพื่อเปลี่ยนจีนเป็นริปับลิคใน ค.ศ. ๑๙๑๑ ถ้าแม้เราแก้ไขการปกครองแบบเก่าเสียเมื่อ ค.ศ. ๑๘๙๘ นั่นเป็นตอนแรกที่ยวนซีไขหมุนโชคชาตาของจีน อีกตอนหนึ่งที่คน ๆ นี้ทำความมืดมัวให้แก่จีนอีก ก็คือขณะที่จีนปฏิวัติใหม่ ๆ ซึ่งเป็นหัวเลี้ยวที่สำคัญยิ่ง เมื่อเกิดปฏิวัติขึ้นใน ค.ศ. ๑๙๑๑ ราชบัลลังก์อกสั่นงันงกมาก เพราะทหารของคณะราษฎรได้ชัยชนะประชิดเข้ามาเรื่อย ๆ โดยเหตุนี้จึงมอบอำนาจผู้บัญชาการทัพให้แก่ยวนซีไข นั่นเป็นโอกาสสำคัญที่ยวนซีไขรีบฉวยเอาทันที เพราะมั่นใจว่าเป็นบันไดขั้นแรกที่จะนำตนไปสู่ผู้มีอำนาจ ยวนซีไขนำทัพเข้ารบกับทหารคณะราษฎร ศึกกลางเมืองยังไม่ทันไปแค่ไหน แม่ทัพนายกองหลายคนที่อยู่ทางฝ่ายราชบัลลังก์ก็เกิดเบื่อขึ้นมา หากันยื่นคำขาดขอให้กษัตริย์ประทานรัฐธรรมนูญให้แก่ประเทศในทันที ฝ่ายรัฐบาลกำลังบอบช้ำมาก เกรงว่าถ้าปฏิเสธก็อาจเกิดกบฏขึ้นภายในกองทัพ ฉะนั้นจึงต้องยอมตกลง จีนก็มีรัฐธรรมนูญเป็นฉบับแรก ยวนซีไขได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นความสำเร็จสมความมั่นหมายอีกก้าวหนึ่ง แต่รัฐธรรมนูญที่กษัตริย์ประทานให้ในครั้งนั้นหาเป็นที่พอใจคณะราษฎรไม่ นักปฏิวัติทุกคนได้ตั้งใจต่อสู้ต่อไปอีก จุดหมายปลายทางของเขาไม่ใช่การปกครองในระบอบที่มีกษัตริย์อยู่ใต้กฎหมาย แต่เป็นการปกครองที่ไม่มีกษัตริย์ราชวงศ์ชิงปะปนอยู่ด้วย นั่นคือการปกครองรูปริปับลิค โดยเหตุนี้เอง แม้กษัตริย์จะได้ประทานรัฐธรรมนูญแล้วก็ดี แต่ศึกกลางเมืองก็ยังคงดำเนินต่อไป ราษฎรได้ลุกขึ้นทีละมณฑล จนกระทั่งในที่สุดมณฑลที่เหลืออยู่ทางฝ่ายรัฐบาลก็มีเพียง ๒ มณฑลเท่านั้น ยวนซีไขพยายามอย่างสุดกำลังที่จะติดต่อพูดจากับคณะราษฎร แต่ก็ทำการหาสำเร็จไม่ ผลที่สุดฝ่ายรัฐบาลก็แน่ใจว่าไม่มีหวังเสียแล้วที่จะทำความตกลงกับคณะราษฎรได้
“แต่ครั้นแล้วก็ถึงขั้นสงบศึก ยวนซีไขส่งผู้แทนออกไปเจรจากับฝ่ายราษฎร ได้มีการโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน ผลที่สุดผู้แทนฝ่ายรัฐบาลก็ตกลงยอมให้เปิดสภาชาติเพื่อวินิจฉัยการปกครองควรจะเดินรูปใด ยวนซีไขโกรธผู้แทนของตนมากที่ไปตกลงเช่นนั้น เพราะถ้าขืนยอมให้มีการวินิจฉัยกันในสภาที่เปิดขึ้น ผลดีก็ย่อมจะไม่เกิดแก่ตน เพราะพวกที่ต้องการจะมีการปกครองรูปริปับลิคไม่ให้มีกษัตริย์ ย่อมมีจำนวนมากกว่าคงจะชนะโหวตอย่างไม่มีปัญหา ซึ่งถ้าจีนเปลี่ยนเป็นริปับลิคแล้วตนก็จะต้องหมดอำนาจลง โดยเหตุนี้ ยวนซีไขจึงทำการหักล้างข้อตกลงนั้นเสีย การปรองดองจีงต้องล้มเหลวไป
“อย่างไรก็ดี คณะราษฎร์ได้ปักใจแน่วแน่ลงไปว่า จะต้องวางรูปการปกครองประเทศให้เป็นแบบริปับลิคให้จงได้ ฉะนั้นจึงเลือกนครนานกิงเป็นเมืองหลวง ปล่อยให้ปักกิ่งยังคงดำรงตำแหน่งเมืองหลวงของรัฐบาลกษัตริย์ไปก่อน ผู้แทนมณฑล ๑๓ มณฑลได้มาประชุมกันเพื่อร่างรัฐธรรมนูญการปกครองขึ้น ลำดับนั้นพอดี ดร. ซุนยัดเซนเดินทางไปร่วมประชุมที่นานกิงด้วย และได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนแรกของจีน ในฐานะที่ได้เป็นผู้นำของการปฏิวัติใหญ่เรื่อยมาตั้งแต่ต้น
“ขณะนั้นทางปักกิ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกษัตริย์ ยวนซีไขได้ชักชวนให้กษัตริย์สละราชบัลลังก์ได้สำเร็จ เพราะเห็นว่าการเอากษัตริย์ไว้ไม่มีประโยชน์อะไรเสียแล้ว ราษฎรส่วนมากทุ่มเทความเห็นชอบในทางลัทธิการปกครองแบบริปับลิค ผู้ที่เลื่อมใสในกษัตริย์ได้ลดน้อยลงทุกวัน เมื่อหมดกษัตริย์เสียแล้ว ยวนซีไขก็ยิ่งมีอำนาจมากขึ้น จีนเหนือทั้งหมดตกอยู่ในกำมือของบุคคลผู้นี้”
“ขณะนั้นจีนแบ่งออกเป็นฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ ความเป็นปึกแผ่นได้พินาศไปสิ้นแล้ว ศึกกลางเมืองซึ่งหยุดไปชั่วคราวทำท่าจะเกิดขึ้นอีก เพราะไม่มีลู่ทางอันใดเลยที่จะทำความตกลงกันได้ ยวนซีไขมีคนเกลียดมาก เกือบจะเสียชีวิตครั้งหนึ่งที่ปักกิ่ง เพราะถูกขว้างด้วยลูกระเบิด ความตึงเครียดได้ทวีขึ้นทุกวัน เลือดทำท่าจะนองอีกในวันในพรุ่ง
“แต่จีนไม่สิ้นคนดี จีนมีคนรักชาติด้วยหัวใจอีกไม่น้อย นักปฏิวัติของจีนคนหนึ่งได้เสี่ยงชีวิตเพื่อเห็นแก่ชาติด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่คิดถึงประโยชน์ส่วนตัว ไม่คิดถึงลาภยศเงินทอง ท่านผู้นี้คือ ดร. ซุนยัดเซน บุคคลคนเดียวที่ระงับศึกกลางเมืองซึ่งทำท่าจะเปิดฉากออกนั้นให้สงบไป
“วิธีห้ามศึกของ ดร. ซุนเป็นวิธีง่าย ๆ ใคร ๆ ก็ทำได้ถ้าแม้เขาเห็นแก่ชาติจริง ๆ ดร. ซุนยัดเซนมอบตำแหน่งประธานาธิบดีให้แก่ยวนซีไข ยอมให้ยวนเป็นผู้นำของจีนแต่ผู้เดียว ทั้งนี้เพื่อให้จีนเหนือกับจีนใต้ได้รวมกันเป็นปึกแผ่นแน่นหนา ไม่ให้เสียเลือดเนื้อของราษฎรผู้ปราศจากความผิด ไม่ให้เสียเวลาสร้างชาติซึ่งกำลังอยู่ในระยะที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
“แต่ว่า ดร. ซุนยัดเซนต้องผิดหวังอย่างน่าสงสาร ระพินทร์, ฉันไม่ได้บอกเธอดอกหรือว่ายวนซีไขเป็นคนที่หมุนโชคชาตาของประเทศจีน เขาหมุนครั้งแรกด้วยการหักหลังพระเจ้ากวงสู้ และในครั้งนี้เขาก็หมุนโชคชาตาของจีนอีก เขาหักหลัง ดร. ซุนอย่างเลือดเย็น
“ดร. ซุน ยอมลาออก เพื่อมอบตำแหน่งประธานาธิบดีให้แก่ยวนซีไขก็เพื่อความสงบ และเพื่อจะทะนุถนอมระบอบริปับลิคให้ยืนยงคงอยู่ แต่พอยวนซีไขรับเอาตำแหน่งประธานาธิบดีไป เขาก็เตรียมตัวเป็นเจ้าแผ่นดินทันที”