๑๖
ในตอนเย็นวันอาทิตย์ จางหลินส่งรถมารับข้าพเจ้าตามนัด อากาศเวลาเย็นค่อนข้างมืดครึ้ม ลมหนาวพัดมาสะท้านเข้าไปในหัวใจ รถลากคันงาม ซึ่งเป็นรถประจำบ้านของจางหลิน พาข้าพเจ้าผ่านไปตามถนนต่าง ๆ ซึ่งมีคนเดินไปมาขวักไขว่ เมื่อเปรียบกับเซี่ยงไฮ้ ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ถนนปักกิ่งเงียบสงบสมเป็นเมืองโบราณ การเคลื่อนไหวของผู้คนตามถนน เป็นการเคลื่อนไหวที่ล่าช้าเยือกเย็น เต็มไปด้วยความรักสงบไม่แยแสกับเหตุการณ์ใด ๆ ไม่มีความตื่นเต้น ไม่มีความหวั่นไหวอะไรทั้งสิ้น แต่ในเซี่ยงไฮ้ นอกจากหุ่นเสื้อซึ่งเปลี่ยนแบบเป็นประจำวันเคลื่อนไหวไปมาตามถนนอย่างคับคั่งแล้ว เรายังได้พบความไหวตัวอันเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจในชีวิต...เต็มไปด้วยความล่อหลอกและภาพลวงตา....เต็มไปด้วยท่าทางที่ต้องการจะเอารัดเอาเปรียบกัน รวมความว่าการเคลื่อนไหวของชีวิตในเซี่ยงไฮ้ เป็นการเคลื่อนไหวที่ต้องการจะต่อสู้กับชีวิตอย่างทรหด ไม่ยอมเสียเปรียบ—ไม่ยอมถอยหลัง การต่อสู้นั้นจะมีกติกาหรือไม่ย่อมไม่ใช่ข้อสำคัญ เรามักพบข่าวอุกฉกรรจ์ตามถนนเซี่ยงไฮ้เนือง ๆ เช่นข่าวตำรวจกับผู้ร้ายไล่ยิงกันกลางวันแสก ๆ ข่าวการลักพาเพื่อเรียกเอาค่าไถ่ พวกเศรษฐีไม่ยอมเดินถนน เวลาจะไปไหนก็ต้องจ้างองครักษ์ด้วยราคาแพงนั่งรถกำกับไปด้วย แต่แม้กระนั้นแล้วในบางครั้งก็ยังไม่พ้นมือมหาโจร ซึ่งประกาศตนเป็นสุภาพบุรุษของเขาด้วยเสื้อผ้าอันวิจิตร นี่คือภาพถนนในเซี่ยงไฮ้ ภาพที่ไม่ต่างกับเรื่องภาพยนตร์ยีเมน แต่ในปักกิ่ง ภาพถนนหนทางเป็นภาพที่มีลักษณะตรงกันข้าม ข้าพเจ้าพบความเงียบสงบ ความซื่อๆ ง่ายๆ ความเป็นมิตรอันบริสุทธิ์ ชีวิตเคลื่อนไหวไปมาช้า ๆ ตามถนน........ไม่เอาใจใส่กับอะไรนอกจากความพึงพอใจในความเป็นอยู่ของดน เหล่านี้....แม้จะไม่ใช่เครื่องหมายของความก้าวหน้า........แต่ก็เป็นเครื่องหมายของความสงบอันแท้จริง ซึ่งเป็นยอดปรารถนาของผู้เจริญ