๒๔

ขณะนั้นยังเหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีก็จะถึง ๑๐.๐๐ น. ข้าพเจ้าชวนจวนฟางออกไปยังห้องประชุม ที่ปากทางเข้า พบฮูเวอร์กับภรรยายืนคุยอยู่กับสหายชาวจีนผู้หนึ่ง ฮูเวอร์เป็นหมอสอนศาสนาประจำ ไว.เอ็ม.ซี.เอ. มาถึงปักกิ่งก่อนหน้าข้าพเจ้าเพียงสามเดือน ผัวเมียคู่นี้ใจดีเหมือนพระ เอาใจใส่ช่วยเหลือข้าพเจ้าทุกอย่าง ข้าพเจ้าเล่าให้เขาฟังว่า ในเมืองไทยมีหมอสอนศาสนาไม่น้อยเหมือนกัน แต่ศาสนาพุทธของเรามีรากเง่าลึกซึ้งมาก ฉะนั้นจึงมีคนไทยไม่มากนักที่นับถือศาสนาคริสเตียน ฮูเวอร์เป็นชาวอเมริกันที่มีเลือดเยอรมันปนอยู่บ้างเล็กน้อย ผมสีทอง คางสี่เหลี่ยม รูปร่างใหญ่โตเทอะทะ มิสซิสฮูเวอร์มีเลือดฝรั่งเศสปนอยู่บ้าง บ้านเดิมอยู่ในคานาดา เป็นคนรูปร่างสูงโปร่งหน้าสวย ช่างพูด คนทั้งสองตั้งอกตั้งใจจะเผยแพร่ศาสนาเสียจริงๆ ทุกๆ วันจันทร์ พุธ ศุกร์ ฮูเวอร์เปิดการซักถามเรื่องศาสนาขึ้นที่ ไว.เอ็ม.ซี.เอ. มีชาวจีนหัวใหม่ที่พูดภาษาอังกฤษได้ไปฟังกันมาก ฮูเวอร์ยิ้มกับข้าพเจ้า ขณะที่เราผ่านประตูเข้าไปในห้องประชุม จวนฟางกระซิบถามข้าพเจ้าเมื่อเลือกที่นั่งได้เรียบร้อยแล้ว ข้าพเจ้าเล่าให้ฟังเท่าที่ทราบว่าฮูเวอร์เป็นใคร มีนิสัยใจคอดีอย่างไร จวนฟางบอกว่าเรื่องใจดีเป็นของธรรมดาที่สุดสำหรับพวกหมอสอนศาสนา ประเทศจีนแท้จริงได้รับความช่วยเหลือจากสมาคมหมอสอนศาสนามาก มหาวิทยาลัยเยียนจิงที่เคยเป็นสำนักศึกษาเดิมของหล่อน ก็สร้างขึ้นด้วยทุนที่เกี่ยวกับการศาสนา มหาวิทยาลัยแห่งนี้ใหญ่โตมากในจีนเหนือ มีนักศึกษานับพัน ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยอาคารหลังมหึมา การก่อสร้างพยายามรักษาศิลปของจีนไว้เสมอ เช่นหลังคาลูกฟูกและสีกับลวดลายเป็นต้น ความพยายามที่จะรักษาศิลปของตนไว้นี้ เป็นเรื่องน่านึกมากเท่ากับเรื่องเผยแพร่ศาสนาคริสเตียนในบูรพาทวีป บัญหาของการสร้างชีวิตใหม่ เป็นปัญหาที่ชาวบูรพาต้องคิดมากสักหน่อย ข้อสำคัญยิ่งอยู่ที่เราจะทิ้งอะไร และรักษาอะไร ศิลปะของชาวตะวันออกเป็นศิลปะที่มีประวัติศาสตร์มาแล้วนับด้วยพัน ๆ ปี ฉะนั้นจึงไม่ควรจะมีราคาเลวกว่าศิลปะของชาวตะวันตก ในเมืองจีน ผู้รู้ทุกคนเขาพยายามรักษาศิลปของเขาไว้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนครปักกิ่งซึ่งเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมจีน เขาเข้าใจดีว่าศิลปคือเครื่องหมายที่แสดงให้เห็นว่าชาติของเขาได้เจริญรุ่งโรจน์มาแล้วอย่างไร ศิลปะเป็นพยานสำคัญยิ่งที่ยืนยันให้โลกเห็นความรุ่งเรืองของผู้เป็นเจ้าของ–เป็นอุปกรณ์ของชีวิตที่ทำให้เจ้าของรักษาตัวของเขาเองไว้ได้มองดูแล้วก็รู้ว่าเป็นใคร มีความเจริญมีความเก่าแก่มาแล้วอย่างไร ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าแลเห็นหลังคาลูกฟูก, เห็นเสื้อต้าผาว, เห็นพู่กัน, เห็นต้วยตฺจึที่แขวนตามกำแพงในห้องรับแขก, เห็นโต๊ะเก้าอี้ไม้ดำ, เห็นสีเขียวใบไม้กับสีแดง, เห็นเก๋งและเหลาสูง, เห็นภาพต้นสนต้นไผ่และภูเขาที่หลบอยู่ในเมฆหมอก เห็นอักษรที่มีเส้นขีดไปมายุ่งเหยิง แต่เส้นเหล่านั้นมีชีวิตและเต็มไปด้วยศิลปะอันสูงและเก่าคร่ำ, เห็นโบสถ์ขงจื๊อและกระถางธูป ตลอดจนลวดลายมังกรที่สลักอยู่ที่เสาหิน ฯลฯ ข้าพเจ้าก็รู้ได้ดีในทันทีว่านี่แหละคือเมืองจีน ซึ่งเคยรุ่งเรืองมาก่อนหน้ายุโรปและอเมริกา แต่เวลาข้าพเจ้าเห็นโบสถ์ฝรั่ง, เห็นกางเขนพระเยซู และเห็นอะไรร้อยแปดที่ “บันทุกเรือ” มาจากยุโรป ข้าพเจ้าก็เสื่อมความรู้สึกในเรื่องความขลังหรือความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตประวัติแห่งประเทศจีน ซึ่งมีอายุมาแล้วอย่างน้อยห้าพันปี ความรู้สึกเช่นนี้แหละที่ทำให้ข้าพเจ้าเกลียดเซี่ยงไฮ้เข้ากระดูก และชอบปักกิ่งอย่างพรรณนาไม่ได้

จวนฟางบอกว่า บางทีจางหลินอาจมาฟังปาฐกถาด้วยก็ได้ แต่ไม่แน่นัก เพราะตอนเช้าวันนี้มีประชุมกองบรรณาธิการ เนื่องจากเกิดปัญหาด่วนขึ้น เพราะบทความชิ้นหนึ่งที่ปรากฏในหน้ากระดาษหนังสือเป่ผิงฉือป้าวเมื่อวานนี้ ข้าพเจ้าอ่านหนังสือของจางหลินทุกฉบับ เวลาเดือนกว่าในปักกิ่งพอจะทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจได้ว่าจางหลินต้องการอะไร และจะต้องผจญกับอนาคตอย่างไรบ้าง ข้าพเจ้าระลึกไปถึงชีวิตพวกคริสเตียนในอาณาจักรโรมตอนต้นและกลางสมัยคริสต์ศตวรรษที่หนึ่ง นั่นเป็นภาพจริงของคนดีที่โลกไม่ต้องการ–คนดีที่ต่อสู้เพื่อความบริสุทธิ์สะอาดแห่งหัวใจของมนุษย์ คนดีที่ต้องการจะสร้างวิมานลงในป่าชีวิตที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว, ความคดโกง, ความกดขี่บีบคั้น และความทารุณนานาประการ คนดีเหล่านี้ได้รับรางวัลตอบแทนอะไรบ้าง? เนื้อของเขาได้กลายเป็นอาหารอันโอชะของสิงห์โตและจระเข้ ข้อมือและข้อเท้าถูกล่ามอยู่ในโซ่ตรวน อิสรภาพของเขาแขวนอยู่ในห้องมืดอันสกปรกโสมม นั้นคือรางวัลที่เขาได้รับ–รางวัลชนิดเดียวกันกับที่ผู้ร้ายใจทมิฬได้รับ เมื่อได้ประกอบกรรมอันชั่วมาแล้ว คนดีที่โลกไม่ต้องการมีอยู่ทุกสมัยนะท่าน อนิจจา! คนดี!

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ