๓๗

เขายิ้มอย่างเยือกเย็น แสดงให้เห็นความมั่นคงของความตั้งใจ นิ่งอยู่ขณะหนึ่ง แล้วก็กล่าวต่อไปว่า

“เมื่อกี้ฉันได้พูดถึงตัวอย่างอันดีของการเป็นนักหนังสือพิมพ์ ฉันคิดว่าฉันควรจะเล่าให้เธอฟังละเอียดกว่านี้ เมื่อฉันเล็ก ๆ ฉันเคยได้ยินชื่อคน ๆ หนึ่ง ชื่อของเขาได้จารึกอยู่ในชีวิตวิญญาณของฉันเสมอ เขาเป็นคนที่ราชบัลลังก์ต้องการศีรษะ เป็นนักต่อสู้ที่ทำให้ราชบัลลังก์ต้องสั่นสะเทือนอย่างแรง จนกระทั่งในที่สุดก็ถึงแก่ความพินาศไปใน ค.ศ.๑๙๑๑ ซึ่งเป็นปีที่เกิดปฏิวัติใหญ่ เวลานั้นเธอคงนึกวาดภาพได้ดีว่าประเทศจีนกำลังเต็มไปด้วยความปั่นป่วนอย่างยิ่ง การรุกรานของพวกฝรั่งตั้งแต่กลางศตวรรษที่ ๑๙ ได้ทำให้ราษฎรที่มีการศึกษาดีเริ่มคิดถึงความสิ้นสูญของเอกราชซึ่งจะต้องมีมาในอนาคต ถ้าแม้ไม่ช่วยกันแก้ไขเสียแต่ต้น ๆ มือ ความปราชัยพ่ายแพ้ของกองทัพจีนที่รบกับฝรั่งทุกคราว ได้ทำให้ราษฎรแลเห็นความอ่อนแอของราชบัลลังก์ยิ่งขึ้นทุกที จนกระทั่งในที่สุดก็ทนกันไม่ได้จึงเกิดปฏิวัติขึ้น เรื่องการปฏิวัติของเราเป็นเรื่องใหญ่ จะเล่ากันในชั่วโมงสองชั่วโมงไม่ได้ แต่เธอคงจะหาอ่านได้เองจากหนังสือต่าง ๆ ทั้งภาษาจีนและภาษาต่างประเทศ

“การที่ฉันพูดถึงคน ๆ นี้ ก็เพราะเขาเป็นนักหนังสือพิมพ์คนหนึ่งที่ปลุกจีนให้ตื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาเป็นตัวอย่างอันดีของนักหนังสือพิมพ์ที่เขียนหนังสือด้วยความเห็นแก่ชาติอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง เขาทำให้ฉันตัดสินใจเป็นนักหนังสือพิมพ์ คนที่ไม่ค่อยจะมีใครเขาต้องการ เขาทำให้ฉับเป็นคนพูดอะไรตรงๆ เป็นคนซื่อต่อความคิดเห็นที่ไม่มีความเห็นแก่ตัวเจือปนอยู่ เขาเป็นนักต่อสู้ที่กล้าหาญบูชาความจริง เขาช่วยให้ฉันเกิดกำลังใจที่จะต่อสู้กับชีวิตของนักหนังสือพิมพ์ เพื่อพี่น้องร่วมชาติที่ฉันรักและต้องการให้มีสุข คนๆนี้เป็นคนที่ชาวจีนไม่ลืม เพราะทุกคนย่อมระลึกได้ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะบทความที่เขาเขียนออกมาโดยไม่หวาดหวั่นต่อคมดาบที่คอยเรียกร้องศีรษะเขาอยู่ทุกขณะลมหายใจแล้ว จีนอาจทำการปฏิวัติไม่สำเร็จใน ค.ศ. ๑๙๑๑ เขาเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้จีนลุกขึ้นทั่วทั้งประเทศในปีนั้น เธอลองเดาซิว่าคน ๆ นี้คือใคร?”

ข้าพเจ้ามองตาจางหลินอย่างผู้มีชัย คือมีชัยที่คิดว่าข้าพเจ้ารู้จักบุคคลคนนี้ดี

“ดร. ซุนยัดเซน” ข้าพเจ้าพูดด้วยความแน่ใจที่สุด

บุรุษผู้มีความเยือกเย็นเป็นนิสัย หัวเราะเบา ๆ แล้วตอบอย่างสุภาพว่า

“เธอเดาด้วยเหตุผลที่งดงามมาก ฉันขอชม แต่เธอเดาผิด”

ข้าพเจ้ามองหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ จางหลินกล่าวต่อไปอย่างอารมณ์เย็น

“ดร. ซุนยัดเซนเป็นริปับลิกัน คน ๆ นี้เป็นมอนารฺคีสต์ ทั้งสองท่านเป็นปฏิปักษ์ต่อกันอย่างขมขื่นที่สุด อยู่กันคนละฝ่ายจนกระทั่งชีวิตดับ เดี๋ยวนี้ ดร. ซุนและท่านผู้นี้ก็ได้ตายจากกันไปหลายปีแล้ว แต่ชาวจีนยังรำลึกได้เสมอว่า ระหว่างที่มีชีวิตอยู่คนทั้งสองได้ต่อสู้กันอย่างทรหด–อย่างนักการเมือง–ต้องเสียเรี่ยวแรงไปข้างละมากๆ อย่างไรก็ดี ถึง ดร. ซุนจะเป็นผู้มีชัยชนะในเกมการเมือง และมีคุณความดีจนได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งรีปับลิคจีน บุคคลที่ฉันกล่าวถึงนี้ก็มีความดีมากพอที่ชาวจีนจะลืมเสียไม่ได้ ชาวจีนย่อมจำได้ดีว่า ท่านผู้นี้เป็นผู้ปลุกให้จีนตื่นด้วยปลายปากกาที่คมที่สุด เมื่อกี้ฉันได้กล่าวว่า เขาเป็นผู้ทำให้ราชบัลลังก์สั่นสะเทือน จนต้องโค่นลงด้วยปากกาของเขา ที่ฉันกล่าวเช่นนี้ น่าจะขัดกับความจริงที่ว่า ตัวเขาเป็นมอนารฺคีสต์ เป็นผู้ฝักใฝ่อยากจะให้ราชบัลลังก์ได้ดำรงคงอยู่ เพราะมีความเชื่อมั่นว่าจีนจะยุ่งถ้าไม่มีเจ้าแผ่นดิน เรื่องนี้ดูออกจะแปลกอยู่บ้าง แต่ความจริงนั้นเขาไม่ต้องการจะโค่นราชบัลลังก์เลย สิ่งที่เขาต้องการก็คือปลุกให้จีนตื่นขึ้นเพื่อทำตัวให้ก้าวหน้าทันประเทศอื่น ๆ แต่ผลที่เกิดขึ้นได้กลายเป็นการสนับสนุน ดร. ซุนยัดเซนไป ชาวจีนที่ตื่นขึ้นด้วยปากกาของเขาได้พากันเดินเข้าไปในค่าย ดร. ซุนเป็นส่วนมาก กล่าวคือ ต่างมีความเห็นว่าราชบัลลังก์ใช้ไม่ได้ ต้องโค่นลงเสีย และเปลี่ยนจีนเป็นริปับลิค พูดง่าย ๆ ก็คือ เขาได้ทำทางไว้ให้ ดร. ซุนยัดเซนเดินนั้นเอง นี่เป็นการปราชัยครั้งแรกในการเล่นเกมการเมืองของบุคคลผู้นี้”

“ฉันคิดว่าชีวิตของท่านผู้นี้น่าตื่นเต้นมากทีเดียว” ข้าพเจ้ากล่าวขึ้นลอย ๆ

จางหลินพยักหน้ารับรอง

“น่าตื่นเต้นพอใช้ เพราะเขาเป็นทั้งนักหนังสือพิมพ์, นักการเมือง, นักประวัติศาสตร์และวรรณคดี เป็นนักต่อสู้ที่สู้จนกระทั่งนาทีที่สุดของชีวิต เธอคงได้เคยไปที่หอสมุดแห่งชาติ–นั่นยังไง อยู่ทางฝั่งโน้นตรงหน้าเรานี่แหละ ที่นั้นเขาเก็บต้นฉบับที่ท่านผู้นี้เขียนไว้เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว เป็นต้นฉบับที่มีค่ามาก เป็นเอกสารสำคัญของชาติจีนในยุคปฏิวัติ ชาวจีนทุกคนที่เหยียบย่างเข้าไปในหอสมุด จะต้องเวียนไปดูต้นฉบับเหล่านี้ ลายมือสวยงาม เขียนด้วยความปราณีตบรรจงทุกตัวอักษร แสดงให้เห็นความละเอียดสุขุมของเขา ทุกๆ ตัวอักษรที่เขาเขียนไว้ เป็นเครื่องเตือนใจให้ชาวจีนสำนึกตัวว่า จีนจะต้องก้าวหน้าต่อไป—จะต้องช่วยกันสร้างชาติอย่างแข่งกับเวลา ฉันเคยเห็นพวกเด็กหนุ่ม ๆ สาว ๆ ของเราไปยืนมุงดูต้นฉบับเหล่านี้บ่อย ๆ ฉันสังเกตเห็นแววตาอันเต็มไปด้วยความมานะบึกบึน แววตาที่แสดงว่าเขาพร้อมที่จะต่อสู้กับชีวิต เพื่อประเทศชาติที่รักของเขา ฉันรู้ว่าตัวอักษรทุกตัวที่ท่านผู้นี้เขียนไว้ เป็นเชื้อเพลิงที่ช่วยทวีความรักชาติให้ลุกโพลงขึ้นในชีวิตจิตใจของเด็กหนุ่มสาวเหล่านี้อย่างประมาณไม่ได้ นี่แหละ ระพินทร์ อานุภาพของความดี ถึงชีวิตจะดับไปแล้ว แต่งานที่ทิ้งไว้ข้างหลังก็หาได้ตายตามไปด้วยไม่ วันหนึ่งเมื่อจีนสงบเรียบร้อยดีแล้ว เราคงจะได้เห็นอนุสาวรีย์ของท่านผู้นี้”

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ