๓๔

จางหลินทอดสายตามองข้ามพื้นน้ำแข็งไปจับอยู่ที่ฝั่งทางด้านหอสมุดแห่งชาติ ซึ่งสร้างเป็นแบบจีนงามสง่าสมเป็นสถานที่สำคัญ แล้วกล่าวว่า “ฉันเคยนึกภูมิใจแทนตัวระพินทร์เสมอที่ได้มีโอกาสมาเกิดในเมืองไทยในสมัยอันมืดมัวเช่นนี้ เมืองไทยเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความสุขและเสรีภาพ ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่ากันตามกฎหมาย ราษฎรไม่ถูกปิดปาก พูดอะไรก็ได้ในขอบเขตอันสมควร เป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือระพินทร์? ฉันเคยได้ยินเรื่องราวของเมืองไทยมาช้านานแล้ว จนกระทั่งฉันเกือบจะเดาได้ว่า ถ้าฉันไปเมืองไทยฉันจะได้พบอะไรบ้าง เดี๋ยวนี้ฉันก็ได้ยินจากปากเธออีกว่า เมืองไทยเป็นเมืองสวรรค์ มีความสงบราบรื่นแทบจะหาไม่ได้ในโลกนี้ ฉันคิดว่าคนไทยทุกคนคงจะรู้สึกว่าตนโชคดีที่ได้มาเกิดเป็นคนไทย มีความชื่นบานของชีวิตอย่างเต็มเปี่ยม ไม่มีนายและทาส มีแต่ความเสมอภาคและความกลมเกลียวกัน ไทยเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่ ไม่ใช่ประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ ไทยมีรากฐานของวัฒนธรรมความเจริญมาแล้วเป็นเวลาพัน ๆ ปี ฉันเคยอ่านประวัติศาสตร์มาบ้าง เพื่อนของฉันคนหนึ่งที่เมืองแคนตอนได้เคยค้นคว้าเรื่องราวของคนไทยมานาน เขายืนยันว่าไทยเป็นชาติใหญ่ เคยมีรกรากอยู่ในประเทศจีนจริงดังที่เคยกล่าวกันมา ในมณฑลกว่องซี กวางตุ้ง ก้วยโจว และหยุนนาน ก็ยังมีคนไทยอยู่ พูดภาษาไทยเก่า ไทยในมณฑลเหล่านี้ขาดอย่างเดียวเท่านั้น คือการรวบรวมเข้าด้วยกันเป็นปึกแผ่น เพราะอยู่กระจัดกระจายกันเป็นหย่อม ๆ พยานหลักฐานเหล่านี้ทำให้ฉันคะเนเอาเองว่า วันหนึ่งไทยจะขยายใหญ่โตยิ่งขึ้นไปอีก วัฒนธรรมไทยอันมีมาแต่โบราณจะเป็นสื่อสำคัญยิ่งที่จะดึงดูดเอาไทยเหล่านี้เข้ามารวมด้วย ฉะนั้นฉันจึงรู้สึกว่า การที่ประเทศไทยพยายามรักษาของเก่าไว้ให้มีตัวตนของตัวเองอยู่อย่างมากพอเช่นนี้ จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องอย่างยิ่ง ขนบธรรมเนียมประเพณีเป็นเนื้อแท้ของการรวมชาติ คนจีนถึงจะพูดภาษาต่างกันเพราะมีกิ่งภาษามากมาย แต่ก็มีประเพณีร่วมกัน มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาร่วมกัน มีหนังสือร่วมกัน รวมความว่ามีวัฒนธรรมความเจริญร่วมแนวกันอย่างสนิท วัฒนธรรมตัวนี้แหละที่ทำให้คนจีนเกาะกันเข้าเป็นกลุ่มก้อน ถึงจะแตกแยกกันบ้างเป็นครั้งคราวตลอดเวลา ๔-๕ พันปี ก็เป็นเรื่องของการเมืองชั่วขณะ ไม่ใช่เรื่องของความรู้สึก ฉันชมเมืองไทยมากในเรื่องการส่งเสริมและรักษาวัฒนธรรมไทย เพราะวัฒนธรรมไทยทำให้ไทยเป็นไทย ทำให้ไทยแหล่งอื่นรู้ว่าพี่น้องของเขาอยู่ที่ไหน ฉันเดาได้ว่า วันหนึ่งไทยจะต้องเป็นชาติที่ใหญ่ยิ่งในทวีปบูรพา ใหญ่กว่าที่ใหญ่อยู่ในเวลานี้ ความเจริญก้าวหน้าของไทยคงจะไม่มีที่สิ้นสุด เพราะคนไทยมีประสาทไวมาก ไหวตัวได้เร็วกว่าจีน มีความทรหดอดทนดี มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว รักเกียรติยศยิ่งกว่าชีวิต ฉันพูดเช่นนี้ถูกไหมระพินทร์”

ข้าพเจ้าก้มศีรษะรับและตอบว่า “ขอบใจที่ยกย่องชาติของฉัน เราคนไทยกำลังสร้างชาติกันใหญ่โต เรารู้ว่าเราต้องแข่งกับเวลา เวลาไม่คอยท่าใคร”

“ฉันเชื่อมั่นอยู่อย่างหนึ่ง” จางหลินพูดด้วยเสียงเบา ซึ่งยิ่งเพิ่มความสนใจให้แก่ข้าพเจ้ามากขึ้น “ทุกวันนี้โลกกำลังเริ่มแปรปรวนอย่างร้ายแรง เราทุกคนจะต้องได้เห็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ยิ่งในประวัติศาสตร์ การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการสร้างโลกใหม่ ทุก ๆ ประเทศจะต้องเข้าร่วมวงในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วย ประเทศที่เคราะห์ร้ายที่สุดก็คือประเทศเล็ก หรือประเทศที่ยังอ่อนแอและล้าหลัง ฉันมองไม่เห็นทางเลี่ยง ปีนี้เป็นปี ค.ศ. ๑๙๓๑ เรากำลังเห็นการไหวตัวในประเทศต่างๆ ความไหวตัวเหล่านี้ล้วนเกิดมาจากความไม่พอใจในการที่ถูกบังคับให้ดำรงชีวิตอยู่ในความไม่เสมอภาค ฉันแน่ใจเหลือเกินว่าสันติสุขจะมือยู่ไม่ได้เลยในโลกนี้ ถ้าแม้ความเสมอภาคระหว่างคนและระหว่างประเทศชาติยังไม่มี ความปรารถนาในความเสมอภาคเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ถ้าเรายังช่วยกันฝืนหลักธรรมชาติอันนี้อยู่ เราก็จะมีสันติภาพไม่ได้ เขารู้กันนะระพินทร์ ว่าสันติสุขมาจากความเสมอภาคทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ แต่ความเห็นแก่ตัวของเขายังคงชนะความต้องการสันติสุขอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นความเสมอภาคจึงเกิดขึ้นไม่ได้ นี่แหละคือจุดระเบิดของสงคราม”

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ