๓๓

จางหลินได้พูดถึงการต่อสู้ เขาให้เหตุผลว่าทำไมเขาจึงมาเป็นนักหนังสือพิมพ์ ซึ่งญาติพี่น้องเพื่อนฝูงพากันตำหนิติเตียน หาว่าเขาเป็นคนโง่อย่างน่าสงสาร นักหนังสือพิมพ์ที่บูชาความซื่อตรง ในแผ่นดินที่เต็มไปด้วยความอลหม่านอย่างเมืองจีน ได้ประโยชน์อะไรบ้างในการดำรงชีพ? นักหนังสือพิมพ์ที่บูชาความจริงและพูดตรงไปตรงมา ได้ถูกจับตัวไปยิงเป้ากี่ร้อยกี่พันคนแล้วในแผ่นดินแห่งนี้? จางหลินยังไม่ลืมภาพการประหารชีวิตนักหนังสือพิมพ์ที่ซื่อตรงต่อหน้าที่ในมณฑลชานตุงสมัยจางจุงชางเป็นผู้ครองอำนาจ แต่ภาพเหล่านั้น แทนที่จะทำให้เขาย่อท้อต่อการเป็นนักหนังสือพิมพ์ กลับทำให้เกิดความมานะอดทนที่จะทำหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมืองต่อไปอีก เขาแน่ใจว่าหนังสือพิมพ์เป็นองค์การอันใหญ่ยิ่งอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้ราษฎรชาวจีน ๔๕๐ ล้านคนตื่นขึ้นมองดูโลกที่กำลังเต็มไปด้วยภัยพิบัติ เขาต้องการจะชี้แจงให้ชาวจีนมองเห็นว่า ภัยของประเทศอันใหญ่หลวงยิ่งก็คือ การแย่งอำนาจและฆ่าฟันกันเอง เขาใคร่จะเสนอให้พี่น้องของเขาทราบว่า โลกนี้จะมีสุขได้ก็เพราะมนุษย์หันหน้าเข้าร่วมมือกันทำมาหากิน โดยไม่มีการกดขี่ย่ำเหยียบและเอาเปรียบกินแรงกันจนเกินไป ที่เขาต้องการจะเน้นกล่าวอย่างหนักแน่นที่สุด ก็คือ เรื่องความชั่วร้ายของความเห็นแก่ตัว ซึ่งได้ทำลายความสงบสุขของชาติมนุษย์มาทุกยุคทุกสมัย เขารู้ดีว่าความเห็นแก่ตัวเป็นสัญชาตญาณอันหนึ่ง แต่เขาก็แน่ใจว่าความเห็นแก่ตัวที่ได้รับการอบรมและขัดเกลา ย่อมจะมีลักษณะดีกว่าความเห็นแก่ตัวที่มีอยู่ในสมัยหิน หนังสือพิมพ์ที่ดีย่อมเป็นองค์การของสาธารณศึกษาอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยขัดเกลาความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ให้มีลักษณะดีขึ้นเท่าที่ควรจะดีได้ นับเป็นความจริงที่จางหลินเชื่อถือ–ความจริงที่ทำให้เขาไม่หนีเอาตัวรอดไปเป็นผู้จัดการบริษัทเหมืองแร่ในมลายู–ความจริงที่ทำให้เขาตัดสินใจอยู่รับใช้ประเทศชาติในยามคับขัน โดยไม่คำนึงว่าเขาจะต้องเผชิญอนาคตอันน่าสยดสยองใจอย่างไรบ้าง—อนิจจา นักบุญ! คนดีที่โลกไม่ต้องการ!

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ