วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร

สำนักดิศกุล, หัวหิน.

วันที่ ๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๗๕

ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๑ ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เพราะตั้งแต่เห็นในหนังสือพิมพ์ ปรากฎว่าไม่ทรงสามารถจะเสด็จไปแทนพระองค์พระเจ้าอยู่หัวได้ตลอดงานพระราชพิธีฉัตรมงคลก็รำคาญใจ จนถึงได้เขียนหนังสือสั่งหญิงจงไปเมื่อวันอังคารให้ไปฟังพระอาการ ครั้นถึงวันพุธเคยได้รับลายพระหัตถ์ไม่ได้รับก็รำคาญใจหนักขึ้น ถึงออกปากกับลูกว่าเสด็จอาว์เห็นจะประชวรแน่เสียแล้ว จนวันพฤหัสบดีเมื่อวานนี้ หญิงพูนมีกิจไปที่ออฟฟิศไปรษณีย์ ไปเห็นซองลายพระหัตถ์วางทิ้งอยู่ที่โต๊ะเจ้าพนักงาน ด้วยเขาลืมส่งเสียวันหนึ่งจึงรับมาให้ ได้ทราบความว่าหายประชวรแล้วก็ยินดี และขออนุโมทนาความดำริของคุณโตที่ทูลห้ามมิให้เสด็จไปงานในเวลาอาการประชวรยังไม่หายสนิท

ว่าถึงงานพระราชพิธีฉัตรมงคลคราวนี้ ฟังเสียงเล่ากันมางานที่พระที่นั่งอมรินทรฯ ว่าร่องแร่งเต็มทีถึงพระสวดมนต์ไม่พร้อมกัน แต่หม่อมฉันนึกว่าเห็นจะพูดกันไปโดยอุปาทาน แต่งานที่รัฐมนตรีเชิญสโมสรบริเวณพระที่นั่งอนันตสมาคมนั้น หนังสือพิมพ์บางกอกไตมส์ วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พิมพ์รูปภาพฉายาลักษณ์หลายแผ่น พอเห็นได้ด้วยตาเกิดความปรารภขึ้น ๒ ข้อ ข้อหนึ่งในรูปแถวซ้ายมืออยู่ข้างล่างที่สุดนั้น แสดงว่าประชุมกันในสนามหน้าห้องราชองครักษ์ที่เขาขังเรา จึงนึกขึ้นว่าถ้าไปในที่ประชุมวันนั้น จะอดบอกมิตร์สหายได้หรือไม่ว่า “เขาขังฉันตรงห้องนั้น” อีกข้อหนึ่งเนื่องต่อเห็นรูปการประชุมสโมสรคราวนี้ นึกขึ้นในใจว่าการประชุมในงานต่าง ๆ ต่อไปตัวเราจะรู้สึกผิดกันเปน ๒ อย่าง คือเปนงานหลวงซึ่งเขากำหนดให้นั่งหรือยืนที่ตรงไหน เช่นที่ในพระที่นั่งอมรินทรฯ เราไปถึงก็ไปนั่งที่เก้าอี้ตามตำแหน่งของเรา ไม่จำต้องพบปะพูดจากับใครเว้นแต่เราปรารถนาเอง ผู้อื่นก็ไม่มาปะปนดูสดวกดี แต่การสมาคมที่เป็นงานเชลยศักดิ์เช่นการสโมสรของรัฐมนตรี ไม่มีตำแหน่งที่จำกัด ใครไปก็ปะปนกัน จะไปนั่งเฉยเสียแต่คนเดียวหรือสองคนดูก็เปนบ้า จะเที่ยวเดินทักทายพูดจาวิสสาสะกับใคร ๆ เหมือนกับคนอื่น จะปราสัยเขาอย่างไร จะเอาเรื่องอะไรไปพูดกับเขาและจะเลือกพูดกับใคร คิดดูไม่สดวกใจเลย จึงเห็นว่านอกจากงานหลวงไม่ไปงานอื่นและเปนดี

เรื่องงานพระเมรุ หม่อมฉันก็ลำบากใจด้วยเปนงานกว่าเดือนจะเข้าไปทรมานกายอยู่ตลอดทุกงานดูก็เหมือนค้าร่างกายเกินสมควร ครั้นจะเลือกไปแต่บางงานก็เปนดูหมิ่นท่านผู้มรณภาพที่เว้นเสีย เพราะที่จริงก็เปนญาติและมิตร์ที่สนิทแทบทั้งนั้น หม่อมฉันจึงคิดว่าจะเลยตีกินไม่เข้าไปเสียทุกงานทีเดียว เว้นแต่ถ้ามีพระราชดำรัสสั่งให้ไปแทนพระองค์ในงานใด ก็จะไปฉะเพาะงานนั้น ส่วนพระเจ้าอยู่หัวนั้นได้ยินว่าจะเสด็จเข้าไปฉะเพาะงานสมเด็จชายแล้วจะกลับ ที่เลื่อนงานพระศพสมเด็จชายนั้น หม่อมฉันเข้าใจว่าเพราะจะมีเรือรบฝรั่งเศส ๓ ลำ เข้ามากรุงเทพฯ มาถึงวันที่ ๑๑ มีนายพลเรือเปนผู้บังคับการ ซึ่งจะต้องได้เฝ้า จึงจะเสด็จกลับเข้าไปในงานพระเมรุกับรับแขกเมือง ให้เปนคราวเดียวกัน

เรื่องฉลองโรงเรียนสวนกุหลาบอายุครบ ๕๐ ปีที่ตรัสถามมานั้นเปนเรื่องชอบกลอยู่ หม่อมฉันได้ทราบตั้งแต่ยังเปนนายกราชบัณฑิตยสภา โดยกรมหมื่นพิทยาลงกรณเธอปรารภว่า คิดจะรวมพวกนักเรียนเก่า-ใหม่ของโรงเรียนสวนกุหลาบ (ทำนองเดียวกับที่เขารวมนักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ) ตั้งเปนสมาคม และจะทำการฉลองอายุโรงเรียนครบ ๕๐ ปีในปีนี้ หม่อมฉันได้อนุโมทนาต่อความดำรินั้น และได้บอกให้เธอทราบว่าวัตถุที่เปนอนุสสรณ์ของโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบนั้นเดิมยังมีอยู่ ๒ สิ่ง คือพระพุทธรูปที่ตั้งเปนประธานในหอพระสำหรับนักเรียนบูชาสักการองค์ ๑ เดี๋ยวนี้อยู่ในคลังพระพุทธรูปของหลวง หม่อมฉันได้เข้าไปเห็นเมื่อไปเลือกพระไปตั้งที่พิพิธภัณฑสถาน อีกสิ่งหนึ่งนั้นคือแผ่นศิลาจารึก เรื่องตั้งโรงเรียนยังติดอยู่ที่พระตำหนักสวนกุหลาบ ได้พูดกันเท่านั้นแล้วก็ระงับมา ครั้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้เห็นในหนังสือพิมพ์ถึงเรื่องจะมีการฉลองอายุโรงเรียนสวนกุหลาบ และได้รับลายพระหัตถ์ของกรมหมื่นพิทยาลงกรณบอกมาว่าได้กราบบังคมทูลฯขอพระพุทธรูปที่เคยเปนประธานของโรงเรียนสวนกุหลาบ พระราชทานแล้ว เธอเข้าไปเลือกก็จำไม่ได้ถนัด ด้วยเมื่อโรงเรียนอยู่ที่พระตำหนักสวนกุหลาบเดิมเธอยังเด็ก จึงถ่ายรูปฉายาลักษณพระพุทธรูป ๓ องค์นั้นส่งมาให้หม่อมฉันช่วยชี้ว่าองค์ไหน หม่อมฉันดูเห็นว่าไม่ใช่พระพุทธรูปสวนกุหลาบทั้ง ๓ องค์ เปนพระพุทธรูปแบบรัชกาลที่ ๓ องค์ ๑ พระพุทธรูปแบบ ลานช้างองค์ ๑ และพระพุทธชินราชจำลององค์ ๑ จึงบอกเธอไปว่าถ้าหม่อมฉันเข้าไปกรุงเทพฯ เมื่อไร จะไปชี้องค์ที่ถูกให้ตามประสงค์ นอกจากนั้นก็ได้เห็นในหนังสือพิมพ์ว่าตั้งกรรมการนักเรียนเก่า มีเจ้าพระยามุขมนตรีเปนประธาน และจะมีการแห่แหนกับแสดงพิพิธภัณฑ์อะไรดูเปนการใหญ่โต

ครั้นเมื่อเร็ว ๆ นี้พระยาโบราณฯ ออกมาพักเปลี่ยนอากาศที่หัวหิน หม่อมฉันถามถึงเรื่องที่จะทำการฉลองอายุโรงเรียนสวนกุหลาบ ได้ทราบจากพระยาโบราณฯ ว่าพวกนักเรียนสวนกุหลาบชั้นเดิม คือชั้นที่เรียนที่พระตำหนักสวนกุหลาบเช่น พระยาพจนปรีชา พระยาโบราณฯ พระยาราชสมบัติ, และบางทีดูเหมือนเจ้าพระยามหิธรด้วย พากันเอาตัวออกห่างเสียโดยมาก ด้วยถือว่าเปนแต่เอาชื่อมาเรียกโรงเรียนที่ตั้งใหม่ว่า สวนกุหลาบ ไม่ได้สืบเชื้อสายมาจากโรงเรียนสวนกุหลาบแต่เดิม หรือเขาจะคิดเห็นเปนอย่างไรกัน หม่อมฉันไม่ทราบชัดเจน เปนอันได้ความแต่ว่ารวมนักเรียนสวนกุหลาบไม่ได้หมด ข้อนั้นหม่อมฉันก็ไม่เกี่ยวข้องต้องคำนึง แต่มามีข้อทำให้คำนึงขึ้นข้อหนึ่ง ด้วยตัวหม่อมฉันเปนผู้คิดตั้งโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ถ้าหากหม่อมฉันตายเสียแล้ว เขาก็เห็นจะทำ รูปฉายาลักษณ์ใส่กรอบติดไว้ในห้องสโมสร แต่เผอิญตัวหม่อมฉันยังมีชีวิตอยู่ในสมัยที่ไม่เหมาะแก่ที่จะทำเช่นนั้น คาดว่าคงจะเชิญตัวหม่อมฉันไปในงานด้วย หรือมิฉะนั้นก็จะทำลืมเลยเสียทีเดียว ดูมันขัดอยู่ทั้ง ๒ อย่าง ถ้าเขาลืมเสียสดวกแก่ตัวหม่อมฉันแต่ความเสียจะมีแก่เขา ถ้าเขาเชิญความดีจะมีแก่เขาแต่ความลำบากจะตกอยู่แก่ตัวหม่อมฉัน ด้วยนักเรียนครั้งพระตำหนักสวนกุหลาบมีเหลืออยู่ไม่กี่คน ซ้ำเอาตัวออกห่างเสียจากงานนี้ก็มี นักเรียนสวนกุหลาบชั้นหลังไม่รู้จักกับหม่อมฉัน และไม่รู้ทีเดียวว่าหม่อมฉันเปนผู้ตั้งโรงเรียนสวนกุหลาบนั้นโดยมาก หม่อมฉันจะเข้าไปนั่งในที่ประชุมนึกละอายใจจึงคิดเลยต่อไปว่าจะหาเหตุตีกิน ไม่เข้าไปกรุงเทพฯให้พ้องกับงานฉลองโรงเรียนสวนกุหลาบเสียทีเดียว แต่เขาจะทำอย่างไรยังไม่ทราบจะต้องรอฟังดูต่อไป

ศัพท์ โต๊ะ โตก โพง พาน ที่ประทานมานั้น ขอประทานตรึกตรองต่อไปด้วย ยังไม่เห็นพ้องกับพระดำริ

เรื่องงานปี วันที่ ๒๗ มิถุนายนนั้น หญิงพูนกับหญิงเหลือเธอมีความคิดอย่างหนึ่ง ว่าจะซื้อนก ซื้อปลา มาปล่อยในวันนั้น

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

  1. ๑. หม่อมเจ้าจงจิตรถนอม ดิศกุล พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ (ชั้น ๔) กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

  2. ๒. เจ้าพระยามุขมนตรี ศรีสมุหนครบาล (อวบ เปาโรหิตย์)

  3. ๓. พระยาพจนปรีชา (ม.ร.ว.สำเริง อิศรศักดิ์)

  4. ๔. พระยาราชสมบัติ (เอิบ บุรานนท์)

  5. ๕. หม่อมเจ้าพัฒนายุ ดิศกุล พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ (ชั้น ๔) กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ