- เมษายน
- พฤษภาคม
- มิถุนายน
- วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร
- วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร
- วันที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร
- วันที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร
- วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ น
- วันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร
- วันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ น
- วันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร
- วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ น
- —ตัวอย่างคำใช้วรรณยุต ของมหาฉ่ำ
- —(คำที่ใช้ “ห” นำ) ของมหาฉ่ำถวาย
- วันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ น
- กรกฎาคม
- สิงหาคม
- กันยายน
- ตุลาคม
- พฤศจิกายน
- ธันวาคม
- มกราคม
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๕ น
- วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร
- วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๕ น
- วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร
- วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๕ น
- วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร
- วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๕ น
- —คำแถลงการของพุทธมามกสมาคม
- —คำกราบทูลสมเด็จพระสังฆราชเจ้า
- —พระดำรัสตอบของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า
- —ทะเบียนสมาคม
- —ข้อบังคับของพุทธมามกสมาคม
- —รายนามผู้เริ่มตั้งพุทธมามกสมาคม
- วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร
- มีนาคม
- วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ น
- วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ น (๒)
- วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร
- วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร
- วันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ น
- วันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร
- วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร
- วันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ น
- วันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ น
- วันที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร
- วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ น
- วันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ น
- วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร
- วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร (๒)
ข้อบังคับของพุทธมามกสมาคม
ข้อ ๑ สมาคมนี้ มีชื่อว่า พุทธมามกสมาคม
ข้อ ๒ สมาคมนี้ มีวัตถุที่ประสงค์ดังต่อไปนี้
ก. เพื่อเผยแม่พระพุทธศาสนา
ข. เพื่อส่งเสริมการศึกษา
ค. เพื่อบำรุงสัมมาปฏิบัติ
ข้อ ๓ สำนักงานใหญ่ของสมาคมนี้ ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ (เวลานี้อาศัยพระราชอุทยานสราญรมย์ ส่วนหนึ่งแห่งสถานที่ของสมาคมคณะราษฎรชั่วคราว) ส่วนสำนักงานสาขาของสมาคม จะตั้งขึ้นณะที่ใดนั้น ตามแต่สภากรรมการจะเห็นสมควร
ข้อ ๔ สมาชิกของสมาคมนี้ ได้แก่พุทธมามกทั้งปวง ไม่เลือกเพศและไม่จำกัดชาติชั้นบุคคล แบ่งออกเป็น ๔ ประเภท คือ
ก. กิตติมสมาชิก ได้แก่ผู้ที่สภากรรมการเชิญเป็นพิเศษ
ข. วิสามัญสมาชิก ได้แก่บรรพชิตทั้งหลาย
ค. สามัญสมาชิก ได้แก่คฤหัสถ์ทั้งหลาย
ง. อนุสมาชิก ได้แก่ผู้เยาว์ยังไม่บันลุนิติภาวะ
ข้อ ๕ ผู้ใดจะสมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมนี้ ผู้นั้นต้องทำใบสมัคร์ตามแบบของสมาคม ยื่นต่อสมาคมหรือสาขาของสมาคม โดยไม่ต้องเสียค่าเข้าและค่าบำรุงประจำปีอย่างใด
ข้อ ๖ สมาชิกทุกประเภทย่อมมีสิทธิทำหนังสือเสนอความเห็นอันนับเนื่องในวัตถุที่ประสงค์นั้น ต่อสมาคมหรือสาขาของสมาคมได้
ข้อ ๗ สมาชิกรวมกันไม่น้อยกว่า ๒๐ คน ย่อมมีสิทธิทำหนังสือยื่นต่อสมาคมร้องขอให้เรียกประชุมสภากรรมการ เพื่อปรึกษากิจการของสมาคมได้
ข้อ ๘ สมาชิกผู้ใดประพฤดผิดวัตถุที่ประสงค์และข้อบังคับหรือระเบียบการของสมาคมก็ดี เป็นที่รังเกียจว่าจะน่าความเสื่อมเสียมาสมาคมก็ดี สภากรรมการมีอำนาจเชิญสมาชิกผู้นั้นให้ออกเสียจากสมาคมได้
ข้อ ๙ คุณสมบัติของสมาชิกผู้ควรรับเลือกตั้งให้เป็นกรรมการและวิธีเลือกตั้งนั้นให้เป็นไปตามระเบียบของสมาคมนี้
ข้อ ๑๐ สมาคมนี้ให้มีกรรมการ ๘๐ เป็นผู้ดำเนินกิจการของสมาคมแทนสมาชิก เรียกว่า สภากรรมการ และสภากรรมการนี้ให้เลือกกันขึ้นเป็นประธาน ๑ รองประธาน ๑ หรือหลายคนเป็นผู้ควบคุมกิจการของสภากรรมการ ให้สภากรรมการเลือกตั้งกรรมการจากจำนวน ๘๐ นั้นขึ้นอีกคณะ ๑ ให้มีจำนวน ๒๕ เป็นผู้ดำเนิรกิจการของสมาคมแทนสภากรรมการเรียกว่า คณะกรรมการอำนวยการ และให้คณะกรรมการอำนวยการนี้เลือกกันขึ้นเป็นกรรมการเจ้าหน้าที่ คือ นายก ๑ อุปนายก ๑ เลขาธิการ ๑ เหรัญญิก ๑ ปฏิคม ๑ บรรณารักษ์ ๑ นายทะเบียน ๑ นอกจากนั้นให้เป็นกรรมการที่ปรึกษา ในสมัยเริ่มต้นให้คณะผู้เริ่มและส่งเสริมการตั้งสมาคมเป็นผู้เลือกเชิญผู้ที่เห็นสมควรให้เป็นกรรมการ ส่วนในสมัยต่อไปให้สมาชิกของสมาคมเป็นผู้เลือก
ข้อ ๑๑ สภากรรมการนี้ ให้มีวิสามัญสมาชิกและสามัญสมาชิกเป็นกรรมการฝ่ายละกึ่งจำนวน ให้วิสามัญสมาชิกเป็นประธานกรรมการ และให้สภากรรมการอยู่ในตำแหน่งได้สมัยละ ๓ ปี
ข้อ ๑๒ สภากรรมการมีอำนาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขตัดเติมข้อบังคับ และระเบียบการอื่น เพื่อเป็นหลักดำเนิรกิจการของสมาคมและสาขาของสมาคมได้
ข้อ ๑๓ สภากรรมการมีอำนาจตั้งและเปลี่ยนปลดอนุกรรมการผู้ทำงานของสมาคมและผู้จัดการสาขาของสมาคมได้
ข้อ ๑๔ เมื่อปรากฏว่า กรรมการเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนิรกิจการให้เป็นไปตามวัตถุที่ประสงค์และนโยบายของสมาคม สภากรรมการมีอำนาจเชิญให้ออกเสียจากสมาคมได้
ข้อ ๑๕ ถ้าสมาคมต้องเลิกล้มเพราะเหตุใดๆ ก็ตาม ทรัพย์สินทั้งปวงของสมาคมนี้ ให้ตกเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา