วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ดร

วังวรดิศ

วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๕

ทูลสมเด็จกรมพระนริศฯ

บัญชีพระศพเจ้านายและผู้มีบรรดาศักดิ์ได้ใส่โกศต่างๆ ที่ประทานมานั้น หม่อมฉันได้พิจารณาดูแล้ว เห็นว่าแต่ก่อนเห็นจะแล้วแต่ท่านผู้บัญชาการพระราชพิธีสั่งให้ใช้โกศใบไหน ตามนึกเห็นว่าสมควรในขณะนั้น นอกจากพระศพผู้ซึ่งมีเกียรติยศสูงสุด ไม่มีหลักมีเกณฑ์อันใด ซ้ำมาขยายออกไปในตอนรัชกาลที่ ๖ ก็เลยเลือนใหญ่ ถ้าตั้งหลักเสียสักทีก็จะดี และไม่ยากที่จะตั้ง ไม่ต้องมีพระราชบัญญัติหรือประกาศอันใด เป็นแต่ว่าวางหลักไว้ให้เป็นยุติโดยพระบรมราชานุมัติ รู้กันแต่ในเจ้าพนักงานบัญชาการพระราชพิธีเท่านั้นก็เป็นเพียงพอ

เรื่องเรียกชื่อโกศต่าง ๆ หม่อมฉันนึกว่ายังมีพลาด ซึ่งควรจะวางระเบียบอยู่ ๑ โกศ คือ

๑. โกศรองทรง ไม่ควรจะเรียกทีเดียว ควรจะเรียกว่าทองใหญ่เหมือนกันทั้ง ๒ ใบ เพราะที่จริงศักดิ์เสมอกัน ถ้าเรียกว่ารองทรงใบ ๑ ชวนให้ศักดิ์พระศพซึ่งใช้โกศรองทรงต่ำไป เช่นสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระจักรพรรดิพงศ์ เป็นต้น โกศอื่นเช่นโกศทองน้อยก็ทำเพิ่มขึ้นอีกใบ ๑ เหมือนอย่างพระโกศรองทรงก็ยังเรียกว่าทองน้อยเหมือนกันทั้ง ๒ ใบ หลักที่จริงนั้นพระโกศรองทรงก็ทำขึ้นสำหรับจะใช้อย่างพระโกศทองใหญ่นั้นเอง คือในเวลาเมื่อแห่พระศพเจ้านายทรงศักดิ์สูง ๒ พระศพ ๒ พระองค์พร้อมกัน เช่น เมื่องานพระศพสมเด็จกรมพระยาสุดารัตน์ฯกับสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระจักรพรรดิพงศ์เป็นตัวอย่าง

๒. ที่เรียกว่า โกศลุ้ง โกศสี่เหลี่ยม และโกศราชวงศ์เป็น ๓ อย่าง ชวนสงสัย ด้วยเดิมโกศลุ้งนั้นหุ้มผ้าขาว ฝาเป็นฉัตรตั้งไม่มีประกอบ หม่อมฉันยังจำได้อยู่ ประกอบโกศลุ้งซึ่งเรียกว่าโกศราชวงศ์นั้น สมเด็จกรมพระยาบำราบฯ โปรดให้ทำขึ้นประกอบลุ้งพระศพพระองค์เจ้าสิงหนาทเป็นครั้งแรกด้วยเจ้าพระยาเทเวศร์ฯกราบทูลวอน ถ้าจะว่าในปัจจุบันนี้ควรมีแต่ ๒ อย่าง คือ โกศลุ้ง หรือจะเรียกว่าอย่างไรก็ตาม หุ้มผ้าขาวไม่มีประกอบอย่าง ๑ โกศราชวงศ์ซึ่งมีประกอบอย่าง ๑ ส่วนโกศสี่เหลี่ยมนั้น ของเดิมเป็นแต่ลองในใส่พระศพที่ใหญ่โตต้องประกอบด้วยโกศมณฑป ไม่ได้ใช้โดยลำพังว่าเป็นโกศสี่เหลี่ยม

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ