๗๒

ฝ่ายชีนไคว่ตั้งแต่ให้ฮอลิบไปตามหลวงจีนแล้วก็ไม่มีความสบาย นอนหลับลงเวลาไรก็มีแต่ฝันว่าพระยายมจับเอาไปทำโทษได้ความเวทนาต่าง ๆ จนตกใจตื่นขึ้นทุกวันทุกเวลา จนเป็นฝีที่สันหลังกำเริบมากอาการทรุดหนักลง จนลุกนั่งก็ต้องพยุง ครั้นฮอลิบกลับมาถึงเมืองนิ่มอันก็เข้าไปหาชีนไคว่ ชีนไคว่บอกว่ามารดาของเจ้านั้นเราปล่อยไปแล้วเจ้าจงไปปรนนิบัติมารดาเถิด ตัวเรานี้ป่วยหนักเห็นจะสิ้นอายุเสียแล้ว ฮอลิบก็เล่าว่าเมื่อข้าพเจ้าไปถึงศาลเจ้าซือเซียนซื้อที่เมืองซือจิวนั้นฝันเห็นถึงท่าน ก็เล่าความฝันให้ชีนไคว่ฟังทุกประการ ชีนไคว่ได้ฟังก็เสียใจ สั่นศีรษะไม่พูดประการใด ฮอลิบก็คำนับลากลับไปที่อยู่

ฝ่ายเฮกมันเหลงยกกองทัพมาถึงเมืองชำก๋วน ปลายแดนหน้าด่านแผ่นดินซ้องก็ให้ตั้งค่ายมั่นลงไว้ ผู้รักษาเมืองชำก๋วนแจ้งว่าเฮกมันเหลงยกกองทัพมา ก็ให้ทหารขึ้นประจำรักษาหน้าที่ไว้โดยรอบเป็นสามารถมิได้ออกสู้รบ เฮกมันเหลงจึงทำหนังสือไปถึงผู้รักษาเมืองชำก๋วน มีความว่าชีนไคว่เป็นศัตรูแผ่นดินประพฤติการไม่สุจริต อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อน ตัวเราชื่อเฮกมันเหลงเป็นนายทหารใหญ่อยู่ในแว่นแคว้นฮุนหนำ รู้ว่าชีนไคว่ทำผิดประเพณีนัก เรายกกองทัพมาครั้งนี้หวังจะกำจัดชีนไคว่เสีย ให้ผู้รักษาเมืองชำก๋วนทำหนังสือบอกเข้าไปในเมืองหลวง กราบทูลพระเจ้าซ้องเกาจงให้ส่งตัวชีนไคว่ออกมายังกองทัพเราเสียโดยดี เราก็จะเลิกกองทัพกลับไป ถ้าขืนขัดไม่ส่ง รักชีนไคว่มากกว่าราชสมบัติบ้านเมืองแล้วเราจะยกกองทัพเข้าไปตีเมืองนิ่มอัน ทำลายเสียให้ราบคาบเป็นแผ่นดินเปล่า ครั้นแต่งหนังสือเสร็จแล้วก็ให้ทหารถือไปปักไว้ที่หน้าเมืองชำก๋วน ทหารเมืองชำก๋วนซึ่งรักษาหน้าที่เชิงเทินเห็นก็ออกไปเอาเข้ามาให้ผู้รักษาเมือง ผู้รักษาเมืองแจ้งความแล้วจึงทำหนังสือบอกข้อราชการส่งต้นหนังสือของเฮกมันเหลงไปยังเมืองหลวงกราบทูลพระเจ้าซ้องเกาจง ทรงทราบแล้วก็ตกพระทัยไม่รู้ที่จะคิดประการใด ด้วยชีนไคว่ไจเสี่ยงซึ่งเป็นที่นับถือไว้วางพระทัยก็ป่วยอยู่ไม่ได้เข้ามาเฝ้า จึงเสด็จไปเยี่ยมเยือนชีนไคว่ถึงบ้าน เห็นอาการป่วยหนักก็เสียพระทัย ทรงกันแสงตรัสว่าเราไม่รู้เลยว่าท่านป่วยอาการหนักถึงเพียงนี้ ชีนไคว่กราบทูลว่าข้าพเจ้าป่วยครั้งนี้ เห็นจะไม่ได้อยู่ฉลองพระเดชพระคุณต่อไปแล้ว พอทูลขาดคำลงพิษฝีกำเริบมากขึ้นก็สลบนิ่งแน่ไป พระเจ้าซ้องเกาจงตกพระทัย รับสั่งให้หาบรรดาหมอหลวงมาประกอบยารักษา ชีนไคว่ฟื้นได้สติขึ้นพูดไม่ออกเอาแต่มือชี้เข้าที่อกแล้วก็กลอกหน้า พระเจ้าซ้องเกาจงเห็นอาการชีนไคว่ดังนั้นก็มิได้ตรัสถึงความซึ่งเฮกมันเหลงมีหนังสือมา เสด็จกลับเข้าพระราชวัง ก็ไม่ได้จัดแจงสั่งให้ผู้ใดยกกองทัพออกไปรักษาเขตแดนต่อสู้กับกองทัพของเฮกมันเหลง

ฝ่ายเฮกมันเหลงยกมาตั้งอยู่หน้าเมืองชำก๋วน ไม่เห็นผู้ใดออกมาสู้รบแล้วก็ยกล่วงเลยเข้ามา บรรดาด่านและหัวเมืองรายทางเหล่านั้นแจ้งว่ากองทัพยกมาก็เป็นแต่รักษาเมืองและด่านมั่นไว้ ไม่มีผู้ใดออกต่อสู้ต้านทานขัดขวาง เฮกมันเหลงจึงได้ยกกองทัพล่วงเข้ามาตั้งอยู่ถึงชานเมืองหลวง พระเจ้าซ้องเกาจงได้ทรงทราบก็ตกพระทัย จึงรับสั่งให้ขุนนางเข้ามาประชุมพร้อมในที่ว่าราชการ จึงตรัสปรึกษาว่า เฮกมันเหลงยกกองทัพมาครั้งนี้รวดเร็วนัก ท่านทั้งปวงจะคิดป้องกันรักษาเมืองประการใด ขณะนั้นมีทหารผู้หนึ่งชื่ออองบู๊เป็นขุนนางฝ่ายทหาร กราบทูลรับอาสาคุมทหารออกไปสู้รบเอง พระเจ้าซ้องเกาจงก็ดีพระทัย สั่งเจ้าพนักงานให้จัดทหารมอบให้อองบู๊ยกออกไป อองบู๊กราบถวายบังคมลามาที่ประชุมทหารพร้อมแล้วก็ยกออกจากเมืองไปรบกับเฮกมันเหลง ไม่ทันได้กี่เพลงเฮกมันเหลงก็ฆ่าตาย พวกทหารอองบู๊เห็นนายตายก็แตกตื่นวิ่งหนีกลับเข้าเมือง พระเจ้าซ้องเกาจงทรงทราบว่าอองบู๊เสียทีแก่ข้าศึกตายในที่รบ ทัพแตกหนีกลับเข้าเมืองก็ตกพระทัยจนพระองค์สั่น ตรัสกับเตียจุ้นว่า เราไม่เห็นใครที่จะมีฝีมือกล้าหาญออกไปสู้รบกับข้าศึก ท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่จงรับอาสาคุมทหารห้าพันออกไปรักษาอยู่ที่วัดเจงซือยี่ อย่าให้ข้าศึกตีหักเข้ามาในเมืองได้ เตียจุ้นก็กราบถวายบังคมลามาจัดทหารพร้อมแล้ว ก็ยกออกไปตั้งอยู่ที่หน้าวัดเจงซือยี่ ให้หาแต่บรรดานายทหารมาประชุมปรึกษาว่าเฮกมันเหลงยกมานี้ ทหารล้วนแต่มีฝีมือเข้มแข็งแกล้วกล้านัก ตัวเราจะยกออกต่อสู้ซึ่งหน้าเหมือนอองบู๊นั้นเห็นจะไม่ได้ ต้องตั้งรักษามั่นไว้ ถึงเฮกมันเหลงมีทหารเข้มแข็งก็จริง แต่น้อยตัวเห็นจะไม่อาจหักหาญบุกบั่นเข้ามาตีเอาเมืองได้ อองกิดเสงนายทหารจึงว่า เฮกมันเหลงยกมาแต่เมืองฮุนหนำทางไกลอิดโรยมาก ขอให้ท่านรีบยกเข้าตีเอาก็คงจะได้ชัยชนะ เตียจุ้นแม่ทัพว่าเราไม่เห็นด้วย ด้วยกำลังศึกกล้าต้องรักษามั่นไว้ก่อน

ฝ่ายนางลีสีได้แจ้งความว่าเฮกมันเหลง ซึ่งเป็นทหารเพื่อนรักของงักฮุนยกกองทัพจะเข้าไปตีเมืองหลวงก็ไม่สบายใจ จึงทำหนังสือไปถึงเฮกมันเหลงฉบับหนึ่งมีความว่าบูเชียงก๋งสามีข้าพเจ้ากับงักฮุนสหายของท่าน ซึ่งตายด้วยอาญาชีนไคว่นั้น พิเคราะห์ดูก็เห็นความชัดว่าพ่อลูกสิ้นอายุแต่เพียงนั้น ซึ่งชีนไคว่คิดมิชอบหาความใส่แก่ผู้สัตย์ซื่อกตัญญูต่อแผ่นดิน เทพยาดาซึ่งรักษาฟ้าและดินคงจะบันดาลให้วิบัติเป็นอันตรายไปเอง ซึ่งท่านจะยกกองทัพเข้าไปตีเมืองหลวงนั้น พระเจ้าซ้องเกาจงจะตกพระทัย ราษฎรทั้งปวงจะได้ความเดือดร้อน ไม่สมควรกับที่รักใคร่เป็นสหายกับบุตรข้าพเจ้าผู้ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินเลย ถ้าท่านคิดถึงบูเชียงก๋งสามีข้าพเจ้าอยู่แล้ว ขอให้ประพฤติใจดับโทโสความอาฆาตชีนไคว่เสียให้เหมือนใจบูเชียงก๋งสามีข้าพเจ้าดังนั้นแหละจึงจะสมควร ขอให้ท่านเลิกทัพกลับมาเสียเถิด ทำหนังสือแล้วก็ให้คนใช้รีบตามไปห้ามทัพเฮกมันเหลงไว้ ผู้ถือหนังสือมาถึงเมืองชำก่วน แจ้งความว่าเฮกมันเหลงยกเข้าไปถึงเมืองหลวงแล้วก็รีบตามเข้ามาถึงค่าย เฮกมันเหลงกำลังจัดทหารจะยกไปตีค่ายเตียจุ้น คนใช้ของนางลีสีก็ส่งหนังสือให้เฮกมันเหลง เฮกมันเหลงรับมาฉีกผนึกออกอ่านแจ้งความแล้วก็เสียใจถอนใจใหญ่ คิดว่านางลีสีเป็นมารดาของงักฮุนสหายของเรา เราก็นับถือเหมือนมารดาเรา ซึ่งมีหนังสือมาห้ามปราบดังนี้แล้ว ครั้นจะดื้อดึงไม่ฟังถ้อยคำก็เหมือนไม่มีกตัญญูรักใคร่กัน ประการหนึ่งเรายกมาครั้งนี้ก็เร่งรีบมาโดยเร็ว เสบียงอาหารก็น้อย ครั้นจะทำการขับเคี่ยวไปก็กลัวจะไม่ตลอด จึงสั่งให้งดกองทัพเลิกไปทำการเซ่นศพบูเชียงก๋งที่ตำบลซีเหียเนี้ย เสร็จแล้วยกกองทัพเลิกกลับมาเมืองฮุนหนำ

ฝ่ายเตียจุ้นเห็นกองทัพข้าศึกถอยกลับไปสิ้นแล้วก็มีความยินดี พาทหารกลับเข้าเมืองกราบทูลพระเจ้าซ้องเกาจง ว่าได้ยกกองทัพออกไปตั้งสู้รบกับเฮกมันเหลงหลายครั้ง เฮกมันเหลงเสียทีถอยกองทัพเลิกกลับไปสิ้นแล้ว พระเจ้าซ้องเกาจงได้ทรงฟังก็ดีพระทัย สั่งให้เจ้าพนักงานจัดโต๊ะมาเลี้ยงเตียจุ้นกับนายทัพนายกองพร้อมกันที่หน้าที่นั่ง ตรัสสรรเสริญชมเชยต่าง ๆ แล้วก็เสด็จขึ้น

ฝ่ายชีนไคว่ป่วยอาการหนักพิษฝีกำเริบมากขึ้นร้องด้วยเสียงอันดังออกชื่อว่าบูเชียงก๋งก็พอขาดใจตาย ชีนฮีผู้บุตรชีนไคว่เห็นบิดาสิ้นใจแล้วก็เข้าไปเฝ้ากราบทูลพระเจ้าซ้องเกาจง พระเจ้าซ้องเกาจงทรงพระอาลัยถึงชีนไคว่ยิ่งนัก สั่งให้เจ้าพนักงานเอาศพชีนไคว่ไปฝังไว้ตามยศอย่างไจเสี่ยงขุนนางผู้ใหญ่ เจ้าพนักงานกับชีนฮีก็กราบถวายบังคับลามาจัดการฝังศพชีนไคว่ตามรับสั่งแล้วเสร็จ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ