๓๕
ครั้นเจียคุนคุมเสบียงมาถึง ตังเซียนก็ขับม้าออกไปร้องตวาดว่า ผู้ใดคุมเสบียงอาหารมาทางนี้จงเอามาให้เราโดยดี ถ้าขัดขืนก็จะฆ่าเสียให้สิ้น เจียคุนได้ฟังก็ตกใจขับม้ามาคำนับพูดกับตังเซียนนายโจรว่าข้าพเจ้าเป็นทหารของงักฮุย งักฮุยให้คุมเสบียงไปส่ง ขอท่านได้เอ็นดูปล่อยไปเถิด ถ้าท่านจะเอาเสบียงไว้เสียแล้ว งักฮุยก็คงจะทำโทษข้าพเจ้าถึงสิ้นชีวิต ตังเซียนจึงว่า ถ้าดังนั้นจงเอาเสบียงไว้ที่นี่ก่อน ท่านรีบไปบอกงักฮุยให้มาสู้รบกับเรา ถ้าชนะก็จงเอาเสบียงคืนไป เจียคุนได้ฟังก็คิดตรึกตรองว่าถ้าเราจะนิ่งความเสียก็คงจะไม่พ้นภัย จำจะต้องมีหนังสือบอกไปถึงงักฮุยให้รู้ คิดแล้วก็ทำหนังสือบอกข้อความไปตามคำตังเซียนว่าทุกประการ ให้ทหารรีบถือไปถึงงักฮุย งักฮุยดูหนังสือแจ้งแล้วก็โกรธ สั่งให้ซีฉวนคุมทหารห้าร้อยไปฆ่าพวกโจรเสียให้สิ้น แล้วให้รีบเอาเสบียงมาส่งโดยเร็ว ซีฉวนคำนับลาคุมทหารห้าร้อยยกไปพบเจียคุน เจียคุนบอกว่าพวกโจรมีนายทหารหลายคน ทหารเลวก็มากท่านมาแต่ผู้เดียวกับทหารห้าร้อยเท่านี้ จะสู้รบต้านทานพวกโจรได้หรือ ซีฉวนว่าท่านอย่าวิตก เราจะรีบไปจับพวกโจรฆ่าเสียให้สิ้น ว่าแล้วก็คุมทหารยกไป
ฝ่ายตังเซียนเห็นกองทัพยกมาก็คุมทหารลงจากเขาร้องถามว่างักฮุยมาแล้วหรือ ซีฉวนได้ฟังก็โกรธ ว่ามึงเป็นแต่พวกโจรอวดอ้างจะสู้รบกับงักฮุย ผู้เป็นแม่ทัพใหญ่นั้นไม่สมควร ตังเซียนได้ฟังก็โกรธขับม้าเข้ารบกับซีฉวนได้ประมาณสิบเพลง ซีฉวนต้านทานกำลังตังเซียนไม่ได้ก็ขับม้าหนี ตังเซียนขับม้าไล่ตามไปทางประมาณยี่สิบลี้ไม่ทันก็กลับมาที่อยู่ ซีฉวนเห็นตังเซียนกลับไปแล้วก็หยุดพักทหารอยู่ที่นั่นพอหายเหนื่อยเห็นชายผู้หนึ่งเดินมา มีบ่าวตามหลังมาด้วยประมาณสิบสี่สิบห้าคน ซีฉวนจึงถามชายผู้นั้นว่าท่านจะไปข้างไหน พวกโจรมันตั้งซุ่มอยู่ที่ตามทาง ชายผู้นั้นจึงแวะเข้าไปถามว่า ท่านชื่อไร อยู่แห่งใดจึงรู้ว่าพวกโจรตั้งอยู่ที่ตำบลนี้ ซีฉวนบอกว่าข้าพเจ้าเป็นทหารของงักฮุย แม่ทัพใหญ่เมืองกิมเหลง พวกโจรตั้งสกัดทางเสียไม่ให้เอาเสบียงอาหารไปส่งกองทัพ งักฮุยให้ข้าพเจ้ามารบกับพวกโจร สู้พวกโจรไม่ได้จึงหนีมาตั้งอยู่ที่นี่ ตัวท่านชื่อไรมาแต่ไหน ชายผู้นั้นว่าข้าพเจ้าจะไปรบกับพวกโจรให้ได้ชัยชนะก่อนจึงจะบอกชื่อให้ท่านรู้ ว่าแล้วก็เรียกเอาเสื้อเกราะที่ทหารถือมาสวมใส่เข้าถืออาวุธขึ้นม้ารีบไป ซีฉวนก็ขับม้าตามไปด้วย
ฝ่ายตังเซียนเห็นซีฉวนพาทหารผู้หนึ่งมาอีกก็คุมทหารขับม้าลงจากเขาร้องว่า ซีฉวนสู้เราไม่ได้หนีไปแล้วเหตุใดจึงได้พาลูกเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมาจะสู้รบเราอีกหรือ ชายผู้นั้นได้ยินจึงตอบว่าเราเห็นรูปร่างลักษณะท่านสมเป็นทหาร ควรจะทำราชการให้มีชื่อเสียงปรากฏไว้ในแผ่นดิน ซึ่งมาประพฤติเป็นโจรผู้ร้ายอยู่ดังนี้ที่ไหนจะพ้นภัยอันตราย ท่านจงไปอยู่กับงักฮุยทำราชการหาความชอบดีกว่าประพฤติเป็นโจรให้เสียชื่อเสียงอยู่ดังนี้ ตัวเราก็จะไปอยู่กับงักฮุยด้วย ตังเซียนได้ฟังก็โกรธ ร้องตวาดว่าตัวเจ้าเป็นเด็กนักไม่ควรจะมาพูดจาสั่งสอนผู้ใหญ่ ว่าแล้วก็ขับม้าเข้ารบกับชายผู้นั้นได้ประมาณสิบเพลง ตังเซียนต้านทานกำลังไม่ได้ก็ถอยหนีร้องเรียกให้นายทหารทั้งสี่มาช่วย เอียวจิ้น เกียจุ่น เฮงหงี เฮงซินก็ขับม้ามาจะช่วย ครั้นเข้าไปใกล้นายทหารทั้งสี่เห็นเตียเหียนก็ตกใจ ร้องบอกกันว่ามิใช่คนอื่น ท่านผู้นี้นายของเรา บอกกันแล้วก็ลงจากม้าเข้าคำนับเตียเหียน เตียเหียนจึงว่าเดิมปู่เราได้สั่งพวกท่านทั้งสี่คนให้ไปทำราชการอยู่กับงักฮุย เหตุใดจึงมาคบหากันเป็นโจรผู้ร้ายอยู่ดังนี้ เอียวจิ้นบอกว่าเดิมข้าพเจ้าก็จะพากันไปอยู่ด้วยงักฮุยตามถ้อยคำของปู่ท่านสั่ง ครั้นมาถึงตำบลนี้พบตังเซียนตั้งสกัดทางไว้ไม่ให้ไป ข้าพเจ้าต้านทานกำลังตังเซียนไม่ได้ก็ต้องจำใจอยู่ด้วย ซึ่งท่านมานี้ด้วยเหตุอันใด เตียเหียนว่าปู่เราสั่งให้อยู่ทำราชการด้วยงักฮุย เราเดินมาพบทหารของงักฮุยที่กลางทาง บอกว่าเจียคุนคุมเสบียงจะไปส่งงักฮุย พวกท่านตั้งสกัดทางไว้ไม่ให้ไป เราจึงรีบมาดูว่าจะเป็นผู้ใด บัดนี้ได้พบท่านทั้งสี่เรามีความยินดีนัก จงไปทำราชการอยู่ด้วยงักฮุยเถิด ทหารทั้งสี่นายว่าซึ่งท่านพูดนี้ชอบแล้ว แต่ข้าพเจ้าจะขอไปเกลี้ยกล่อมตังเซียนดูก่อน ว่าแล้วก็ไปหาตังเซียน เล่าความตามถ้อยคำเตียเหียนชักชวนให้ตังเซียนฟังทุกประการ ตังเซียนเห็นเพื่อนทั้งสี่เขายอมไปแล้วก็ขัดไม่ได้ต้องยอมไปตามกัน จึงพากันมาหาเตียเหียน
ฝ่ายซีฉวนเห็นชายผู้นั้นมีฝีมือเข้มแข็งพวกโจรกลัวเกรงเข้านบนอบ ซีฉวนจึงถามบ่าวซึ่งตามชายผู้นั้นมา ว่านายท่านชื่อไรอยู่ที่ไหน บ่าวบอกว่า ชื่อเตียเหียนเป็นบุตรเจ้าเมืองกิมเหลงที่ถึงแก่กรรม บัดนี้ปู่ท่านให้นายข้าพเจ้าไปอยู่ทำราชการด้วยงักฮุย ซีฉวนได้ฟังก็มีความยินดีรีบไปบอกเจียคุน แล้วพาเจียคุนมาคำนับเตียเหียน พอเอียวจิ้นพาตังเซียนมาถึงก็คำนับกันตามธรรมเนียม ตังเซียนพูดกับเตียเหียนว่าท่านเมตตาจะพาพวกข้าพเจ้าไปอยู่กับงักฮุยนั้นข้าพเจ้าก็ยอมด้วยแล้ว แต่จะขอทุเลาพอรวบรวมทรัพย์สิ่งของผู้คนพวกพ้องสักวันหนึ่งสองวันจึงจะไปด้วยท่าน เตียเหียนว่าดีแล้วท่านจงเร่งกลับไปเถิด ตังเซียนก็พาทหารกลับไปชุมนุมที่อยู่บนเขา เตียเหียนพักอยู่กับซีฉวน เจียคุนที่ตำบลนั้นสองวัน พอตังเซียนพาทหารพวกพ้องและทรัพย์สิ่งของมาพร้อมแล้ว ตังเซียนก็พากันออกเดินไปด่านชาเลงก๋วน
ฝ่ายทึงฮวยกับเม่งปังเกียด ซึ่งงักฮุยให้คุมเสบียงตามมาส่งกองทัพ ครั้นมาถึงทางสามแยกจึงถามทหารว่าจะไปด่านชาเลงก๋วนนั้นทางไหนจะใกล้ ทหารว่าถ้าจะไปให้ใกล้ก็ต้องไปทางน้อยเป็นทางลัดเร็วกว่าทางใหญ่ ทึงฮวยก็รีบเร่งขับเกวียนเสบียงมาตามทางลัด ครั้นถึงทุ่งแห่งหนึ่งก็หยุดพักทหารอยู่ที่นั้น แล้วพูดกับเม่งปังเกียดว่าทางจะไปก็ใกล้แล้ว ท่านกับเราจงไปเที่ยวยิงนกเล่นให้สบายสักวันหนึ่ง ทึงฮวยกับเม่งปังเกียดก็ขี่ม้าไปเที่ยวยิงนกตามทุ่งริมเขา ครั้นถึงเชิงเขาแห่งหนึ่งเห็นเนื้อกินหญ้าอยู่ ทึงฮวยก็ขึ้นเกาทัณฑ์ยิงไปถูกเนื้อหาอยู่กับที่ไม่หนีไป ทึงฮวย เม่งปังเกียดก็ควบม้าไล่ตามเนื้อนั้นไปถึงชายป่า พบหญิงพวกหนึ่งแต่งตัวงดงามถืออาวุธต่าง ๆ เห็นเนื้อวิ่งมาก็เอาเกาทัณฑ์ยิงถูกเนื้อนั้นล้มลงพากันเข้ามัดจะเอาเนื้อนั้นไป ทึงฮวย เม่งปังเกียดเห็นหญิงพวกนั้นจับเนื้อมัดจะเอาไป ทึงฮวยจึงว่าเนื้อของเรายิงถูกหนีมา เหตุใดจึงจะเอาเนื้อของเราไป หญิงนั้นว่าเนื้อเรายิงด้วยเกาทัณฑ์ถูกล้มลงเดี๋ยวนี้ ทำไมจึงมาพูดตู่ว่าเนื้อของท่าน ทึงฮวยว่าเจ้าจงเอาเนื้อมาให้เราเสียโดยดี ถ้าขัดขืนไม่ให้ก็คงจะได้วิวาทกัน หญิงนั้นว่าเนื้อตัวนี้เป็นของท่านเราก็จะยอมให้ แต่มือเราทั้งสองนี้เห็นจะไม่ยอม ทึงฮวยได้ฟังก็โกรธขับม้าเข้ารบกับหญิงผู้นั้น มีหญิงอีกคนหนึ่งขับม้าเข้ามาช่วย เม่งปังเกียดเห็นก็ขับม้าเข้ารบกันเป็นสามารถ หญิงทั้งสองทานกำลังทึงฮวย เม่งปังเกียด ไม่ได้ก็ขับม้าหนี ทึงฮวย เม่งปังเกียดไล่ตามไปถึงตำบลหนึ่งมีบ้านเรือนอยู่มาก หญิงทั้งสองก็เข้าไปในบ้านปิดประตูบ้านลั่นกลอนเสีย ทึงฮวย จึงร้องไปว่านางสองคนหนีเข้าไปในบ้านจงออกมาหาเราเสียโดยดี ถ้าไม่ออกมาเราจะพังประตูเข้าไป ขณะนั้นมีชายผู้เฒ่าเดินออกมาเปิดประตูแล้วถามว่าท่านทั้งสองนี้คือผู้ใด จึงมาพูดจาหยาบช้าข่มเหงไล่ลูกหลานเรามาด้วยเหตุผลประการใด เมื่อถ้อยความสิ่งใดมีค่อยพูดจาว่ากล่าวกันไม่ได้หรือ มาทำฮึกหาญจะพังประตูบ้านเรา เม่งปังเกียดว่า ข้าพเจ้าสองคนนี้เป็นทหารของงักฮุย งักฮุยให้คุมเสบียงมาส่งกองทัพซึ่งตั้งปราบโจรอยู่ที่ตำบลชาเลียงก๋วน ข้าพเจ้าเอาเกาทัณฑ์ยิงถูกเนื้อตัวหนึ่งลำบากวิ่งหนีมา หญิงสองคนจับเอาเนื้อของข้าพเจ้าไปแล้วพูดจาหยาบช้าท้าทาย ข้าพเจ้าจึงไล่ตามมาจะเอาเนื้อตัวนั้นคืนมา ชายผู้เฒ่าได้ฟังรู้ว่าเป็นทหารของงักฮุยก็หายโกรธจึงว่าวิวาทกันด้วยเนื้อตัวเดียวเท่านั้นดอกหรือ ไม่ควรจะอื้ออึงจนถึงจะพังทำลายประตูบ้าน งักฮุยกับเราก็มิใช่คนอื่นที่ไหนมา เชิญท่านทั้งสองเข้าไปในบ้านกินน้ำชาด้วยกันเถิด ทึงฮวย เม่งปังเกียดเห็นผู้เฒ่าพูดจาอ่อนโยนชอบกลก็ลงจากม้าตามผู้เฒ่าเข้าไปในบ้านแล้วบอกชื่อและแซ่กันและกัน ผู้เฒ่าฮวนซุยจึงให้ยกโต๊ะออกมา เชิญทึงฮวย เม่งปังเกียด กินโต๊ะเสพสุราพูดจาไต่ถามถึงข้อราชการกันต่าง ๆ ฮวนซุยจึงถามทึงฮวย เม่งปังเกียด ว่าท่านทั้งสองมาทำราชการปราบโจรอยู่กับงักฮุยช้านานไม่คิดถึงครอบครัวบุตรภรรยาบ้างหรือ ทึงฮวยว่าข้าพเจ้าทั้งสองยังไม่มีภรรยา ฮวนซุยว่าเดิมตัวเราทำราชการอยู่ในเมืองเปียนเหลียง ครั้นแก่เข้าแล้วก็ออกนอกราชการมาทำมาหากินอยู่ที่ตำบลนี้ เมื่อคืนนี้เรานอนหลับฝันไปว่ามีเสือสองตัวไล่เนื้อเข้ามาในบ้านก็พอดีตกใจตื่น เวลาวันนี้ท่านทั้งสองมาถึงบ้านเราก็สมกับความฝัน ตัวเราทุกวันนี้ก็ชราแล้ว มีบุตรชายอยู่คนหนึ่งอายุก็ยังน้อยไม่รู้ที่จะไปฝากฝังไว้กับใครได้ มีบุตรหญิงอยู่สองคนได้วิชาเพลงอาวุธต่าง ๆ เราจะยกให้เป็นภรรยาท่านทั้งสองพอจะได้ฝากบุตรชายสืบต่อไป ซึ่งเราว่าทั้งนี้ท่านจะเห็นประการใด ทึงฮวย เม่งปังเกียด ได้ฟังก็ยินดี จึงถามว่าบุตรหญิงของท่านที่เอาเนื้อของข้าพเจ้าพาหนีมานั้นหรือมิใช่ ฮวนซุยได้ฟังก็หัวเราะแล้วว่า นางทั้งสองนั้นแหละคือบุตรของเรา ทึงฮวย เม่งปังเกียดก็คุกเข่าลงคำนับแล้วพูดว่า ซึ่งท่านมีความเมตตากรุณาข้าพเจ้าทั้งสองนี้พระคุณของท่านนักหนา ข้าพเจ้าทั้งสองเป็นแต่นายทหารผู้น้อยหาควรจะเป็นบุตรเขยท่านไม่ ฮวนซุยจึงว่าเราเห็นสมควรแล้วท่านอย่าพูดบิดพลิ้วถ่อมตัวไปเลย ทึงฮวย เม่งปังเกียด ก็ยอมเป็นบุตรเขยฮวนซุย ฮวนซุยจึงว่าวันนี้ก็เป็นวันดีอยู่แล้วเราจะแต่งการเสียให้เสร็จ พูดดังนั้นก็เข้าไปจัดแจงห้องที่อยู่ ครั้นเวลาค่ำฮวนซุยก็พาบุตรสาวทั้งสองมาส่งให้ทึงฮวยคนหนึ่ง เม่งปังเกียดคนหนึ่งอยู่กันเป็นสามีภรรยากันตามประเพณี ครั้นเวลาเช้า ฮวนเสงบุตรชายฮวนซุยเที่ยวยิงนกกลับมา ฮวนซุยก็พาไปคำนับทึงฮวย เม่งปังเกียด แล้วฝากฝังบุตรชายกับนายทหารทั้งสอง ทึงฮวย เม่งปังเกียดพูดกับภรรยาว่าเรามีราชการติดตัวอยู่จะต้องลาเจ้าไปก่อน เสร็จราชการแล้วจึงจะกลับมาอยู่ให้เป็นปรกติ นางทั้งสองว่าข้าพเจ้าก็รู้อยู่ว่าท่านเป็นคนราชการ แต่ไปแล้วอย่าได้ลืมความที่เมตตากรุณาข้าพเจ้าเสีย นายทหารทั้งสองพูดกับภรรยาแล้วก็มาลาฮวนซุย ฮวนซุยว่าท่านจงรีบคุมเสบียงไปส่งให้งักฮุยนายท่านเถิด ซึ่งภรรยาของท่านนั้นเราจะรักษาไว้ให้ดีอย่าวิตกเลย ทึงฮวย เม่งปังเกียดก็คำนับลาขึ้นม้าถึงที่ชุมนุมก็คุมเกวียนออกไป
ฝ่ายเจียคุนคุมเสบียงมาถึงกองทัพงักฮุย ก็เข้าไปคำนับเล่าความตั้งแต่ต้นจนเตียเหียนตังเซียนพาทหารเข้าสามิภักดิ์ให้งักฮุยฟังทุกประการ งักฮุยมีความยินดี ให้เชิญเตียเหียน ตังเซียน กับนายทหารทั้งสี่เข้ามาในด่าน คำนับกันตามธรรมเนียมแล้ว เตียเหียนก็เอาหนังสือส่งให้งักฮุย งักฮุยแจ้งแล้วจึงว่าท่านอย่าวิตกเลย เราจะทำนุบำรุงท่านให้มีความสุข งักฮุยจึงตั้งให้คนใช้ยกโต๊ะมาตั้งเลี้ยงกัน
ฝ่ายทึงฮวย เม่งปังเกียดคุมเกวียนเสบียงมาถึงก็เข้าไปคำนับงักฮุย งักฮุยถามว่าเหตุใดจึงมาช้านักหนา ทึงฮวย เม่งปังเกียด ก็เล่าความซึ่งฮวนซุยยกบุตรสาวให้เป็นภรรยาให้งักฮุยฟัง งักฮุยก็ยินดี ครั้นอยู่มาวันหนึ่งงักฮุยพูดกับนายทหารทั้งปวงว่า บัดนี้เสบียงอาหารของเราก็บริบูรณ์แล้ว จำเราจะยกไปเขาชีงอซัวฟังกำลังพวกโจรดู ท่านทั้งปวงจงตระเตรียมทหารให้พร้อมกัน ครั้นถึงวันฤกษ์ดี งักฮุยก็ยกกองทัพออกจากด่านไปถึงเขาชีงอซัวสั่งให้ตั้งค่ายห่างค่ายพวกโจรทางประมาณสิบลี้
ฝ่ายฮอง่วนเคง แจ้งว่างักฮุยยกกองทัพมาก็คุมทหารยกมาตั้งประชิดค่าย งักฮุยเห็นฮอง่วนเคง แต่งตัวโอ่โถง ขี่ม้าถืออาวุธคุมทหารมาตั้งหน้าค่าย งักฮุยก็คุมทหารออกไปถามว่า ท่านซึ่งเป็นนายใหญ่คุมทหารยกออกมานี้ คือฮอง่วนเคงนายโจรหรือมิใช่ ฮอง่วนเคงว่าตัวเรานี้แหละชื่อฮอง่วนเคง ท่านนี้ชื่องักฮุยหรือ งักฮุยว่าท่านรู้จักชื่อเราเหตุใดจึงไม่ลงจากม้ามานบนอบเราเสียโดยดี ฮอง่วนเคงได้ฟังก็หัวเราะแล้วแกล้งทำเป็นพูดอ่อนน้อมว่า ข้าพเจ้าได้ยินชื่อเสียงท่านลือชาปรากฏมาช้านาน คิดจะไปสามิภักดิ์ทำราชการให้ท่านใช้สอยอยู่เนือง ๆ แต่ทหารของข้าพเจ้าสองคนเขาไม่ยอมก็เป็นอันจนใจอยู่ งักฮุยพาซื่อไม่สงสัยจึงพูดว่าธรรมดาคนเกิดมาเป็นชายชาติทหารแล้วก็ต้องพิจารณาดูว่าผู้ใดมีสติปัญญาประกอบไปด้วยความเมตตาอารีโอบอ่อมแก่คนทั้งหลายก็ควรจะเป็นที่พึ่งได้ ซึ่งจะมาเชื่อถ้อยคำคนอื่นให้ยิ่งกว่าสติปัญญาของตัวนั้นไม่ควร ฮอง่วนเคงจึงว่าซึ่งท่านพูดนี้ก็ชอบอยู่ แต่ทหารทั้งสองนั้นเขามีฝีมือเข้มแข็งนัก ข้าพเจ้าไม่อาจจะขัดขืนเขาได้ งักฮุยว่าขอท่านจงเรียกออกมาให้พบกับข้าพเจ้าเถิด จะพูดจาชี้แจงให้เห็นการผิดและชอบ ฮอง่วนเคงก็ยื่นมือทั้งสองออกมา ว่านี่แหละคือทหารของเราที่ห้ามไม่ให้ไปอยู่ด้วยท่าน งักฮุยได้ฟังก็โกรธ ว่าเราปราบกองทัพกิมงึดตุดฆ่าทหารตายเสียก็นับหมื่น ตัวท่านมีฝีมือเข้มแข็งประการใดจึงพูดอวดอ้างหลอกหลอนเราดังนี้ พูดแล้วก็ขับม้าเข้ารบกับฮอง่วนเคงเป็นสามารถไม่แพ้ชนะกัน พอเวลาจวนค่ำฮอง่วนเคงจึงว่ากับงักฮุยว่าเวลานี้ก็มืดค่ำแล้ว จงกลับไปค่ายเสียก่อนเถิด พรุ่งนี้จึงค่อยมารบกันใหม่ งักฮุยก็กลับเข้าค่าย ฮอง่วนเคงกลับไปถึงเขา แล้วคิดตรึกตรองจะปล้นค่ายงักฮุยสั่งทหารเตรียมตัวไว้ให้พร้อม