๕
ครั้นถึงวันกำหนด ซินแสจิวถองสั่งให้ เฮงกุ้ย ทึงฮวย เตียเฮียนสามคนไปก่อนพวกหนึ่ง ซินแสจิวถองกับงัก ฮุยไปด้วยกันต่อภายหลัง ครั้นเฮงกุ้ย ทึงฮวย เตียเฮียนไปถึงสนาม เห็นหลีซุนผู้รักษาเมืองกับขุนนางนายทหารมาพร้อมกัน เฮงกุ้ย ทึงฮวย เตียเฮียนก็เข้าไปคำนับหลีซุนผู้รักษาเมือง แล้วถอยออกไปนั่งอยู่ตามพวกที่จะมาซ้อมหัดลองฝีมือ หลีซุนจึงเอาบัญชีชื่อผู้ซึ่งจะมาซ้อมเรียกชื่อต่อ ๆ ลงไปทุกตำบลจนถึงตำบลบ้านคีลินชึง จึงเรียกชื่องักฮุยก็หามีตัวไม่ เรียกต่อลงไปจนถึงชื่อเฮงกุ้ยทึงฮวยเตียเฮียน สามคนก็เข้ามาหาหลีซุน หลีซุนจึงถามว่า งักฮุยตำบลบ้านคีลินชึงนั้นไปไหนเสียหามาด้วยกันไม่หรือ เฮงกุ้ยบอกว่างักฮุยยังมาไม่ถึง หลีซุนจึงสั่งให้ทหารเอาเป้าไปปักห่างหกสิบเก้าวาจะให้พวกบ้านคีลินชึงยิง เฮงกุ้ย ทึงฮวย เตียเฮียนได้ฟังจึงพูดกับหลีซุนว่าหกสิบเก้าวานั้นระยะใกล้นัก ขอเลื่อนเป้าออกไปให้ได้ร้อยยี่สิบเก้าวาเถิด หลีซุนก็สั่งให้ทหารปักเป้าเลื่อนออกไปให้ได้ร้อยยี่สิบเก้าวา เฮงกุ้ย ทึงฮวย เตียเฮียน ก็ขึ้นเกาทัณฑ์ยิงไปถูกใจดำเป้าทั้งสามคน คนละสามลูกเหมือนกัน หลีซุนเห็นดังนั้นก็ยินดี จึงเรียกเฮงกุ้ย ทึงฮวย เตียเฮียนเข้ามาชมว่า เจ้าพวกบ้านคีลินชึงสามคนนี้มีฝีมือยิงเกาทัณฑ์แม่นยำนัก เจ้าไปเล่าเรียนมาแต่ไหนผู้ใดเป็นครูสอนให้ เฮงกุ้ยจึงบอกว่าอาจารย์ข้าชื่อซินแสจิวถอง หลีซุนถามว่าซินแสจิวถองนั้นอยู่ที่ไหนเจ้าจงไปเชิญมาหาเราสักหน่อย เฮงกุ้ยก็คำนับลาไปตามหาซินแส พบซินแสที่ตามทางก็พากันมาที่สนามหัด หลีซุนเชิญซินแสเข้ามานั่งใกล้แล้วถามว่า ท่านมาฝึกหัดลูกศิษย์อยู่ที่บ้านคีลินชึงนี้ก็ใกล้กับข้าพเจ้า หาได้พบปะสนทนากันบ้างเลย ซินแสจิวถองว่า ข้าพเจ้าไม่ได้ว่างเปล่าฝึกหัดลูกศิษย์เหล่านี้อยู่ไม่ได้ไปข้างไหน พูดกันแล้วซินแสก็เรียกงักฮุยเข้าไปคำนับหลีซุน หลีซุนถามว่านี่ผู้ใดมาแต่ไหน ซินแสบอกว่าคนนี้แหละชื่องักฮุยเป็นบุตรเลี้ยงของข้าพเจ้า หลีซุนว่างักฮุยคนนี้มีชื่ออยู่ในบัญชีที่พันนายบ้านยื่นจะมาทดลองฝีมือ จงไปยิงเกาทัณฑ์ให้เราชมฝีมือสักหน่อยเถิด งักฮุยคำนับจับเกาทัณฑ์ออกมาจะยิงเห็นเป้าใกล้นัก จึงว่าเป้านั้นปักใกล้ไม่เต็มกำลังเกาทัณฑ์ ขอท่านจงให้ปักขยับออกไปให้ได้สองร้อยยี่สิบเก้าวาจึงจะดี หลีซุนก็สั่งให้ทหารขยับเป้าออกไปปักตามคำงักฮุย งักฮุยเห็นปักเป้าเสร็จแล้ว ก็จับเกาทัณฑ์ขึ้นสายยิงไปถูกใจดำเป้าถึงเก้าครั้ง หลีซุนเห็นดังนั้นก็ชื่นชมยินดีเป็นอันมาก ขุนนางกรมการและพวกที่มาซักซ้อมเหล่านั้นก็พากันสรรเสริญว่า งักฮุยคนนี้ยิงเกาทัณฑ์แม่นยำนักหามีผู้ใดเสมอไม่ บรรดาคนที่มาซ้อมก็ยิงเกาทัณฑ์เป็นลำดับกัน ถูกเป้าบ้างไม่ถูกบ้าง ครั้นเลิกซ้อมลองฝีมือก็พากันกลับไปบ้าน หลีซุนผู้รักษาเมืองไลยอึ้งกุ้ยนั้นมีใจรักใคร่งักฮุยยิ่งนัก เรียกงักฮุยเข้าไปนั่งใกล้แล้วพูดกับซินแสจิวถองว่า งักฮุยบุตรเลี้ยงของท่านนี้มีฝีมือเข้มแข็งแม่นเกาทัณฑ์เราคิดรักใคร่นัก ตัวเรานี้บุตรชายก็ไม่มี มีแต่บุตรหญิงอยู่คนหนึ่ง งักฮุยบุตรเลี้ยงของท่านนี้มีภรรยาแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่มีเราอยากจะยกบุตรสาวของเราให้เป็นภรรยางักฮุย ท่านจะเห็นประการใด ซินแสจิวถองจึงว่างักฮุยบุตรเลี้ยงข้าพเจ้านี้อายุได้สิบแปดปียังหามีภรรยาไม่ ซึ่งท่านจะยกบุตรสาวให้เป็นภรรยางักฮุยนั้นบุญคุณเป็นที่ยิ่ง แต่ข้าพเจ้าเห็นว่างักฮุยเป็นคนอนาถาหาควรจะเป็นบุตรเขยท่านไม่ ครั้นข้าพเจ้าจะรับเอาโดยความยินดีก็มีความเกรงใจเจียมตัวเป็นอันมาก หลีซุนจึงว่าข้อที่ยากจนอนาถานั้นหาเป็นไรไม่ สุดแต่ใจข้าพเจ้ารักแล้วก็จะยกให้อยู่กินด้วยกัน ท่านอย่าได้เกรงใจถ่อมตัวเลย จงไปสอบสวนปีเดือนวันคืนดูให้ดีด้วยกันเถิด ซินแสจิวถองได้ฟังก็ดีใจให้งักฮุยคำนับหลีซุนแล้วลากลับไป ครั้นงักฮุยกลับไปถึงที่อยู่ก็เล่าความให้มารดาฟัง ตามซึ่งหลีซุนผู้รักษาเมืองไลยอึ้งกุ้ยจะยกบุตรสาวให้เป็นภรรยา นางเอียวสีมารดาได้ฟังก็ดีใจว่า เจ้าจงอุตส่าห์เรียนหนังสือฝึกหัดเพลงอาวุธและวิชาต่าง ๆ ให้ชำนิชำนาญไว้ ถ้าได้ไปอยู่กินกับบุตรสาวหลีซุนแล้วก็จะได้พึ่งบุญเขาต่อไป งักฮุยก็ลามารดากลับมาอยู่ด้วยซินแสจิวถองตามเดิม
ฝ่ายหลีซุนกลับมาแต่สนามถึงบ้าน ก็เล่าความให้นางลีสีบุตรสาวฟังทุกประการ นางลีสีจึงว่ามารดาข้าพเจ้าก็ไม่มี เมื่อบิดาเห็นชอบเห็นควรข้าพเจ้าก็หาขัดขืนไม่ ครั้นเวลารุ่งเข้าหลีซุนก็จดปีเดือนวันคืนของนางลีสีผู้บุตรให้คนใช้เอาไปให้ซินแสจิวถองตำบลบ้านคีลินชึง ซินแสจิวถองได้รับปีเดือนของบุตรสาวหลีซุนแล้วก็สั่งให้งักฮุยไปหามารดา จดหมายวันคืนมาเทียบกันเข้า ซินแสจิวถองดูปีเดือนวันคืนเวลาถูกต้องเหมือนกับเป็นวันหนึ่งวันเดียว ซินแสจิวถองก็คิดว่าคนทั้งสองนี้ชะรอยจะเกิดมาเป็นคู่กัน จึงชี้ให้งักฮุยดูว่าเจ้ากับหญิงคนนี้อยู่กินด้วยกัน ถ้าทุกข์สุขสิ่งใดก็คงจะเป็นที่ร่วมกัน ด้วยปีเดือนวันคืนเวลาเหมือนกันไม่เคลื่อนคลาดกัน ครั้นรุ่งขึ้นเช้าซินแสจิวถองก็พางักฮุยไปบ้านหลีซุนผู้รักษาเมือง หลีซุนเห็นซินแสจิวถองพางักฮุยมาก็ยินดี คำนับกันตามธรรมเนียมเชิญให้นั่งที่สมควร ซินแสจิวถองจึงพูดว่าท่านให้จดหมายปีเดือนวันคืนของบุตรสาวท่านไป ข้าพเจ้าได้สอบสวนดูจำเพาะปีและเดือนเวลาเหมือนกับปีเดือนคืนวันเวลาของงักฮุยไม่ผิดเพี้ยนกันเลย หลีซุนได้ฟังดังนั้นก็ดีใจพูดกับซินแสจิวถองว่า หายากนักคนที่ปีเดือนวันคืนเวลาจะร่วมถูกต้องกันดังนี้ ชะรอยคนทั้งสองจะเคยเป็นคู่กันมา พูดแล้วก็สั่งให้คนใช้ยกโต๊ะมาเลี้ยง ซินแสจิวถองกับงักฮุยกินอิ่มสำเร็จแล้ว หลีซุนจึงพูดกับงักฮุยว่าเจ้าก็เป็นบุตรเขยเราแล้ว เราเห็นเจ้ามีฝีมือเข้มแข็ง เพลงอาวุธก็ชำนิชำนาญ แต่ยังหามีม้าที่สำหรับจะขี่ไม่ ม้าของเรามีอยู่หลายสิบ เจ้าจงไปเลือกดูสักม้าหนึ่งเอาไปไว้ขี่สำหรับขาเถิด งักฮุยไปเลือกดูม้าเหล่านั้นหลายสิบตัวก็ไม่ชอบใจ พูดว่าม้าเหล่านี้จะขี่ออกการศึกสงครามเห็นจะไม่ได้ หลีซุนว่าม้าเป็นหลายสิบตัวเจ้าไม่ชอบใจ ม้าอื่นก็เห็นไม่มีที่ไหน เมื่อขณะพูดกันอยู่นั้น ม้าตัวหนึ่งที่ล่ามไว้ริมกำแพงบ้าน ร้องขึ้นเสียงแหลมดังเรี่ยวแรงนัก งักฮุยได้ฟังจึงว่าม้าที่ร้องอยู่นั้นเสียงเพราะนักเห็นทีจะมีกำลังมาก ซินแสจิวถองว่ายังไม่เห็นตัวม้าเหตุใดจึงรู้ว่าเป็นม้าดี งักฮุยว่าม้าดีมีกำลังมากนั้นร้องดังเป็นกังวาน กระแสเสียงแจ่มใส ถึงข้าพเจ้าไม่เห็นตัวก็รู้ว่าม้าดีมีกำลังมาก หลีซุนจึงว่าม้านี้ซื้อมาแต่ฝ่ายเหนือตั้งแต่มาได้กว่าปีแล้วหามีผู้ใดขี่ได้ไม่ ถ้าคนเข้าใกล้ก็ดีดขบกัดเอาดุร้ายนัก เราขายไปหลายหนแล้ว ผู้ที่ซื้อไปขี่ไม่ได้ ก็เอากลับมาคืนเสียไม่รู้ที่จะทำประการใดจึงได้เอาไปผูกล่ามไว้ริมกำแพง ถ้าเจ้าจะขี่ได้ก็จงเอาไปเถิด พูดดังนั้นแล้วก็พาซินแสจิวถองกับงักฮุยไปดูม้าที่ริมกำแพง ม้าเห็นเข้ามาใกล้ก็ตรงเข้าดีดขบกัด งักฮุยโดดเข้าไปจับผมหน้าม้ากดลงไว้ ม้านั้นโตใหญ่รูปงามสีขาวมีกำลังมาก งักฮุยพิเคราะห์ดูก็ชอบใจ หลีซุนสั่งให้เอาเครื่องม้าผูกม้านั้นเข้าแล้ว งักฮุยขึ้นขี่ขับไปเต็มกำลังจนเหงื่อม้าออกราบลง หลีซุนเห็นดังนั้นก็ดีใจพาซินแสจิวถองกับงักฮุยกลับมาบ้าน สั่งคนใช้ให้ผูกม้ามาให้ซินแสจิวถองขี่ตัวหนึ่ง ซินแสจิวถองกับงักฮุยก็ลากลับมา การซึ่งจะให้งักฮุยกับนางลีสีอยู่กินด้วยกันนั้นยังหากำหนดนัดวันไม่ งักฮุยมาถึงที่อยู่แล้วก็เล่าความซึ่งซินแสจิวถองไปพูดจากับหลีซุน จนหลีซุนให้ม้ามาสำหรับขี่ตัวหนึ่ง นางเอียวสีได้ฟังก็มีความยินดีเป็นอันมาก