๓๓

ฝ่ายเม่งปังเกียด เดินไปตามทางพบศาลาแห่งหนึ่งเห็นชาวบ้านขายน้ำชา ก็แวะเข้าไปจะซื้อกิน แล้วจึงคิดตรึกตรองดูว่า เราหนีเล่าหงีทิ้งถิ่นฐานบ้านช่องมาครั้งนี้ไม่เห็นผู้ใดจะเป็นที่พึ่ง ช่วยแก้แค้นทดแทนเล่าหงีได้ จำจะไปทำราชการอยู่กับงักฮุย ณ เมืองงอทังกวน แต่ไม่รู้จักทางที่จะไปม้าก็ไม่มีขี่ ในขณะนั้นเห็นม้าตัวหนึ่งอยู่ที่ต้นไม้ เม่งปังเกียดจึงถามชาวบ้านว่าม้าตัวนี้เป็นของผู้ใด ชาวบ้านเหล่านั้นก็ไม่รู้ เม่งปังเกียดจึงเดินไปเที่ยวสืบถามหาเจ้าของม้าก็ไม่ได้ความ จึงกลับมายืนพิจารณาดู เห็นรูปงดงามเข้มแข็งสมเป็นม้าทหารดีนักหนา เหตุใดหนอจึงไม่มีเจ้าของมาเฝ้ารักษาอยู่ จำเราจะเอาม้าตัวนี้ไปเสียก่อน ถ้าพบปะเจ้าของแล้วจึงค่อยพูดคิดราคาให้เขา เม่งปังเกียดก็ขึ้นขี่ม้านั้นควบไปตามทาง

ฝ่ายโจรเจ้าของม้าไปเที่ยวแอบซุ่มอยู่ตามหนทางช่องแคบ คอยตีชิงคนเดินทางเห็นเม่งปังเกียดควบม้ามาจึงพูดกับเพื่อนโจรกันว่า คนที่ขี่ม้ามานั้นจะมาจับตัวเราดอกกระมัง ครั้นเม่งปังเกียดขี่ม้ามาใกล้ พวกโจรเห็นก็จำได้ว่าเป็นม้าของตัว จึงเอาเชือกขึงขวางทางไว้ เม่งปังเกียดขับม้ามาไม่ทันรู้ว่าเชือกผ่านเท้าม้าเข้าล้มลง พวกโจรจับเม่งปังเกียดได้ ถามว่าเหตุใดตัวจึงลักเอาม้าของเรามา เม่งปังเกียดว่าม้าตัวนี้ผูกอยู่ที่ต้นไม้เราเที่ยวถามหาเจ้าของนักหนาก็ไม่พบ จึงได้เอาม้าตัวนี้ขี่มาถ้าพบปะเจ้าของจะเอาเงินทองสักเท่าใดพอสมควรราคาก็จะให้ หรือจะเอาม้าคืนไปก็ตาม พวกโจรได้ฟังก็โกรธจึงเอาตัวเม่งปังเกียดไปให้อูเทียนเปานายใหญ่บอกว่าชายผู้นี้ลักเอาม้าของท่านขี่มา อูเทียนเปาได้ฟังก็โกรธจึงสั่งให้เอาตัวเม่งปังเกียดไปผ่าอกและเอาหัวใจมาต้มเราจะกิน พวกโจรก็เอาตัวเม่งปังเกียดมัดไปจะผ่าอก เม่งปังเกียดจึงพูดว่าตัวเราครั้งนี้ไม่ควรจะมาตายด้วยฝีมือพวกโจรเลย งักจิ้นนายโจรที่สองได้ยินก็วิ่งเข้าไปดูเห็นเม่งปังเกียด ก็จำได้ว่าเป็นสหายของตัวมาแต่เดิม ก็เข้าไปแก้มัดออกแล้วว่ากับพวกโจรซึ่งจะฆ่าเม่งปังเกียดนั้นว่า คนนี้เป็นเพื่อนของเราเจ้าอย่าเพิ่งฆ่าก่อน เม่งปังเกียดเห็นงักจิ้นก็ดีใจว่าครั้งนี้ถ้าไม่พบท่านแล้วข้าพเจ้าก็คงตาย งักจิ้นพาเม่งปังเกียดไปที่สำนักแล้ว จึงบอกกับพวกนายโจรเหล่านั้นว่าเม่งปังเกียดนี้เป็นเพื่อนกับเรามาแต่เดิม เราได้มีหนังสือไปเชิญมาอยู่ด้วยกันก็ไม่พบปะ บัดนี้ได้มาพบปะกันแล้ว เรามีความยินดีนัก พวกนายโจรเหล่านั้นก็พลอยยินดีด้วย ต่างคนถามชื่อและแซ่กันแล้ว งักจิ้นถามว่าเหตุใดพวกโจรจึงได้จับตัวท่านมาได้ เม่งปังเกียดก็เล่าความเดิมตั้งแต่เล่าหงีกระทำข่มเหงจนบิดาตายจึงได้หนีมาให้งักจิ้นฟังทุกประการ งักจิ้นว่าท่านมานี้จะไปอยู่ตำบลใด เม่งปังเกียดว่าข้าพเจ้าคิดจะไปอยู่ด้วยงักฮุยที่เมืองงอทังก๊วน ขอกองทัพยกมาทำการแก้แค้นเล่าอือ เล่าหงีพ่อลูกให้จงได้ อูเทียนเปาจึงว่าท่านเป็นสหายของงักจิ้นก็เหมือนสหายของเรา ท่านอย่าต้องไปถึงงักฮุยเลยให้ได้ความลำบากด้วยหนทางไกล ทหารของเรามีอยู่ถึงหมื่นเศษพอจะสู้รบกับเล่าอือได้ เม่งปังเกียดว่าท่านเมตตาดังนี้ก็ขอบใจนักหนาแล้ว แต่ใจข้าพเจ้าซึ่งคิดอยู่กับงักฮุยนั้น เพราะเห็นว่างักฮุยเป็นคนมีกตัญญูต่อเจ้านายและบิดามารดาทั้งน้ำใจก็กว้างขวางโอบอ้อมอารีรู้จักคนดีและชั่ว จะทำการสิ่งใดก็ไม่ถือยศศักดิ์เจียมตัวมิได้ลบหลู่หักหาญท่านผู้ใด เห็นว่าพอจะเข้าทำราชการอยู่ด้วยหาความสุขได้ พวกท่านซึ่งเป็นนายโจรอยู่นี้ก็ประกอบไปด้วยสติปัญญา และฝีมือเข้มแข็งแกล้วกล้าสามารถ ซึ่งจะมาประพฤติเป็นโจรเอาสติปัญญาและฝีมือมาทิ้งเสียในป่านั้นเห็นไม่ควรเลย ถ้าจะเข้าไปทำราชการอยู่กับงักฮุยให้มีชื่อเสียงปรากฏในแผ่นดินจะมิดีกว่าหรือ ข้าพเจ้าพูดทั้งนี้ก็เพราะมีความรักใคร่นับถือท่านจริง ๆ นายโจรได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีเห็นชอบด้วย จึงให้คนใช้ยกโต๊ะมาตั้งเลี้ยงเสพสุราพูดกันเป็นที่สบาย ครั้นกินโต๊ะแล้วอูเทียนเปาสั่งให้ทหารรวบรวมข้าวของตระเตรียมตัวไว้พร้อมกันแล้วก็ออกเดินไปเมืองงอทังก๊วน

ฝ่ายงักฮุยครั้นถึงเดือนเจ็ดขึ้นสิบห้าค่ำเป็นวันสารท ก็ทำเครื่องเซ่นคำนับตามธรรมเนียมปีเดือน งูเกาจึงพูดกับกิดแชว่าเราจะเซ่นคำนับผีปู่ย่าตายายในเมืองนี้เห็นจะไม่ได้ด้วยผู้คนชาวบ้านมากนักปิศาจที่ไหนจะอาจมารับเครื่องเซ่นได้ เชิญท่านไปทำเครื่องเซ่นคำนับที่ชายป่านอกเมืองเถิด ผีปู่ย่าตายายเราจะได้มากินเครื่องเซ่นให้สบาย กิดแชก็เห็นชอบด้วย พากันเอาสิ่งของเครื่องเซ่นไปที่ชายป่านอกเมือง เดินเที่ยวหาที่จะทั้งโต๊ะเครื่องเซ่น พอแลเห็นต้นไม้ไหวสะเทือนอยู่ งูเกาคิดประหลาดใจก็เดินเข้าไปดูเห็นคนซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้นั้นคนหนึ่ง ก็ร้องตะโกนเรียกกิดแช กิดแชก็วิ่งเข้าไปช่วยกันจับคนผู้นั้นได้ งูเกาจึงว่าคนนี้มันเป็นทหารกิมงึดตุดใช้ให้มาสอดแนมดูกองทัพเราแน่แล้วก็เอาตัวมาส่งให้งักฮุย งักฮุยเห็นก็รู้ว่าเป็นทหารกิมงึดตุด จึงแกล้งทำเป็นเมาสุราพูดฟั่นเฟือนว่าให้แก้มัดเตียปอออกเสีย เตียปอคนนี้เราใช้ให้ถือหนังสือไปถึงเล่าอือที่เมืองซัวตั๋งเอง หาใช่ทหารกิมงึดตุดไม่ เหตุใดจึงไปซุ่มซ่อนอยู่จนให้งูเกาเขาจับเอามาได้ เดี๋ยวนี้เอาหนังสือไว้ที่ไหน ทหารผู้นั้นได้ฟังก็ไม่รู้ที่จะพูดประการใด งักฮุยว่าเห็นจะเอาหนังสือไปตกเสีย แล้วจึงได้เชือนแชหลบเหลี่ยมอยู่ดังนี้ ทหารผู้นั้นได้ฟังก็ไม่เข้าใจว่าเหตุผลอย่างไร ร้องว่าขอโทษข้าพเจ้าสักครั้งหนึ่งเถิด งักฮุยจึงแกล้งพูดไปอีกว่า คราวนี้จะยกโทษเสียจะให้ถือหนังสือไปอีกครั้งหนึ่ง ถ้าไม่ได้ราชการจะเอาโทษถึงตาย ว่าแล้วก็เขียนหนังสือประทับตราเข้าผนึกเอาขี้ผึ้งห่อปั้นกลมกันน้ำไม่ให้เปียก มีสายเชือกผูกมอบให้คนผู้นั้นผูกบั้นเอวซ่อนไว้ในกางเกงรีบไปให้เล่าอือ ณ เมืองซัวตั๋งโดยเร็ว ทหารผู้นั้นก็คำนับลาไป งูเกานั่งอยู่ที่นั้นจึงนึกแต่ในใจว่า งักฮุยนี้แต่ก่อนมาถึงจะเสพสุราเมาสักเท่าใด ๆ สติก็ไม่ฟั่นเฟือนซึ่งจะดูคนผิดไปดังนี้ไม่เห็นด้วยมีความสงสัยนัก จึงขยับเข้าไปใกล้แล้วถามว่า คนซึ่งข้าพเจ้าจับมานั้นเป็นทหารกิมงึดตุดจริง ๆ เหตุใดท่านจึงว่าเป็นเตียปอปล่อยให้ไปเสียเล่า งักฮุยได้ฟังก็หัวเราะพูดกิริยาเป็นปรกติว่า ท่านไม่รู้ในอุบาย ทหารผู้นี้เราก็แน่ในใจว่าเป็นคนของกิมงึดตุดใช้ให้มาสืบสวน ครั้นเราจะฆ่าเสียก็ไม่เห็นประโยชน์สิ่งใด เราจึงคิดอุบายทำหนังสือให้ไปถึงเล่าอือ ถ้ากิมงึดตุดรู้หนังสือนั้นแล้วก็คงจะคิดโกรธสงสัยเล่าอือ เล่าอือกับกิมงึดตุดก็คงจะล้างผลาญกันนั้น เราไม่ต้องยกกองทัพไปกำจัดเล่าอือ จะมิดีกว่าหรือ งูเกาและทหารทั้งปวงได้ฟังก็สรรเสริญว่า ท่านนี้มีสติปัญญาสุขุมลึกซึ้งสมควรเป็นแม่ทัพโดยแท้

ฝ่ายทหารกิมงึดตุดซึ่งรับเอาหนังสืองักฮุยไปนั้น ครั้นไปถึงเมืองฮ่อกันฮู้ก็เข้าไปคำนับกิมงึดตุด กิมงึดตุดถามว่าเราใช้ให้ไปสอดแนมดูกองทัพงักฮุยได้ความประการใดมาบ้าง ทหารผู้นั้นว่าข้าพเจ้าไปถึงเมืองงอทังก๊วน เวลากลางวันก็เข้าไปซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ เวลากลางคืนจึงได้ออกเที่ยวไปสืบราชการ พบงูเกาจับข้าพเจ้าไปให้งักฮุย งักฮุยเมื่อเวลานั้นเมาสุราเหลือขนาดเรียกข้าพเจ้าว่าเตียปอแล้วทำหนังสือให้ข้าพเจ้าเอาไปให้เล่าอือ ข้าพเจ้าก็รีบมา กิมงึดตุดถามว่าหนังสือนั้นอยู่ไหนจงเอามาให้เราดู ทหารนั้นก็เปลื้องกางเกงแก้เชือกที่ผูกลูกขี้ผึ้งห่อหนังสือคาดเอวออกส่งให้กิมงึดตุด กิมงึดตุดแก้ผนึกออกอ่านได้ความว่า งักฮุยคำนับมาถึงเล่าอือ ด้วยท่านมีหนังสือไปถึงข้าพเจ้าว่าให้เร่งยกกองทัพไปตีเมืองซัวตั๋งนั้นท่านจะเปิดประตูรับโดยดี ข้าพเจ้ามีความขอบใจนัก บัดนี้ได้จัดเตรียมกองทัพไว้พร้อมแล้ว อีกสักสี่วันห้าวันจึงจะยกไป ขอท่านจงเตรียมการคอยข้าพเจ้าไว้เถิด กิมงึดตุดดูหนังสือแล้วโกรธพูดกับนายทหารว่า เล่าอือคนนี้เดิมเราก็คิดจะไม่เลี้ยงมันแล้วเห็นว่าใจคอโลเลไม่ซื่อตรง แต่เป็นกำลังจะทำศึกจึงต้องจำใจตั้งให้เป็นอ๋องเพื่อจะเอาการ บัดนี้มันก็คิดกลับใจประทุษร้ายต่อเราแล้วจะละไว้ไม่ได้ จำจะยกกองทัพไปกำจัดเสียโดยเร็ว คับมิชีได้ฟังจึงว่าขอท่านงดก่อน หนังสือฉบับนี้ข้าพเจ้ายังสงสัยอยู่เกลือกจะเป็นอุบายของงักฮุย ถ้าทำไปก็จะได้ความอัปยศ ขอท่านให้คนไปสืบที่เมืองซัวตั๋งก่อน กิมงึดตุดว่าซึ่งท่านพูดนั้นก็ชอบอยู่ แต่เราเห็นว่าเล่าอือคนนี้ เป็นคนไม่มีกตัญญูสัตย์ซื่อต่อเจ้านาย เราคิดเกลียดชังมันนานแล้ว ให้ไปอยู่เมืองซัวตั๋งก็ทำการกำเริบหยาบช้าต่อราษฎรต่าง ๆ ข่าวชั่วของเล่าอือมาเข้าหูเราหลายครั้งแล้ว คับมิชีได้ฟังก็มิได้ว่าประการใด กิมงึดตุดจึงสั่งให้กิมงันมอลีจือคุมทหารห้าพันยกไปกำจัดเล่าอือกับพรรคพวกซึ่งคบคิดกันกระทำคุมเหงเบียดเบียนราษฎรนั้นเสียให้สิ้นเชิง กิมงันมอ ลีจือก็คำนับลาออกมาจัดทหารเข้ากระบวนทัพยกตรงไปเมืองซัวตั๋ง

ฝ่ายงักฮุยอยู่มาวันหนึ่งออกว่าราชการ ม้าใช้เข้ามาแจ้งว่ากองทัพยกมาตั้งอยู่หน้าเมืองพวกหนึ่ง แต่ยังไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นแม่ทัพยกมาแต่ไหน งักฮุยจึงให้ซีฉวน ทึงฮวยสองนายออกไปสืบดูให้รู้ความว่าผู้ใดเป็นแม่ทัพยกมา ซีฉวน ทึงฮวยก็คำนับลาขึ้นขี่ม้าออกไปถึงหน้าทัพ จึงถามทหารว่าทัพนี้ผู้ใดเป็นนายยกมาแต่ไหน ทหารนั้นก็เอาความเข้าไปแจ้งเม่งปังเกียด ว่างักฮุยให้นายทหารออกมาถาม เม่งปังเกียดแจ้งแล้วก็พานายโจรออกมา ซีฉวนจึงถามว่า ซึ่งท่านยกกองทัพมาตั้งอยู่ที่นี้จะไปไหน ท่านผู้ใดเป็นนาย เม่งปังเกียดบอกว่าข้าพเจ้าทั้งปวงทราบความเลื่องลือไปว่างักฮุยประกอบไปด้วยสติปัญญาใจโอบอ้อมอารี รักทแกล้วทหารเป็นอันมาก พวกข้าพเจ้ามาครั้งนี้ปรารถนาจะเข้าสามิภักดิ์ทำราชการอยู่ด้วยงักฮุย ซีฉวน ทึงฮวยได้ฟังก็ลงจากม้าต่างคนคำนับกันแล้ว ซีฉวน ทึงฮวยก็พาเม่งปังเกียดกับนายทหารทั้งห้าคนเข้าไปในเมืองงอทังก๊วน ซีฉวนเข้าไปแจ้งความตามถ้อยคำเม่งปังเกียด พูดให้งักฮุยฟังทุกประการ งักฮุยได้แจ้งก็มีความยินดีสั่งให้พาตัวเข้ามาที่ว่าราชการ นายโจรทั้งหกเข้าไปถึงก็คำนับงักฮุย งักฮุยเชิญให้นั่งตามสมควรแล้วพูดว่า ท่านมาสามิภักดิ์อยู่ด้วยเรานั้นมีความขอบใจนัก เราจะทำนุบำรุงไปตามสติปัญญา ตัวท่านทั้งหกนี้มีชื่อใดแซ่ไรถิ่นฐานตั้งอยู่ไหน นายโจรเหล่านั้นก็บอกชื่อและแซ่ถิ่นฐานที่อยู่แจ้งทุกคน แต่เม่งปังเกียดบอกว่าตัวข้าพเจ้านี้อยู่เมืองซัวตั๋ง กิมงึดตุดตั้งให้เล่าอือไปเป็นเจ้าเมือง เล่าหงีบุตรเล่าอือเที่ยวกระทำคุมเหงราษฎร แล้วกระทำร้ายแก่บิดาข้าพเจ้าจนถึงแก่ความตาย ข้าพเจ้ามีใจเจ็บแค้นนักคิดจะมาสามิภักดิ์อยู่ด้วยท่าน ขออาสาเป็นทหารไปปราบปรามเล่าอือ เล่าหงีพ่อลูกซึ่งเป็นคนอกตัญญูต่อพระเจ้าแผ่นดิน จะได้แก้แค้นแทนบิดาข้าพเจ้าด้วย ครั้นมาถึงกลางทางพบ อูเทียนเปา อูเทียนเข่ง ซือเค่ง กิมปิว งักจิ้น ห้านายคุมทหารตั้งอยู่ที่ตำบลเขาอองูซัวแขวงเมืองซัวตั๋ง ข้าพเจ้าจึงได้ชวนให้มาทำราชการอยู่กับท่าน งักฮุยได้ฟังจึงว่าเล่าอือนี้เดิมทำราชการอยู่ในกองทัพเดียวกันกับเราเป็นคนโกงนัก ครั้นเตียซอแม่ทัพรู้จะจับตัวก็หนีไปอยู่กับกิมงึดตุด เราได้คิดกลอุบายไปล่อลวงให้กิมงึดตุดยกกองทัพไปกำจัดเล่าอืออยู่แล้ว ถ้าไม่สำเร็จเราจึงจะยกกองทัพไปฆ่ามันเสียให้ได้ ท่านอย่าวิตกทุกข์ร้อนไปเลย เม่งปังเกียดได้ฟังก็มีความยินดี งักฮุยให้จัดโต๊ะและสุรามาเลี้ยงทหารซึ่งสามิภักดิ์ใหม่ปรึกษาพูดจาด้วยข้อราชการต่าง ๆ

ฝ่ายทหารม้าใช้ซึ่งงักฮุยให้ไปสืบราชการ ณ เมืองซัวตั๋งกลับมา แจ้งความแก่งักฮุยว่าได้ไปสืบราชการที่เมืองซัวตั๋ง ได้ความสองข้อ ข้อหนึ่งเล่าหงีบุตรเล่าอือไปเที่ยวยิงนก แล้วไปคุมเหงราษฎรสู้รบกับเม่งปังเกียด ซึ่งเป็นชาวบ้านอยู่ตำบลนั้น เล่าหงีสู้เม่งปังเกียดไม่ได้หนีกลับไปขอทหารเล่าอือบิดาสามพันจะไปสู้รบกับเม่งปังเกียดอีก เล่าหลิมห้ามไว้ว่าอย่าให้เล่าหงีพาทหารไปคุมเหงราษฎร เล่าอือบิดาก็ไม่ฟัง เล่าหลิมน้อยใจเอาศีรษะฟาดศิลาแตกตาย ข้อหนึ่งกิมงึดตุดให้กิมงันมอ ลีจือคุมทหารสามพันยกมากำจัดเล่าอือ และทหารพรรคพวกเล่าอือเสียหมดสิ้นแล้ว แต่เล่าหงีนั้นไปเที่ยวยิงนกอยู่ในป่า รู้ว่ากิมงึดตุดให้ยกกองทัพมาก็หนีเอาตัวรอดไปได้ งักฮุยได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีจึงเอาเงินและเสื้อผ้าให้เป็นบำเหน็จรางวัลแก่ทหารผู้นั้น

ฝ่ายกิมงันมอ ลีจือครั้นยกกองทัพไปกำจัดเล่าอือแล้วก็รวบรวมทรัพย์สิ่งของทองเงินของเล่าอือรีบยกกองทัพกลับมาเมืองฮ่อกันฮู้แจ้งความให้กิมงึดตุดฟังทุกประการ กิมงึดตุดก็ยินดีจึงเอาทรัพย์สิ่งของของเล่าอือแจกให้เป็นบำเหน็จแก่ทหารทั้งปวงตามสมควรจนสิ้น อยู่มาวันหนึ่งกิมงึดตุดออกว่าราชการ ปรึกษากับนายทหารทั้งปวงว่าเราจะยกกองทัพไปตีเมืองกิมเหลง แต่มีความวิตกอยู่ด้วยงักฮุยมาตั้งอยู่เมืองงอทังก๊วนเป็นต้นทางที่จะไป ท่านผู้ใดจะอาสาไปตีเมืองงอทังก๊วนเสียให้แตกอย่าให้งักฮุยตั้งติดอยู่ได้ เนียมฮั่นผู้พี่กิมงึดตุดว่าข้าพเจ้าจะขอไปตีเมืองงอทังก๊วนเอง กิมงึดตุดก็ยินดีจัดทหารสิบหมื่นให้เนียมฮั่น ครั้นถึงวันฤกษ์ดีก็ยกทหารออกจากเมืองฮ่อกันฮู้ เดินทางไปถึงเมืองงอทังก๊วน เนียมฮั่นให้ตั้งค่ายมั่นลงไว้

ฝ่ายทหารม้าใช้สืบราชการ เห็นกองทัพยกมาก็รีบเข้าไปแจ้งแก่งักฮุย งักฮุยสั่งให้จิวแชคุมทหารห้าพันยกไปตั้งคอยรับกองทัพฮวนอยู่ทิศเหนือ ให้กิดแชคุมทหารห้าพันไปตั้งอยู่ทิศใต้ ให้เลียงเฮงคุมทหารห้าพันไปตั้งอยู่ทิศตะวันออก ให้เตียหุนคุมทหารห้าพันไปตั้งอยู่ทิศตะวันตก นายทหารทั้งสี่ก็คำนับลามาจัดกองทัพยกไป งักฮุยเกณฑ์ทหารให้รักษาหน้าที่เชิงเทินเมืองไว้เป็นสามารถ

ฝ่ายเนียมฮั่นเห็นกองทัพทหารงักฮุยออกมาตั้งค่ายรายกันอยู่หน้าเมืองทั้งสี่ด้านดูมั่นคงแข็งแรงนัก จึงคิดว่าครั้งก่อนเรามีทหารมารบกับงักฮุยก็สิบหมื่นเหมือนครั้งนี้ งักฮุยปลอมเข้าปล้นค่ายฆ่าทหารเราตายเสียเป็นอันมาก ครั้งนี้เกลือกงักฮุยจะปลอมเข้าปล้นค่ายอีกจะประมาทแก่การมิได้ จึงให้ทหารขุดคูกว้างลึกไว้รอบค่าย แล้วเอาแตะตีทับเอาหญ้าและฟางทับดินเกลี่ยปิดบนไว้ แล้วเนียมฮั่นนั้นให้ทหารแต่งตัวเป็นแม่ทัพนั่งอยู่ที่ว่าราชการ เนียมฮั่นนั้นแต่งตัวปลอมเป็นทหารเลว ไปเที่ยวตรวจตราอยู่ตามรอบค่าย

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ