๕๒
บูเชียงก๋งว่าเจ้าอย่าทำเขาเลย เมื่อเขาจะมาพูดอย่างไรก็ฟังเขาดูก่อน งูเกาว่ามันคิดร้ายต่อท่านจับได้ถึงสองครั้งแล้ว เหตุใดจึงไม่เอาโทษ บูเชียงก๋งว่าทหารพวกเอียเอียวมีดี ๆ อยู่หลายคน ซึ่งเราอดโทษอวงจอเสียนั้นก็เพราะจะให้เห็นว่าใจดีไม่มีความอาฆาตต่อผู้เป็นข้าศึก หวังจะเกลี้ยกล่อมคนเหล่านั้นให้เข้ามาอยู่ด้วย ท่านจงออกไปพาอวงจอเข้ามาเถิด งูเกาก็ออกไปเรียกอวงจอเข้ามาคำนับบูเชียงก๋ง บูเชียงก๋งถามว่า ท่านมาด้วยธุระสิ่งไรอีกหรือ อวงจอว่าเดิมข้าพเจ้าปรึกษากับเงียมขี จะพากันมาสามิภักดิ์อยู่ด้วยท่าน เงียมขีก็ยอมปลงใจแล้ว เงียมเชงฮองบุตรเงียมขีพูดขัดทัดทานไว้ ว่าจะขอสู้รบลองฝีมือกับงักฮุนผู้เป็นบุตรท่านก่อน ถ้าสู้ไม่ได้แล้วก็จะยอมเข้ามาสามิภักดิ์โดยดี บูเชียงก๋งว่าเชิญท่านไปบอกกับเงียมเชงฮองเถิดว่า เวลาพรุ่งนี้เช้าเราจะให้งักฮุนออกไป อวงจอก็คำนับลากลับมา ครั้นเวลาเช้าบูเชียงก๋งให้งักฮุนออกไปคอยรบกับเงียมเชงฮอง งักฮุนก็ลามาแต่งตัวขึ้นม้าคุมทหารออกไป คอยเงียมเชงอองอยู่ถึงสามเวลาก็ไม่เห็นเงียมเชงฮองยกออกมา อวงจอเห็นการผิดสังเกตจึงไปหาเงียมขีถามว่า ท่านให้ข้าพเจ้าไปนัดงักฮุนแล้วทำไมจึงไม่ให้บุตรออกไปรบกับเขาเล่า จะมิเป็นเท็จไปหรือ เงียมขีว่าตั้งแต่วันนั้นมาเงียมเชงฮองป่วย ออกไปรบไม่ได้ เมื่อค่อยยังชั่วขึ้นแล้วจึงจะให้ออกไป อวงจอก็ลากลับมาค่าย สั่งให้อวงเชงเหลียงผู้บุตรไปบอกกับงักฮุนว่าเงียมเชงฮองป่วย ขอผัดไปอีกสักสองสามวัน เวลานี้เชิญกลับไปเสียก่อนเถิด อวงเชงเหลียงก็ลาไปยังกองทัพงักฮุน แจ้งความตามซึ่งอวงจอผู้บิดาสั่งมาทุกประการ งักฮุนว่าถ้าดังนั้นเราก็จะกลับไป เมื่อเงียมเชงฮองหายป่วยแล้วจึงค่อยนัดกันใหม่ ขณะนั้นเซกฮวงนายทหารรองของงักฮุนยืนถือกระบี่อยู่ริมนั้นได้ฟังความก็โกรธร้องขึ้นว่า อวงจอพ่อของตัวนี้พูดไม่จริง คิดอุบายจะทำร้ายบูเชียงก๋งนายเราถึงสองครั้งแล้ว บัดนี้มาหลอกลวงลูกนายเราอีก คนอย่างนี้ไม่ควรจะไว้ชีวิต ว่าแล้วก็เอากระบี่ฟันอวงเชงเหลียงศีรษะขาดตายในทันใดนั้น งักฮุนเห็นก็ตกใจจึงว่า บิดาเราอดใจระงับความโกรธหมายจะเกลี้ยกล่อมอวงจอและนายทหารของเอียเอียวมาไว้เป็นกำลังราชการ ซึ่งมาฆ่าอวงเชงเหลียงบุตรอวงจอเสียดังนี้ผิดนัก เซกฮวงว่าท่านจะให้ทำใจดีกับคนร้ายนั้นไม่ควร ภายหลังจะได้ความเดือดร้อน ตัวข้าพเจ้านี้จะมีโทษประการใดก็ตามเถิด งักฮุนให้ทหารมัดเซกฮวงพากลับมาแจ้งความกับบูเชียงก๋ง บูเชียงก๋งโกรธนัก สั่งให้ทหารเอาตัวเซกฮวงไปตีเสียสี่สิบที แล้วให้คุมตัวไปส่งอวงจอว่าเซกฮวงคนนี้ฆ่าอวงเชงเหลียงบุตรท่านเสีย ท่านจะเอาโทษทดแทนประการใดก็ตามเถิด ทหารคุมตัวพาเซกฮวงไปให้อวงจอ แล้วบอกตามคำบูเชียงก๋งสั่งมาทุกประการ อวงจอจึงว่าท่านจงกลับไปบอกกับนายท่านเถิด ว่าซึ่งบุตรเราตายนั้นก็เพราะสิ้นอายุของเขาเอง อย่าให้นายท่านโกรธทำโทษเซกฮวงต่อไปอีกเลย ทหารก็พาเอาตัวเซกฮวงกลับมาแจ้งความกับบูเชียงก๋ง บูเชียงก๋งรู้ว่าอวงจอไม่ถือโกรธก็ดีใจ สั่งงักฮุนว่าเจ้าจงคุมทหารออกไปตั้งคอยเงียมเชงฮองอยู่เถิด งักฮุนก็คำนับลาคุมทหารออกไป
ฝ่ายเงียมเชงฮองหายป่วยแล้วก็จัดทหารแต่งตัวขึ้นม้าถือลูกตุ้มเหล็กออกไปร้องพูดกับงักฮุนว่า เขาเลื่องลือว่าท่านมีฝีมือเข้มแข็งนัก ข้าพเจ้าอยากจะสู้รบลองดูว่าจะจริงเหมือนคำคนทั้งปวงกล่าวสรรเสริญหรือไม่ พูดแล้วก็ขับม้าเข้ารบกับงักฮุนได้แปดสิบเพลง งักฮุนเห็นฝีมือเงียมเชงฮองเข้มแข็งคล่องแคล่วดีก็นึกชอบใจ ทำเสียทีขับม้าหนี เงียมเชงฮองขับม้าไล่ตามไปกระชั้นเข้า งักฮุนชักม้ากลับหน้ายกลูกตุ้มขึ้นจะตี เงียมเชงฮองเอนตัวหลบเอาลูกตุ้มขึ้นรับ งักฮุนเอาลูกตุ้มตีถูกลูกตุ้มเงียมเชงฮองเสียหลักลูกตุ้มหลุดจากมือกระเด็นไป เงียมเชงฮองเสียทีก็โจนลงจากม้าคำนับงักฮุนว่า ตั้งแต่นี้ไปข้าพเจ้าจะขอเป็นทหารรองอยู่ด้วยท่านไปกว่าจะหาชีวิตไม่ งักฮุนมีความยินดีว่าเวลาอื่นจึงค่อยสนทนากัน เดี๋ยวนี้เราจะลาท่านไปก่อน ต่างคนก็กลับไปแจ้งความแก่บิดา บูเชียงก๋งนึกว่าครั้งนี้คงจะสมคิดแล้ว
ฝ่ายเงียมขีเห็นบุตรกลับมาบอกว่าแพ้ฝีมืองักฮุนก็มีความยินดี ด้วยอยากจะใคร่เข้าสามิภักดิ์อยู่กับบูเชียงก๋ง ตั้งแต่นั้นมาเงียมขี อวงจอก็คอยหาช่องที่จะไปอยู่ด้วยบูเชียงก๋งทุกเวลา
ฝ่ายฬอเอียนเก่งได้รับหนังสือของเอียเอียวแล้ว ก็จัดทหารเข้ากองทัพพร้อมสรรพด้วยเครื่องศาสตราวุธ ยกมาหาเอียเอียว เอียเอียวรู้ว่าฬอเอียนเก่งมาถึงก็มีความยินดี ออกไปรับกันตามธรรมเนียมแล้วก็ชวนฬอเอียนเก่งเข้ามาในค่ายนั่งที่เสมอกัน เอียเอียวพูดว่าข้าพเจ้าทำศึกสงครามแพ้แก่บูเชียงก๋งคราวนี้หลายครั้งเสียทแกล้วทหารก็มากด้วยกันทั้งสองฝ่าย ข้าพเจ้าเชิญท่านมาหวังจะให้ช่วย ฬอเอียนเก่งว่า ข้าพเจ้าจะคุมทหารยกออกไปฟังกำลังบูเชียงก๋งดูก่อน เอียเอียวก็มีความยินดี ฬอเอียนเก่งลากลับมาที่ประชุมทหาร ทหารที่เมื่อยล้ามาถึงพร้อมหายเหนื่อยแล้ว ก็จัดกองทัพยกไปถึงหน้าค่ายบูเชียงก๋ง ทหารม้าใช้กองสอดแนมเข้าไปแจ้งกับบูเชียงก๋งว่า บัดนี้ฬอเอียนเก่งยกกองทัพมาจวนจะถึงอยู่แล้ว บูเชียงก๋งได้แจ้งแล้วจึงพูดกับนายทหารทั้งปวงว่า ฬอเอียนเก่งคนนี้เขาเล่าลือว่ามีฝีมือเข้มแข็งนัก ท่านผู้ใดจะรับอาสาเราออกไปสู้รบกับฬอเอียนเก่งได้บ้าง เอียไจเฮงจึงว่าฬอเอียนเก่งกับข้าพเจ้าได้คุ้นเคยชอบอัชฌาสัยกันมาแต่ก่อน ข้าพเจ้าจะขอออกไปสู้รบหาอุบายเกลี้ยกล่อมฬ่อเอียนเก่งให้เข้ามาสามิภักดิ์อยู่กับท่านจงได้ บูเชียงก๋งได้ฟังก็มีความยินดี จัดทหารให้เอียไจเฮงยกออกไป เอียไจเฮงเห็นฬอเอียนเก่งขี่ม้านำหน้าทหารมาก็มิได้พูดประการใด ขับม้าตรงเข้ารบกับฬอเอียนเก่งได้ประมาณสิบเพลง เอียไจเฮงก็ทำขับม้าควบหนีไปข้างชายป่า ฬอเอียนเก่งขับม้าไล่ตามไปครั้นลับคนแล้ว เอียไจเฮงลงจากม้าวางอาวุธแล้วพูดว่า ข้าพเจ้ากับท่านไม่ได้พบปะกันช้านานนักหนาแล้ว วันนี้ได้มาพบกันก็เป็นที่ยินดีนัก ท่านมีความสุขสบายอยู่หรือ ฬอเอียนเก่งเห็นเอียไจเฮงลงจากม้าวางอาวุธก็ลงจากม้าเสียบ้าง จึงพูดว่าข้าพเจ้าคิดถึงท่านอยู่เนือง ๆ อยากจะใคร่พบปะอยู่มิได้ขาด แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เอียไจเฮงว่าข้าพเจ้าได้ทราบว่าท่านคุมทหารยกมาช่วยเอียเอียวก็มีความยินดีจึงได้ขออาสาบูเชียงก๋งออกมา หวังว่าจะพูดความกับท่านสักข้อหนึ่งแต่เกรงว่าท่านจะไม่เห็นด้วย ฬอเอียนเก่งว่าเชิญท่านพูดเถิดอย่าเกรงใจเลย เอียไจเฮงว่าเดิมข้าพเจ้าก็ตั้งตัวคบหากันเป็นโจรมีพวกพ้องมากเหมือนกับท่านดังนี้ แต่มาคิดถึงท่านที่เป็นต้นแซ่ว่าไม่เคยประพฤติการกีดขวางแผ่นดิน ครั้นจะเข้าทำราชการในแผ่นดินซ้องก็เห็นว่าเจ้านายโง่เขลาไม่เอาการ จึงได้ตั้งเอกเทศอยู่ ครั้นมาพบบูเชียงก๋งเป็นคนมีสติปัญญาสัตย์ซื่อมั่นคง จึงได้เข้าทำราชการอยู่ด้วย บูเชียงก๋งก็ทำนุบำรุงชุบเลี้ยงไม่มีผู้ใดดูหมิ่นประมาทมีความสุขสบาย ตัวท่านนี้ต้นแซ่ของท่านคือฬอโงยฬอเสงมีอำนาจมากครั้งแผ่นดินกังนั้น ท่านทั้งสองก็ไม่ได้ประพฤติการกีดขวางแผ่นดิน ซึ่งตัวท่านจะมาหาความชอบกับเอียเอียวซึ่งเป็นนายโจรอยู่ดังนี้เห็นไม่ควรเลย จะพาชื่อเสียงท่านแต่ก่อนเสียไปด้วย ข้าพเจ้าพูดทั้งนี้เพราะรักท่านปรารถนาจะให้มีความสุข จงมาอยู่ด้วยบูเชียงก๋งช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินไว้ชื่อเสียงด้วยกันเถิด ฬอเอียนเก่งได้ฟังก็เห็นชอบด้วยจึงว่าซึ่งท่านชี้แจงให้เราเข้าใจดังนี้ ขอบใจนักหนาท่านจงกลับไปบอกกับบูเชียงก๋งเถิดว่าเราจะสามิภักดิ์ทำราชการอยู่ด้วย แต่จะของดทุเลาหาความชอบเป็นของกำนัลเสียก่อนจึงจะไป พูดแล้วต่างคนก็ลาแยกทางกลับมากองทัพเลิกทหารกลับไป เอียไจเฮงเข้าไปแจ้งความกับบูเชียงก๋งตามซึ่งได้พูดเกลี้ยกล่อมฬอเอียนเก่งยอมสมัครเข้าด้วยให้ฟังทุกประการ บูเชียงก๋งมีความยินดีว่าเอียไจเฮงนี้มิเสียแรงเป็นชายชาติทหาร ตั้งแต่มาอยู่กับเราอาสาไปครั้งใดก็สำเร็จราชการได้ทุกครั้ง
ฝ่ายคุดงวนเกงให้ทหารทำค่ายกลซับซ้อนกันเกือบจะแล้ว ทหารกองสอดแนมของบูเชียงก๋งเห็นก็เอาความมาแจ้งแก่บูเชียงก๋ง ครั้นเวลากลางคืนเดือนหงาย บูเชียงก๋งชวนเตียเปาลอบไปดูค่ายซึ่งคุดงวนเกงตั้งไว้ ขี่ม้าเที่ยวดูเห็นทั่วแล้วก็กลับมา พอถึงกลางทางมีผู้ลอบยิงเกาทัณฑ์มาถูกไหล่ขวาบูเชียงก๋งตกม้าลง เตียเปาเห็นก็ตกใจโดดลงจากม้าประคองบูเชียงก๋งขึ้นม้ากลับเข้าเมือง ครั้นถึงที่อยู่พิษเกาทัณฑ์กำเริบ บูเชียงก๋งสลบไปไม่ได้สติ นายทหารทั้งปวงตกใจพากันเข้าแก้ไขก็ไม่ฟื้น เสียใจร้องไห้อื้ออึงไปทั้งนั้น งูเกาจึงว่าท่านทั้งปวงอย่าเพิ่งตกใจก่อน ข้าพเจ้ามียาวิเศษอยู่จะเอามาแก้ พูดแล้วงูเกาก็รีบไปที่อยู่หยิบเอายาวิเศษมาเม็ดหนึ่ง ฝนละลายน้ำร้อนกรอกบูเชียงก๋งเข้าไป อำนาจยาวิเศษแก้พิษเกาทัณฑ์หายได้ทันที บูเชียงก๋งฟื้นขึ้นให้เอาลูกเกาทัณฑ์นั้นมาพิจารณาดูก็เห็นชัด จำได้ว่าเป็นลูกเกาทัณฑ์ในกองทัพของตัว มิใช่ลูกเกาทัณฑ์ข้าศึก นิ่งตรึกตรองความอยู่ยังหาได้ชำระไม่ ให้หมอรักษาพยาบาลแผลนั้นก็หายเป็นปรกติ
ฝ่ายเอียเอียวเวลาวันหนึ่งออกนั่งที่ว่าราชการพร้อมด้วยทหารจึงพูดว่า บัดนี้ทหารไพร่พลเราก็บริบูรณ์ ค่ายกลซึ่งทำไว้ก็เสร็จแล้ว ท่านทั้งปวงจะคิดประการใด คุดงวนเกงจึงว่าขอท่านจงไปนัดบูเชียงก๋งให้ออกมารบเถิด เอียคิมจึงว่าในขณะนี้ไพร่พลและนายทหารของบูเชียงก๋งที่มีฝีมือก็พร้อมมูล ทั้งเสบียงอาหารในเมืองทันจิวก็มีอยู่มาก ซึ่งจะรีบร้อนเร่งรบเอาชัยชนะนั้นเห็นจะป่วยการเสียเปล่า ข้าพเจ้าจะขอเข้าไปในเมืองทันจิวพูดจาชักชวนบูเชียงก๋งให้เป็นไมตรีเสียก่อน ถ้าบูเชียงก๋งยอมเป็นไมตรีแล้ว นายทหารทั้งปวงเหล่านั้นก็คงจะกระจายไป ถ้าเห็นว่ากำลังอ่อนลงแล้วจึงค่อยตรึกตรองสู้รบเอาชัยชนะต่อภายหลังก็จะได้โดยง่าย ข้าพเจ้าเห็นว่าคิดการเป็นสองชั้นดังนี้แหละดีกว่าเร่งรัดรบพุ่งกัน เอียเอียวได้ฟังก็เห็นชอบ เงาเซียงจี้จึงพูดขึ้นว่าข้าพเจ้าจะขอเข้าไปกับเอียคิมด้วยจะได้ปรึกษาหารือพูดจากับบูเชียงก๋งให้สำเร็จประโยชน์ของท่าน เอียเอียวก็ยอมให้ไปทั้งสองนาย เอียคิมคิดเสียใจว่า ครั้งนี้เราจะเอาความลับไปปรึกษากับบูเชียงก๋ง บัดนี้เงาเซียงจี้เข้ามาว่าขอไปด้วย เห็นจะป่วยการเปล่าไม่สมคิดแล้ว ครั้นจะพูดจาทัดทานเกียดกันก็ไม่ได้ จึงคำนับลาเอียเอียวไปถึงเมืองทันจิวบอกแก่นายประตูว่า ตัวเราชื่อเอียคิมกับเงาเซียงจี้ เอียเอียวผู้นายใช้ให้มาเจรจาความเมืองกับบูเชียงก๋ง นายประตูก็เอาความเข้าไปแจ้งแก่บูเชียงก๋ง บูเชียงก๋งให้นายทหารออกมารับ เอียคิม เงาเซียงจี้เข้าไปในที่ว่าราชการ เอียคิม เงาเซียงจี้ คุกเข่าลงคำนับแล้วพูดว่าเอียเอียวผู้นายข้าพเจ้าสั่งมาให้แจ้งกับท่านว่า ตั้งแต่ทำศึกสงครามกันมาก็ช้านานแล้ว ทหารทั้งสองฝ่ายล้มตายได้ความเดือดร้อนเป็นอันมาก ถ้าจะสู้รบขับเคี่ยวกันไปไพร่พลก็คงจะบอบช้ำลงทั้งสองฝ่ายหาประโยชน์ไม่ จะขอเลิกการรบเป็นทางไมตรีไม่ทำศึกสงครามกันต่อไป ท่านจะเห็นประการใด พูดดังนั้นแล้วเอียคิมก็ให้ทีแก่บูเชียงก๋ง บูเชียงก๋งทำเป็นโกรธร้องตวาดว่าเอียเอียวนั้นอุปมาเหมือนสัตว์อันน้อยตกอยู่ในกำมือเราแล้ว ซึ่งจะมาเป็นไมตรีนั้นเราไม่ยอม พูดดังนั้นแล้วก็สั่งให้ทหารเอาตัวเอียคิม เงาเซียงจี้ไปขังไว้คนละแห่ง ครั้นเวลากลางคืนบูเชียงก๋งให้คนใช้ลอบไปพาตัวเอียคิมมาแล้วพูดว่า เราขออภัยท่านเสียเถิด ครั้นจะไม่ทำโกรธก็ที่ไหนจะได้สนทนาด้วยท่าน เอียคิมว่าข้าพเจ้าทราบอยู่ในทีแล้ว บูเชียงก๋งว่าซึ่งท่านมานี้ได้ราชการสิ่งไรมาบ้าง เอียคิมบอกว่าเอียเอียวให้คุดงวนเกงตั้งค่ายเป็นกระบวน ลดเลี้ยวลึกซึ้งนัก แล้วก็วางทหารกองซุ่มไว้เป็นหลายตำบล ความคิดที่เอียเอียวพูดจาปรึกษากับคุดงวนเกงกุนซือไว้ประการใด เอียคิมก็บอกเล่าให้แจ้งทั้งสิ้น แล้วว่าข้าพเจ้ามีใจสามิภักดิ์มากับท่านทั้งนี้ ก็เพราะเห็นว่าท่านมีน้ำใจรักใคร่ทแกล้วทหารโดยสุจริตไม่มีพยาบาทอาฆาตต่อสู้เป็นข้าศึก ถ้าเอียเอียวเสียทีแก่ท่านแล้ว ครอบครัวของข้าพเจ้านั้นขอบุญท่านเป็นที่พึ่ง อย่าให้เป็นอันตรายกระจัดพลัดพรากเลย บูเชียงก๋งว่าข้อนั้นท่านอย่าวิตก ถ้าสำเร็จราชการเราจะกราบทูลพระเจ้าซ้องเกาจงให้ตั้งท่านเป็นขุนนางตามความชอบ พูดแล้วก็ให้พาตัวเอียคิม กลับไปอยู่ที่ขังตามเดิม ให้คนใช้ไปเอาตัวเงาเซียงจี้มา เงาเซียงจี้เข้ามาถึงก็คำนับบูเชียงก๋งแล้วพูดว่าแต่ก่อนข้าพเจ้ารบกับท่านนั้น ขอท่านจงให้อภัยยกโทษเสียเถิด ซึ่งข้าพเจ้ารับอาสามาด้วยเอียคิมนั้นก็เพราะอยากจะใคร่พูดความด้วยท่านข้อหนึ่ง เมื่อครั้งข้าพเจ้าสู้รบกับท่านทำกลอุบายปล่อยกระบือออกมาให้ท่านเสียทีนั้น เอียเอียวยกความชอบข้าพเจ้าให้นางเอียวสีบุตรเลี้ยงมาเป็นภรรยา นางเอียวสีว่าซึ่งเอียเอียวยกให้นั้นไม่ยอม ถ้าท่านยกให้จึงจะยอมเป็นภรรยาข้าพเจ้า ขอท่านจงได้โปรดเป็นที่พึ่งด้วย บูเชียงก๋งว่าการแต่เพียงนี้ท่านอย่าวิตกไว้เป็นธุระเรา เงาเซียงจี้มีความยินดีคุกเข่าลงคำนับแล้วว่าทุกวันนี้ข้าพเจ้าอยู่ด้วยเอียเอียวก็เป็นการจำใจ เมื่อท่านเมตตาจะใช้สอยข้าพเจ้าประการใดก็จะทำการหาบำเหน็จความชอบให้เต็มฝีมือและสติปัญญา บูเชียงก๋งเห็นเงาเซียงจี้อ่อนน้อมยอมสามิภักดิ์ด้วยแล้ว ก็ให้คนใช้ไปเรียกเอียคิมมาอีก เอียคิมมาถึงเห็นเงาเซียงจี้นั่งอยู่กับบูเชียงก๋งก็ตกใจ กลัวว่าความซึ่งตัวพูดนั้นจะแพร่งพรายไป บูเชียงก๋งเห็นกิริยาเอียคิมไม่สบายจึงพูดว่าท่านอย่าวิตก บัดนี้เงาเซียงจี้ก็เป็นญาติของเราแล้ว นายทหารทั้งสองต่างคนก็มีความยินดีไม่รังเกียจต่อกัน บูเชียงก๋งให้ยกโต๊ะและสุรามาตั้งเลี้ยงพูดจาสนทนาเป็นที่สบาย ครั้นเวลารุ่งเช้า เอียคิม เงาเซียงจี้ ก็คำนับลาบูเชียงก๋งกลับไปถึงค่ายแจ้งความกับเอียเอียวว่า เดิมข้าพเจ้าไปพูดกับบูเชียงก๋ง บูเชียงก๋งก็พูดจาอ่อนโยนยินดียอมจะเป็นไมตรีด้วย ให้หานายทหารทั้งปวงมาปรึกษา นายทหารเหล่านั้นพูดจาฮึกหาญไม่ยอม จะขอทำศึกสงครามเอาชัยชนะให้จงได้ เอียเอียวได้ฟังก็โกรธพูดกับนายทหารทั้งปวงว่า เสียแรงเราได้ไปพูดจาไกล่เกลี่ยจะให้ดีด้วยกัน บูเชียงก๋งไม่ยอม พวกท่านทั้งหลายจงเตรียมทหารไว้ให้พร้อมเถิด คงจะทำศึกกันให้ถึงแพ้และชนะ
ฝ่ายบูเชียงก๋งได้แจ้งความในกองทัพของเอียเอียว ซึ่งเอียคิมมาเล่าให้ฟังนั้นเข้าใจทุกประการ แล้วก็สั่งให้เอียโฮ้ว ง่วนเหลียง กวนเม่งซิว กวนเม่งตัด งูเกาห้านาย คุมทหารยกไปสมทบกองทัพเรือฮั่นซีตงสั่งว่า ถ้าเห็นกองทัพข้าศึกยกมาได้ทีแล้วก็จงเร่งตีเอาชัยชนะให้ได้ นายทหารทั้งห้าก็คำนับลาคุมทหารไปสมทบกองทัพฮั่นซีตง ตัวบูเชียงก๋งนั้นคุมทหารยกออกไปตั้งค่ายอยู่หน้าเมืองให้หานายทัพนายกองมาพร้อมแล้วพูดว่า เอียเอียวตั้งค่ายกระบวนศึกครั้งนี้เรียกชื่อว่าเงาอึง ท่านทั้งปวงจงปลงใจลงในราชการให้แข็งแรงช่วยกันกำจัดเอียเอียวเสียให้ได้ในครั้งนี้ สั่งให้อือฮวยเหลงคุมทหารสามพันถือธงแดงเป็นสัญญาตีข้างทิศตะวันตก ให้ฮอง่วนเคง กิดแช ซีฉวน สามนายคุมทหารสามพันถือธงดำตีข้างทิศใต้ ให้งักฮุน เฮงกุ้ย เตียเฮียน สามนายคุมทหารสามพันถือธงเหลืองตีเข้าทางทิศเหนือ ให้เตียเหียน แตฮวย เตียกุ้ย คุมทหารสามพันถือธงขาวตีทางทิศตะวันออก ให้เอียไจเฮงเป็นแม่ทัพ เตียเหลง เตียลิบเป็นปีกซ้ายขวาคุมทหารสามพันใส่เสื้อเกราะเขียว ตีหักเข้าทางตรงเข้าตัดเอาธงสำคัญของข้าศึกเสียให้ได้ ตัวเราจะคุมทหารเป็นทัพหนุนยกตามไปต่อภายหลัง นายทหารทั้งห้ากองก็คำนับลาไปจัดการไว้พร้อม บูเชียงก๋งให้หาวันฤกษ์ดีได้แล้วก็บอกกำหนดไปถึงฮั่นซีตงกองทัพเรือให้รู้พร้อมกัน