๕๔

ฝ่ายเงียมเชงฮองยกมาถึง แจ้งว่าเอียไจเฮงตาย งักฮุนคุมทหารเข้าตีในกองทัพกิมงึดตุด เงียมเชงฮองก็ยกทหารตามเข้าไป ขณะนั้น ฮอง่วนเคง อือฮวยเหลง ฬอเอียนเก่ง เงาเซียงจี้ สี่นายคุมทหารมาถึงก็ยกหนุนเข้าไปอีก กิมงึดตุดเห็นนายทหารหกกองตีล่วงเลยถลำเข้ามาในกลางกองทัพ ได้ทีก็ให้ทหารยกรายเข้าล้อมไว้เป็นสามารถ นายทหารทั้งหกจะหักกลับออกมาทางใดก็ไม่ได้ ด้วยทหารพวกฮวนมากมายหนาแน่นล้อมไว้หลายชั้นนัก

ฝ่ายบูเชียงก๋งกับฮั่นซีตงยกกองทัพมาถึง แจ้งว่านายทหารทั้งหกกองต้องล้อมอยู่ในระหว่างพวกฮวน ก็ขับทหารตีหักเข้าไปช่วยจุดประทัดสัญญาให้นายทหารทั้งหกได้ยินจะได้ตีหักกระทบออกมาทางนั้น นายทหารทั้งหกก็ตีหักออกมาได้ถึงกลางทางตรวจดูไม่เห็นเงียมเชงฮองก็ตกใจ พากันรบฝ่าฟันกลับเข้าไปอีก พบเงียมเชงฮองกำลังสู้รบกับข้าศึกอยู่แต่ผู้เดียว ก็ช่วยกันแก้เอาเงียมเชงฮองออกมาจากที่ล้อมได้ทั้งสิ้น แล้วก็เข้าไปคำนับเล่าความซึ่งเอียไจเฮงยกมาถึง ได้รบฆ่านายทหารฮวนตายเสียสี่คนแล้วเอียไจเฮงถูกเกาทัณฑ์ที่ซอกคอตาย ข้าพเจ้าทั้งหกนายได้ยกเข้าไปสู้รบกับกิมงึดตุด ทหารพวกฮวนมากกว่ามาล้อมเข้าไว้แน่นหนา นี่เดชะบุญท่านมาช่วยทันจึงได้ตีหักออกมาได้ บูเชียงก๋งได้แจ้งว่าเอียไจเฮงตาย ก็เสียใจเศร้าโศกสงสารนัก พูดว่าเอียไจเฮงนี้ฝีมือก็เข้มแข็งออกศึกสงครามครั้งใดก็ได้ชัยชนะทุกครั้ง เสียดายมาตายเสียท่ามกลางศึก พูดแล้วก็สั่งให้ทหารตั้งค่ายมั่นลงไว้ ทำเครื่องเซ่นให้เอียไจเฮงตามธรรมเนียมขุนนางนายทหารใหญ่

ฝ่ายกิมงึดตุดเห็นนายทหารทั้งหกตีหักออกไปได้ ตรวจดูทหารของตัวที่เป็นนายทหารและทหารเลวตายเสียเป็นอันมาก กิมงึดตุดคิดเสียใจ ปรึกษาแก่นายทหารทั้งปวงว่า บูเชียงก๋งยกกองทัพมาครั้งนี้ ทหารมีฝีมือแกล้วกล้าสามารถนัก แต่เพียงนี้เรายังเอาชัยชนะไม่ได้ ถ้ากองทัพหัวเมืองเพิ่มเติมมากมาแล้ว ที่ไหนเราจะเดินกองทัพล่วงเข้าไปถึงเมืองนิ่มอันได้ ชีนไคว่ซึ่งรับอาสามาจะเป็นไส้ศึกบอกเหตุร้ายดีก็ไม่เห็นให้ข่าวคราวมาเลยสักครั้งหนึ่ง ท่านทั้งปวงจะคิดประการใด คับมิชีจึงว่าชีนไคว่นั้นลักษณะเป็นคนไม่ดีคงจะคิดทรยศต่อแผ่นดิน เห็นจะไม่เสียถ้อยคำที่สัญญาไว้ดอก ท่านอย่าเพิ่งวิตกทอดอาลัยไปก่อน จงสงบตั้งมั่นดูท่วงทีข้าศึกอยู่ที่ตำบลจูเซียนติ้นนี้ คงจะมีท่าทางให้คิดการต่อไปได้อยู่ กิมงึดตุดได้พีงก็คิดอัดอั้นไม่รู้ที่จะว่าประการใด

ฝ่ายเตียซอ เล่าขีและหัวเมืองน้อยใหญ่ ได้ทราบหนังสือบูเชียงก๋งเกณฑ์กองทัพให้ยกมาบรรจบที่ตำบลจูเซียนติ้น ต่างคนก็จัดกองทัพยกมาถึงเนือง ๆ เข้าไปคำนับบูเชียงก๋ง บูเชียงก๋งเห็นกองทัพหัวเมืองยกมาถึงพร้อมกันแล้ว ให้ทำบัญชีตรวจดูทหารได้จำนวนห้าสิบหกสิบหมื่นเศษ บูเชียงก๋งกับกิมงึดตุดตั้งค่ายรอคอยทีกันอยู่ที่ตำบลจูเซียนติ้น ครั้นอยู่มากันหนึ่ง มีข้าหลวงเชิญหนังสือรับสั่งของพระเจ้าซ้องเกาจง กับพระราชทานกระบี่อาญาสิทธิ์มาให้บูเชียงก๋งเล่มหนึ่ง บูเชียงก๋งออกไปคำนับรับหนังสือรับสั่งเข้าตั้งไว้บนโต๊ะพร้อมด้วยนายทหารทั้งปวง แล้วเปิดผนึกหนังสือออกอ่านมีความว่า ราชการศึกสงครามครั้งนี้ พระเจ้าซ้องเกาจงไว้วางพระทัยมาให้กับบูเชียงก๋งเป็นผู้สำเร็จราชการทั้งสิ้น กระบี่อาญาสิทธิ์นี้พระราชทานให้บูเชียงก๋งแม่ทัพ ถ้าเจ้าเมืองเอกโทตรีและนายทัพนายกองคนใดกระทำความผิดก็ให้ประหารชีวิตเสียก่อน แล้วจึงบอกเข้าไปกราบทูลให้ทรงทราบ ถ้าผู้ใดมีความชอบก็ให้บูเชียงก๋งปูนบำเหน็จรางวัลตั้งแต่งให้มียศฐาศักดิ์โดยสมควร พระเจ้าซ้องเกาจงจะปรนนิบัติตาม อย่าต้องบอกกล่าวเข้ามาก่อนเลย บูเชียงก๋งได้แจ้งหนังสือรับสั่งแล้วก็ยินดี ตั้งแต่นั้นมาเจ้าเมืองเอกโทตรีและนายทัพนายกองทั้งปวงก็นับถือกลัวเกรงบูเชียงก๋งมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

ครั้นอยู่มาวันหนึ่งทหารรักษาประตูเข้ามาแจ้งแก่บูเชียงก๋งว่า เตียกีเสงมาแต่เมืองหลวงจะขอเข้ามาคำนับท่าน บูเชียงก๋งก็ให้ไปรับตัวเข้ามา เตียกีเสงเข้ามาถึงก็คุกเข่าลงคำนับ บูเชียงก๋งจึงถามว่าท่านมาแต่เมืองหลวงนั้นมีรับสั่งใช้มาด้วยราชการสิ่งใดหรือ เตียกีเสงเล่าความว่า เตียกีซือซึ่งเป็นไจเสี่ยงสำเร็จราชการในเมืองหลวงนั้นป่วยตายเสียแล้ว พระเจ้าซ้องเกาจงรับสั่งตั้งให้ชีนไคว่เป็นที่ไจเสี่ยงสำเร็จราชการในเมืองหลวง ชีนไคว่กับข้าพเจ้าเป็นคนไม่ชอบกันมาแต่ก่อน มีใจชิงชังไม่อยากจะให้ข้าพเจ้าทำราชการอยู่ในเมืองหลวง แกล้งเพ็ดทูลให้ข้าพเจ้ามาช่วยทำราชการในกองทัพท่าน พระเจ้าซ้องเกาจงก็ทรงเห็นไปด้วยถ้อยคำชีนไคว่ รับสั่งให้ข้าพเจ้ามาอยู่เป็นที่ปรึกษาในกองทัพท่าน บูเชียงก๋งได้ฟังว่าชีนไคว่ได้เป็นที่ไจเสี่ยงสำเร็จราชการในเมืองหลวงก็ตกใจสะดุ้งขึ้นทั้งตัว คิดว่าราชการในเมืองหลวงครั้งนี้จะกลับยับเยินไม่มีความสุขอีกแล้ว เพราะด้วยพระเจ้าซ้องเกาจงโง่เขลาหาปัญญาไม่ ชีนไคว่เป็นคนโกง ประจบกันเข้าดังนี้แล้ว ที่ไหนเลยเราท่านและราษฎรทั้งหลายจะได้ความสุข บูเชียงก๋งก็นั่งถอนใจใหญ่อยู่ แล้วจึงพูดว่าตัวท่านเป็นขุนนางฝ่ายพลเรือน จะมาเป็นที่ปรึกษาราชการศึกสงครามนั้นยังกระไรอยู่หรือ เตียกีเสงว่าแล้วแต่ท่านจะใช้สอยเถิด ตัวข้าพเจ้านี้ก็มิใช่เป็นคนมีสติปัญญาสักเท่าใด การทั้งนี้ก็เพราะต้องความชิงชังของชีนไคว่จึงได้รับสั่งใช้ให้ซัดเซมา ครั้นอยู่มาอีกสี่ห้าวันมีข้าหลวงถือหนังสือรับสั่งมาแต่เมืองหลวง บูเชียงก๋งให้เชิญข้าหลวงเข้ามาในค่ายแล้ว บูเชียงก๋งคำนับหนังสือเปิดผนึกออกอ่านมีความว่า ให้บูเชียงก๋งจัดให้เตียกีเสงไปเยี่ยมเยือนสองกษัตริย์ ณ เมืองเกาก๊กเสีย ได้ความประการใดแล้วให้บอกเข้าไป ณ เมืองหลวง บูเชียงก๋งแจ้งความแล้วเอาหนังสือรับสั่งให้เตียกีเสงดู เตียกีเสงว่าซึ่งมีรับสั่งให้ข้าพเจ้าไปเยี่ยมสองกษัตริย์นั้น ก็เพราะชีนไคว่ทูลยุยงจะกำจัดข้าพเจ้าเสียข้าพเจ้าก็จะต้องไป แต่จะขอมีหนังสือไปถึงมารดา ณ เมืองเชงจิวให้ทราบก่อน ด้วยข้าพเจ้าไปครั้งนี้จะได้กลับมาคำนับท่านหรือมิได้มาก็เท่ากัน บูเชียงก๋งก็จัดทหารให้ถือหนังสือของเตียกีเสงไปถึงมารดา ณ เมืองเชงจิว แล้วเตียกีเสงจึงเข้าไปพูดกับบูเชียงก๋งว่า ข้าพเจ้าจะคำนับลาท่านไปเมืองเกาก๊กเสียนั้นต้องฝ่ากองทัพข้าศึกไป ตัวข้าพเจ้าเป็นคนพลเรือนไม่ชำนาญในการรบ ขอท่านได้โปรดให้ทหารไปส่งพอให้พ้นกองทัพพวกฮวน แล้วข้าพเจ้าก็จะลาไปแต่ผู้เดียว

บูเชียงก๋งพูดกับทหารทั้งปวงว่า ผู้ใดจะอาสาไปส่งเตียกีเสงได้บ้าง ทึงฮวยรับอาสาว่าข้าพเจ้าจะไปส่งเอง บูเชียงก๋งก็ยอมให้ไป เตียกีเสงกับทึงฮวยคำนับลา บูเชียงก๋งออกไปส่งถึงนอกค่าย ทึงฮวยก็ขึ้นม้านำหน้าเตียกีเสงไปถึงกองทัพร้องประกาศแก่พวกทหารฮวนว่า ตัวเราชื่อทึงฮวยเป็นทหารบูเชียงก๋งให้ไปส่งเตียกีเสงข้าหลวงซึ่งพระเจ้าซ้องเกาจงรับสั่งให้ไปเยี่ยมกษัตริย์ทั้งสององค์ ซึ่งตกไปอยู่ ณ เมืองเกาก๊กเสีย อย่าให้กีดหน้าขวางตา จงเปิดทางให้ไปโดยเร็ว ทึงฮวยก็ขับม้าบุกบั่นฝ่ากองทัพพวกฮวนไป ทหารเจ้าหน้าที่เอาความไปแจ้งกิมงึดตุดว่า มีทหารสองคนมาร้องประกาศว่าจะไปเยือนสองกษัตริย์ ณ เมืองเกาก๊กเสีย กิมงึดตุดว่าคนทั้งสองนี้ไฉนหนอจึงองอาจสามารถบุกบั่นเข้ามาไม่กลัวความตาย ทั้งนี้ก็เพราะความกตัญญูต่อเจ้านาย จำจะเปิดให้ไปโดยดี แต่ทึงฮวยนั้นไปส่งแล้วจะกลับมาไปหาบูเชียงก๋ง เราไม่ยอมจะต้องล้อมจับเอาตัวไว้ให้ได้ กิมงึดตุดก็สั่งให้ทหารเตรียมการไว้พร้อม

ฝ่ายทึงฮวยขับม้านำหน้าฝ่ากองทัพพวกฮวนออกไปให้เตียกีเสง พ้นตำบลจูเซียนติ้นแล้วก็กลับมาถึงกองทัพพวกฮวนจะรบฝ่ากลับไปค่าย ทหารกิมงึดตุดก็ล้อมเข้าไว้เป็นสามารถ ที่ทางจะไปนั้นก็เอาเกวียนเข็นปิดทางเสียหมดทุกช่องทาง ทหารกิมงึดตุดจึงว่าท่านอย่าไปเลย จงยอมสามิภักดิ์เข้าอยู่กับเจ้านายเราเสียเถิด ทึงฮวยได้ฟังก็โกรธตอบว่า ตัวกูมิได้กลัวแก่ฝีมือพวกฮวน จึงได้รับอาสามาแต่ผู้เดียว ทึงฮวยก็ขับม้าจะหักแหกออกมาก็ไม่ได้สิ้นกำลังลง ได้ยินเสียงทหารฮวนร้องประกาศกันว่าให้จับเอาเป็น ทึงฮวยจึงคิดว่าตัวเราครั้งนี้ตกเข้าอยู่ในที่ล้อม ถ้าทหารกิมงึดตุดจับได้ก็เป็นที่อัปยศแก่บูเชียงก๋งผู้นาย จำจะฆ่าตัวตายเสียดีกว่าให้มันจับเอาเป็นไป คิดแล้วก็ชักกระบี่ออกเชือดคอตายในทันใดนั้น ทหารเอาความเข้าไปแจ้งแก่กิมงึดตุดว่า ทึงฮวยเชือดคอตายเสียแล้ว กิมงึดตุดเสียใจว่า ถ้าได้เป็นมาเราก็คงจะเกลี้ยกล่อมเลี้ยงไว้เป็นทหารให้ได้ สั่งให้ทหารเอาศพทึงฮวยไปเสียบประจานไว้หน้าค่าย

ฝ่ายบูเชียงก๋งครั้นไม่เห็นทึงฮวยกลับมานานเกินกำหนดก็คิดวิตก สั่งให้พวกกองสอดแนมไปเที่ยวสืบ กลับมาบอกว่าเห็นทหารพวกฮวนเอาศพทึงฮวยไปเสียบประจานไว้หน้าค่ายกิมงึดตุด บูเชียงก๋งได้ฟังก็เสียใจพูดว่าไม่พอที่เลยจะเสียทหารเอก การครั้งนี้ก็เพราะชีนไคว่ชิงชังคิดพยาบาทเตียกีเสงจะให้ไปตายเสีย จึงได้ทูลยุยงให้มีรับสั่งไปเยี่ยมเยือนสองกษัตริย์ถึงเมืองเกาก๊กเสียที่ไหนจะกลับมาได้ ครั้นเราจะ ไม่ให้ผู้ใดไปส่งก็จะมีความผิดว่าเราเพิกเฉยเสีย พูดแล้วสั่งให้ทำเครื่องเซ่นศพทึงฮวยตามธรรมเนียม

ฝ่ายกิมงึดตุดพูดปรึกษากับคับมิชีว่า ทหารในกองทัพบูเชียงก๋งนั้นล้วนแต่มีฝีมือซื่อสัตย์รักนายนักแทบทุกคน ซึ่งเราจะคิดตีเอาเมืองนิ่มอันให้ได้โดยเร็วนั้นเห็นขัดสนอยู่ พอทหารรักษาประตูเข้ามาบอกว่า เล็กบุนเหลงคุมกองทัพมาถึงแล้ว กิมงึดตุดให้หาตัวเข้ามา เล็กบุนเหลงเข้ามาก็คุกเข่าลงคำนับ กิมงึดตุดถามว่าเหตุใดเจ้าจึงมาช้าไป เล็กบุนเหลงว่าทางซึ่งจะมานั้นกันดาร ทหารเมื่อยล้า ข้าพเจ้าพักมาเป็นระยะ ให้มีกำลังหมายว่ามาทันท่านก็จะได้อาสาออกสู้รบกับข้าศึก ซึ่งท่านมาตั้งอยู่ตำบลจูเซียนติ้นนี้ด้วยเหตุอันใดจึงไม่ได้ไปเมืองนิ่มอัน กิมงึดตุดว่าตั้งแต่เราสู้รบกับบูเชียงก๋งมาหลายครั้งแล้วก็ยังไม่ได้ชัยชนะ การจึงติดอยู่ เล็กบุนเหลงว่าข้าพเจ้ามาช้าก็มีโทษติดตัว จะขอลาท่านไปเอาศีรษะทหารเอกของบูเชียงก๋งมาแก้โทษตัวสักสองสามศีรษะ กิมงึดตุดก็ยอมให้ไป เล็กบุนเหลงคำนับลาออกมาแต่งตัวขึ้นม้าถือง้าวตรงไปหน้าค่ายบูเชียงก๋ง แล้วก็ร้องว่าผู้ใดซึ่งเข้มแข็งกล้าหาญ จงออกมาสู้รบดูฝีมือกันเล่นโดยเร็ว ทหารซึ่งรักษาหน้าค่ายเอาความไปแจ้งแก่บูเชียงก๋ง บูเชียงก๋งถามนายทหารทั้งปวงว่า ผู้ใดจะอาสาออกไปรบกับทหารกิมงึดตุดได้บ้าง อูเทียนเค่ง อูเทียนเปาพี่น้องสองคนเข้ารับอาสาว่า ข้าพเจ้าจะขอออกไปจับตัวมาให้ท่านจงได้ บูเชียงก๋งก็ยอมให้ไป อูเทียนเค่ง อูเทียนเปาคำนับลามาแต่งตัวขึ้นม้าถืออาวุธออกไปหน้าค่ายที่สนามรบ เห็นเล็กบุนเหลงหนุ่มน้อยก็นึกประมาท เอาแซ่ม้าชี้หน้าร้องว่าอ้ายหนุ่มน้อยคนนี้ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจะมาหาที่ตายหรือ จงกลับไปบอกผู้ใหญ่ที่มีฝีมือมารบกับเราจึงสมควร เล็กบุนเหลงร้องว่าอย่าพูดประมาท ท่านมาแต่สองคนเท่านี้ ที่ไหนจะพอคมอาวุธของเรา อูเทียนเค่งได้ฟังก็โกรธว่าอ้ายเด็กน้อยคนนี้พูดจาโอหังนัก ก็ขับม้าเข้ารบกับเล็กบุนเหลงได้ประมาณสามสี่เพลง เล็กบุนเหลงเอาง้าวฟันด้วยกำลังแรง อูเทียนเค่งรับไม่อยู่ถูกตัวขาดเป็นสองท่อนตกม้าตาย อูเทียนเปาเห็นก็โกรธ ขับม้าเข้ามารบกับเล็กบุนเหลงยังไม่ถึงเพลง เล็กบุนเหลงเอาง้าวฟันถูกอูเทียนเปาตายทั้งคนทั้งม้าแล้วเล็กบุนเหลงก็ยังยืนรอ คอยจะรบอยู่ที่หน้าค่ายบูเชียงก๋ง

ฝ่ายกิมงึดตุดเห็นเล็กบุนเหลงไปแต่ผู้เดียว ก็คิดวิตกกลัวจะเสียทีแก่ข้าศึกจึงให้ทหารยกตามไปอีกห้าพัน เล็กบุนเหลงเห็นทหารยกหนุนมาก็ดีใจ ตัดเอาศีรษะอูเทียนเค่ง อูเทียนเปามอบให้ทหารเอาไปส่งกิมงึดตุด กิมงึดตุดเห็นศีรษะนายทหารทั้งสองก็ยินดี พูดสรรเสริญเล็กบุนเหลงว่ามีฝีมือกล้าหาญนัก

ฝ่ายบูเชียงก๋งแจ้งว่าอูเทียนเค่ง อูเทียนเปาตายทั้งสองคนแล้วก็ตกใจ จึงพูดกับนายทหารทั้งปวงว่า ทหารหนุ่มน้อยคนนี้มีฝีมือเข้มแข็งนัก ผู้ใดจะอาสาออกไปกำจัดเสียได้บ้าง งักฮุน เตียเหียน ฮอง่วนเคง เงียมเชงฮองรับอาสาคุมทหารยกออกไป งักฮุนขับม้าขึ้นหน้าร้องไปว่า ให้กิมงึดตุดออกมารบกับเราจึงจะสมควร เล็กบุนเหลงได้ฟังก็โกรธขับม้าเข้ารบกับงักฮุนได้สามสิบเพลง งักฮุนเห็นฝีมือเล็กบุนเหลงเข้มแข็งเรี่ยวแรงนัก ก็ชักม้าถอยห่างออกไป เตียเหียนขับม้าเข้ารบกับเล็กบุนเหลงได้อีกสามสิบเพลงก็ทำถอยให้ฮอง่วนเคง เงียมเชงฮองเข้ารบกับเล็กบุนเหลง หมายจะให้เล็กบุนเหลงสิ้นกำลัง กิมงึดตุดเห็นนายทหารบูเชียงก๋งผลัดเปลี่ยนกันเข้ารบกับเล็กบุนเหลงถึงสามพักแล้ว กลัวเล็กบุนเหลงจะอ่อนกำลังเสียทีแก่ข้าศึก จึงให้ตีม้าล่อเรียกเล็กบุนเหลงถอยกลับเข้าค่าย กิมงึดตุดพูดว่าเราเห็นเจ้ารบกับทหารบูเชียงก๋งหลายคนนักหนาแล้ว กลัวจะเสียทีจึงได้เรียกกลับเข้ามา เล็กบุนเหลงว่ากำลังข้าพเจ้ายังไม่อ่อน ถ้ารบขับเคี่ยวไปก็คงจะได้ชัยชนะ เวลาพรุ่งนี้จะขอออกไปรบอีก พูดแล้วเล็กบุนเหลงก็ลากลับมาที่อยู่ ครั้นเวลารุ่งเช้าเล็กบุนเหลงคุมทหารตรงไปหน้าค่ายบูเชียงก๋ง ร้องสั่งกับทหารซึ่งอยู่รักษาหน้าค่ายว่าให้ไปบอกนายทหารทั้งสี่ออกมาสู้รบกันอีกให้ถึงแพ้และชนะ ทหารเจ้าหน้าที่เอาความเข้าไปแจ้งแก่บูเชียงก๋ง บูเชียงก๋งสั่งงักฮุน เตียเหียน ฮอง่วนเคง เงียมเชงฮองทั้งสี่นายว่า เจ้าจงผลัดเปลี่ยนรบกับเล็กบุนเหลง ถ้าเห็นถอยกำลังลงแล้วจึงเข้าระดมช่วยกันจับเอาตัวมาให้ได้ นายทหารทั้งสี่ก็คำนับลา คุมทหารยกไป ขณะนั้นอือฮวยเหลงพูดกับบูเชียงก๋งว่า ข้าพเจ้าจะขออาสาออกไปช่วยรบด้วยบูเชียงก๋งก็ยอมให้ไป นายทหารทั้งห้าผลัดเปลี่ยนกันเข้ารบกับเล็กบุนเหลงคนละพักแล้ว เล็กบุนเหลงก็ยังไม่อ่อนกำลัง นายทหารทั้งห้าขับม้าเข้าระดมช่วยกันรบเล็กบุนเหลงผู้เดียว กิมงึดตุดเห็นดังนั้นก็ตกใจจึงให้ตีม้าล่อเรียกเล็กบุนเหลงกลับเข้าค่าย

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ