๓๐

ฝ่ายงักฮุยตรึกตรองหาอุบายจัดแจงที่จะแก้วิชาอาวุธพวกโจรต่าง ๆ จึงให้หาเลกเจียงผู้รักษาเมืองเพงกังฮู้มาสั่งให้จัดหาไม้ซุงมาทำแพ ไม้ไผ่มาทำฝาตั้งค่ายบนแพ หาหนังโคหนังกระบือมาทำปิหลั่นกันอาวุธ ให้เก็บผ้านุ่นและสำลีที่นอนของชาวบ้านมาตั้งเป็นลูกค่ายบนหลังแพสำหรับกันลูกปืน ให้เกณฑ์ช่างเหล็กมาทำขอและสามง่ามไว้เป็นอันมาก เลกเจียงก็คำนับลามาจัดหาของสิ่งตามคำสั่งแม่ทัพได้ทุกอย่าง งักฮุยสั่งให้ทึงฮวย เตียเฮียนเกณฑ์ทหารที่เป็นช่างมาเร่งทำแพให้แล้วในสิบห้าวัน จัดทหารให้ฝึกหัดถีบกระดานเดินบนเลนได้สำหรับเมื่อเรือรบข้าศึกจะติดแห้งน้ำลง จะได้ถีบกระดานเข้าไปสู้รบแย่งชิงเอาเรือ นายทหารทั้งปวงก็คำนับลามาจัดทำการตามแม่ทัพสั่งทุกหมวดทุกกอง

ฝ่ายเอียโฮ้วครั้นถึงวันกำหนดนัดก็สั่งให้อวยโพฮวงคุมกองทัพเรือออกไปชวนงักฮุยรบ

ฝ่ายงักฮุยจัดการยังไม่พร้อมก็ให้ทหารออกมาผัดว่าแม่ทัพป่วยยังไม่สบายขอผัดไปอีกสิบห้าวัน อวยโพฮวงก็เลิกกองทัพกลับมาแจ้งความกับเอียโฮ้วนายโจรตามซึ่งงักฮุยขอผัดเลื่อนวันไป

ฝ่ายทึงฮวย เตียเฮียน สีฉวย จัดการฝึกหัดให้ทหารถีบกระดานไปบนเลนได้คล่องแคล่วแล้ว จัดทำแพและค่ายจะบังลูกปืนและอาวุธเกาทัณฑ์บนหลังแพ ให้ทหารลงเรือชนิดเล็กคอยเสือกแพบังแพ สู้รบกับข้าศึกทีไล่ทีถอยได้ชำนิชำนาญแล้ว ก็เข้าไปแจ้งกับงักฮุยว่าการที่สั่งได้พรักพร้อมแล้ว ยังขาดอยู่แต่เรือรบชนิดใหญ่มีอยู่น้อยลำไม่พอใช้ งักฮุยว่าถึงมีน้อยก็ไม่เป็นไรไม่ต้องใช้มากดอก ด้วยทะเลสาบเป็นที่น้ำตื้นใช้เรือเล็กคล่องแคล่วดีกว่า ครั้นถึงวันกำหนด งักฮุยก็สั่งทหารที่สำหรับจะขึ้นปล้นเรือข้าศึกนั้นให้ใส่รองเท้าบางจะได้ปีนป่ายคล่องแคล่ว ทหารที่ลงบรรจุเรือเล็กนั้นให้แจวแอบแพบังเป็นค่ายปิหลั่นเข้าไป คอยระวังธงสัญญายกโบกขึ้นทางไหนแล้วก็ให้ยกขึ้นทางนั้น ให้เฮงกุ้ยคุมเรือรบยี่สิบลำบรรทุกฟางและหญ้าและเชือกหวายทำเป็นห่วง ๆ ผูกติดเนื่องกัน คอยดูถ้าพวกโจรใช้จักรหมุนพัดน้ำมาทางใดแล้ว ก็ให้เอามัดหญ้าและห่วงหวายทิ้งลงในน้ำสกัดหน้าไว้ให้คล้องให้ติดจักรก็จะหันหมุนไปไม่ได้ เมื่อเห็นว่าเรือจักรขัดเข้าแล้วก็ให้ขึ้นไปเอาจงได้ ที่เรือใหญ่นั้นให้ทหารถือเหล็กสามง่ามด้ามยาวคอยระวังแทงข้าศึกจะดำน้ำเข้ามาเจาะเรือ แล้วสั่งให้จิวแช เตียหุน เลียงเฮง กิดแช สี่นายคุมทหารห้าพันไปซุ่มอยู่ที่สะพานเมืองบูสิดกุ้ย ถ้าเห็นนายโจรหนีแตกไปทางนั้นก็ให้จับตัวมา จงได้อย่าฆ่าฟันเสียให้เป็นอันตราย นายทหารทั้งสี่ก็คำนับลายกกองทัพไป

ฝ่ายเฮงกุ้ย ทึงฮวย เตียเฮียน ครั้นได้ฤกษ์ก็ออกเรือกำกับแพแจวยกแยกกันไป ตัวงักฮุยลงเรือรบใหญ่มีเรือรบเล็กห้อมล้อมตามไปเป็นอันมาก

ฝ่ายทหารกองตระเวนของพวกโจร เห็นกองทัพงักฮุยยกมาก็เข้าไปแจ้งความกับเอียโฮ้วนายโจรใหญ่ เอียโฮ้วได้ฟังแล้วก็สั่งให้โคปินคุมทหารเรือรบใช้จักรพัดน้ำยกไปเป็นกองหน้า ให้อวยโพฮวงเป็นนายคุมเรือรบชื่อว่าเก๋งเกาทัณฑ์เป็นกองหนุน ให้ไฮจี๋นเป็นนายคุมเรือรบกองที่ชื่อพรายน้ำเป็นกองหนุนที่สาม ตัวเอียโฮ้วเป็นกองหลวงคุมทหารที่ถืออาวุธยาวถือง้าวทวนและแหลนหลาวเป็นเครื่องมือ อวยโพฮวง ไฮจี๋น โคปีน กองหน้าทั้งสามยกไปตามนั้น กวนเมงชิว กวนเมงตัด สองคนพี่น้องเข้าไปพูดกับเอียโฮ้วนายโจรว่าท่านยกกองทัพไปครั้งนี้ก็คงจะได้ชัยชนะแก่งักฮุยเป็นแน่ แต่ข้าพเจ้าคิดวิตกอยู่ว่างักฮุยเป็นคนมีสติปัญญา เห็นจะสู้รบต่อหน้าท่านไม่ได้ เกลือกว่าจะจัดกองทัพยกอ้อมมาตีค่ายที่อยู่ของท่านไม่มีคนที่กล้าแข็งอยู่รักษาก็จะเสียที เอียโฮ้วได้ฟังก็คิดสะดุ้งใจว่าซึ่งท่านตักเตือนให้สติเรานี้ดีนัก แต่ทหารที่มีฝีมือไว้ใจได้นั้นก็ยกล่วงหน้าไปเสียสิ้นแล้ว ท่านสองคนพี่น้องจงอยู่รักษาค่ายเถิดเราจะให้อาญาสิทธิ์ไว้ กวนเมงชิว กวนเมงตัดว่าท่านไว้ใจข้าพเจ้าแล้วก็จะฉลองพระคุณอาสาสู้รบไปกว่าจะสิ้นชีวิต อย่าได้เป็นห่วงหลังเลย เอียโฮ้วได้ฟังกวนเมงชิว กวนเมงตัด พูดจารับอาสาแข็งแรงก็ยินดีสั่งให้ออกเรือยกกองทัพตามทัพหน้าไป

ฝ่ายโคปินกองหน้าเห็นกองทัพงักฮุยยกมา ก็เร่งทหารให้ถีบจักรเรือแล่นตรงเข้าไปพร้อมกันยิงปืนในเรือระดมไป ทึงฮวยแม่ทัพหน้าของงักฮุยเห็นเรือรบโจรยิงปืนมาก็ชักปิหลั่นซึ่งทำด้วยฟูกด้วยนวมและหนังโคหนังกระบือบนแพบนเรือรบชนิดเล็กไว้มิได้ถูกปืน พอสิ้นคราวปืนลงก็โบกธงขับทหารเรือรบเล็กรีบแจวเข้าไป เอาฟางและหญ้าห่วงหวายทิ้งลงในน้ำให้พันจักร จักรเรือพวกโจรพัดน้ำมาถูกห่วงหวายและฟางมัดหญ้ารุงรังจักรพัดไปไม่ได้เรือก็หันขวางไปขวางมา ทึงฮวยเห็นได้ทีก็ขับทหารให้แจวเรือแอบเข้าไปปีนขึ้นได้ไล่ฆ่าฟันทหารพวกโจรในเรือรบล้มตายลงเป็นอันมาก พอเรืออวยโพฮวงกองทัพที่สองยกมางักฮุยก็โบกธงสัญญาเร่งกองทัพเรือเฮงกุ้ยเข้าไปรบ กองทัพเอียโฮ้วที่ชื่อว่ากองเก๋งเกาทัณฑ์นั้นยิงระดมเกาทัณฑ์มาดังห่าฝนยังเรือกองทัพเฮงกุ้ย ทหารในลำเรือนั้นมีโล่บังรับลูกเกาทัณฑ์เสมอทุกตัวตนไม่ถูกลูกเกาทัณฑ์ ก็เร่งแจวเรือรุกเข้าไปเอาขอสับปีนเรือขึ้นไป พวกโจรในลำเรือเคยสู้รบแต่ข่มเหงราษฎร ครั้นเรือกองทัพหลวงกระชั้นใกล้ตัวเข้าไปก็ตกใจตื่นไม่เป็นอันคิดสู้รบ ทหารเฮงกุ้ยปีนขึ้นเรือได้ไล่ฆ่าฟันพวกโจรแย่งเอาเรือไว้ได้เป็นหลายลำ พอกองทัพไฮจี๋นที่ชื่อว่ากองทหารพรายน้ำยกตามหนุนมาถึงก็ขับทหารประดาน้ำดำเข้ามาจะเจาะเรือเข้าลอบฆ่าฟันคนในลำเรือ ฝ่ายงักฮุยแลเห็นทหารพวกโจรลงน้ำดำเข้ามา ก็โบกธงเร่งให้ง่วนเหลียงขึ้นคุมเรือชนิดเล็กมีสามง่ามและแหลนหลาวด้ามยาวแทงสักลงไปในน้ำถูกพวกโจรประดาน้ำดำเข้ามาตายเป็นหลายคน โจรประดาน้ำเหล่านั้นเห็นเพื่อนกันถูกแหลนหลาวตกใจ ขณะรบกันอยู่นั้นพวกโจรเสียเรือรบและทหารล้มตายลงเป็นอันมาก โลหิตพวกโจรที่ถูกอาวุธตายตกลงไปในน้ำ น้ำในทะเลสาบที่รบกันอยู่นั้นแดงเหมือนหนึ่งน้ำล้างเนื้อ

ฝ่ายกวนเมงชิว กวนเมงตัดเห็นเอียโฮ้วยกกองทัพไปไกลค่ายแล้วก็เข้าไปถอดงูเกาออกจากเครื่องจำ เล่าความซึ่งงักฮุยสั่งมาให้ฟังทุกประการ แล้วก็ช่วยกันจับมารดาเอียโฮ้วกับญาติพี่น้องมามัดไว้ ทหารผู้ใดที่ไม่ยอมเข้าด้วยงูเกา กวนเมงชิว กวนเมงตัดก็ฆ่าฟันเสีย เก็บรวบรวมทรัพย์สิ่งของไว้แล้วก็เอาไฟจุดค่ายและที่อยู่ของเอียโฮ้วไหม้ขึ้น ฝ่ายงักฮุยครั้นเห็นควันไฟพลุ่งขึ้นตรงค่ายเอียโฮ้วก็สำคัญมั่นใจว่า กวนเมงชิว กวนเมงตัดทำการได้สำเร็จแล้ว เร่งทหารให้แจวเรือตรงเข้าไปที่เรือรบเอียโฮ้วอยู่ ร้องพูดไปว่าครั้งนี้ท่านเสียทีแก่เราแล้ว ไพร่พลทหารก็ล้มตายเป็นอันมาก จงยอมสามืภักดิ์เสียกับเราโดยดีเถิด เอียโฮ้วได้ฟังก็โกรธร้องพูดตอบไปว่า งักฮุยเจ้าอย่าพูดให้เกินนัก ตัวเราเป็นชายชาติทหารที่จะยอมแพ้ใครง่าย ๆ นั้นอย่านึกเลย ทหารเลวและนายทหารของเราที่มีฝีมือเข้มแข็งประกอบทั้งสติปัญญาก็มีเป็นอันมาก โดยว่าจะรักษาอยู่ที่เขาไทโอ๋วนี้แล้ว ถึงเจ้าจะยกทหารมาอีกสักร้อยหมื่นก็ทำอะไรเราไม่ได้ งักฮุยได้ฟังก็หัวเราะว่า ตัวท่านนี้โฉดเขลานัก หลงละเมอพูดเพ้ออวดอ้างไป จงแลกลับไปดูที่ค่ายของตัวนั้นแสงไฟอะไรโพลงสว่างขึ้นเป็นอันมาก เอียโฮ้วได้ฟังก็ตกใจ พอทหารพวกโจรร้องขึ้นว่าไฟไหม้ค่ายแล้ว พวกโจรเหล่านั้นพากันตกใจตื่นวุ่นวายไปทั้งสิ้น เอียโฮ้วมีความแค้นงักฮุยยิ่งนักร้องไปด้วยเสียงอันดังว่า งักฮุยเจ้าทำกับเรายับเยินนักหนา จะเป็นตายประการใดสู้รบกันให้สิ้นฝีมือในเวลาวันนี้เถิด แล้วก็ร้องเร่งให้ทหารเรือรบเข้ารบกับพวกงักฮุย ทหารลงเรือเล็กปีนขึ้นเรือรบโคปีนแม่ทัพหน้าโจรได้สู้รบกัน โคปีนทานกำลังเฮงกุ้ยไม่ได้เสียที เฮงกุ้ยเอากระบี่ฟันถูกโคปินตาย

ฝ่ายทึงฮวย เตียเฮียน คุมเรือรบอยู่กับอวยโพฮวง ทหารในเรืออวยโพฮวงเสียทีทึงฮวยปีนขึ้นเรือได้ อวยโพฮวงตกใจโดดน้ำดำหนีไป ทหารในกองทัพเรืออวยโพฮวงเห็นนายใหญ่โดดน้ำหนีไปแล้ว ก็ไม่เป็นอันที่จะสู้รบ ทหารเรือรบพวกทึงฮวยฆ่าฟันทหารพวกโจรล้มตายป่วยเจ็บมาก ไฮจี๋นนายทหารโจรซึ่งเรียกว่าพรายน้ำนั้นเห็นงักฮุยแม่ทัพนั่งอยู่หัวเรือก็คิดโกรธหมายจะฆ่างักฮุยให้ได้ ถือกระบี่ดำน้ำตรงเข้ามา เฮงฮวยทหารตามหลังของงักฮุยถือกระบี่คอยระวังรักษางักฮุยอยู่ พอไฮจี๋นผุดขึ้นตรงงักฮุยเงื้อกระบี่จะฟันงักฮุย งักฮุยไม่ทันรู้ตัว เฮงฮวยเห็นก็เอากระบี่ฟันลงไปถูกศีรษะเฮงจี๋นผ่าออกไปเป็นสองซีกตายในน้ำ

ฝ่ายเอียโฮ้วเห็นทหารของตัวสู้ฝีมือทหารงักฮุยไม่ได้ก็เสียใจ ถอยห่างออกไปเที่ยวหาอวยโพฮวงก็ไม่พบ จึงคิดว่าถ้าเราจะสู้รบอยู่ดังนี้ที่ไหนจะสู้งักฮุยได้ จำจะหนีเอาตัวรอดไปก่อน คิดแล้วก็โดดน้ำลงดำหนีไป ง่วนเหลียงทหารงักฮุยเห็นเอียโฮ้วโดดน้ำดำหนีก็โดดน้ำลงไปไล่ติดตามไปไม่ทัน ด้วยพวกโจรสันทัดว่ายน้ำอดกลั้นนัก ขณะนั้นทหารในกองทัพงักฮุยไล่ฆ่าฟันพวกโจรล้มตายเป็นอันมาก งักฮุยเห็นก็คิดสงสาร ให้ตีม้าล่อร้องห้ามไม่ให้ทหารฆ่าฟันพวกโจร โจรที่เหลือตายเหล่านั้นก็ยอมสามิภักดิ์กับงักฮุยทั้งสิ้น งักฮุยจึงสั่งให้ทึงฮวย เตียเฮียน เอาเรือไปรับกวนเมงชิว กวนเมงตัด กับมารดาและญาติพี่น้องของเอียโฮ้ว ทรัพย์สิ่งของมาให้สิ้น แล้วช่วยดับไฟเสียอย่าไห้ไหม้เสบียงอาหารเสียหมด ทึงฮวย เตียเฮียน ก็คำนับลาออกเรือไป งักฮุยสั่งให้เฮงกุ้ยเก็บรวบรวมเรือรบและเครื่องศาสตราวุธไว้ได้เป็นอันมาก งักฮุยก็เลิกกองทัพกลับมาค่าย

ฝ่ายเอียโฮ้วหนีดำน้ำไปขึ้นฝั่งได้ข้างทิศตะวันตก พบทหารของตัวที่เหลือตายหนีมาได้หลายร้อยคน ก็พากันจะไปหาล่อฮุยกับบวนยืออุยนายโจรที่ตำบลแม่น้ำเกากังขอกองทัพมาช่วยแก้แค้นอีก เอียโฮ้วกับทหารเดินทางไปได้คืนกับวันหนึ่งถึงสะพานใหญ่เมืองบูสิดกุ้ย

ฝ่ายจิวแช กิดแช เตียหุน เลียงเฮง ซึ่งงักฮุยให้คุมทหารมาซุ่มอยู่ที่สะพานใหญ่ เห็นเอียโฮ้วนายโจรพาทหารหนีมาถึงสะพานก็จุดประทัดสัญญาขึ้น ก็ยกทหารเข้าล้อมเอียโฮ้วกับพวกทหารโจรเข้าไว้ กิดแชจึงร้องไปด้วยเสียงอันดังว่างักฮุยแม่ทัพให้เรามาคอยสกัดทางอยู่ที่นี้ บัดนี้ท่านก็เข้าที่อับจนแล้ว อย่าให้ต้องสู้รบฆ่าฟันกันเลย จงมายอมสามิภักดิ์เสียโดยดีเถิด เอียโฮ้วได้ฟังก็โกรธขับทหารเข้ารบกับกิดแช กิดแชร้องสั่งทหารว่าอย่าให้ผู้ใดฆ่าฟันเอียโฮ้วให้ตาย ล้อมจับเป็นจะเอาตัวไปให้งักฮุยแม่ทัพ ทหารเหล่านั้นได้ฟังก็ยั้งมือไม่อาจทำอันตรายแก่เอียโฮ้ว เอียโฮ้วตีหักออกจากที่ล้อมได้หนีไปทางริมแม่น้ำ นายทหารทั้งสี่ก็ไล่ติดตามไป

ทึงฮวย เตียเฮียนใช้ใบเรือไปถึงเขาทองเทงซัว กวนเมงชิว กวนเมงตัด งูเกาเห็นทึงฮวย เตียเฮียนมารับก็มีความยินดี ทึงฮวย เตียเฮียน ไล่ทหารขึ้นบกช่วยกันดับไฟสงบแล้วก็เกลี้ยกล่อมทหารของเอียโฮ้วซึ่งรักษาค่ายนั้นยอมเข้าสามิภักดิ์ได้ทั้งสิ้น รวบรวมทรัพย์สิ่งของและเสบียงอาหารขนลงบรรทุกเรือเสร็จแล้ว ก็เอาตัวมารดาและญาติพี่น้องของเอียโฮ้วลงเรือพากันกลับมาถึงค่าย เข้าไปแจ้งความแก่งักฮุยทุกประการ งักฮุยจึงคิดว่าเอียโฮ้วนี้มีสติปัญญาฝีมือรบก็คล่องแคล่วแข็งแรง จำเราจะตามไปคิดเกลี้ยกล่อมเอียโฮ้วให้ยอมอยู่ด้วยจึงจะดี จึงสั่งให้ทหารเอาตัวมารดาภรรยาและญาติพี่น้องของเอียโฮ้วลงคุมไว้ในเรือใหญ่ ปฏิบัติรักษาให้ดีแล้ว ให้จัดเรือชนิดเล็กตามเรือใหญ่ไปสิบลำ งักฮุยลงอยู่ในเรือใหญ่ ให้ทหารยกออกไปทางแม่น้ำเกากัง ครั้นถึงสะพานใหญ่ที่เมืองบูสิดกุ้ย แลเห็นทหารไล่เอียโฮ้วมาตามริมฝั่งแม่น้ำ งักฮุยก็เร่งให้ทหารรีบแจวเรือเข้าไป งักฮุยพูดกับมารดาเอียโฮ้วว่า จงบอกกับเอียโฮ้วผู้บุตรว่าให้อ่อนน้อมยอมเข้าด้วยเราเสียโดยดี จะทำนุบำรุงให้มียศศักดิ์ มารดาเอียโฮ้วได้ฟังก็ร้องไห้ พอเรือรบแจวกระชั้นเข้าไปใกล้ เอียโฮ้วเห็นก็ตกใจจึงคิดว่าข้างหลังข้าศึกก็ไล่ติดตามมา ข้างหน้าเรือรบข้าศึกก็สวนทางขึ้นมาเห็นจะอับจนเสียแน่แล้ว ถ้าจวนตัวเข้าก็จะเชือดคอตายเสียไม่ยอมให้ข้าศึกจับเป็นไปได้ พอเรือรบเข้ามาใกล้งักฮุยยืนอยู่หัวเรือร้องบอกเอียโฮ้วว่า มารดาท่านอยู่ในเรือนี้จงหยุดพูดจากันก่อน เอียโฮ้วได้ฟังก็หยุดยืนอยู่

ฝ่ายนายทหารทั้งสี่ซึ่งไล่ติดตามเอียโฮ้วมา เห็นงักฮุยไล่ติดตามมาก็สั่งให้ทหารหยุดรอไว้ เอียโฮ้วแลเห็นงักฮุยยืนอยู่หน้าเรือรบใหญ่ เตียเปายืนอยู่ข้างซ้าย เฮงฮวยยืนอยู่ข้างขวาดูเป็นสง่างามนัก ความที่โกรธแค้นอยู่ในใจนั้นก็เสื่อมคลายเบาบางไป งักฮุยจึงร้องไปว่าครั้งนี้ท่านก็เข้าที่อับจนแล้ว จงยอมสามิภักดิ์เสียเถิดอย่าดื้อดึงไปเลย เอียโฮ้วพูดตอบไปว่า ตัวเราเป็นชายชาติทหารเสียทีก็จะสู้เสียชีวิต พอแลเห็นมารดาออกมายืนอยู่ที่หน้าเรือร้องว่า ลูกเอ๋ยท่านแม่ทัพจับเอามารดากับภรรยาและญาติพี่น้องของเจ้ามาไม่ได้ทำให้ได้ความเดือดร้อนทำนุบำรุงปฏิบัติเป็นอันดี ถ้าเจ้ามีกตัญญูรักมารดาแล้วจงยอมสามิภักดิ์อยู่ทำราชการสนองคุณท่านแทนมารดาด้วยเถิด อย่าคิดสู้รบแก่ท่านเลย มารดาจะพลอยได้ความเดือดร้อน เอียโฮ้วได้ฟังมารดาร้องพูดมาดังนั้นก็คิดกตัญญูสงสารมารดา ทิ้งอาวุธคุกเข่าลงคำนับตรงหน้าเรืองักฮุยแล้วพูดว่า ข้าพเจ้านี้กลัวปัญญาและฝีมือท่านแล้ว ขอท่านจงเมตตาอดโทษข้าพเจ้าจะอยู่ฉลองพระคุณท่าน แต่ข้าพเจ้ากลัวพระเจ้าซ้องเกาจงจะกระทำโทษข้าพเจ้าดอกกระมัง ถ้าจะต้องเป็นโทษแล้วข้าพเจ้าก็จะสู้ตายเสียที่นี่ดีกว่าต้องไปให้เขามัดเขาฆ่าที่เมืองกิมเหลง งักฮุยจึงว่าความข้อนั้นท่านอย่าวิตกเราจะช่วยแก้ไขไม่ให้ต้องเป็นโทษ ด้วยพระเจ้าซ้องเกาจงพระทัยดีไม่มีความอาฆาตต่อผู้ใด เอียโฮ้วว่าถ้าดังนั้นข้าพเจ้าก็จะยอมสามิภักดิ์อยู่ด้วยท่าน งักฮุยจึงให้รับเอียโฮ้วขึ้นมาบนเรือ เอียโฮ้วจะคุกเข่าลงคำนับงักฮุยห้ามไว้ว่าท่านกับเราเหมือนพี่น้องกัน เราไม่ถือยศศักดิ์แก่ท่านดอก จงอุตส่าห์ช่วยกันทำราชการจะได้เป็นขุนนางสืบเชื้อวงศ์ต่อไปภายหน้า มารดาและบุตรภรรยาของท่านก็อยู่ในเรือนี้แล้วจงไปพบปะพูดจาสนทนากันเถิด งักฮุยสั่งทหารสี่นายซึ่งไล่ติดตามเอียโฮ้วมานั้นให้พาทหารเลิกกลับไปค่าย งักฮุยก็ให้ออกเรือแจวกลับมาถึงค่ายแล้วสั่งเอียโฮ้วให้ไปเกลี้ยกล่อมชักชวนทหารพวกพ้องซึ่งหนีกระจัดกระจายซ่อนเร้นอยู่นั้นรวบรวมมาให้สิ้น เอียโฮ้วก็คำนับลาไปเที่ยวประกาศเกลี้ยกล่อมพวกของตัวเข้ามาอยู่ด้วยงักฮุยเป็นอันมาก งักฮุยสั่งให้นายทหารบอกกล่าวกำหนดวันจะเลิกกองทัพกลับไปเมืองกิมเหลง ฝ่ายเลกเจียงผู้รักษาเมืองเพงกังฮู้ ครั้นงักฮุยปราบพวกโจรพ่ายแพ้ราบคาบแล้ว ราษฎรได้ออกทำมาหากินเป็นปรกติ แจ้งว่างักฮุยจะยกกองทัพกลับไปเมืองหลวง ก็จัดหาหมูเป็ดไก่และเสบียงอาหารมาให้งักฮุย แล้วพูดว่าท่านปราบปรามพวกโจรราบคาบ ราษฎรไพร่บ้านพลเมืองได้อยู่เย็นเป็นสุข พระคุณท่านมีแก่คนทั้งหลายเป็นอันมาก ข้าพเจ้าแจ้งว่าท่านจะยกกองทัพกลับจึงได้หาสิ่งของเสบียงมาให้ งักฮุยได้ฟังก็ยินดีจึงว่าท่านจะอยู่รักษาเมือง ราษฎรที่อพยพหลบหนีพวกโจรทิ้งภูมิลำเนาเรือกสวนไร่นาไปนั้นจะกลับเข้ามาอยู่บ้านเรือนตามเดิม อย่าให้มีความวิวาทแย่งชิงที่เรือกสวนไร่นากันได้จึงจะดี เลกเจียงได้ฟังงักฮุยสั่งสอนก็รับคำนับลากลับไป ครั้นถึงวันกำหนด งักฮุยก็ออกเดินกองทัพกลับมาทางเมืองเพงกังฮู้ ราษฎรชาวบ้านริมทางแต่งเครื่องบูชาออกตั้งคอยคำนับงักฮุยทุกบ้านทุกตำบล จุดธูปเทียนอวยชัยให้พรงักฮุยต่าง ๆ งักฮุยเดินกองทัพมาเห็นราษฎรตั้งเครื่องบูชาให้พรดังนั้นก็มีความยินดี รอนแรมมาหลายวันถึงเมืองกิมเหลงก็ให้หยุดพักทหารตั้งชุมนุมอยู่นอกเมือง งักฮุยกับนายทหารเข้าไปแจ้งแก่เจ้าพนักงานให้ทูลเบิกนำเฝ้าพระเจ้าซ้องเกาจง ครั้นเวลาเสด็จออกเจ้าพนักงานทูลเบิกแล้ว พระเจ้าซ้องเกาจงก็รับสั่งให้หางักฮุยเข้ามาเฝ้า ตรัสถามว่าท่านยกกองทัพไปปราบพวกโจรมีชัยชนะกลับมาถึงแล้วหรือ งักฮุยก็กราบทูลแจ้งความซึ่งได้สู้รบกับเอียโฮ้ว นายโจรยอมสามิภักดิ์ให้ทรงทราบทุกประการ พระเจ้าซ้องเกาจงรับสั่งตั้งให้เอียโฮ้ว เตียก๊กเสียง ตังฮวง ง่วนเหลียง กวนเมงชิว กวนเมงตัด หกนายเป็นขุนนางที่ทองจีนายทหารรองงักฮุย พระราชทานรางวัลให้นายทัพนายกองบรรดามีความชอบมากและน้อยเป็นลำดับกันทุกตัวคน สั่งให้เจ้าพนักงานจัดโต๊ะมาเลี้ยงงักฮุย และนายทหารซึ่งไปราชการทัพกลับมากินหน้าที่นั่งพร้อมกัน ครั้นเสร็จการกินโต๊ะแล้ว งักฮุยและนายทหารทั้งปวงก็ถวายบังคมลาออกมาพักอยู่ที่ชุมนุมนอกเมืองกิมเหลง

ฝ่ายล่อฮุย บวนยืออุย นายโจรทั้งสองตั้งอยู่ที่เขาคังลังซัวในทะเลสาบชื่อพวนเอียงโอ๋ว แขวงเมืองโซจิวฮู้ นายโจรทั้งสองมีสติปัญญาฝีมือเข้มแข็ง คุมบริวารพวกโจรเป็นอันมาก เที่ยวตีปล้นราษฎรในแขวงเมืองโซจิวฮู้ได้ความเดือดร้อน เจียคุนผู้รักษาเมืองโซจิวฮู้ยกกองทัพออกไปรบกับพวกโจรหลายครั้งสู้พวกโจรไม่ได้ ก็บอกข้อราชการเข้าไปกราบทูล พระเจ้าซ้องเกาจงทรงทราบแล้วรับสั่งให้งักฮุยเข้ามาเฝ้าตรัสกับงักฮุยว่า เจียคุนผู้รักษาเมืองโซจิวฮู้มีใบบอกเข้ามาว่าพวกโจรที่เขาคังลังซัวในทะเลสาบพวนเอียงโอ๋วกำเริบตีปล้นราษฎรได้ความเดือดร้อนนัก ท่านจงยกกองทัพไปปราบปรามเสียให้ราบคาบเถิด งักฮุยได้รับสั่งก็กราบถวายบังคมลาออกมาที่ชุมนุมทหาร สั่งให้งูเกาคุมทหารห้าพันเป็นทัพหน้ายกล่วงไปก่อน ให้เฮงกุ้ย ทึงฮวย คุมทหารห้าพันเป็นทัพหนุน นายทหารทั้งสามก็คำนับลามาจัดกองทัพออกเดินเป็นลำดับไปตามงักฮุยสั่ง เฮงกุ้ยพูดกับทึงฮวยว่ายกกองทัพไปครั้งใดงักฮุยก็ให้งูเกาเป็นแม่ทัพหน้าไปทุกครั้ง ตัวเราทั้งสองนี้ก็มีสติปัญญาและฝีมือดีกว่างูเกา เหตุไฉนแม่ทัพจึงไม่ให้เราเป็นนายกองหน้าไปบ้าง คิด ๆ ก็น่าน้อยใจนัก ทึงฮวยว่าน้องอย่าเสียใจ งูเกานี้กิริยาทะลึ่งเหมือนกับบ้า เป็นทัพหน้าไปครั้งใดก็มีชัยชนะ ข้าศึกจับงูเกาไปได้ก็ไม่ตาย จึงจัดเอาว่าเป็นทหารเอก งักฮุยจึงได้ให้เป็นทัพหน้าไปทุกครั้ง เจ้าอย่าโทมนัสน้อยใจหาต้องการไม่

ฝ่ายงักฮุยครั้นกองทัพหน้าทัพหนุนยกล่วงไปแล้ว ก็ยกกองทัพใหญ่ตามไป ครั้นกองทัพล่วงแดนเข้าไปใกล้เมืองโซจิวฮู้ ม้าใช้ชาวด่านก็เอาข่าวไปแจ้งแก่ผู้รักษาเมืองโซจิวฮู้ว่างักฮุยแม่ทัพเมืองหลวงยกมาเกือบจะถึงเมืองอยู่แล้ว เจียคุนผู้รักษาเมืองได้แจ้งความดังนั้นก็ออกมาคอยรับงักฮุยอยู่หน้าเมือง

ฝ่ายงูเกาเดินกองทัพหน้ามาถึงเมืองโซจิวฮู้ เจียคุนผู้รักษาเมืองเห็นก็สำคัญว่างักฮุย คุกเข่าลงคำนับว่าข้าพเจ้าชื่อเจียคุนเป็นผู้รักษาเมืองโซจิวฮู้ ออกมาคอยคำนับรับท่าน งูเกาได้ฟังจึงว่าท่านอย่าคุกเข่าเลยเรามิใช่งักฮุยแม่ทัพใหญ่ เราชื่องูเกาเป็นทัพหน้ามาก่อน งักฮุยแม่ทัพยกตามมาภายหลัง เจียคุนได้ฟังก็ลุกขึ้นเสีย คิดละอายมีความโกรธม้าใช้เป็นอันมาก สั่งให้ทหารเอาตัวทหารม้าใช้ไปฆ่าเสีย งูเกาเห็นผู้รักษาเมืองโกรธสั่งให้ฆ่าทหารม้าใช้ก็โกรธ ร้องไปด้วยเสียงอันดังว่า ท่านเป็นถึงที่จงเปียขุนนางนายทหารใหญ่ได้รับเบี้ยหวัดเงินเดือน เหตุไฉนจึงไม่ปราบปรามโจรเสียให้ราบคาบจึงต้องให้พวกเรายกกองทัพมา ถ้าท่านถือตัวว่ามียศไม่ควรจะอ่อนน้อมเราแล้วก็จงสู้รบกับพวกโจรเองเถิด เราจะยกกองทัพกลับไป งูเกาก็ร้องสั่งทหารให้กลับทัพ เจียคุนได้ฟังงูเกาสั่งทหารดังนั้นก็ตกใจ จึงคิดว่าถ้างูเกายกกองทัพกลับไปทราบถึงพระเจ้าซ้องเกาจง ก็คงจะขัดเคืองทำโทษเรา จำจะต้องพูดจาอ้อนวอนงูเกาเสียให้หายโกรธ คิดแล้วเจียคุนก็คำนับงูเกาว่าท่านอย่าโกรธข้าพเจ้าเลย ทหารม้าใช้ของข้าพเจ้าม้นไม่ดีสืบข่าวราชการก็ไม่ได้ความชัดแน่ ถ้าแม้นไม่ทำโทษก็จะเคยตัวไป ซึ่งโทษคนม้าใช้ผิดนั้นข้าพเจ้าจะยกเสียท่านอย่าขัดเคืองเลย งูเกาจึงว่าทีหน้าทีหลังท่านอย่าทำใจดุร้ายฉุนเฉียวดังนี้ไม่ถูก ว่าแล้วงูเกาก็สั่งให้ทหารตั้งค่ายอยู่หน้าเมืองโซจิวฮู้ ถามเจียคุนว่าพวกโจรมีทหารมากน้อยสักเท่าใดตั้งอยู่ที่ไหน ที่ทางจะเข้าออกเป็นอย่างไรบ้าง เจียคุนบอกว่าที่ทะเลสาบพวกพวนเอียงโอ๋วนั้นมีเขาอยู่ในทะเลชื่อคังลังซัว ที่ทางทำเลกว้างใหญ่ นายโจรทั้งสองนั้นชื่อล่อฮุยคนหนึ่ง ชื่อบวนยืออุยคนหนึ่งเป็นนายใหญ่ มีแม่ทัพชื่ออือฮวยเหลงฝีมือเข้มแข็งสติปัญญาก็ดีทหารเลวมีเป็นอันมาก งูเกาถามว่าเขาคังลังซัวกับเมืองนี้หนทางไกลสักเท่าไร เจียคุนบอกว่าทางบกตั้งแต่เมืองไปจนถึงท่าเรือประมาณห้าสิบลี้ ทางเรือจะไปถึงเขาคังลังซัวอีกสามสิบลี้ งูเกาว่าทหารในกองทัพเราไม่รู้จักทาง ท่านจงจัดคนมานำทางเราจะยกกองทัพไป ภายหลังท่านจัดทหารเสบียงอาหารอย่าให้ขัดสนได้ เจียคุนก็ให้ทหารนำกองทัพงูเกายกไปท่าเรือทะเลสาบตรงเขาคังลังซัว ครั้นงูเกายกเดินกองทัพไปแล้ว เจียคุนจึงพูดกับกรมการที่เป็นคนสนิทว่า แม่ทัพคนนี้ดูกิริยาบุ่มบ่ามจะมีฝีมือเข้มแข็งสักเพียงใดรีบยกกองทัพรวดเร็วไปดังนี้ จะเอาชีวิตไปให้พวกโจรเสียดอกกระมัง

ฝ่ายงูเกายกกองทัพเดินไปใกล้ถึงเขาคังลังซัว ทหารเข้ามาบอกว่าทางยังอีกเจ็ดลี้จะถึงเขาคังลังซัว งูเกาจึงว่าเวลานี้ก็จวนเย็นแล้วเราอย่าเพิ่งหุงข้าวกินเลย ช่วยกันตีหักเข้าไปเอาชัยชนะให้ได้ก่อนจึงค่อยหุงข้าวกิน พูดแล้วงูเกาก็จุดประทัดสัญญาขึ้นคุมทหารรีบรุดเร็วเข้าไป ฝ่ายม้าใช้คอยเหตุของพวกโจรเห็นกองทัพเมืองหลวงยกบุกรุกเข้ามาก็รีบเอาความไปแจ้งแก่บวนยืออุย บวนยืออุยสั่งให้อือฮวยเหลงแม่ทัพคุมทหารไพร่พลยกออกไปสู้รบกับกองทัพเมืองหลวง อือฮวยเหลงเห็นงูเกาก็ร้องตวาดด้วยเสียงอันทั้งว่า เจ้านี่มาแต่ไหนจะหาที่ตายหรือ งูเกาได้ฟังแลดูไปเห็นทหารผู้นั้นใส่หมวกเงินสำหรับที่แม่ทัพ ขี่ม้าขาวถือทวนรูปศีรษะเสือ หน้าตารูปร่างเหมือนกับงักฮุย งูเกาก็มิได้โต้ตอบประการใด ขับม้าเข้าไปเอากระบองตีอือฮวยเหลง อือฮวยเหลงเอาทวนป้องปัดกันไว้แล้วเอาทวนแทงไป งูเกาก็รับป้องปัดได้ สองนายสู้รบกันได้หลายสิบเพลงงูเกาอ่อนกำลังลงเห็นจะสู้อือฮวยเหลงไม่ได้ก็ขับม้าหนี อือฮวยเหลงขับม้าไล่ตามไปพวกทหารงูเกาเป็นคนชำนิชำนาญในการศึก เห็นงูเกาหนีพวกโจรมาก็พากันหลีกแอบเข้าซุ่มอยู่ข้างทาง ครั้นทหารอือฮวยเหลงยกตามมา ทหารงูเกาก็เอาเกาทัณฑ์ยิงระดมออกมาทั้งสองข้างทาง ถูกทหารโจรล้มตายลงหลายสิบคนก็ขยั้นไม่อาจจะไปตามอือฮวยเหลง อือฮวยเหลงไล่งูเกาไปเห็นทหารงูเกาเอาเกาทัณฑ์ยิงสกัดออกมาเป็นอันมาก ก็เอาอาวุธป้องปัดกันตัวไว้ถอยหลังกลับมาแล้วพูดว่า ทหารเหล่านี้มีฝีมือเข้มแข็งชำนิชำนาญในการรบดีนัก มิเสียทีเป็นทหารของงักฮุย พูดแล้วก็พาทหารกลับมาเขาที่อยู่

ฝ่ายทหารของงูเกาเห็นพวกโจรกลับไปก็ชวนกันเก็บลูกเกาทัณฑ์ของตัวไว้ ขณะเมื่องูเกาขับม้าหนีไปนั้นเหลียวหลังมาดูไม่เห็นทหารของตัวตามมาก็ตกใจ คิดว่าทหารล้มตายเสียสิ้นแล้วก็เสียใจคิดอายแก่เจียคุนไม่รู้ที่จะกลับไปเมืองโซจิวฮู้ได้ แต่หยุดคิดวนเวียนถอยหน้าถอยหลังอยู่ทีนั้นช้านาน ไม่เห็นพวกโจรตามมาก็กลับม้าหวนขึ้นไปเที่ยวหาทหารของพวกตัวดูว่าจะมีหลงเหลือตายอยู่บ้าง ครั้นไปก็เห็นทหารเที่ยวเก็บลูกเกาทัณฑ์อยู่ ทหารเหล่านั้นบอกว่าข้าพเจ้าเห็นโจรไล่ท่านมาก็หลบเข้าข้างทางซุ่มยิงพวกโจรล้มตายเจ็บป่วยหลายสิบคน โจรจึงได้ถอยกลับไปสิ้น งูเกาได้ฟังก็มีความยินดี จึงพูดว่าทีนี้พวกเจ้าจงจำไว้ถ้าเห็นเราเสียทีแก่ข้าศึกมาก็อย่าเพิ่งตื่นตกใจ ช่วยกันเอาเกาทัณฑ์ยิงสกัดไว้ดังนี้แหละดีแล้ว งูเกาก็พาทหารถอยกลับมาตั้งค่ายอยู่ห่างเขาที่พวกโจรอาศัยประมาณทางสิบลี้

ฝ่ายเฮงกุ้ย ทึงฮวยกองทัพหนุนยกมาถึงท่าทะเลสาบตรงเขาคังลังซัว ก็ตั้งค่ายอยู่ที่ริมเขาทะเลสาบพวนเอียงโอ๋วได้สองวัน งักฮุยก็ยกกองทัพใหญ่มาถึง เฮงกุ้ย ทึงฮวย เจียคุนผู้รักษาเมืองออกไปคำนับงักฮุย งักฮุยไม่เห็นงูเกาก็ถามทึงฮวยว่างูเกาไปอยู่ที่ไหน เจียคุนผู้รักษาเมืองบอกว่างูเกาพอยกกองทัพมาถึงก็ตรงไปเขาคังลังซัว ว่าจะรีบไปสู้รบกับพวกโจร งักฮุยได้ฟังก็สั่งให้เจียคุนจัดเสบียงอาหารตามไปส่งโดยเร็ว งักฮุยก็ยกกองทัพตามไปเขาคังลังซัว ครั้นเดินกองทัพไปได้ยี่สิบลี้ถึงค่ายงูเกา งูเกาก็ออกมาคำนับงักฮุย งักฮุยจึงได้หยุดกองทัพตั้งค่ายอยู่ริมค่ายงูเกา แล้วถามงูเกาว่าเจ้ายกมาได้สู้รบกับพวกโจรเป็นประการใด ทำไมจึงได้มามาตั้งค่ายอยู่ที่นี่ งูเกาก็แจ้งความตามซึ่งได้รบกับพวกโจรให้งักฮุยฟังทุกประการ งักฮุยได้แจ้งแล้วก็ตรึกตรองการที่จะสู้รบกับพวกโจรต่อไป

ฝ่ายม้าใช้คอยเหตุของพวกโจรเห็นงักฮุยยกกองทัพมาตั้งค่ายลงริมค่ายงูเกา ก็เอาความไปแจ้งแก่นายโจรทั้งสอง ล่อฮุย บวนยืออุยนายโจรได้ฟังก็สั่งให้อือฮวยเหลงคุมทหารไปชวนงักฮุยออกรบ อือฮวยเหลงคำนับลามาจัดทหารพร้อมแล้วก็ยกตรงไปค่ายร้องบอกกับทหารหน้าค่ายงักฮุยว่าให้บอกกับงักฮุยแม่ทัพออกมารบดูฝีมือกัน งักฮุยได้แจ้งว่าพวกโจรมาร้องท้าทายชวนรบ ก็สั่งทหารแม่นเกาทัณฑ์เตรียมคอยรักษาค่ายไว้มั่นคง งักฮุยก็สงบอยู่ในค่ายหาออกรบกับนายโจรไม่ อือฮวยเหลงจะขับทหารเข้าตีปล้นเอาค่ายก็เห็นไม่ได้ คอยอยู่จนสิ้นเวลาแล้วก็เลิกกองทัพกลับไป นายทหารทั้งปวงจึงถามงักฮุยว่าเหตุใดท่านจึงย่อท้อกับพวกโจรไม่ออกรบ งักฮุยว่าเราพึ่งยกมาถึงยังไม่รู้ท่วงทีพวกโจรประการใด ถ้าเราไม่ออกรบหลายวันแล้วพวกโจรก็คงจะลอบมาปล้นค่ายเราจึงค่อยคิดเอาชัยชนะต่อภายหลัง ท่านทั้งปวงตระเตรียมการไว้ให้พร้อมเถิด ครั้นรุ่งขึ้นอือฮวยเหลงแม่ทัพโจรก็ยกมาร้องท้าทายชวนงักฮุยรบอีก งักฮุยก็นิ่งเสียไม่ออกรบ พวกโจรคอยอยู่จนสิ้นเวลาก็เลิกกลับไป งักฮุยจึงเรียกนายทหารเข้ามาสั่งให้คุมทหารออกไปซุ่มอยู่นอกค่าย ถ้าพวกโจรยกเข้าปล้นค่าย ได้ยินเสียงประทัดสัญญาแล้วก็ให้โห่ร้องอื้ออึงขึ้นอย่าออกรบ ให้พวกโจรตกใจตื่นหนีไปเอง นายทหารรับคำสั่งจัดทหารออกไปซุ่มอยู่นอกค่ายตามบัญชาแม่ทัพ

ฝ่ายอือฮวยเหลงกลับมาถึงค่ายแจ้งแก่นายโจรทั้งสองว่า ข้าพเจ้ายกไปท้าทายชวนงักฮุยรบถึงสองเวลาแล้วก็ไม่มีผู้ใดออกมารบ เห็นงักฮุยจะคิดกลอุบายยกมาปล้นค่ายเราทางน้ำเป็นแน่ ขอท่านทั้งสองจงคุมทหารไปรักษาอยู่ทางน้ำ ข้าพเจ้าจะไปทางบกตีชิงคอยเอาค่ายงักฮุย ล่อฮุย บวนยืออุยได้ฟังก็เห็นด้วย ครั้นเวลาค่ำนายโจรทั้งสองก็ยกไปสกัดอยู่ปากทางจะเข้ามาเขา อือฮวยเหลงคุมทหารยกไปทางบกใกล้ค่ายงักฮุย ก็สั่งให้ทหารลอบเข้าไปสอดแนมดูที่ค่ายเห็นเงียบสงัดก็กลับมาแจ้งกับอือฮวยเหลง อือฮวยเหลงคิดสำคัญว่างักฮุยยกไปปล้นค่ายเขาทางน้ำแล้ว ก็ขับทหารเข้าตีหักเข้าไปในค่า ไม่เห็นมีผู้คนได้ยินเสียงประทัดจุดดังขึ้น ทหารงักฮุยซึ่งซุ่มอยู่นอกค่ายก็โห่ร้องเอิกเกริกดังสนั่น อือฮวยเหลงกับทหารพวกโจรได้ยินก็ตกใจคิดว่าทหารงักฮุยล้อมเข้าไว้ อือฮวยเหลงก็ขับม้าหนีออกมาโดยเร็ว พวกโจรก็พากันวิ่งหนีเหยียบกันล้มตายเจ็บป่วยเป็นอันมาก อือฮวยเหลงพาทหารกลับมาถึงค่ายที่เขา นายโจรทั้งสองตั้งคอยอยู่ที่ทางน้ำจนสว่าง ไม่เห็นกองทัพงักฮุยยกมาก็พากันเลิกกลับมาค่ายเขาที่สำนัก อือฮวยเหลงเล่าความซึ่งไปปล้นค่ายงักฮุยเสียทีมาให้นายโจรทั้งสองฟัง นายโจรทั้งสองจึงสั่งอือฮวยเหลงว่าท่านจงคุมทหารออกไปชวนงักฮุยรบอีก อือฮวยเหลงก็คุมทหารมมถึงหน้าค่ายร้องชวนงักฮุยออกสู้รบ งักฮุยก็นิ่งเฉยอยู่ในค่าย อือฮวยเหลงคอยอยู่จนสิ้นเวลาไม่รู้ที่จะทำประการใดก็คุมทหารกลับไป งักฮุยเห็นพวกโจรถอยกลับไปแล้ว เวลาก็พอจวนค่ำงักฮุยจึงเรียกเตียเปามาพากันเดินออกจากค่ายมิได้บอกผู้ใดให้รู้ ตรงไปเขาคังลังซัวลอบเดินขึ้นบนเนินเขาสูง เที่ยวดูเห็นเขานั้นสูงใหญ่พิจารณาที่ทางที่พวกโจรอยู่เห็นทั่วแล้วก็กลับมาค่าย ให้หาแต่บรรดาพี่น้องขุนนางนายทหารมาพร้อมกัน

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ