๒๙
ฝ่ายอวยโพฮวง เห็นกิริยางูเกาดังนั้นก็เข้าไปคุกเข่าคำนับเอียโฮ้ว ขอโทษงูเกาว่าท่านอย่าเพิ่งฆ่าเสียเลย งูเกาเป็นคนมีฝีมือใจคอกล้าหาญสัตย์ซื่อดังนี้หายากนัก จงเอาไปจำขังไว้ก่อนจึงค่อยว่ากล่าวเกลี้ยกล่อมแทะโลมไปต่อภายหลัง ธรรมดาผู้จะตั้งตัวเป็นใหญ่แล้วจะทำใจดุร้ายฉุนเฉียวนั้นไม่ควร เอียโฮ้วได้ฟังก็เห็นชอบ จึงสั่งให้เอาตัวงูเกาไปจำขังไว้
ฝ่ายอวยโพฮวงกลับมาที่อยู่ ก็ให้มีใจผูกพันคิดรักงูเกา จึงจัดโต๊ะและสุราไปให้งูเกาที่ตะราง บอกกับนายผู้คุมว่าเราจะใคร่พบกับงูเกา ท่านจงได้บอกกับงูเกาให้รู้ นายผู้คุมก็เข้าไปบอกงูเกาได้แจ้งแล้วจึงว่าเราเป็นคนโทษ เมื่ออวยโพฮวงจะมีธุระพูดจาประการใด ก็จงเข้ามาหาเราที่นี่เถิด ซึ่งจะให้เราออกไปรับผู้มีบรรดาศักดิ์นั้นเราไม่ไป นายผู้คุมก็กลับออกมาแจ้งกับอวยโพฮวงตามคำงูเกาว่า อวยโพฮวงเข้าไปหางูเกาในตะรางแล้วพูดว่า เรานี้มีจิตคิดรักท่านด้วยเห็นว่าเป็นคนสัตย์ซื่อมีฝีมือเข้มแข็งจึงได้คิดผูกพันจะเอาเป็นมิตร หาโต๊ะและสุรามาเยี่ยมเยียนท่าน งูเกาจึงว่าตัวเราเป็นเชลยท่านจับมาได้ จะให้มาเป็นมิตรเพื่อนฝูงรักใคร่กันนั้นยังกระไรอยู่หรือ ท่านหาโต๊ะและสุรามาให้นั้นก็ขอบใจนักหนา เชิญท่านนั่งกินด้วยกันเถิด อวยโพฮวงกับงูเกาก็นั่งกินโต๊ะเสพสุราด้วยกัน ครั้นเมาเข้าแล้วงูเกาก็ยอมสาบานเป็นพี่น้องกับอวยโพฮวง งูเกาเป็นพี่อวยโพฮวงเป็นน้อง งูเกาจึงพูดว่าเรากับเจ้าก็ได้ทำสัตย์เป็นพี่น้องกันแล้วจะพูดให้ฟัง ด้วยกาลนี้คังอ๋องได้เป็นกษัตริย์ครอบครองราชสมบัติในเมืองกิมเหลงทรงพระนามพระเจ้าซ้องเกาจงมีพระทัยโอบอ้อมอารี ตั้งให้งักฮุยพี่เราผู้มีสติปัญญาและฝีมือเข้มแข็งเป็นแม่ทัพใหญ่ ยกไปปราบปรามข้าศึกฮวนรับสองกษัตริย์กลับมาเมือง กิมงึดตุดแม่ทัพฮวนก็พ่ายแพ้แตกไปแล้ว จึงมีหนังสือรับสั่งให้ยกกองทัพมาปราบโจรซึ่งตั้งซ่องสุมอยู่ในทะเลสาบนี้ ตัวเจ้าก็เป็นคนมีสติปัญญา รู้จักการดีและชั่วสันทัดจัดเจน ซึ่งจะมาอยู่เป็นพวกโจรให้ชื่อเสียงเสียไปนั้นเราไม่เห็นควรเลย จงสละละที่มืดไปหาที่สว่าง ปลดเปลื้องความติเตียนนินทาเสียให้ตัวสะอาดเห็นจะดีกว่า อวยโพฮวงได้ฟังดังนั้นจึงคิดว่าเรามานี้ปรารถนาจะเกลี้ยกล่อมงูเกา งูเกากลับมาเกลี้ยกล่อมเราก่อนเสียอีก คิดดังนั้นแล้วจึงว่าการซึ่งท่านพูดนี้ก็ควรอยู่ เราจะขอไปตรึกตรองดูก่อน และงักฮุยที่ร่วมสาบานเป็นพี่ท่านนั้นมีรูปพรรณสัณฐานอย่างไรฝีมือเข้มแข็งประการใด ยกมาครั้งนี้มีทหารมากน้อยสักเท่าไร งูเกาได้ฟังก็แจ้งว่าอวยโพฮวงล่อลวงไต่ถามเอาความ จำเราจะพูดอวดอ้างขู่เสียให้กลัว คิดแล้วจึงว่างักฮุยพี่เรานั้นรูปร่างงดงามมีหนวดยาว เมื่อแผ่นดินก่อนได้เข้าไปซ้อมสอบฝีมือในเมืองเปียนเหลียงชนะฆ่าชาเลียงอ๋องตาย ชื่อเสียงปรากฏคนรู้จักทั่วทั้งแผ่นดิน มีพี่น้องร่วมสาบานเป็นทหารเอกฝีมือเข้มแข็งกว่าสิบคน เมื่อครั้งเฮงเสียงนายโจรที่เขาไทฮองซัวคุมทหารสิบหมื่นยกเข้าไปตีเมืองเปียนเหลียง งักฮุยกับพี่น้องร่วมสาบานกันสี่ห้าคนก็ตีทัพนายโจรแตกฆ่าตายเสียเป็นอันมาก ความครั้งนั้นก็ปรากฏชื่อเสียงท่านไม่รู้บ้างหรือ งักฮุยพี่เรายกกองทัพมาครั้งนี้มีทหารเลวกว่าสิบหมื่น นายทหารที่มีฝีมือแปดร้อยคน ทหารเอกที่มีฝีมือและสติปัญญาเป็นที่หนึ่งมีกว่ายี่สิบนาย อวยโพฮวงได้ฟังก็นึกว่างูเกาพูดอวดไม่ใคร่จะเชื่อ แต่ดูกิริยางูเกาเป็นคนมุทะลุพูดสิ่งใดมักได้จริงมากกว่าเท็จ คิดดังนั้นแล้วจึงว่าเวลาวันนี้เรามาพูดได้ฟังถ้อยคำท่านสั่งสอนชี้แจงก็เป็นที่เจริญใจ เวลาอื่นจึงจะมาสนทนาด้วยอีก อวยโพฮวงก็ลางูเกากลับไปที่อยู่
ฝ่ายงักฮุยยกกองทัพมาถึงเมืองเพงกังฮู้ แจ้งว่าทึงฮวยแม่ทัพหน้าไปตั้งค่ายอยู่ที่ไทโอ๋วริมฝั่งทะเลสาบก็ยกกองทัพตามไป ทึงฮวย เตียเฮียน เฮงกุ้ยแจ้งว่างักฮุยยกกองทัพมาใกล้จะถึงก็ออกไปคำนับรับงักฮุย งักฮุยไม่เห็นงูเกาจึงถามทึงฮวยว่างูเกาไปข้างไหนจึงไม่เห็นมาด้วย ทึงฮวยบอกว่างูเกาออกไปลาดตระเวนในท้องทะเลสาบ เสพสุราเมาให้ทหารแจวเรือลึกห่างฝั่งออกไป พบกองทัพเรือพวกโจรจับเอางูเกาไปได้ งักฮุยได้ฟังก็มีความวิตกคิดถึงงูเกายิ่งนัก คิดตรองหาอุบายจะไปดูกองทัพโจรให้ได้ จึงสั่งให้เตียเปาไปเรียกทึงฮวยเข้ามาหาที่ข้างใน พูดกับทึงฮวยว่าเราจะไปสืบข่าวดูที่เขาทองเทงซัวให้รู้ว่างูเกาจะเป็นประการใด เจ้าจงเอาตราที่แม่ทัพไว้ว่าราชการแทนเรา ถ้าผู้ใดถามก็จงบอกว่าเราไม่สู้สบายนอนอยู่ข้างใน ทึงฮวยจึงว่าการทัพศึกเป็นการใหญ่สำคัญอยู่ ซึ่งท่านจะเข้าไปในกองทัพข้าศึกนั้นข้าพเจ้ามีความวิตกนักไม่ไว้ใจเลย งักฮุยว่าเจ้าอย่าวิตกไม่เป็นไรดอก เราไปดูเห็นการถี่ถ้วนแล้วจะได้กลับมาคิดราชการให้ถูกต้อง พูดดังนั้นก็หยิบเอาตราสำหรับแม่ทัพมอบให้ทึงฮวยไว้แล้วเขียนหนังสือนัดพบกับโจรฉบับหนึ่ง งักฮุยแต่งตัวปลอมเป็นนายทหารเลวถือหนังสือลงเรือเล็กกับเตียเปา เฮงฮวย สามคนออกแจวตรงไปเขาทองเทงซัว
ฝ่ายทหารกองตระเวนของพวกโจร แลเห็นเรือแจวประหลาดตรงเข้ามาหน้าค่ายก็ร้องถามไปว่าเรือผู้ใดมาแต่ไหน เตียเปาจึงร้องบอกว่า งักฮุยแม่ทัพเมืองกิมเหลงใช้ให้ทึงฮวยถือหนังสือมาให้นายท่าน ทหารโจรก็ยึดเรือไว้เข้าไปแจ้งความแก่เอียโฮ้ว นายใหญ่ว่ามีผู้ถือหนังสือมาแต่กองทัพงักฮุย เอียโฮ้วก็ให้ออกมาพาตัวเข้าไป เตียเปา งักฮุย เข้ามาถึงก็คำนับเอียโฮ้วนายโจรบอกว่า งักฮุยแม่ทัพใช้ให้ข้าพเจ้าถือหนังสือมาถึงท่าน ก็ส่งหนังสือให้เอียโฮ้ว เอียโฮ้วรับหนังสือเปิดผนึกออกอ่านแจ้งความแล้ว ก็เขียนสลักหลังลงว่าอีกสักห้าวันให้ยกมาสู้รบกัน เอียโฮ้วแลเห็นผู้ถือหนังสือคนหนึ่งมีลักษณะดีก็ระลึกขึ้นได้ว่าคนผู้นี้ดูเหมือนจะเห็นอยู่ในเมืองเปียนเหลียง เมื่อครั้งลอบซ้อมเพลงอาวุธฆ่าชาเลียงอ๋องตายชื่องักฮุย จะเป็นคนนี้ดอกกระมัง ซึ่งว่าชื่อทึงฮวยนันเห็นจะผิดไป ดีร้ายงักฮุยจะปลอมตัวมาดูการในกองทัพเรา จึงสั่งให้ทหารไปเอาตัวงูเกามา ให้ทหารยึดเอาเรือผู้ถือหนังสือไว้อย่าเพิ่งให้ไป ไต่ถามไล่เลียงเอาความจริงให้ได้ก่อน พอทหารพาตัวงูเกาเดินมา งักฮุยเห็นงูเกาก็ตกใจคิดว่าการครั้งนี้เห็นจะเสียทีแล้ว งูเกาเป็นคนมุทะลุก็คงจะเรียกชื่อเราอื้ออึงขึ้น เตียเปาเป็นคนปัญญาไวก็ลุกวิ่งเข้าไปคุกเข่าลงคำนับงูเกา บอกว่างักฮุยแม่ทัพใช้ให้ข้าพเจ้ากับทึงฮวยถือหนังสือมา งูเกาได้ฟังแลไปเห็นงักฮุยก็ตกใจ จึงคิดว่าถ้านายโจรรู้จักตัวก็คงจะฆ่าตายเสียทั้งสิ้น คิดดังนั้นแล้วงูเกาก็เดินเข้ามาใกล้ทำไม่รู้จักงักฮุย ร้องถามนายโจรว่าท่านให้หาตัวเรามาด้วยธุระสิ่งอันใด เอียโฮ้วว่าพวกของเจ้ามาจงสั่งไปให้พากันมาสามิภักดิ์เราเสียโดยดี งูเกาได้ฟังจึงร้องเรียกว่า ทึงฮวยเจ้าจงไปบอกกับงักฮุยว่าตัวเราตกมาอยู่ในเงื้อมมือพวกโจร ถึงจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต ขอให้งักฮุยยกกองทัพมาแก้แค้นแทนเราฆ่าพวกโจรเสียให้สิ้น พูดสั่งดังนั้นแล้วก็เหลียวมาว่ากับเอียโฮ้วนายโจรว่าไม่ต้องเขียนหนังสือฝากไปดอก ได้สั่งไปถึงงักฮุยแม่ทัพใหญ่แล้ว ท่านโกรธแค้นก็จงฆ่าเราเสียเดี๋ยวนี้เถิด เอียโฮ้วได้ฟังก็ขัดใจแต่อุตส่าห์ระงับโทโสเฉยไว้ สั่งให้เอางูเกาไปขังไว้ดังเก่า ความที่เอียโฮ้วสงสัยว่างักฮุยปลอมมานั้น ได้ยินงูเการ้องเรียกชื่อทึงฮวยก็หายสงสัยเสื่อมคลายไป เอียโฮ้วจึงพูดกับผู้ถือหนังสือว่าเจ้าจงไปบอกกับงักฮุยเถิดว่างูเกานั้นเรายังไม่ได้ฆ่าฟัน ให้งักฮุยมายอมเสียโดยดีอย่าให้สู้รบกันเลย งักฮุยเล่าก็เป็นผู้มีสติปัญญาฝีมือเข้มแข็งมีชื่อเสียงปรากฏทั้งแผ่นดิน ถ้าแม้นทำศึกไม่ได้ชัยชนะพ่ายแพ้แก่เรา ชื่อเสียงที่คนสรรเสริญมาแต่ก่อนก็จะเสื่อมคลายหายไปเสีย ให้งักฮุยตรึกตรองดูให้ดีเถิด อย่าถือทิฐิมานะให้เกินไป พูดแล้วก็ส่งหนังสือนัดรบให้งักฮุย งักฮุยรีบหนังสือลาออกมากับเตียเปาพิจารณาทางเข้าออกและท่วงทีค่ายคูพวกโจรเห็นแจ้งแล้วก็ออกเรือรีบแจวกลับมา
ฝ่ายอวยโพฮองแม่ทัพ ไปลำเลียงข้าวเสบียงที่ตรงกับด้านข้างทิศตะวันตกกลับมาถึงก็เข้าไปหาเอียโฮ้ว เอียโฮ้วก็เล่าความซึ่งงักฮุยใช้ให้ทึงฮวยถือหนังสือมานัดรบให้ฟัง แล้วจึงว่าถ้าท่านมาเร็วสักหน่อยก็จะได้พบทึงฮวยผู้ถือหนังสือ อวยโพฮวงจึงถามว่าทึงฮวยนั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร เอียโฮ้วว่าหน้าตางดงามคมสันรูปร่างสูงใหญ่ อวยโพฮวงได้ฟังจึงว่าถ้ารูปร่างคนที่มาอย่างนั้นแล้ว เห็นจะเป็นตัวงักฮุยปลอมมาดูท่าทางในกองทัพเราเป็นแน่ เอียโฮ้วว่าเราก็สงสัยอยู่จึงให้ไปเอาตัวงูเกามา งูเกาก็ร้องเรียกชื่อว่าทึงฮวยเราจึงได้สิ้นความสงสัย อวยโพฮวงว่าข้าพเจ้าจะขอติดตามไปให้รู้ว่าผู้ใดแน่ ถ้าทันเห็นเป็นงักฮุยแน่แล้วก็ได้จับตัวมาให้ได้ อวยโพฮวงก็รีบมาลงเรือเร็วทั้งแล่นทั้งแจวตามไปใกล้เห็นเรือสองแจวมีคนหนึ่งนั่งกลาง อวยโพฮวงร้องเรียกด้วยเสียงอันดังว่า งักฮุยเราตามมาทันแล้วยังจะหนีไปไหน งักฮุยได้ยินเสียงร้องเรียกเห็นเรือพวกโจรตามมาใกล้ ก็หยิบเอาเกาทัณฑ์มาขึ้นสายพาดลูกคอยคะเน เห็นถนัดทางก็ยิงไปถูกสายลดใบขาดตกลงมา เรืออวยโพฮวงก็เสียท้ายช้าลง งักฮุยจึงร้องไปว่า ถ้าขืนติดตามเรามาอีกเราจะยิงเสียให้ตาย ซึ่งเรายิงไปถูกแต่เพียงลดใบนั้น ทำให้เห็นฝีมือไว้ดอก อวยโพฮวงได้ฟังก็คิดครั่นคร้านฝีมือเกาทัณฑ์งักฮุย พอเรือจวนจะถึงพวกกองทัพของงักฮุย อวยโพอวงเห็นไม่ได้การแล้วก็หันเรือกลับไป จึงคิดว่างักฮุยคนนี้ฝีมือเกาทัณฑ์แม่นยำหมายไหนก็ยิงถูกได้ดังใจ
ฝ่ายงักฮุยมาถึงค่าย ทึงฮวย เตียเฮียน เฮงกุ้ย ก็ออกมารับงักฮุยเข้าไปในค่ายถามข่าวถึงงูเกา งักฮุยก็เล่าความให้ฟังทุกประการ ทึงฮวยจึงว่าขอท่านได้คิดสู้รบช่วยเอางูเกากลับมาเสียให้ได้โดยเร็วเถิด งักฮุยว่าซึ่งจะสู้รบกับพวกโจรนั้นเห็นจะยังไม่ได้ ด้วยค่ายคูที่ทางเข้าออกพวกโจรทำไว้แน่นหนานัก จะต้องคิดกลอุบายจึงจะเอาชัยชนะได้ งักฮุยก็นั่งตรึกตรองหาอุบายอยู่ยังหาเห็นความประการใดไม่
ฝ่ายกวนเมงชิวผู้พี่ กวนเมงตัดผู้น้อง ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ไทโอ๋วฝั่งทะเลสาบ สองคนพี่น้องรูปร่างโตใหญ่ฝีมือเข้มแข็งกล้าหาญ เที่ยวหาปลาอยู่ในท้องทะเลสาบเลี้ยงชีวิตเป็นนิจมา เมื่อเอียโฮ้วนายโจรมาอยู่ที่เขาทองเทงซัวนั้น เอียโฮ้วไล่คนทำมาหากินแถวเหล่านั้นหนีไปสิ้น แต่สองคนพี่น้องนี้ไม่ไป ได้สู้รบกับพวกเอียโฮ้วหลายครั้ง เอียโฮ้วเห็นพี่น้องสองคนมีฝีมือเข้มแข็งนัก ก็เกลี้ยกล่อมชักชวนให้ไปอยู่ด้วยเนือง ๆ แต่มารดาของกวนเมงชิว กวนเมงตัดไม่ยอมให้ไปคบหากับพวกโจร กวนเมงชิว กวนเมงตัดก็อยู่เที่ยวหาปลาขายกินอยู่ในที่นั้น ครั้นได้แจ้งว่างักฮุยยกกองทัพมาตั้งค่ายอยู่ริมทะเลสาบจะปราบปรามพวกโจร มารดาของกวนเมงชิว กวนเมงตัด จึงเรียกบุตรทั้งสองเข้ามาพูดว่า บัดนี้งักฮุยแม่ทัพเมืองหลวงยกกองทัพมาปราบปรามพวกโจร เจ้าทั้งสองคนพี่น้องก็มีกำลังและฝีมือกล้าหาญจงไปสามิภักดิ์ทำราชการด้วยงักฮุยเถิด มารดาเห็นชอบด้วยแล้วนานไปข้างหน้าจะได้เป็นขุนนางมีชื่อเสียง กวนเมงชิว กวนเมงตัดได้ฟังมารดาว่าก็มีความยินดี สองคนพี่น้องคำนับลามารดาตรงไปค่ายถามทหารรักษาประตูว่าท่านแม่ทัพอยู่หรือไม่จะขอเข้าไปหา ผู้รักษาประตูเข้าไปแจ้งความกับงักฮุย งักฮุยสั่งให้พาตัวเข้าไป กวนเมงชิว กวนเมงตัดเข้าไปถึงก็คุกเข่าลงคำนับ งักฮุยเห็นคนทั้งสองรูปร่างโตใหญ่สมเป็นทหารจึงถามว่าเจ้าทั้งสองนี้มาแต่ไหนชื่อไร มีกิจธุระสิ่งใดหรือ พี่น้องทั้งสองก็บอกว่าข้าพเจ้าชื่อกวนเมงชิวเป็นผู้พี่ คนนั้นชื่อกวนเมงตัดเป็นน้อง ขอทำราชการเป็นทหารให้ท่านใช้ งักฮุยได้ฟังก็มีความยินดี จึงให้เอาเสื้อกางเกงอย่างขุนนางนายทหารมาให้ผลัด แล้วให้กินโต๊ะอยู่กับพวกนายทหารทั้งปวงพร้อมกัน งักฮุยจึงถามกวนเมงชิวว่าเจ้าอยู่ที่นี่เคยไปมาหาสู่กับเอียโฮ้วนายโจรบ้างหรือไม่ เอียโฮ้วมีทหารไพร่พลสักกี่มากน้อย ที่อยู่ภูมิสถานอย่างไร กวนเมงชิวจึงว่าเอียโฮ้วนี้เป็นคนมีสติปัญญาอยู่ ชำนิชำนาญแต่ในการเรือ ถ้าขึ้นบกแล้วจะสู้รบก็ไม่สู้สันทัด มีแม่ทัพอยู่คนหนึ่งชื่ออวยโพฮวงมีนายทหารฝีมือเข้มแข็งอยู่สองคน จัดเรือรบไว้สี่พวก พวกละห้าสิบลำ ทหารประจำอยู่ในเรือรบนั้นฝึกหัดไว้คล่องแคล่วมีวิชาอาวุธต่างกันทั้งสี่กอง กองหนึ่งนั้นใช้จักรคนหมุนแล่นไปได้มีปืนสำหรับเรือทุกลำ กองหนึ่งนั้นชื่อเรือเก๋งเกาทัณฑ์หน้าเรือมีปิหลั่นสองชั้น ข้างเรือเอาไม้ตั้งเป็นค่ายรอบ เอาหนังโคหนังกระบือมาปิดกันอาวุธต่าง ๆ มีช่องสำหรับคนในเรือยิงเกาทัณฑ์ ข้าศึกไม่เห็นตัว กองหนึ่งเรียกว่าเรือพรายน้ำ ทหารนั้นเอียโฮ้วไปเกลี้ยกล่อมชักชวนมาแต่เมืองเชียงจิว เมืองซัวจิว ล้วนสันทัดประดาน้ำดำน้ำอยู่ได้นานครึ่งวันบ้างวันหนึ่งบ้าง ถ้าสู้รบกับข้าศึกแล้ว ทหารเหล่านั้นลงดำน้ำเข้าไปเจาะท้องเรือ อีกกองหนึ่งนั้นทหารในลำเรือสันทัดอาวุธยาวอาวุธสั้นพรักพร้อมกัน มีหม้อดินทิ้งไปในเรือข้าศึก แล้วแอบเรือเข้าไปปีนป่ายได้คล่องแคล่ว งักฮุยได้ฟังกวนเมงชิวเล่าบรรยายอิทธิฤทธิ์ของเรือรบพวกโจรให้ฟังก็มีความยินดี จึงว่าถ้าเจ้าทั้งสองไม่บอกเหตุผลต้นปลายให้เแล้ว ถ้าเข้ารบกับพวกโจรก็คงจะเสียทีเป็นแน่ ด้วยไม่รู้การถี่ถ้วน นี่เดชพระบารมีของเจ้านายเรา จึงดลใจชักนำให้เจ้าทั้งสองมาบอกเหตุผลจึงได้รู้ความ พูดกันแล้วงักฮุยก็กลับเข้าไปข้างในนอนตรึกตรองหาอุบายซึ่งจะกำจัดพวกโจร ครั้นเวลาเช้า งักฮุยคิดอุบายได้อย่างหนึ่งจึงไปหากวนเมงชิว กวนเมงตัดถึงที่อยู่ พูดว่าเรามีธุระอยู่สิ่งหนึ่งเจ้าจะรับอาสาทำให้สำเร็จได้หรือไม่ กวนเมงชิว กวนเมงตัดได้ฟังจึงว่าข้าพเจ้าทั้งสองมาอยู่กับท่านนี้ก็หมายจะอาสาทำราชการหาความชอบ ถึงจะหนักแน่นประการใดก็ไม่คิดแก่ชีวิตท่านจงใช้ข้าพเจ้าเถิด งักฮุยจึงกระซิบบอกเป็นความลับว่าเจ้าจงแต่งตัวให้เหมือนพวกคนหาปลา เข้าไปสามิภักดิ์อยู่กับเอียโฮ้วนายโจรบอกว่า มารดาเราเห็นกองทัพยกมามาก ก็ให้มาสามิภักดิ์อยู่ช่วยเอียโฮ้วรักษาทะเลสาบจะได้อยู่เป็นที่ทำมาหากินต่อไป ถ้าเอียโฮ้วเชื่อถือสนิทแล้ว แม้นพวกโจรจะยกกองทัพมาสู้รบกับเรา เจ้าจงทำเป็นบอกป่วยขออยู่รักษาค่าย ถ้าได้ทีแล้วก็จงถอดงูเกาออกช่วยกันจับบิดามารดาญาติพี่น้องของเอียโฮ้วนายโจรรวบรวมทรัพย์สิ่งของไว้ เอาไฟเผาที่อยู่พวกโจรเสียให้สิ้น เมื่อเราเห็นแสงไฟไหม้ขึ้นแล้วจะให้เรือรีบไปรับเจ้ามาโดยเร็ว กวนเมงชิว กวนเมงตัดได้ฟังงักฮุยชี้แจงบอกอุบายให้ดังนั้นแล้วก็มีความยินดี คำนับลามาแต่งตัวเป็นคนหาปลาลงเรือเล็กพายตรงไปเขาทองเทงซัว พวกโจรเห็นสองคนพี่น้องมาก็จำได้พาเอาตัวเข้าไปให้เอียโฮ้วนายโจร เอียโฮ้วเห็นพี่น้องสองคนก็มีความยินดีด้วยอยากจะใคร่ได้เป็นนายทหารมาช้านานแล้ว กวนเมงชิว กวนเมงตัดเข้าไปคำนับเอียโฮ้วแล้วบอกว่า มารดาข้าพเจ้ารู้ว่ากองทัพเมืองกิมเหลงยกมาก็ตกใจ กลัวว่าจะกวาดต้อนเอาไปเสียจากถิ่นฐานนี้ จึงให้ข้าพเจ้าทั้งสองมาอยู่กับท่าน ช่วยรักษาท้องที่ทะเลสาบป้องกันกองทัพเมืองหลวงไว้ อย่าให้ต้องพลัดพรากจากถิ่นฐานบ้านช่องทำเลได้ทำมาหากินไป เอียโฮ้วได้ฟังก็มีความยินดีเป็นอันมาก จึงว่าเราขอบใจมารดาท่านนัก เดิมเราก็ได้ไปชักชวนท่านทั้งสองให้มาอยู่ด้วยกันแต่มารดาท่านเกียดกันเสียไม่ให้มา กลัวว่าจะไม่มีใครเป็นเพื่อน ครั้นพูดดังนั้นแล้วก็สั่งให้เอาเสื้อกางเกงที่อย่างดีมาให้สองคนพี่น้องผลัด จัดที่ให้อยู่ตามสมควร