๖
ฝ่ายซินแสจิวถองตั้งแต่กลับมาจากบ้านหลีซุนก็ไม่สบายป่วยไป งักฮุย เฮงกุ้ย ทึงฮวย เตียเฮียน ศิษย์ทั้งสี่คนก็ช่วยกันรักษาพยาบาล โรคนั้นหาคลายขึ้นไม่ เศรษฐีทั้งสามไปหาหมอมาให้พยาบาลรักษาแก้ไขอาการทรุดหนักลง ซินแสจิวถองรู้ตัวว่าจะไม่รอดแล้ว จึงพูดกับงักฮุยว่าตั้งแต่เจ้ามาเป็นบุตรเลี้ยงเรา เราก็ได้สั่งสอนวิชาการและเพลงอาวุธทุกอย่าง เราป่วยครั้งนี้เห็นจะไม่รอดแล้ว ตำรับตำราซึ่งอยู่ในหีบนั้นเรายกให้กับเจ้าเป็นสิทธิ์ จงอุตส่าห์ดูเล่าเรียนไปตามตำรานั้นเถิด วิชาการและปัญญาก็จะรุ่งเรืองขึ้น เมื่อเจ้าจะเข้าไปทำราชการอาสาแผ่นดินนั้น จงพิจารณาดูการให้ละเอียดมีกตัญญูต่อพระเจ้าแผ่นดินเป็นที่ตั้ง คิดปราบปรามข้าศึกภายนอกระวังรักษาข้าศึกภายใน ด้วยชะตาเมืองเปียนเหลียงซึ่งตั้งเป็นเมืองหลวงนั้นมักมีคนอาสัตย์ประกอบไปด้วยอิจฉาพยาบาทเข้าไปเป็นขุนนางผู้ใหญ่เนือง ๆ มาทุก ๆ แผ่นดิน อย่าได้ประมาทระวังการให้จงมาก จะปราบข้าศึกศัตรูภายนอกนั้นให้ปราบด้วยเครื่องศาสตราวุธและกำลังทแกล้วทหาร จะปราบศัตรูภายในนั้นให้ปราบด้วยความสุจริตตั้งอยู่ในยุติธรรม ให้ปรากฏแผ่พ่านประจักษ์แก่คนทั้งหลาย เมื่อผู้ใดคิดอาฆาตจองเวรก็อย่าก่อเวรตอบ ให้ผูกใจระวังรักษาอย่าให้เสียท่วงที เอาความสุจริตและมิได้โกรธตอบ ตั้งใจให้เป็นกลางถือกตัญญูต่อเจ้านายผู้มีคุณให้มั่น เป็นอาวุธต่อสู้ผู้อาฆาตจองเวรก็จะพ่ายแพ้เสื่อมคลายไปเอง ถ้าเจ้าประพฤติได้ดังนี้แล้ว ก็จักชื่อว่าชนะศัตรูภายในให้พ่ายแพ้เสื่อมสูญสิ้นเวรไป ประการหนึ่งจะทำศึกสงครามกับศัตรูภายนอกนั้น อย่าได้ถือทิฐิมานะมัวเมาไปด้วยยศศักดิ์ให้เอาการเป็นประมาณ จะไปในทิศที่ใดให้พิจารณาประเทศนั้น ๆ ให้เข้าใจรู้ทางแผนที่จงละเอียด จะสู้ศึกสงครามอย่ากล้าหาญให้เกิดเหตุ อย่าตื่นอย่าขลาดให้คนทั้งปวงหมิ่นประมาท อย่าทำการด้วยโทโส คิดเสียก่อนให้รอบคอบแล้วจึงทำ อย่ากำเริบหักหาญเพื่อนข้าราชการให้ได้ความเจ็บช้ำ จงประพฤติตัวให้อ่อนโยนอย่าให้เป็นที่เกลียดชังแก่คนทั้งหลายได้ ข้อความซึ่งเราสั่งสอนเจ้านี้จงจำไว้เถิด จึงจะมีความเจริญ งักฮุยก็คำนับรับคำสั่งสอนของอาจารย์แล้ว ซินแสจิวถองจึงพูดกับเฮงเหมงเศรษฐีว่า เมื่อแต่ก่อนข้าพเจ้าไปเยี่ยมหลวงจีนที่เขาและจัวซัวนั้น เห็นที่แห่งหนึ่งควรจะเป็นที่ฮวงซุ้ยฝังศพ ข้าพเจ้าถามเฮงกุ้ยว่าที่ของผู้ใด เฮงกุ้ยบอกว่าเป็นที่ของท่าน ครั้งนี้ข้าพเจ้าก็จะลาท่านแล้ว ขอท่านจงได้เอาศพข้าพเจ้าไปฝังไว้ที่นั้นเถิด ประการหนึ่งบุตรท่านทั้งสามที่มาเป็นศิษย์ข้าพเจ้านั้นให้อุตส่าห์ติดตามงักฮุยอย่าทิ้งกัน สืบไปภายหน้าก็คงจะมีชื่อเสียงเป็นทหารใหญ่ปรากฏในแผ่นดิน ครั้นสั่งถ้อยความเสร็จแล้วโรคกำเริบมากขึ้นซินแสจิวถองก็ถึงแก่ความตาย อายุได้เจ็ดสิบเก้าปี เศรษฐีทั้งสามและศิษย์ทั้งสี่ก็มีความอาลัยร้องไห้เศร้าโศกถึงซินแสจิวถองเป็นอันมาก ครั้นสร่างความโศกแล้ว เศรษฐีทั้งสามก็จัดหีบมาใส่ศพซินแสจิวถองไปฝังที่ชายเขาและจัวซัวข้างทิศใต้ทำการเซ่นไหว้ศพเป็นอันมาก เศรษฐีทั้งสามกับเฮงกุ้ย เตียเฮียน ทึงฮวย ก็พากันกลับมาบ้าน แต่งักฮุยนั้นปลูกทับกระท่อมเฝ้าศพอยู่ที่นั้นหลายเดือน จนถึงวันเชงเหม็งขึ้นปีใหม่ เศรษฐีทั้งสามกับบุตรก็จัดของไปไหว้เซ่นศพซินแสจิวถอง ที่ฮวงซุ้ยชายเขานั้นเห็นงักฮุยเฝ้าศพซินแสจิวถองผู้บิดาเลี้ยงอยู่ที่นั้นมิได้กลับมาอยู่บ้าน เฮงเหมงเศรษฐีพูดกับงักฮุยว่าเจ้ามาเฝ้าซินแสจิวถองอยู่ก็ช้านานแล้ว ไม่กลับไปปฏิบัติมารดาบ้างเลย งักฮุยว่าซินแสจิวถองบิดาเลี้ยงข้าพเจ้านี้ ได้สั่งสอนมีคุณกับข้าพเจ้าเป็นอันมาก จะขออยู่เฝ้าศพอีกสักหน่อยหนึ่งก่อนจึงจะกลับไป
ฝ่ายเฮงกุ้ยบุตรเฮงเหมง ได้ยินงักฮุยพูดกับบิดาดังนั้นจึงพูดแก่ เตียเฮียน ทึงฮวย ว่างักฮุยพี่เราบิดาอ้อนวอนก็ไม่ยอมกลับไป เราทั้งสามคนช่วยกันไปรื้อโรงที่อยู่ของงักฮุยเสียให้สิ้นอย่าให้งักฮุยอยู่ต่อไปได้ ปรึกษากันแล้วก็รื้อโรงเศรษฐีบิดาทั้งสามกับงักฮุยห้ามปรามก็ไม่ฟัง งักฮุยเห็นเพื่อนศิษย์รื้อโรงเสียราบสิ้นแล้วก็เป็นอันจนใจ จึงพูดกับเศรษฐีและเพื่อนทั้งสามว่า ท่านผู้ใหญ่ทั้งสามกับเพื่อนฝูงไม่ยอมให้อยู่แล้ว ข้าพเจ้าก็จะต้องปฏิบัติตาม เศรษฐีทั้งสามได้ยินงักฮุยว่าจะยอมกลับมาแล้วก็ยินดีพากันกลับมาบ้าน แต่เฮงกุ้ยเตียเฮียนยังอยู่กับงักฮุยที่ฮวงซุ้ยเฝ้าศพนั้น แล้วจึงจะตามเศรษฐีผู้บิดามาต่อภายหลัง เฮงกุ้ยจึงจัดเอาของที่เซ่นไหว้มาเลี้ยงสู่กันกินอิ่มเสร็จแล้วทึงฮวยจึงพูดกับงักฮุยว่า พี่มาเฝ้าศพซินแสจิวถองอาจารย์เราอยู่ช้านาน มารดาอยู่คนเดียวหามีความสุขสบายไม่ เตียเฮียนจึงพูดว่าตั้งแต่ซินแสจิวถองของเราตายแล้ว พวกเราก็หาได้ซักซ้อมเพลงอาวุธต่าง ๆ ไม่เลย ถ้านายบ้านเขาจะจดบัญชีเอาเข้าไปซักซ้อมเพลงอาวุธแย่งชิงขุนนางกัน ที่ไหนพวกเราจะสู้พวกอื่นเขาได้ งักฮุยว่าตั้งแต่ซินแสจิวถองอาจารย์ของเราตายแล้วเราก็ไม่ได้คิดที่จะเป็นขุนนางนายทหาร เฮงกุ้ยว่าพี่มาทำใจสั้นเสียดังนี้หาควรไม่ อาจารย์เราก็ได้ทำนายไว้ว่าเราทั้งสี่คนจะได้เป็นขุนนางช่วยปราบปรามข้าศึก ทำนุบำรุงแผ่นดินให้มีชื่อเสียงปรากฏต่อไป ซึ่งพี่มาพูดดังนี้จะมิผิดกับคำซินแสจิวถองอาจารย์เราไปหรือ
ขณะนั้นมีพ่อค้าคนหนึ่งแอบแฝงอยู่ในที่หญ้ารก ได้เห็นคนทั้งสี่นั่งพูดกันเสียงเอะอะห้าวหาญก็สำคัญว่าเป็นโจรจึงออกมาคุกเข่าคำนับว่า ท่านทั้งสี่ขอชีวิตข้าพเจ้าไว้สักครั้งหนึ่งเถิด งักฮุย เฮงกุ้ย เตียเฮียน ทึงฮวย เห็นดังนั้นก็ไม่แจ้งว่าเหตุผลอย่างไร งักฮุยจึงว่าพวกเราสี่คนนี้เป็นคนดีดอก พากันมาเซ่นศพซินแสหาได้เป็นโจรผู้ร้ายไม่ ท่านอย่ากลัวเลย นี่เหตุผลประการใดท่านจึงได้มาร้องขอชีวิตดังนี้ พ่อค้าได้ยินว่าเป็นคนดีก็สิ้นวิตก จึงร้องเรียกเพื่อนพ่อค้าที่มาด้วยกันประมาณสามสิบคน ซึ่งแอบซุ่มหนีโจรอยู่นั้นออกมาพูดกับงักฮุย เฮงกุ้ย เตียเฮียน ทึงฮวยว่า พวกข้าพเจ้าชวนกันมาค้าขายเดินมาถึงตำบลลวนเชากังที่ชายเขานี้ ได้ยินข่าวว่าพ่อค้าพวกหนึ่งเดินมาก่อนพบนายโจรพวกหนึ่งฝีมือเข้มแข็ง คุมพวกเข้าตีปล้นเอาทรัพย์สิ่งของไปสิ้น พวกข้าพเจ้าตามมาภายหลังเห็นท่านทั้งสี่นั่งอยู่จึงได้ตกใจกลัว งักฮุยว่าซึ่งท่านจะไปค้าขายเมืองไลยอึ้งกุ้ยนั้น เดินไปทางชายเขาอีกหน่อยหนึ่งก็จะพบทางใหญ่ หามีโจรผู้ร้ายไม่จงพากันไปเถิด พวกพ่อค้าเหล่านั้นก็คำนับลาพากันเดินไป เฮงกุ้ยจึงพูดว่าพวกพ่อค้าแจ้งความว่าตำบลลวนเชากังมีพวกโจรอาศัยพำนักอยู่ จำเราจะพากันไปดูให้รู้จักว่าพวกไหนเป็นโจรมาพำนักอยู่ที่นี้ งักฮุยว่าคนซึ่งประพฤติเป็นโจรดังนี้เครื่องศาสตราวุธพรักพร้อม เราทั้งสี่มาเซ่นศพซินแสจิวถองหาได้เอาเครื่องอาวุธสำหรับมือมาไม่ ถ้าไปเกิดวุ่นวายกันขึ้นแล้วจะต่อสู้พวกโจรมือเปล่าได้หรือ เตียเฮียนจึงว่า ท่านอย่าวิตกด้วยไม่มีอาวุธ กิ่งไม้ในป่ามีถมไป เราหักเอามาคนละอัน ถือเป็นอาวุธพอจะต่อสู้พวกโจรได้ ทึงฮวยพูดว่าเราสี่คนพี่น้องคิดกันจะอาสาปราบยุคเข็ญในแผ่นดิน ครั้งนี้เป็นแต่พวกโจรเราจะพรั่นพรึงมันทำไม งักฮุยว่าเพื่อนทั้งสามจะไปให้ได้แล้ว เราก็จะต้องยอมตามไปด้วย พูดกันแล้วก็ไปเที่ยวหากิ่งไม้เป็นกระบองสำหรับมือคนละอัน พากันออกเดินไปถึงตำบลลวนเชากัง เห็นชายผู้หนึ่งรูปร่างโตใหญ่หน้าดำขี่ม้ายืนอยู่มีคนคุกเข่าอยู่ข้างหน้าม้าห้าหกคน พูดอ้อนวอนว่าข้าพเจ้าไม่มีของสิ่งใดมาเลย ขอให้ปล่อยไปเสียเถิด คนที่ขี่ม้าร้องตวาดว่า ไม่มีสิ่งใดมาค้าขายของอันใดติดตัวก็จงเอามาให้เสียโดยเร็ว ถ้าไม่ให้จะฆ่าเสีย งักฮุยได้ยินโจรพูดดังนั้นจึงว่ากับเพื่อนทั้งสามว่าเจ้าจงพักอยู่ที่นี่ก่อน เราจะเข้าไปดูท่วงทีนายโจร ทึงฮวยว่าถ้าพี่จะไปต้องเอาอาวุธสำหรับมือไปด้วยอย่าประมาท งักฮุยว่าโจรคนนี้กิริยาพูดจาโวหารขี่ม้าถืออาวุธดูแข็งแรง ซึ่งจะเข้าสู้รบซึ่งหน้านั้นไม่ได้ จะต้องคิดกลอุบายพูดจาล่อลวงให้เสียท่วงทีก่อนจึงจะเอาชัยชนะได้ ถ้าแม้นเจ้าทั้งสามเห็นว่าเราจวนจะเสียทีก็จงรีบไปช่วยให้ทัน ว่าแล้วก็เดินเข้าไปหานายโจรพูดว่าพวกเหล่านี้มันไม่มีสิ่งใดติดตัวมาดอก ท่านจงปล่อยเสียเอาบุญเถิด นายโจรจึงว่าเจ้าเป็นอะไรจึงมาล่วงบังคับเราดังนี้ ถึงตัวเจ้านี้มีสิ่งใดก็จงเอามาให้เราเสียโดยเร็วเราจึงจะปล่อยไป งักฮุยว่าซึ่งท่านกักขังพวกนี้ไว้ท่านจะได้รับประโยชน์สิ่งใด ด้วยเป็นแต่พ่อค้าเล็กน้อยปล่อยเสียเถิด ข้าพเจ้าเป็นพ่อค้าใหญ่ เกวียนบรรทุกสิ่งของตามมาข้างหลังเป็นอันมาก ถ้ามาถึงแล้วท่านจงเลือกเอาของไปตามปรารถนา นายโจรได้ฟังก็ดีใจปล่อยคนเหล่านั้นเสียทั้งสิ้น แล้วพูดกับงักฮุยว่า เราปล่อยคนเหล่านั้นไปหมดแล้ว ท่านจงรีบไปเร่งเกวียนเอาของมาให้เราโดยเร็ว งักฮุยว่าของนั้นคงได้ดอกแต่เราวิตกอยู่ด้วยเพื่อนสองคนเขาจะไม่ยอมให้ท่าน ท่านจะคิดประการใด นายโจรถามว่าพวกเพื่อนของเจ้าอยู่ที่ไหน จงไปเรียกตัวมาหาเรา งักฮุยได้ฟังก็หัวเราะยื่นมือซ้ายมือขวาทั้งสองออกไปว่า มือทั้งสองนี้แหละเพื่อนของเรา ถ้าแพ้แก่ท่านก็จงเอาของในเกวียนไปให้หมดเถิด นายโจรจึงว่ามือเจ้าจะมีฤทธิ์สักเพียงไร ครั้นเราจะเอาอาวุธเข้าสู้กับเจ้าซึ่งไม่มีอาวุธมา ก็เป็นที่น่าอายแก่ผีสางเทวดา ว่าแล้วก็วางอาวุธลงจากม้ากำหมัดเข้าชกงักฮุย งักฮุยไม่สู้เป็นแต่คอยปัดป้องหลบหลีก นายโจรชกงักฮุยหลายหนก็หาถูกไม่ งักฮุยเห็นได้ทีก็เอาเท้าถีบถูกนายโจรล้มลง นายโจรลุกขึ้นได้วิ่งไปหยิบอาวุธจะเชือดคอตายเสีย งักฮุยเข้าแย่งชิงอาวุธไว้ได้แล้วถามว่าชกกันยังไม่ทันถึงแพ้ชนะ เหตุใดท่านจึงมาเชือดคอตายเสียดังนี้ นายโจรบอกว่าตั้งแต่เราได้สู้ศึกสงครามมานับหนนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งจะได้เสียทีแก่ผู้ใดดังนี้ไม่มีเลย เราคิดน้อยใจอายแก่ท่านนักจึงจะเชือดคอตายเสีย งักฮุยได้ฟังก็หัวเราะว่าท่านชกเราหลายหน เราก็มิได้ชกโต้ตอบเราเอาเท้าถีบถูกท่านทีหนึ่งเท่านั้น ไม่ควรจะเชือดคอตายเสียเลย นายโจรเห็นงักฮุยไม่มีพยาบาทถือโกรธ จึงถามว่าท่านนี้แซ่ใดชื่อไรอยู่เมืองไหนเป็นทหารของผู้ใด มีธุระสิ่งใดหรือจึงได้มาทางนี้ งักฮุยบอกว่าเราแซ่งักชื่อฮุยตั้งบ้านเรือนอยู่ตำบลคีลินชึงแขวงเมืองเซียงจิว นายโจรได้ฟังจึงถามว่าท่านอยู่บ้านคีลินชึงนั้นรู้จักซินแสจิวถองบ้างหรือไม่ งักฮุยว่าซินแสจิวถองนั้นคือบิดาเลี้ยงของเรา ท่านมีธุระสิ่งใดหรือจึงถามถึงซินแสจิวถอง นายโจรว่าท่านเป็นบุตรเลี้ยงซินแสจิวถองแล้ว ข้าพเจ้าก็ยอมไม่สู้ฝีมือท่าน งักฮุยถามว่าท่านแซ่ไรชื่อใดอยู่เมืองไหนจึงมาตั้งอยู่ที่ตำบลนี้ นายโจรบอกว่าแซ่งูชื่อเกาเป็นชาวเมืองเซียมไซ เมื่อบิดาข้าพเจ้าจวนจะถึงแก่กรรม ได้สั่งกับมารดาข้าพเจ้าไว้ว่า ถ้าจะให้ข้าพเจ้าเป็นคนมีชื่อเสียงปรากฏแล้วจงพาไปให้เรียนวิชาที่ซินแสจิวถอง ครั้นบิดาข้าพเจ้าถึงแก่กรรม มารดาจึงได้พาข้าพเจ้ามาจะไปหาซินแสจิวถอง พอมาถึงที่ตำบลนี้พบโจรพวกหนึ่งซึ่งได้สู้รบกับข้าพเจ้า พวกโจรสู้ข้าพเจ้าไม่ได้หนีไปทิ้งข้าวของไว้ ข้าพเจ้าจึงได้เก็บเอาของทั้งนี้ไว้ ปรารถนาจะไปให้กำนัลซินแสจิวถอง ขอเชิญท่านไปพบกับมารดาข้าพเจ้าสักหน่อย แล้วจงพาข้าพเจ้ากับมารดาไปหาซินแสจิวถองด้วย งักฮุยว่าเรามีเพื่อนสามคนพักอยู่ที่ชายป่า จะไปบอกให้มาพร้อมกันก่อนจึงจะไป ว่าแล้วก็ตะโกนร้องเรียกเฮงกุ้ย ทึงฮวย เตียเฮียนมาพร้อมแล้ว งูเกาก็พาไปหามารดาแจ้งความว่าท่านคนนี้ชื่องักฮุยเป็นบุตรเลี้ยงซินแสจิวถอง มารดางูเกาได้แจ้งก็มีความยินดีพูดกับงักฮุยว่า เมื่อสามีข้าพเจ้าจะใกล้ถึงแก่กรรม ได้สั่งให้ข้าพเจ้าพางูเกาไปเรียนวิชาเพลงอาวุธที่ซินแสจิวถอง บัดนี้มาพบท่านก็เป็นบุญนักหนา ขอท่านจงได้พาไปให้พบซินแสจิวถองด้วยเถิด งักฮุยได้ฟังก็คิดถึงซินแสจิวถอง กลั้นน้ำตาไม่ได้ก็ร้องไห้พูดว่า บิดาเรานั้นดับสูญเสียแต่เมื่อปีก่อนนี้แล้ว มารดางูเกาได้ฟังก็เสียใจพูดว่าข้าพเจ้าอุตส่าห์พาบุตรมาทั้งนี้ก็ปรารถนาจะให้บุตรไปเรียนวิชาตามคำบิดาสั่งไว้บัดนี้ซินแสจิวถองก็ถึงแก่กรรมเสียแล้ว ที่ไหนบุตรข้าพเจ้าจะรู้วิชาการศึกสงครามเล่า งักฮุยจึงว่าถึงบิดาเลี้ยงเราตายแล้วท่านอยากจะรู้วิชาการก็จะช่วยแนะนำให้ ด้วยเพื่อนข้าพเจ้าที่มานี้เป็นศิษย์ซินแสจิวถอง ได้ร่ำเรียนวิชาเพลงอาวุธรู้ชำนิชำนาญทุกคน ขอเชิญท่านกับงูเกาไปบ้านข้าพเจ้าเถิด จะช่วยฝึกหัดวิชาการเพลงอาวุธต่าง ๆ ให้ตามความปรารถนา มารดางูเกากับงูเกาได้ฟังก็มีความยินดียิ่งนัก งูเกาจึงเอาม้าสำหรับที่ตัวขี่มาให้มารดาขี่ ตัวงูเกากับงักฮุย เฮงกุ้ย เตียเฮียน ทึงฮวยก็เดินตามไป มาถึงที่มารดางักฮุยอยู่ งักฮุยก็เข้าไปแจ้งความแก่นางเอียวสีมารดา ให้ออกมารับมารดางูเกาเข้าไปข้างในด้วยกัน นางเอียวสีก็ออกมาเชิญมารดางูเกาต่างคนต่างคำนับกัน งักฮุยให้คนใช้จัดโต๊ะมาเลี้ยงงูเกากับเพื่อนกินอยู่ด้วยกันทั้งห้าคน ครั้นอิ่มเสร็จแล้ว งักฮุยจึงพูดขึ้นว่าเราทั้งห้านี้ควรจะทำสาบานเป็นพี่น้องร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันท่านจะเห็นประการใด งักฮุย เฮงกุ้ย ทึงฮวย เตียเฮียน งูเกา ก็ยอมพร้อมใจกัน จึงจัดเครื่องบูชาออกมาตั้งกลางแจ้ง จุดธูปเทียนบวงสรวงแล้วตั้งสัตย์สาบานเป็นพี่น้องร่วมทุกข์สุขไปเบื้องหน้า มีการศึกสงครามต้องสู้รบกับศัตรูที่แห่งใด ๆ ก็ดี ถึงได้ทีเสียทีก็จะช่วยกันไม่คิดแก่ชีวิต ครั้นตั้งสัตย์สาบานกันแล้วยกงักฮุยเป็นพี่ใหญ่ คนเหล่านั้นเป็นพี่น้องตามลำดับอายุกัน ตั้งแต่กระทำสัตย์สาบานแล้ว คนทั้งห้าก็มีความรักใคร่สนิทต่อกันทุกคน ถึงเวลาก็ออกมาซ้อมหัดเพลงอาวุธ จนชำนิชำนาญคล่องแคล่วทั้งห้านาย ครั้นอยู่มาเวลาวันหนึ่ง งักฮุยจึงชวนน้องร่วมสาบานทั้งสี่คนขี่ม้าออกไปซ้อมเพลงอาวุธที่สนามหน้าบ้าน เห็นชายผู้หนึ่งเข้ายืนแอบพุ่มไม้มองดู งักฮุยคิดประหลาดใจก็ขับม้าออกไปร้องตวาดด้วยเสียงอันดังว่า เจ้าคนนี้มาแอบพุ่มไม้ทำกิริยามองเมียงผิดประหลาดจะคอยทำร้ายเราหรือ