๗๐
ครั้นเวลาเช้าชีนไคว่กับนางเฮงสีก็พากันไปทำบุญที่วัดเลงอึมยี่และเซ่นไหว้เทพารักษ์ แล้วคุกเข่าลงคำนับที่หน้าพระกล่าววาจาขอให้บูเชียงก๋งกับปิศาจที่ตายเหล่านั้นไปเกิดเสียเถิด อย่าได้มารบกวนต่อไปอีกเลย ครั้นคำนับกราบไหว้บวงสรวงเทพยดาแล้ว ชีนไคว่กับนางเฮงสีก็เดินไปเที่ยวเล่นในวัดเห็นที่ผนังตึกเขียนเป็นคำโคลงไว้ว่า จับเสือได้ง่าย เมื่อจะปล่อยนั้นยาก ชีนไคว่เห็นก็คิดประหลาดใจว่าคำโคลงอันนี้ นางเฮงสีทำให้เราเมื่อวันจะฆ่าบูเชียงก๋ง ไม่มีใครได้รู้ได้เห็นเลย เหตุใดจึงมีมาเขียนไว้ที่นี่เป็นที่น่าสงสัยนัก จึงให้หาหลวงจีนเจ้าวัดมาถามว่าใครเขียนคำโคลงไว้ที่ผนังตึกนี้ หลวงจีนเจ้าวัดบอกว่าในวัดนี้ไม่มีผู้ใดแปลกปลอมเข้ามา เห็นอยู่แต่หลวงจีนเสียจริตองค์หนึ่งเธอมักพูดเลอะเทอะไปต่าง ๆ หรือหลวงจีนเสียจริตจะเขียนไว้ดอกกระมัง ชีนไคว่ว่าท่านจงไปหาตัวมาให้ข้าพเจ้าจะถามดูให้ได้ความ หลวงจีนเจ้าวัดก็ไปพาตัวหลวงจีนเสียจริตมาให้ชีนไคว่ ชีนไคว่เห็นรูปร่างหลวงจีนพิกลน่าเกลียดน่าชังนัก จึงพูดว่ารูปร่างของท่านนี้วิปริตผิดคนทั้งหลายมาบวชอยู่ทำไม หลวงจีนเสียจริตตอบว่า รูปร่างข้าพเจ้าวิปริตก็จริง แต่ใจนั้นดีนัก ไม่เป็นคนหน้าพระใจงูเหมือนกับท่าน ชีนไคว่ได้ฟังหลวงจีนพูดจาหยาบช้าดังนั้นก็โกรธ จึงถามว่าคำโคลงซึ่งเขียนไว้ที่ผนังตึกนี้ท่านเขียนเองหรือผู้ใดเขียน หลวงจีนว่าภรรยาท่านเขียนได้เราก็เขียนได้เหมือนกัน ชีนไคว่ว่าเราตรวจดูคำโคลงของท่านที่เขียนไว้นั้นเห็นไม่กว้างขวาง หลวงจีนว่าไม่กว้างขวางนั้นจริงจึงบวชเป็นหลวงจีนรักษาศีลได้ ถ้าใจกว้างขวางก็เป็นเหตุให้เกิดความชั่วความร้ายขึ้นปลายมือ ชีนไคว่จึงถามต่อไปว่าไม้กวาดและไม้กระบอกซึ่งท่านถือติดมืออยู่นั้นด้วยเหตุอันใด หลวงจีนบอกว่าไม้กวาดนี้สำหรับกวาดคนซึ่งประพฤติการไม่เป็นสุจริต ไม้กระบอกนี้สำหรับเป่าให้ควันซึ่งมีพิษขึ้นมาได้ทั้งสี่ทิศ ชีนไคว่ถามว่าเหตุใดท่านจึงได้เป็นง่อย หลวงจีนบอกว่าข้าพเจ้าเที่ยวไปที่แม่น้ำไทโอ๋ พบซินแสขายยาอี๋ก็เข้าไปซื้อเอายาอี๋นั้นมาจึงได้เป็นง่อยไปไม่ทราบว่าเหตุอันใด นางเฮงสีว่าท่านเป็นง่อยอยู่ดังนี้ทำไมจึงไม่ไปหาซินแสมารักษาเสียให้หาย หลวงจีนว่าโรคข้าพเจ้านี้ถึงจะรักษาก็เห็นจะไม่หายด้วยต้องลมร้าย ลมร้ายนั้นกล้าพัดมาแต่ทิศตะวันออก พูดดังนั้นแล้วก็หัวเราะ นางเฮงสีได้ฟังถ้อยคำหลวงจีนก็โกรธจึงพูดกับชีนไคว่ว่าหลวงจีนคนนี้เป็นบ้าพูดจาเหลวไหลเลอะเทอะ ให้เขาเอาตัวไปเสียเถิด หลวงจีนว่าแต่คนทั้งสามท่านยังเอาไปทำอันตรายเสียได้ ข้าพเจ้านี้จะยากลำบากอะไร ชีนไคว่ได้ฟังถ้อยคำหลวงจีนพูดคล่องรู้ความลับก็คิดสงสัยว่าหลวงจีนนี้จะเป็นผู้วิเศษดอกกระมัง จำจะให้ทำโคลงดูอีกสักบทหนึ่ง จึงพูดกับหลวงจีนว่าท่านเป็นคนวิเศษมีสติปัญญาจงทำโคลงให้เราฟังสักบทหนึ่ง หลวงจีนก็รับว่าทำได้ ชีนไคว่จึงให้เอาศิลาฝนหมึกกับกระดาษมาให้ หลวงจีนว่ากระดาษของข้าพเจ้ามีอยู่แล้ว ก็หยิบเอากระดาษออกมาจากมือเสื้อ ชีนไคว่เห็นกระดาษชอกช้ำยับเยิน จึงว่ากระดาษของท่านยับเยินดังนี้จะเขียนคำโคลงได้หรือ หลวงจีนว่ากระดาษนี้ช้ำยับเพราะเจ้าของห่อยาอี๋ไว้ ชีนไคว่กับนางเฮงสีได้ฟังก็สะดุ้งตกใจด้วยหลวงจีนพูดเสียดแทงถึงความจริงทุกข้อ หลวงจีนทำคำโคลงเป็นใจความว่า ชีนไคว่เป็นมหาอุปราชสำหรับทำนุบำรุงแผ่นดิน แต่คนทั้งหลายพากันเห็นว่าชีนไคว่เป็นเสี้ยนหนามศัตรูแผ่นดิน คิดล้างผลาญผู้มีสติปัญญาและกตัญญูต่อแผ่นดินเสีย ปรารถนาจะให้แผ่นดินซ้องสาบสูญไปเป็นเชลยแก่พวกฮวนฝ่ายทิศตะวันออก ถ้าชีนไคว่พบซีฉวนเข้าเวลาไรก็จะถึงซึ่งชีวิต ครั้นทำแล้วก็ส่งให้ชีนไคว่ดู ชีนไคว่คิดโกรธหลวงจีนยิ่งนัก แต่อุตส่าห์สะกดใจไว้สั่งทหารทั้งปวงว่าถ้าผู้ใดพบปะซีฉวนเข้าแล้วก็จงจับฆ่าเสียให้ได้ ชีนไคว่ถามหลวงจีนว่าท่านนี้ชื่อไร หลวงจีนบอกว่าชื่อเอียเซียวอีด ถ้าผู้ใดประพฤติการผิด ๆ แล้วข้าพเจ้าเป็นผู้สำหรับจะทำโทษ ชีนไคว่ได้ฟังก็ยิ่งมีความโกรธมากขึ้น ว่าอ้ายหลวงจีนบ้าคนนี้มันพูดดูถูกเรานักทหารจงจับเอาตัวไปฆ่าเสีย นางเฮงสีได้ฟังจึงเข้าห้ามไว้ว่าท่านจะฆ่าคนบ้าดังนี้ไม่ควร คนทั้งปวงเขาจะนินทาได้ ชีนไคว่ก็อดโทษเสีย พานางเฮงสีออกจากวัดกลับมาบ้าน
ฝ่ายซีฉวนซึ่งอยู่กับงูเกาที่ตำบลเขาไทฮังซัวนั้นให้มีใจคิดแค้นโกรธชีนไคว่นัก อยากจะเข้าไปเมืองนิ่มอันฆ่าชีนไคว่แก้แค้นแทนบูเชียงก๋งเสียให้ได้ คิดแล้วก็ไปลางูเกาว่าจะเข้าไปฟังข้อราชการในเมืองนิ่มอัน งูเกาก็ยอมให้ไป ซีฉวนขึ้นม้าไปแต่ผู้เดียว ครั้นไปถึงที่ฝังศพบูเชียงก๋งก็เข้าไปไหว้ศพ ได้ยินคนเหล่านั้นพูดกันว่าชีนไคว่ออกไปทำบุญอยู่วัดเลงอึมยี่ ซีฉวนได้รู้ดังนั้นก็ยินดีคิดว่าถ้าชีนไคว่กลับก็คงจะมาทางสะพานบวนอันเกียนี้ จำเราจะไปคอยอยู่ พอชีนไคว่เดินมาถึงสะพาน ซีฉวนเห็นก็เดินตรงเข้าไปจะยกกระบี่ขึ้นฟันพอเผอิญให้มืออ่อนยกไม่ขึ้น ด้วยปิศาจบูเชียงก๋งเห็นว่าซีฉวนเป็นทหารของตัว ครั้นจะนิ่งให้ฟันชีนไคว่ตายก็กลัวจะเสียชื่อด้วยได้ตั้งอยู่ในความดีแต่เดิมมาแล้วจึงบันดาลให้เป็นไป ชีนไคว่เห็นดังนั้นก็โกรธ ให้ทหารจับเอาตัวมาถามว่ามึงเป็นทหารผู้ใดใครใช้ให้มาทำร้ายกูหรือจงบอกไปแต่ตามจริง ซีฉวนว่าตัวกูชื่อซีฉวนเป็นทหารบูเชียงก๋ง มึงเป็นศัตรูราชสมบัติแผ่นดินซ้องจึงจะกำจัดมึงเสียแก้แค้นแทนนายกู ชีนไคว่ได้ฟังก็โกรธจึงว่า อ้ายซีฉวนคนนี้ที่หลวงจีนบอกไว้ก็สั่งให้ทหารเอาตัวไปฆ่าเสียแล้วก็ไปบ้าน นางเฮงสีจึงพูดกับชีนไคว่ว่าหลวงจีนเสียจริตที่วัดนั้นเห็นจะเป็นพวกซีฉวนมั่นคง จึงได้ล่วงรู้ว่าซีฉวนจะคอยทำร้ายท่าน ขอท่านให้ไปจับเอาตัวหลวงจีนมาฆ่าเสียด้วยจึงจะสิ้นเสี้ยนหนาม ชีนไคว่เห็นด้วยจึงสั่งให้ฮอลิบไปจับตัวหลวงจีนมา ฮอลิบก็คุมทหารเก้าคนสิบคนไปถึงวัดเลงอึมยี่ เห็นหลวงจีนเดินเล่นอยู่ก็ตรงเข้าไปจับตัว หลวงจีนจึงพูดกับฮอลิบว่าเรารู้แล้วว่าชีนไคว่จะให้มาจับ เราก็คิดจะไปคำนับชีนไคว่อยู่พอดี ท่านมาก็ดีแล้วเราจะไปด้วยท่านคอยเราอยู่สักประเดี๋ยวหนึ่ง จะผลัดเสื้อกางเกงเสียก่อนว่าแล้วก็เข้าไปในตึก ฮอลิบนั่งคอยอยู่เห็นช้านานก็เดินตามเข้าไปดูไม่พบหลวงจีน เห็นแต่อักษรเขียนไว้ที่ผนังว่า ตัวเรานี้เป็นทหารของเซียงเต้สำหรับกระทำโทษมนุษย์ บัดนี้เราจะไปเขาตังหนำเต้ยอิดซัวที่อยู่ของเรา ให้ฮอลิบไปบอกชีนไคว่เถิดว่าจะพบเราอีกก็จงตามไปที่เขานั้น ฮอลิบอ่านหนังสือแจ้งความแล้วก็กลับมาบอกชีนไคว่ทุกประการ ชีนไคว่ได้ฟังก็โกรธจึงว่าให้ให้ไปจับหลวงจีน ตัวเห็นแก่หน้ากันพบแล้วแกล้งปล่อยให้ไปเสีย กลับมาพูดจาลวงเราหาเชื่อไม่ สั่งให้ทหารไปเอาตัวมารดาฮอลิบมาจำเสียแล้วว่ากับฮอลิบว่า ตัวจงไปเที่ยวสืบเอาตัวหลวงจีนมาให้ได้เราจึงจะถอดมารดาออกให้ ฮอลิบกลัวไม่อาจจะทุ่มเถียงก็คำนับลาไป
ฝ่ายงักเข่งพาพวกเพื่อนทั้งปวงไปถึงเมืองฮุนหนำ ก็เข้าไปคำนับมารดาและพี่ชาย
ฝ่ายนางชาฮูหยินเห็นงักเข่งมาถึงพร้อมกันแล้วก็มีความยินดี จึงว่าท่านทั้งหลายนี้ล้วนแต่เป็นผู้สัตย์ซื่อต่อแผ่นดินฝีมือก็แกล้วกล้าสามารถทุกคน ควรจะคิดทำการแก้แค้นแทนบูเชียงก๋งจึงจะชอบ และชาฮกบุตรเราคนนี้จะให้เป็นพี่น้องกันจะได้ช่วยทำราชการต่อไป บรรดาบุตรบูเชียงก๋งและทหารซึ่งมีฝีมือทั้งปวงก็รับคำมีความยินดี นางชาฮูหยินจึงให้เอาเครื่องบูชามาแล้วก็ตั้งสัตย์สาบานกันว่า ข้าพเจ้าทั้งปวงซึ่งมาประชุมพร้อมกันนี้ จะขอเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน จะตั้งใจอาสาปราบปรามศัตรูแผ่นดิน มิได้คิดประทุษร้ายต่อกัน ถ้ามีข้าศึกศัตรูมาถึงผู้ใดเสียที ข้าพเจ้าทั้งปวงจะแก้กันจนกว่าจะหาชีวิตไม่ ไปภายหน้าถ้าข้าพเจ้าทั้งปวงทิ้งความสัตย์เสียเอาใจออกห่างคิดคดทรยศต่อกัน ขอให้ตัวข้าพเจ้าขาดออกเป็นสองท่อนนั้นเถิด ครั้นตั้งสัตย์สาบานพร้อมกันแล้วจึงปรึกษากันว่าชาฮกมีอายุมากกว่าคนทั้งนั้นให้เป็นพี่ใหญ่ งักหลุย เป็นน้องที่หนึ่ง งักเข่ง เป็นน้องที่สอง งักหลิม เป็นน้องที่สาม งักจิ้น เป็นน้องที่สี่ และทหารซึ่งมีฝีมือทั้งปวงนั้นก็เป็นที่พี่น้องกันตามซึ่งมีอายุมากและน้อยเป็นลำดับกัน ตั้งแต่นั้นมาก็ฝึกหัดซักซ้อมเพลงอาวุธอยู่เสมอทุกเวลา ครั้นถึงเดือนแปดขึ้นสิบห้าค่ำชาฮกให้ทำโต๊ะเลี้ยงกัน เมื่อขณะกินโต๊ะนั้น ชาฮกจึงพูดขึ้นว่าพวกเราได้ฝึกหัดซักซ้อมเพลงอาวุธมาก็ช้านานแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าท่านผู้ใดจะแม่นเกาทัณฑ์เป็นเอกได้ เราจะพากันไปเที่ยวยิงนกและสัตว์ต่าง ๆ ที่ในป่าให้เห็นฝีมือ ถ้ายิงถูกเสือเป็นฝีมือดีที่หนึ่ง ถ้ายิงถูกเนื้อเป็นฝีมือที่สอง ถ้ายิงถูกสัตว์เล็กน้อยเป็นฝีมือดีที่สาม ทหารทั้งปวงก็เห็นชอบด้วยต่างคนจัดอาวุธเครื่องมือและม้าขี่พร้อมกันแล้วก็ไปถึงป่า ต่างคนก็แยกไปเที่ยวหาสัตว์ ในขณะนั้นเสือวิ่งผ่านหน้างักหลิมมาตัวหนึ่ง งักหลิมก็ขึ้นเกาทัณฑ์ยิงไปถูกเสือแล้วขับม้าไล่ตามไป ครั้นทันก็เอาทวนแทงถูกเสือนั้นตาย ในขณะนั้นทหารลิซุดโพ๊วซึ่งตั้งกองอยู่ในป่าวิ่งออกมาห้ามงักหลิมว่าท่านอย่าเอาเสือของข้าไป งักหลิมได้ฟังก็โกรธจึงว่าเสืออยู่ในป่าเรายิงตายเหตุใดจึงจะว่าเสือของเจ้า เสือนี้มิใช่ของเจ้าดอกทวนที่เราถือนี่แหละเป็นของเจ้า ทหารผู้นั้นได้ฟังก็โกรธขับม้าเข้ารบกับงักหลิมประมาณสิบเพลง งักหลิมแทงด้วยทวนตกม้าตาย งักหลิมก็มัดเอาเสือขึ้นหลังม้ามา