๖๑
ฝ่ายพระเจ้าซ้องเกาจง คิดอยากจะไปเที่ยวเล่นจึงให้หาชีนไคว่เข้ามาเฝ้า แล้วตรัสว่าเราไม่สบายใจอยากจะใคร่ไปเที่ยวเล่นนอกวังแต่สองคนกับท่านจะได้หรือไม่ ชีนไคว่ทูลว่าถ้าพระองค์จะเสด็จไปเที่ยวเล่นให้สบายพระทัย ก็ต้องแปลงแต่งพระองค์ให้เหมือนกับราษฎรชาวบ้านอย่าให้คนทั้งหลายล่วงรู้จึงจะเสด็จไปได้ พระเจ้าซ้องเกาจงก็เห็นชอบเปลื้องเครื่องทรงสำหรับกษัตริย์ออก แล้วแต่งใส่เสื้อกางเกงเป็นราษฎร ชีนไคว่ก็แปลงตัวเป็นราษฎรตามเสด็จออกจากพระราชวังเที่ยวเล่นตามสบาย ครั้นเดินไปถึงวัดเลงงิมอำเห็นผู้คนยืนอยู่เป็นหมู่ พระเจ้าซ้องเกาจงกับชีนไคว่ก็เดินแวะเข้าไปดู เห็นกระดานป้ายเขียนยี่ห้อแขวนไว้ว่า เจียคัวะเทียรซินแสหมอดูอาจล่วงรู้การทั้งปวง ถ้าผู้ใดจะดูผู้นั้นต้องเขียนหนังสือให้ตัวหนึ่งเป็นที่เสี่ยงทาย แล้วก็ถามข้อความ ซินแสอาจทายได้ทุกอย่าง พระเจ้าซ้องเกาจงมีพระทัยยินดีอยากจะให้ซินแสดูกับเขาบ้างก็ยืนคอยอยู่ที่นั้น พอเห็นคนเบาบางลง พระเจ้าซ้องเกาจงก็ตรงเข้าไปนั่งที่ม้า พูดว่าท่านซินแสช่วยดูให้เราสักที ซินแสเจียเจียะว่า
ท่านจะให้ดูจงเขียนหนังสือเสี่ยงทายมาให้อักษรหนึ่ง พระเจ้าซ้องเกาจงก็เขียนหนังสือตัวซุนส่งให้ซินแสดู ซินแสเห็นหนังสือตัวซุนก็พูดว่าดีนัก ตัวซุนนี้เป็นอักษรใหญ่ในปีเดือนและเทศกาลทั้งสิ้นเรียกว่า ซุนแฮชิวตัง ตัวท่านนี่เป็นใหญ่กว่าคนทั้งหลาย แล้วจะถามข้อความสิ่งใดอีกเล่า พระเจ้าซ้องเกาจงจึงถามว่า ตัวเราเกิดมาในชาตินี้จะดีร้ายประการใด ซินแสว่าดีนัก ๆ วาสนาและทรัพย์สินเงินทองนั้นไม่ต้องพูดรู้อยู่เต็มใจแล้ว แต่คนแซ่ชีนนั้นท่านอย่าคบเลย เป็นสำคัญนัก หนังสือตัวซุนนี้มีตัวชีนซ้อนอยู่บนศีรษะ ตัวท่านเปรียบเหมือนพระอาทิตย์มีสิ่งของมาปกปิดเสียไม่ให้แสงส่องสว่างไปได้จะทำให้ท่านยับเยินไปในอำนาจแซ่ชีน ท่านจงจำไว้อย่าลืมคำของข้าพเจ้าเลย พระเจ้าซ้องเกาจงก็เอาเงินค่าหมอดูให้ซินแส แล้วก็ลุกออกมาบอกให้ชีนไคว่เข้าไปดูบ้าง ชีนไคว่ได้ฟังซินแสดูทายพระเจ้าซ้องเกาจงดังนั้นก็มีความแค้นขัดใจนัก แต่ขัดรับสั่งไม่ได้ ก็เข้าไปให้ซินแสดู เขียนหนังสือเสี่ยงทายลงตัวหนึ่งเรียกว่าอักษรฮิว ซินแสหมอดูเห็นตัวอักษรแล้วถามว่าจะให้ดูด้วยเหตุสิ่งใด ชีนไคว่ว่าอยากจะใคร่รู้ในชาตินี้จะดีหรือร้าย เจียเจียะซินแสว่าอักษรฮิวตัวนี้ทายว่ามีภูเขาใหญ่เป็นที่พึ่ง การงานทุกสิ่งก็สำเร็จเด็ดขาด จะทำอย่างไรก็สมความปรารถนา ครั้นต่อลงมาอักษรในตัวฮิวนี้มีอยู่สองตัวเรียกว่าชีน ทายว่าเหมือนงูพิษติดตัวอยู่คู่หนึ่งจะคอยทำร้ายล้างผลาญไปจนตาย แต่กระดูกก็ไม่มีเหลืออยู่ในแผ่นดินป่นปี้ไปทั้งสิ้น ซึ่งตัวท่านในขณะนี้ดีนัก ต่อไปจะไม่ดี การอันใดท่านจงคิดกลับประพฤติเสียใหม่เถิด ชีนไคว่ได้ฟังก็เอาเงินให้หมอดูแล้วออกมาพาพระเจ้าซ้องเกาจงกลับไป คนเหล่านั้นที่ยืนดูเจียเจียะหมอดูทายก็จำได้ว่าพระเจ้าซ้องเกาจงกับชีนไคว่ ครั้นเสด็จกลับไปแล้วจึงพูดกับเจียเจียะซินแสว่า ซึ่งท่านชี้แจงข้อความทายคนทั้งสองนั้นคงจะเกิดความใหญ่ ท่านที่ทายครั้งก่อนนั้นคือพระเจ้าแผ่นดิน ที่ทายครั้งหลังนั้นคือชีนไคว่ไจเสี่ยง ชีนไคว่คงจะผูกใจโกรธคิดทำร้ายท่าน จงหลบหนีไปเสียโดยเร็วเถิด เจียเจียะหมอดูได้ฟังก็ตกใจเก็บรวบรวมสิ่งของออกจากวัดหนีไป
ฝ่ายพระเจ้าซ้องเกาจงกับชีนไคว่เที่ยวเล่นตามสบายแล้วก็กลับเข้าพระราชวัง ชีนไคว่กลับมาบ้านคิดโกรธเจียเจียะหมอดูยิ่งนัก สั่งให้ทหารคนใช้ของตัวไปเที่ยวตามจับเอาตัวมาให้ได้ ทหารไปถึงวัดเลงงิมอำก็ไม่พบ เที่ยวติดตามสืบหาอยู่หลายวันไม่ได้ความว่าไปแห่งใด ก็พากันกลับมาแจ้งความแก่ชีนไคว่ ครั้นอยู่มาถึงวันเดือนยี่แรมสืบสี่ค่ำเป็นวันตรุษจีน ชีนไคว่กับนางเฮงสีภรรยานั่งกินโต๊ะเสพสุราอยู่ด้วยกันที่หอใน เวลากลางคืนคนใช้เอาหนังสือไปส่งให้ชีนไคว่ฉบับหนึ่ง ชีนไคว่รับมาเปิดผนึกออกอ่านดูก็รู้ว่าหนังสือของฉีเหลงคนใช้สนิทของตัวฝากมา ใจความว่าคนเป็นอันมากมาคบคิดกันทำหนังสือ ให้เล่าหยุนเที่ยวแจกราษฎรชาวบ้านทั้งหลายให้รู้ทั่วกันว่าซึ่งความเรื่องบูเชียงก๋งกับบุตรสองคนนั้นไม่จริง ตุลาการกดขี่เฆี่ยนตีกระทำด้วยอาญาต่าง ๆ ถึงสาหัสไม่เป็นยุติธรรม ราษฎรทั้งปวงพร้อมกันจะเข้ามาร้องทุกข์ต่อพระเจ้าซ้องเกาจงในพระราชวัง ชีนไคว่แจ้งความก็คิดวิตกนัก นางเฮงสีถามว่าท่านดูหนังสือแล้วทำหน้าเศร้าไม่สบายด้วยเหตุอันใด ชีนไคว่ก็เล่าความในหนังสือให้นางเฮงสีฟังแล้วว่า ถ้าบูเชียงก๋งออกได้ การที่เราสัญญาคิดไว้กับกิมงึดตุดนั้นจะมิเป็นเท็จไปหรือ ในเวลานั้นเป็นฤดูหนาว ชีนไคว่นั่งกินโต๊ะอยู่กับนางเฮงสีต้องผิงไฟถ่าน นางเฮงสีเอาตะเกียบคีบถ่านไฟมาเขียนหนังสือเจ็ดตัวลงที่โต๊ะใจความว่า จับเสือมัดไว้นั้นง่าย เมื่อจะแก้เสือปล่อยไปนั้นยาก ชีนไคว่เห็นหนังสือก็พูดชมภรรยาว่าเจ้านี้มีสติปัญญาว่องไวเฉลียวฉลาดนัก จงลบเสียเถิดเรารู้แล้ว พอคนใช้เอาส้มของเมกคิหูเข้ามาให้ ชีนไคว่ก็รับเอามาว่าส้มนี้ดีกินดับพิษสุราได้ ก็หยิบเอาส้มนั้นจะปอกกิน นางเฮงสีว่าท่านอย่าเพิ่งปอกส้มกินก่อน ส้มใบนี้คือเพชฌฆาตจะฆ่าบูเชียงก๋ง ชีนไคว่ว่าส้มฆ่าคนได้หรือ นางเฮงสีว่าจงเอาส้มมาควักเนื้อออกเสีย เขียนหนังสือใส่ในส้มให้คนใช้เอาไปให้ เมกคิหู หลออูจิบ คิดฆ่าบูเชียงก๋งเสียที่ฮองโปเตงให้สำเร็จในเวลาค่ำวันนี้ ชีนไคว่ได้ฟังก็เขียนหนังสือใส่ในส้ม แล้วก็มอบให้ฉีเหลงคนใช้สนิทเอากลับไปให้เมกคิหู เมกคิหูรับส้มมาก็จำได้ว่าของตัวเอาไปให้ชีนไคว่ นึกสงสัยก็ผ่าส้มออกดูเห็นหนังสือ คลี่อ่านมีความว่าให้คิดฆ่าบูเชียงก๋งกับบุตรสองคนเสียในเวลาค่ำวันนี้ให้จงได้ ละไว้จะเสียที เมกคิหูแจ้งความแล้วก็จัดการที่จะฆ่าบูเชียงก๋งกับบุตรสองคน
ฝ่ายเงยอ๋วนนายผู้คุมใหญ่ วันนั้นเป็นวันตรุษจีน เงยอ๋วนจัดโต๊ะไปให้งักฮุนเตียเหียนกินโต๊ะที่คุกหนึ่ง จัดโต๊ะและสุราให้บูเชียงก๋งกับตัวเงยอ๋วนกินที่คุกหนึ่งด้วยกัน เมื่อกินโต๊ะอยู่นั้น บูเชียงก๋งพูดกับเงยอ๋วนว่าวันนี้เป็นวันสิ้นปีแล้ว พรุ่งนี้จะขึ้นปีใหม่ อายุเราจะล่วงไปถึงปีใหม่ได้ดอกกระมัง พอได้ยินเสียงทหารอื้ออึงข้างนอก เงยอ๋วนก็ลุกออกไปดูเห็นฝนตก จึงกลับเข้ามาบอกกับบูเชียงก๋งว่าฝนตกเวลาค่ำวันนี้ โบราณว่าปีหน้าผลไม้ข้าวปลาอาหารจะบริบูรณ์ บูเชียงก๋งได้ฟังก็ทอดใจใหญ่พูดว่า ท่านไม่รู้ความของข้าพเจ้าจะเล่าให้ฟัง เมื่อข้าพเจ้าจะเข้ามาเมืองหลวง เตายวดผู้วิเศษที่เขากิมซัวได้ทักทายว่าข้าพเจ้าเคราะห์ร้ายนักชวนให้บวชอยู่ด้วยกัน ข้าพเจ้าไม่ยอมจึงได้เข้ามาต้องอาญาอยู่ดังนี้ เตายวดทำคำโคลงมาให้ไว้สำหรับตัวแปดคำ ฝนตกลงในค่ำวันนี้ก็สมกับคำโคลง เห็นชีวิตข้าพเจ้าจะสิ้นเสียในเวลาค่ำวันนี้แล้ว เงยอ๋วนถามว่าคำโคลงว่าอย่างไร บูเชียงก๋งบอกว่าข้างต้นสี่คำนั้นว่าเดือนจะสิ้นปีเป็นเดือนขาด วันสิ้นเดือนกลางคืนเทพยดาจะร้องไห้ ในตัวหนังสือประจบรวมความว่าชีนไคว่จะคิดอุบายฆ่าในวันนี้ โคลงท่อนปลายอีกสี่คำนั้นข้าพเจ้าดูไม่ออก ซึ่งฝนตกนี้ก็สมด้วยคำโคลงข้าพเจ้าจึงรู้แน่ว่าจะตาย ท่านขอกระดาษมาให้สักแผ่นหนึ่ง ข้าพเจ้าจะเขียนหนังสือไปให้ทหารที่ค่ายจูเซียนติ้น เงยอ๋วนก็เอากระดาษกับพู่กันมาส่งให้ บูเชียงก๋งเขียนหนังสือแล้วมอบให้เงยอ๋วน สั่งกำชับว่า ถ้าข้าพเจ้าตายแล้ว ท่านจงเอาหนังสือนี้ไปให้งูเกา ซีฉวนที่ค่ายจูเซียนติ้น อย่าให้ทหารทั้งปวงคิดแก้แค้น พระเจ้าซ้องเกาจงจะไม่สบายพระทัย ชื่อเสียงของข้าพเจ้าจะเสียไป ท่านจงช่วยสงเคราะห์ด้วยเถิด เงยอ๋วนรับเอาหนังสือมาแล้วจึงพูดว่า ถ้าแม้นท่านพ้นโทษออกไปได้ก็แล้วไป ถ้าท่านตายในโทษ ข้าพเจ้าก็ไม่ทำราชการ จะอพยพพาบุตรภรรยาหนีกลับไปอยู่บ้านเดิม เอาหนังสือของท่านไปให้งูเกาซีฉวนจงได้ ท่านอย่าวิตกเลย พูดแล้วก็นั่งกินโต๊ะเสพสุราอยู่ด้วยกัน
ฝ่ายเมกคิหู หลออูจิบ ครั้นจัดการเตรียมไว้พร้อมแล้ว ก็ให้คนใช้ไปบอกเงยอ๋วนว่ามีรับสั่งให้เอาตัวบูเชียงก๋งไปฆ่าเสียในคำวันนี้ คนใช้มาถึงคุกก็เรียกเงยอ๋วนออกมาบอกข้างนอก เงยอ๋วนได้ฟังก็ตกใจ ไม่รู้ที่จะคิดประการใด เดินกลับเข้าไปในคุกหน้าตาเศร้าโศก บูเชียงก๋งเห็นเงยอ๋วนหน้าไม่สบายจึงถามว่าผู้ใดมาเรียกท่านออกไป เหตุผลอย่างไรหน้าตาจึงเศร้าโศก เงยอ๋วนบอกว่ามีรับสั่งมา แล้วไม่อาจบอกต่อไปได้ บูเชียงก๋งว่ามีรับสั่งมาให้ฆ่าข้าพเจ้าเวลานี้หรือ เงยอ๋วนก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปเป็นอันมากว่า ข้าพเจ้าทำท่านไม่ได้แล้ว บูเชียงก๋งว่ามีรับสั่งมาก็ต้องทำ จะมาคิดอาลัยสงสารกันอยู่ทำไม ข้าพเจ้าตายแล้วกลัวแต่งักฮุนกับเตียเหียนจะคิดร้ายวุ่นวายไป ท่านจงไปเอาตัวงักฮุน เตียเหียนมาเถิด ข้าพเจ้าจะจัดแจงเอง เงยอ๋วนก็ไปเอาตัวงักฮุน เตียเหียนมา บูเชียงก๋งพูดกับงักฮุน เตียเหียนว่า บัดนี้มีรับสั่งมาเจ้าทั้งสองจงมัดมือเสียออกไปคอยรับสั่ง งักฮุนว่าจะออกไปฟังรับสั่งจะต้องมัดมือทำไม บูเชียงก๋งว่าเป็นคนโทษมัดมือเสียจึงจะได้ บูเชียงก๋งก็เอาเชือกเข้ามัดมืองักฮุน เตียเหียนไว้แน่นแล้ว ก็ให้ผู้คุมมัดมือของตัวเข้าให้แน่นด้วย ถามผู้คุมว่ามีรับสั่งมาอยู่ที่ไหน ผู้คุมบอกว่าผู้ถือรับสั่งมาอยู่ที่ฮองโปเตง บูเชียงก๋งได้ฟังก็พูดว่าเตายวดผู้วิเศษให้คำโคลงไว้ว่าฮองโป เราคิดสำคัญว่าฮองโปคือแม่น้ำและคลื่นลม มาเป็นฮองโปเตงในพระราชวัง คือชีวิตเราทั้งสามจะตายในเวลานี้แน่แล้ว งักฮุน เตียเหียนได้ฟังจึงว่าเราทำราชการอาสาแผ่นดินมีความชอบเป็นอันมากจะมายอมตายโดยดีดังนี้ทำไม ช่วยกันตีหักออกไปนอกเมืองคิดอ่านการรักษาชีวิตไว้จะมิดีหรือ บูเชียงก๋งได้ฟังก็ร้องตวาดว่าเจ้าพูดดังนี้ธรรมดาบุคคลถึงที่ตายแล้ว ถึงจะหนีเร้นร้องขอช่วยแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายก็ไม่พ้น ก็ธรรมดาคนซึ่งต้องตายด้วยความโกรธ และความแค้นเคืองโทมมัสมีเป็นธรรมดามากกว่านัก คนซึ่งจะตายด้วยความสุจริตระงับโทโสและทิฐิมานะโทมนัสน้อยใจ ให้จิตปราศจากความเศร้าหมองทั้งปวงนั้นมีน้อยตัวนัก ตัวเรานี้มีฝีมือแกล้วกล้าไม่แพ้แก่คนทั้งหลายเลย ก็การจะมาแพ้แก่ความเวทนาและการชีวิตร่างกายนั้นไม่ยอมแพ้ คงจะสู้ตายด้วยความสุจริตอันปราศจากความเศร้าหมองทั้งปวงให้ขาวผ่องบริสุทธิ์ในเวลาค่ำวันนี้ งักฮุน เตียเหียนได้ฟังคำบิดาว่าก็ก้มหน้านิ่งอยู่มิได้ตอบประการใด ผู้คุมก็พาบูเชียงก๋งกับบุตรทั้งสองเข้าไปในพระราชวังถึงที่ฮองโปเตง เมกคิหู หลออูจิบ ก็ให้ทหารเอาเชือกมาผูกคอบูเชียงก๋งกับบุตรทั้งสองคนเข้าแล้วก็ขันชักให้เชือกตึงรัดคอบูเชียงก๋งกับบุตรทั้งสองคนตายในทันใดนั้น อากาศก็บังเกิดลมพายุพัดเสียงครั่นครื้นเยือกเย็น หลออูจิบ เมกคิหูเห็นบูเชียงก๋งตายสนิทแล้วก็พากันกลับไปบ้าน ให้แต่เงยอ๋วนผู้คุมใหญ่รักษาศพอยู่ เงยอ๋วนเห็นพวกชีนไคว่กลับไปสิ้นแล้ว ก็เอาผ้าห่อศพบูเชียงก๋งกับบุตรทั้งสองหามขึ้นไปบนกำแพง เอาเชือกผูกหย่อนลงไปทั้งสามศพแล้ว เงยอ๋วนกับพวกของตัวก็โหนเชือกออกมาจากกำแพงวัง หามเอาศพทั้งสามไปบ้านเฮงเหลงลีติด บอกความกับเฮงเหลงลีติดทุกประการ เฮงเหลงลีติดก็ร้องไห้เศร้าโศก ไปซื้อโลงเขามาแต่ในเวลากลางคืน ใส่ศพทั้งสามไปฝังไว้ที่เนินเปลือกหอยข้างทิศเหนือด้วยกันทั้งสามศพ แล้วเฮงเหลงลีติด เงยอ๋วนก็กลับไปบ้านรวบรวมเก็บทรัพย์สิ่งของอพยพบุตรภรรยาครอบครัวออกจากเมืองหนีไปแต่ในเวลากลางคืนวันนั้น
ฝ่าย เมกคิหู หลออูจิบ ครั้นเวลาเช้าก็ไปแจ้งความกับชีนไคว่ตามซึ่งได้ฆ่าบูเชียงก๋งกับบุตรทั้งสองตาย ชีนไคว่ได้ฟังก็มีความยินดี จึงถามว่าเมื่อบูเชียงก๋งจะตายนั้นพูดอย่างไรบ้าง เมกคิหู หลออูจิบบอกว่า บูเชียงก๋งพูดว่าสมคำเตายวดที่เขากิมซัวทายไว้ทุกประการ ขอท่านจงได้ให้ไปเอาตัวเตายวดมาฆ่าเสีย ที่บ้านบูเชียงก๋งนั้นยังมีบุตรชายอยู่อีกหลายคน เราฆ่าบูเชียงก๋งกับบุตรทั้งสองตายครั้งนี้เหมือนกับล้มต้นไม้ใหญ่ต้องขุดรากเสียจงสิ้นเชื้ออย่าให้งอกขึ้นอีกจะได้ความลำบาก ชีนไคว่ได้ฟังก็เห็นชอบจึงพูดว่าท่านทั้งสองนี้มีสติปัญญาควรจะเป็นขุนนางผู้ใหญ่เราจะกราบทูลให้ทรงตั้งมียศใหญ่ยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีก เมกคิหู หลออูจิบได้ฟังก็ดีใจคำนับลากลับไปบ้าน ชีนไคว่จึงทำหนังสือรับสั่งพระเจ้าซ้องเกาจง ให้ปังตง ปังเฮา ถือไปเอาตัวบุตรภรรยาครอบครัวบ่าวไพร่ของบูเชียงก๋งที่ตำบลทึงอิมกุ้ยมาให้สิ้น ปังตง ปังเฮาก็คำนับลาคุมทหารถือหนังสือรับสั่งไป ชีนไคว่สั่งให้ฮอลิบไปเอาตัวเตายวดที่เขากิมซัวมาอย่าให้หนีไปได้ ฮอลิบคำนับลากลับมาบ้านบอกความกับมารดา มารดาว่าชีนไคว่เขาเป็นนายใช้ก็ต้องไป แต่ใจของเจ้าตรึกตรองให้ดี มารับราชการอยู่ในขุนนางกังฉินดังนี้ ความตายความฉิบหายใกล้ชิดตัวนัก ครั้นเวลารุ่งเช้า ฮอลิบก็ลามารดาออกเดินจากเมืองนิ่มอันไปหลายวัน ถึงเขากิมซัวเห็นผู้คนมาไหว้พระในวัดนั้นเป็นอันมาก เตายวดขึ้นนั่งเทศนาคนเหล่านั้นนั่งฟังอยู่พร้อมกัน ฮอลิบก็เข้าไปนั่งฟังเทศน์อยู่ที่นั้น ครั้นเตายวดเทศน์จบแล้วก็อ่านคำโคลงใจความว่า ปีนี้อายุเราได้สามสิบเก้าปีแล้ว ถ้อยความสิ่งใดก็มีอยู่ทุกวัน เพราะด้วยพูดจาให้อื้ออึงไปคนทั้งหลายจึงได้รู้ ฮอลิบมาจับข้างทิศตะวันออกเราก็จะหนีไปข้างทิศตะวันตก ถ้าวิชาความรู้เราไม่ดีเขาก็คงจับไปได้ อ่านคำโคลงแล้วก็นิ่งหลับตาภาวนาตายไป ศิษย์ทั้งหลายเห็นก็พากันร้องไห้ ฮอลิบได้ฟังคำโคลงก็แจ้งว่าเตายวดล่วงรู้การทั้งหลาย ครั้นเห็นตายก็ตกใจจึงพูดว่า ชีนไคว่ให้เรามาเชิญท่าน ท่านก็ตายเสียดังนี้ หรือมีความรู้อุบายสิ่งใด ศิษย์เหล่านั้นจึงว่าท่านอาจารย์ของเรานี้ตายจริงไม่มีอุบายสิ่งใดดอก ฮอลิบว่าชีนไคว่ใช้ให้มาเชิญท่านอาจารย์ก็ตายเสีย ชีนไคว่คงไม่เชื่อท่านจงไปด้วยคนหนึ่งชีนไควจึงจะเชื่อ ถ้าไม่ไปก็จงเอาท่านอาจารย์ไปเผาเสียจึงจะได้ ศิษย์ทั้งหลายก็ช่วยกันเอาอาจารย์เตายวดใส่หีบเอาไปเผา พอจุดไฟเผาศพนั้นลั่นดังสนั่นเตายวดอาจารย์นั้นก็ขึ้นไปลอยอยู่บนอากาศ มีเมฆหมอกสลับสีรับรองเตายวดอยู่ ฮอลิบกับศิษย์ทั้งหลายก็แหงนดู เตายวดร้องบอกกับฮอลิบว่าเราจะไปแล้ว เจ้าจงกลับไปบ้าน การสิ่งใดที่ไม่ดีอย่าได้ทำเลย ร้องบอกแล้วก็ลอยหายไปข้างทิศตะวันตก ฮอลิบกับศิษย์เหล่านั้นก็กลับมา ฮอลิบบอกกับศิษย์เหล่านั้นว่า เมื่อเขาจะเอาบูเชียงก๋งไปฆ่า บูเชียงก๋งพูดว่า สมดังคำท่านอาจารย์จึงได้มาตายดังนี้ ชีนไคว่แจ้งความก็ให้เรามาเชิญท่านอาจารย์ไปจะคิดกำจัดเสีย ศิษย์ทั้งหลายได้แจ้งความว่า ชีนไคว่จะคิดร้ายท่านอาจารย์จึงพูดกับฮอลิบว่าท่านอาจารย์สั่งไม่ให้ท่านทำการที่ไม่ดี ท่านนี้มาบวชเสียเถิด ออลิบว่ามารดาเราแก่แล้วบวชไม่ได้ ถ้ามารดาเราหาชีวิตไม่แล้วเราจึงจะมาบวชเสีย พูดแล้วฮอลิบก็ลากลับมาเมืองนิ่มอัน แจ้งความให้ชีนไคว่ฟังทุกประการ
ฝ่ายนางลีสีฮูหยินภรรยาบูเชียงก๋งนั่งสนทนากับบุตรของตัวและบุตรภรรยาของเตียเปาว่า ตั้งแต่บูเชียงก๋งกับงักฮุน เตียเหียนเข้าไปเมืองนิ่มอันก็ไม่ได้ข่าวคราวเลย เมื่อคืนนี้เราก็ฝันเห็นว่าบูเชียงก๋งกลับมา มือถือนกอวนเอียตัวหนึ่ง จะดีร้ายประการใดก็ไม่รู้ นางงักปันเสียเจียะบุตรสาวบูเชียงก๋งจึงบอกมารดาว่า เมื่อคืนนี้ข้าพเจ้าฝันเห็นงักฮุน เตียเหียนพี่ทั้งสองกลับมา มือถือไม้กระดานเล็กมาคนละอัน นางลีสีฮูหยินได้ฟังก็ให้งักอันคนใช้ไปหาหญิงคนทรงมาเข้าเจ้า นางลีสีฮูหยินกับนางงักปันเสียเจียะบุตรสาวก็เล่าความฝันให้ฟังทุกประการ แล้วถามเจ้าว่าจะดีร้ายประการใด เจ้าว่าฝันเห็นว่าบูเชียงก๋งสามีท่านกลับมามือถือนกตัวหนึ่งทายว่านกตัวเดียวไม่มีคู่ผัวเมียจะจากกัน ซึ่งบุตรสาวฝันเห็นว่างักฮุน เตียเหียนกลับมา ถือกระดานเล็กคนละอันในหนังสือจีนเรียกว่าฮิว คนทั้งสองตายเสียแล้ว พอแก้ฝันดังนั้นเจ้าก็ออกจากทรง นางลีสีฮูหยินกับบุตรชายบุตรสาวได้ฟังก็ร้องไห้สงสัยอยู่ในใจ คิดจะใคร่ไปถามเจ้านายที่ศักดิ์สิทธิ์ดูให้รู้ชัดว่าจะเป็นประการใด งักหลุยจึงพูดว่ามารดาอย่าเพิ่งวิตก ข้าพเจ้าจะเข้าไปเมืองหลวงสืบข่าวดูให้รู้ความ นางลีสีฮูหยินว่าแต่เตียเปาเข้าไปสืบข่าวก็ยังไม่เห็นมา เจ้าจะไปอีกนั้นไม่ได้ จะต้องคอยฟังข่าวคราวดูต่อไปอีกก่อน นางลีสีฮูหยินกับบุตรทั้งหลายนั่งปรึกษากันอยู่