๑๙
กิมงึดตุดจึงพูดกับเตียปังเชียงว่าเตียอ๋องมาถึงก็ตายเสียแล้วท่านจะคิดประการใด เตียปังเชียงว่าพระราชบุตรพระเจ้าไทเซียงฮองยังมีอยู่อีกพระองค์หนึ่งชื่อเตียเกาเป็นที่คังอ๋อง ข้าพเจ้าจะเข้าไปขอเอามาแทนตัวเตียอ๋องให้ได้ กิมงึดตุดว่าท่านจงเร่งกลับเข้าไปพูดจาแก้ไขเอามาให้ได้ เตียปังเชียงก็คำนับลากลับมาเมืองเปียนเหลียงเข้าไปเฝ้าพระเจ้าซ้องคิมจงฮ่องเต้ กราบทูลว่าข้าพเจ้าพาเตียอ๋องไปถึงค่ายกิมงึดตุด เตียอ๋องเห็นทหารของกิมงึดตุดร่างแข็งแรงมากมายนักก็ตกใจกลัวประหม่าจนเหงื่อโซมตัว หน้ามืดเป็นลมพลัดตกจากหลังม้าแก้ไขก็ไม่ฟื้น เตียอ๋องขาดใจตายเสียแล้ว พระเจ้าซ้องคิมจงฮ่องเต้ทราบว่าพระราชอนุชาสิ้นพระชนม์ก็สงสารทรงพระกันแสง เตียปังเชียงก็พลอยทำเป็นร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย แล้วกราบทูลว่ากิมงึดตุดจะขอพระราชอนุชาไปแทนตัวเตียอ๋องถ้าไม่ได้ก็จะยกกองทัพเข้าตีเอาเมืองให้แตกในสามวัน พระเจ้าซ้องคิมจงฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็ตกพระทัย จึงรับสั่งให้หาคังอ๋องเข้ามาจึงตรัสว่า น้องเจ้าซึ่งส่งออกไปเป็นจำนำนั้น ไปถึงค่ายกิมงึดตุดก็เป็นลมตายเสียแล้ว บัดนี้กิมงึดตุดจะขอตัวเจ้าไปเป็นจำนำแทนตัวเตียอ๋อง ถ้าไม่ได้ก็จะยกกองทัพเข้าตีเอาเมืองเปียนเหลียงให้จงได้ คังอ๋องทูลว่าซึ่งกิมงึดตุดจะเอาตัวข้าพเจ้าไปเป็นจำนำนั้น ข้าพเจ้ามีความยินดีจะขออาสาไปฉลองพระเดชพระคุณ ถึงกิมงึดตุดจะใช้สอยเฆี่ยนตีฆ่าฟันประการใดก็ไม่เสียดายร่างกายและชีวิต จะเอาความกตัญญูต่อพระราชบิดาและพระองค์เป็นที่ตั้ง อย่าได้ทรงพระอาลัยถึงข้าพเจ้าเลย พระเจ้าซ้องคิมจงฮ่องเต้จึงตรัสกับขุนนางว่าผู้ใดจะอาสาไปกับคังอ๋องน้องเราบ้าง ลี้เยกจุ๊ยจึงกราบทูลว่าข้าพเจ้าจะขออาสาไปกับคังอ๋อง พระเจ้าซ้องคิมจงฮ่องเต้จึงตรัสว่าดีแล้ว เจ็บไข้ทุกข์โศกสิ่งใดจะได้เห็นหน้ากัน คังอ๋องกับลี้เยกจุ๊ยก็กราบถวายบังคมลาออกมาบ้านสั่งถ้อยความกับบุตรภรรยาแล้ว ก็จัดสิ่งของเสื้อผ้าพอสมควร พากันไปหาเตียปังเชียง เตียปังเชียงก็พาคังอ๋องกับลี้เยกจุ๊ยออกไปค่ายกิมงึดตุด ให้คังอ๋องกับลี้เยกจุ๊ยพักอยู่นอกค่าย เตียปังเชียงก็เข้าไปแจ้งความกับกิมงึดตุด กิมงึดตุดจึงพูดกับคับมิชีว่า ครั้งนี้ท่านต้องออกไปรับคังอ๋องเอง จะให้คนอื่นออกไปก็จะเกิดความเหมือนแต่ก่อนอีก คับมิชีก็คำนับลาออกไปรับเชิญคังอ๋องเข้ามาในค่าย คังอ๋องเข้ามาถึงก็คำนับกิมงึดตุดแล้วนั่งนิ่งอยู่ กิมงึดตุดพิจารณาดูลักษณะรูปร่างคังอ๋องงดงามก็มีใจรักใคร่คิดจะเลี้ยงทำนุบำรุงไว้ จึงพูดกับคังอ๋องว่าท่านมาอยู่กับเราก็ดีแล้ว เราจะรักใคร่ให้เหมือนน้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ท่านอย่าได้รังเกียจเลย เมื่อตีเมืองเปียนเหลียงได้เราจะให้ท่านเป็นกษัตริย์สืบเชื้อวงศ์ต่อไป คังอ๋องจึงว่าตัวข้าพเจ้าเป็นเชลยตกอยู่ในอำนาจท่าน ก็หมายจะเอาท่านเป็นที่พึ่งไปกว่าจะหาชีวิตไม่ กิมงึดตุดได้ฟังคังอ๋องพูดอ่อนน้อมก็มีความยินดี สั่งให้จัดที่อยู่ให้คังอ๋อง คังอ๋องก็คำนับลาไปที่อยู่ ลี้เยกจุ๊ยก็เดินตามคังอ๋องไป กิมงึดตุดจึงถามว่าคนผู้นั้นมาแต่ไหนทำไมจึงได้ตามคังอ๋องไป ลี้เยกจุ๊ยร้องบอกด้วยเสียงอันดังว่าเจ้านายของข้าพเจ้าไปอยู่ที่ไหนข้าพเจ้าก็จะไปอยู่ด้วย กิมงึดตุดจึงถามคับมิชีว่าคนผู้นี้ชื่อไรดูกิริยาพูดจาดีร้ายนักหนา คับมิชีบอกว่าชื่อลีเยกจุ๊ย เป็นขุนนางมากับคังอ๋อง ในเมืองเปียนเหลียงนั้นมีขุนนางสัตย์ซื่ออยู่ก็แต่ลี้เยกจุ๊ยผู้เดียว นอกกว่านั้นเป็นขุนนางกังฉินทั้งสิ้น กิมงึดตุดมีสันดานใจรักคนสัตย์ซื่อกตัญญูต่อเจ้านาย ได้ยินคับมิชีบอกดังนั้นก็ยินดีมีใจรัก จึงร้องตอบไปว่าเชิญท่านไปอยู่กับคังอ๋องให้สบายเถิด ครั้นคังอ๋องไปแล้ว กิมงึดตุดจึงพูดกับเตียปังเชียงว่า คังอ๋องตัวจำนำเราก็ได้มาไว้แล้วการต่อไปท่านจะคิดอย่างไรจึงจะได้เมืองเปียนเหลียง เตียปังเชียงว่า ซึ่งจะเอาเมืองเปียนเหลียงนั้นก็ไม่ยากนัก จะต้องคิดเอาตัวไทเซียงฮองกับพระเจ้าซ้องคิมจงฮ่องเต้มาเสียได้แล้ว เมืองเปียนเหลียงก็คงเป็นของท่านอยู่เอง กิมงึดตุดจึงว่าท่านจะคิดประการใด เตียปังเชียงว่าข้าพเจ้าจะเข้าไปพูดดูล่อลวงให้ออกมานอกเมือง ท่านจงให้ทหารไปซุ่มคอยจับตัวก็จะได้ไม่ยากนัก กิมงึดตุดได้ฟังก็เห็นชอบจึงจัดนายทหารที่สนิทไปกับเตียปังเชียง สั่งว่าถ้าเห็นไทเซียงฮองกับซ้องคิมจงฮ่องเต้ออกมานอกเมืองแล้วก็ให้จับเอาตัวมาให้เราจงได้ เตียปังเชียงก็คำนับลาพาทหารกิมงึดตุดมายังเมืองเปียนเหลียง เตียปังเชียงสั่งให้ทหารซุ่มอยู่ชายป่าริมกำแพงเมือง กำหนดนัดสัญญากันเสร็จแล้ว เตียปังเชียงก็เข้าไปเฝ้าไทเซียงฮองกับพระเจ้าซ้องคิมจงฮ่องเต้ กราบทูลว่าข้าพเจ้าพาคังอ๋องไปส่งให้กิมงึดตุด กิมงึดตุดก็ยินดีรับทำนุบำรุงไว้ แต่นายทัพนายกองพวกฮวนเหล่านั้นเข้ามาพูดกับกิมงึดตุดว่าตัวเป็นคนชาวต่างประเทศ ได้เข้ามาถึงเมืองเปียนเหลียงแล้วจะเลิกทัพกลับไป ไม่ได้เห็นพระเจ้าแผ่นดินทั้งสองไม่รู้ที่จะไปเล่าให้บุตรภรรยาญาติพี่น้องฟัง จะขอให้เห็นพระองค์ทั้งสองแล้วจึงจะยอมเลิกทัพกลับไป กิมงึดตุดสั่งให้ข้าพเจ้ามากราบทูลพระองค์ว่า นายทัพนายกองแก่งแย่งอยู่ดังนี้ ขอเชิญพระองค์เสด็จไปให้เขาเห็นสักหน่อยหนึ่งแล้วจะได้เลิกทัพกลับไป พระเจ้าไทเซียงฮองจึงตรัสกับพระเจ้าซ้องคิมจงฮ่องเต้ว่า ถ้อยคำซึ่งเตียปังเชียงมาพูดนี้จะเป็นการล่อลวงเสียจริง ครั้งนี้เราก็เข้าอยู่ในที่บังคับแคบ ครั้นเราจะขัดขืนไม่ออกไปกิมงึดตุดก็จะหยิบเอาเหตุยกเข้าตีเมือง ถ้าไพร่บ้านพลเมืองได้ความเดือดร้อนก็จะพาโลเอาเราว่าเพราะเราขัดขืน เขาจึงได้ความลำบากระส่ำระสายเป็นอันตรายไปทั่วกัน จำเราพ่อลูกจะรับบำบัดทุกข์ร้อนของคนทั้งหลายเถิด เมื่อจะเป็นอย่างไรก็สุดแต่การจะเป็นไป ตรัสดังนั้นแล้วก็เสด็จไปหอไทเปียวที่ไว้รูปพระมหากษัตริย์ คุกเข่าลงคำนับทรงพระกันแสงแล้วก็เสด็จกลับออกมา เตียปังเชียงก็นำเสด็จไทเซียงอ๋อง พระเจ้าซ้องคิมจงฮ่องเต้ กับขุนนางพนักงานสำหรับตามเสด็จจากเมืองเปียนเหลียง พอถึงชายป่าที่ซุ่มทหารไว้ ทหารกิมงึดตุดก็ตรูกันเข้าจับไทเซียงอ๋องกับพระเจ้าซ้องคิมจงฮ่องเต้และขุนนางที่เหลืออยู่นั้นก็กลับเข้าไปในเมืองเปียนเหลียง ตัวเตียปังเชียงก็กลับไปรักษาเมืองเปียนเหลียงอยู่ ทหารคุมตัวพระเจ้าไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจงไป และครั้งนั้นในเมืองเปียนเหลียง ขุนนางซึ่งมีสติปัญญาและใจสัตย์ซื่อสูญสิ้นหมดไม่มีใครที่จะโต้แย้งขัดขวางเตียปังเชียงได้ ประการหนึ่งไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจง ซึ่งเป็นเจ้าแผ่นดินก็โง่เขลา เตียปังเชียงจึงได้ทำเอาตามสติปัญญาด้วยความโกงของตัว ครั้นทหารพาตัวไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจงมาให้กิมงึดตุด กิมงึดตุดจึงจัดนายทหารที่มีฝีมือร้อยคนกับทหารเลวหมื่นหนึ่งให้คุมตัวไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจงไปไว้เมืองไตกิมก๊ก
ฝ่ายลี้เยกจุ๊ยซึ่งมากับคังอ๋อง แจ้งความว่าทหารกิมงึดตุดจับไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจงมาได้จะพาเอาไปส่งเมืองไตก๊มก๊ก ก็เข้าไปหากิมงึดตุดว่า จะขอตามไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจง ไปเมืองไตกิมก๊กด้วย กิมงึดตุดก็อนุญาตให้ไป แล้วกิมงึดตุดพูดกับคับมิชีว่า ซึ่งเราจะให้นายทหารไปส่งไทเซียงฮองกับพระเจ้าซ้องคิมจงนั้นต้องผ่านหัวเมืองไปหลายเมือง เกลือกว่าจะมีคนกตัญญูต่อเจ้านายเข้าแย่งชิงเอาก็จะเสียการ ท่านจงเป็นผู้ใหญ่กำกับไปด้วยจึงจะเป็นที่ไว้ใจ ประการหนึ่งจงระวังลี้เยกจุ๊ย ด้วยลี้เยกจุ๊ยเป็นคนใจดุร้าย อย่าให้กระทำการหยาบช้าต่าง ๆ ขึ้นได้ คับมิชีจึงว่าซึ่งจะให้ข้าพเจ้าไปนั้นก็จะไป แต่ตัวท่านจะอยู่จงระวังรักษาการให้มาก อย่าให้เป็นเหมือนเช่นครั้งแผ่นดินเลียดก๊กหงออ๋องยกไปตีเมืองฌ้อ ความอันนี้ท่านก็ย่อมแจ้งอยู่แล้ว เมืองเปียนเหลียงนั้นให้เตียปังเชียงอยู่รักษาท่านอย่าเข้าไปเลย ด้วยทหารเราก็ยกมานานได้ความอิดโรยบอบช้ำมาก จงกลับไปบ้านเมืองเสียก่อน เมื่อปีหน้าพักทแกล้วทหารบริบูรณ์แล้วจึงค่อยยกมาปราบปรามหัวเมืองทั้งปวงต่อไป กิมงึดตุดว่าท่านพูดนี้ชอบแล้ว คับมิชีก็คำนับลาคุมเอาพระเจ้าไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจงออกเต้นทางตรงไปเมืองไตกิมก๊ก
ฝ่ายพระเจ้าไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจง เมื่อทหารกิมงึดตุดจับมาคุมขังไว้ได้ความลำบากโศกเศร้าเป็นอันมาก ครั้นคับมิชีพาออกเดินทางจะไปเมืองไตกิมก๊ก ก็เหลียวไปดูเมืองและพระราชวังที่ตำหนักใหญ่น้อยมีความอาลัยยิ่งนัก ตรัสปรึกษากันพ่อลูกว่าพระราชอัยกาของเราซึ่งเป็นต้นวงศ์ได้สร้างสมบ้านเมืองตั้งนามเป็นแผ่นดินซ้องสืบมาถึงแปดชั่วกษัตริย์แล้ว ตัวเราพ่อลูกไม่มีสติปัญญาหลงชุบเลี้ยงขุนนางพวกกังฉินคนอกตัญญูไว้ ครั้นมีการศึกสงครามมามันก็กลับซ้ำขู่เข็ญหลอกลวงเอาตัวมาให้กับข้าศึก ได้ความเวทนาและมีความอัปยศแก่มนุษย์และเทพยดายิ่งนัก ถ้าตายไปพบกษัตริย์ต้นวงศ์ของเราก็จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ถึงตัวจะตายก็ไม่เสียใจ แต่มีความวิตกอยู่ด้วยรูปพระมหากษัตริย์ซึ่งตั้งไว้ในหอไทเปียว ตั้งแต่นี้ก็จะไมมีใครเซ่นไหว้บูชา สำหรับแต่จะทรุดโทรมยับเยินไปทุกวัน เมื่อครั้งแผ่นดินเหลียงพระเจ้าเทียนคำเต้อยู่ในราชสมบัติสี่สิบแปดปี พระองค์ก็ชราคล้ายกับตัวเรา เกาเก๊งคิดกบฏตีได้บ้านเมือง พระเจ้าเทียนคำเต้ก็ยังได้ดับสูญอยู่ในพระที่นั่ง หาได้ความลำบากเวทนาต้องอยู่ในบังคับอ้ายไพร่ทหารเลวพวกฮวนเหมือนอย่างเราไม่ ตรัสดังนั้นแล้วก็ทรงพระกันแสงโศกเศร้าทั้งสององค์ ครั้นเดินล่วงมาถึงเมืองฮอกันฮู้ เตียซอกแม้ผู้รักษาเมืองรู้ความว่ากิมงึดตุดจับพระเจ้าไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจงมาได้ ให้คับมิชีคุมไปส่งเมือง ไตกิมก๊กก็ออกมาคอยอยู่ที่ต้นทาง ครั้นเขาคุมกษัตริย์ทั้งสองพระองค์มาถึง เตียซอกแม้ก็เข้าคุกเข่าลงกราบถวายบังคมพระเจ้าไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจงทอดพระเนตรเห็นเตียซอกแม้ก็ทรงพระกันแสงยังไม่ได้ตรัสประการใด ลีเยกจุ๊ยจึงเอามือชี้เตียซอกแม้ว่าตัวเป็นคนอกตัญญูต่อแผ่นดิน มายอมยกเมืองให้กับกิมงึดตุดแล้วจะออกมาคำนับเจ้านายทำไมเล่า เตียซอกแม้จึงตอบว่า ซึ่งข้าพเจ้าจะได้เป็นคนอกตัญญูต่อแผ่นดินเหมือนถ้อยคำท่านว่านั้นหาไม่ ด้วยกิมงึดตุดยกกองทัพมาครั้งนี้แข็งแรงมากนัก เมืองลูอันจิว เมืองเลียงลังก๊วนก็เสียแล้ว เมืองฮอกันฮู้นี้เป็นแต่เมืองเล็กน้อย ข้าพเจ้าเห็นว่าจะต้านทานไม่ได้จึงต้องยอมสามิภักดิ์พออย่าให้ราษฎรได้ความเดือดร้อนใจนั้น คิดจะฉลองพระคุณเจ้านายอยู่มิได้ขาด บัดนี้เจ้านายเขาก็จับมาได้แล้วจะอยู่ไปไยเล่า เตียซอกแม้ชักมืดเหน็บออกจากแขนเสื้อเชือดคอตายในขณะนั้น คับมิชีจึงให้ทหารเอาศพเตียซอกแม้ไปฝังเสียแล้วก็เดินตรงไป
ฝ่ายกิมงึดตุดพักทหารอยู่ที่หน้าเมืองเปียนเหลียง ให้นายทหารเข้าไปจัดสิ่งของเครื่องสำหรับกษัตริย์ และของดี ๆ รวบรวมเอาไว้ได้สิ้น แล้วสั่งให้เตียปังเชียงอยู่รักษาเมืองเปียนเหลียง กิมงึดตุดก็เลิกกองทัพออกเดินกลับมาเมืองไตกิมก๊ก
ฝ่ายคับมิชีมาถึงเมืองไตกิมก๊ก ก็เข้าไปแจ้งข้อราชการกับลังจู๊เจ้าเมืองไตกิมก๊กตามซึ่งได้ยกกองทัพไปสู้รบจนได้ตัวสองกษัตริย์มาให้ลังจู๊ฟังทุกประการ แล้วว่ากิมงึดตุดก็จะยกตามมาภายหลัง ต่อปีหน้าจึงจะยกกองทัพไปปราบปรามหัวเมืองซึ่งขึ้นกับเมืองเปียนเหลียงเสียให้เรียบร้อย แล้วจึงจะเชิญท่านไปครองราชสมบัติเป็นเจ้าแผ่นดิน ลังจู๊ได้ฟังก็มีความยินดีเป็นอันมาก สั่งให้พาตัวสองกษัตริย์เข้ามา ลังจู๊ขึ้นนั่งบนที่ว่าราชการพร้อมด้วยขุนนางซ้ายขวา ให้เอาตัวพระเจ้าไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจง เข้ามาคุกเข่าอยู่ตรงหน้า แล้วว่าตัวทั้งสองคนพ่อลูกได้ครอบครองแผ่นดินซ้องไว้วางเกียรติยศเป็นอันมาก แต่เป็นคนโง่เขลาไม่รู้จักเลี้ยงคนชั่วและดี ทำให้ราษฎรได้ความเดือดร้อน ปัญญาเหมือนสัตว์เดรัจฉานควรจะเป็นสุนัขเสียทั้งเป็นจึงจะชอบ ว่าแล้วก็สั่งให้ทหารไปจับสุนัขฆ่าตัดเอาศีรษะมาสองศีรษะหางสองหาง ศีรษะนั้นให้เอามาผูกเข้าที่ศีรษะไทเซียงฮอง ซ้องคิมจง หางนั้นให้เสียบเข้าที่ก้น แล้วให้ทหารจูงคลานไปตามพื้นกรวดและทราย ลังจู๊พาขุนนางออกมานั่งกินโต๊ะหัวเราะเยาะเย้ยเล่นเป็นที่สนุกสบาย ลี้เยกจุ๊ยเห็นดังนั้นก็วิ่งเข้าไปอุ้มเอาไทเซียงฮอง ซ้องคิมจง ออกมา ลังจู๊เห็นก็โกรธถามคับมิชีว่าคนผู้นี้คือใคร คับมิชีบอกว่าชื่อลี้เยกจุ๊ย เป็นขุนนางอยู่ในเมืองเปียนเหลียง ซื่อสัตย์กตัญญูต่อเจ้านายยิ่งนัก กิมงึดตุดสั่งข้าพเจ้ามาว่าถึงจะทำผิดเกินเลยบ้างเล็กน้อยก็ขออย่าให้ทำโทษด้วยเป็นคนดีอยู่ ลังจู๊ได้ฟังก็นิ่งสงบความโกรธได้ ขณะนั้นลี้เยกจุ๊ยมีความโกรธแค้นยิ่งนักร้องด่าเจ้าเมืองเมืองไตกิมก๊กว่า อ้ายใจร้ายเอาเจ้าแผ่นดินซ้องมาทำหยาบช้าดังนี้ พอกองทัพหัวเมืองยกมาพร้อมกัน เมืองไตกิมก๊กก็จะราบเป็นหน้ากลอง แล้วกล่าวคำหยาบช้าด่าเจ้าเมืองไตกิมก๊กต่าง ๆ เจ้าเมืองไตกิมก๊กก็โกรธ สั่งให้ทหารตัดนิ้วมือลี้เยกจุ๊ยเสียทั้งสองข้าง ลี้เยกจุ๊ยก็ยิ่งด่าเป็นคำหยาบช้ามากขึ้น ลังจู๊เจ้าเมืองไตกิมก๊กให้ทหารลากเอาลิ้นออกมาตัดเสีย ลี้เยกจุ๊ยด่าไม่ชัด ก็วิ่งเข้าไปเอาแขนกระหวัดรัดคอลังจู๊ไว้เอาปากกัดใบหูขาด ทหารลังจู๊วิ่งเข้าไปจับตัวลี้เยกจุ๊ยออกมาตัดศีรษะเสีย คับมิชีจึงขอเอาศพลี้เยกจุ๊ยไปฝังไว้ ลังจู๊ให้ซินแสรักษาแผลห้าหกวันก็หาย แล้วลังจู๊สั่งให้เอาตัวพระเจ้าไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจง ไปขังไว้ที่เมืองเงาก๊กเสีย ที่ขังนั้นให้ขุดหลุมลงไปให้ลึก ทำที่ให้อยู่ในหลุมให้เห็นแต่ฟ้ากับดิน อย่าให้เห็นคนเดินไปมา ทหารก็พาเอาตัวพระเจ้าไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจงไปขุดหลุมขังไว้ตามสั่ง ครั้นอยู่ประมาณยี่สิบวัน กิมงึดตุดยกกองทัพมาถึงเมืองไตกิมก๊ก เข้าไปคำนับบิดาเล่าความตามซึ่งตีเมืองเปียนเหลียงได้ให้บิดาฟังทุกประการ ลังจู๊ได้ฟังก็มีความยินดีพูดชมเชยสรรเสริญสติปัญญากิมงึดตุดไปต่าง ๆ แล้วสั่งให้มีหนังสือไปถึงหัวเมืองซึ่งขึ้นกับเมืองไตกิมก๊ก ให้ฝึกหัดซักซ้อมทแกล้วทหารเตรียมเสบียงไว้ให้พร้อมบริบูรณ์ ปีหน้าจะให้ลูกเรายกกองทัพไปตีหัวเมืองซึ่งขึ้นกับเมืองเปียนเหลียงเสียให้ราบคาบ
ฝ่ายซุยเฮาซึ่งเป็นผู้รักษาด่านงันมึงก๊วนแขวงเมืองไทจิวซึ่งขึ้นกับเมืองเปียนเหลียง เมื่อแต่ก่อนประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปีด่านงันมึงก๊วนเสียแก่พวกฮวนเมืองไตกิมก๊ก ซุยเฮาตกมาอยู่ในแขวงเมืองไตกิมก๊ก เที่ยวเป็นซินแสรักษาม้าหากินเลี้ยงชีวิตอยู่ ครั้นได้รู้ความว่าเมืองเปียนเหลียงเสียแก่กองทัพฮวน กิมงึดตุดจับพระเจ้าไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจง มาได้ขุดหลุมขังไว้ที่เมืองเงาก๊กเสีย ซุยเฮาจึงจัดเสื้อกางเกงสองสำรับกับเนื้อโคและเนื้อแพะของกินไป ณ เมืองเงาก๊กเสีย บอกแก่เจ้าพนักงานว่าจะขอเข้าไปเยี่ยมเยือนพระเจ้าไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจง เจ้าพนักงานก็ยอมให้เข้าไป ซุยเฮาเข้าไปถึงหลุมที่ขังพระเจ้าไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจงก็มองลงไปดูเห็นพระเจ้าไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจงนั่งอยู่ทั้งสององค์ ซุยเฮาจึงพูดลงไปว่าข้าพเจ้าชื่อซุยเฮา เข้ามาเฝ้าพระองค์ พระเจ้าไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจงทอดพระเนตรเห็นซุยเฮาก็จำได้ว่าเป็นขุนนางชาวด่านเมืองเปียนเหลียง ก็ทรงพระกันแสงตรัสถามว่าท่านมาด้วยธุระอันใดหรือ ซุยเฮากราบทูลว่า ข้าพเจ้าทราบว่ากิมงึดตุดจับพระองค์มาขังไว้ที่หลุม จึงได้มาเยืยมเยือน แล้วก็เอาเชือกผูกเสื้อกางเกงกับเนื้อแพะเนื้อโคหย่อนลงไปถวาย พระเจ้าซ้องคิมจงแก้เชือกรับเอาของนั้นไว้แล้ว ซุยเฮาจึงทูลถามว่าพระองค์เสียทีกับข้าศึกเขาจับมาได้แล้ว ที่เมืองเปียนเหลียงนั้นมีผู้ใดรักษาอยู่บ้างหรือไม่ พระเจ้าซ้องคิมจงตรัสว่า เขาจับเรามาเสียแล้วไม่รู้ว่าผู้ใดอยู่รักษา แต่คังอ๋องน้องเราตกเป็นตัวจำนำอยู่กับกิมงึดตุด การซึ่งเกิดขึ้นเราได้ความทุกข์ยากดังนี้ ก็เพราะเตียปังเชียงเป็นไส้ศึก ซุยเฮาจึงทูลว่าขอพระองค์จงมีหนังสือไปถึงคังอ๋อง ให้คิดหนีกลับไปเมืองเปียนเหลียงกะเกณฑ์กองทัพหัวเมืองมาแก้แค้นกิมงึดตุด คิดเอาพระองค์คืนกลับไปให้ได้ พระเจ้าซ้องคิมจงจึงว่ากระดาษและพู่กันก็ไม่มีจะเอาอะไรมาเขียน ซุยเฮาทูลว่าขอพระองค์จงกัดนิ้วพระหัตถ์เอาโลหิตเขียนลงที่ชายผ้าขาวเป็นอักษรลายพระหัตถ์สำคัญพอเข้าใจ ข้าพเจ้าจะรับเอาไปให้แก่คังอ๋อง พระเจ้าซ้องคิมจงก็ทรงกัดนิ้วมือเอาโลหิตเขียนเป็นอักษรลงที่ผ้าขาวเป็นสำคัญแล้ว ก็ผูกเชือกให้ซุยเฮาซักขึ้นมา ซุยเฮาก็รับพระอักษรสำคัญแล้วก็ลารีบกลับออกมาถึงประตูเมืองเงาก๊กเสีย ผู้รักษาประตูเห็นซุยเฮาทำกิริยาผิดประหลาดก็จับเอาตัวไว้ ถามว่าเจ้าเข้าไปหาพระเจ้าไทเซียงฮอง พระเจ้าซ้องคิมจงช้านานผิดประหลาดอยู่ ซุยเฮาว่าต้องไปเที่ยวหาหลุมไม่ใคร่จะพบจึงได้ช้า ขอท่านได้กรุณาปล่อยข้าพเจ้าไปเถิดอย่าได้กักขังไว้เลย นายประตูได้ฟังซุยเฮาอ้อนวอนก็คิดเวทนาด้วยเป็นคนแก่ปล่อยให้ซุยเฮาไป ซุยเฮาไปเที่ยวหาคังอ๋องในเมืองไตกิมก๊กก็ยังหาพบไม่