ประวัติ ว่าที่นายพันโท หลวงไกรกรีธา

ว่าที่นายพันโท หลวงไกรกรีธา ( ยรรยง, บุรณศิริ ) เปนบุตรพระยาธรรมจรรยานุกูลมนตรี ( จำเริญ, บุรณศิริ ) แลหลานเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี ( บุญศรี ) มารดาเปนภรรยาใหญ่ แลเปนผู้ดำรงวงษตระกูลบุรณศิริโดยตรง อุปบัติเมือกันพฤหัศบดีเดือน ๕ ขึ้น ๒ ค่ำปีขาลยังเปนเบ็ญจศกจุลศักราช ๑๒๑๕ ตรงกับวันที่ ๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๙๖ เมื่อยังเล็กอยู่ได้เล่าเรียนศึกษาอยู่ในความดูแลแห่งบิดา แลได้หาครูมาสอนอักขระสมัยตามที่นิยมกันในเวลานั้น ครั้นเมื่อปลายแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ ได้ถวายตัวเปนมหาดเล็กเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๙ ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัดปิละ ๕ ตำลึง

ครั้นมาในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัดขึ้นอีก ๒ ตำลึงเปนเจ็ดตำลึง แลเมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าน ให้จัดตั้งกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ เลือกคัดเอาบุตรข้าทูลลอองธุลีพระบาทที่มีบรรดาศักดิ์ แลบุตรมหาดเล็กทั้งหม่อมราชวงษ์ด้วย ฝึกหัดเปนทหารตั้งเปนกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ไนยหนึ่งเรียกว่ากรมหหารราชวัลลภรักษาพระองค์ ซึ่งเดี๋ยวนี้พระราชทานนามว่า “กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” หลวงไกรกรีธา ( ยรรยง, บุรณศิริ ) ก็ได้เข้ารับราชการเปนพลทหาร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๓ แลได้เลื่อนยศเปนนายสิบตรี นายสิบโท นายสิบเอก ขึ้นไปเปนลำดับจนถึง /*(2)พ.ศ.๒๔๑๗ ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์เปนหลวงสรจักรานุกิจ มียศทหารเปนนายร้อยโท กองร้อยที่ ๓ ในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์นั้น แลต่อมาได้ว่าที่นายร้อยเอกคงรับราชการอยู่ตามกอง

ครั้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๒ ได้ย้ายไปเปนผู้บังคับการทหารรักษาลำแม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลาง ว่าที่นายพันตรีอยู่จนเลิกทหารรักษาลำน้ำเจ้าพระยานั้น เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๕ บิดาถึงอนิจกรรม หลวงไกรกรีธาจึงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์สำหรับตระกูล ตติยจุลจอมเกล้า ดำรงวงษ์ตระกูลพระยาธรรมจรันยานุกูลมนตรี ผู้บิดาในตระกูลบุรณศิริสืบไป

หลวงไกรกรีธาได้รับราชการแพนกพลเรือนเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปนข้าหลวงผู้หนึ่ง เดินรางวัดสวนนอกอยู่ ๕ ศกแล้วได้เปนข้าหลวงผูกบี้จีนในเมืองชลบุรีแลเมืองพนัศนิคมในพ.ศ. ๒๔๓๐ นั้น ครั้น พ.ศ. ๒๔๓๓ ได้เปนข้าหลวงเดินรางกัดนาแลปิดน้ำในแขวงเมืองฉะเชิงเทราอยู่ ๓ ศก ครั้น พ.ศ. ๒๔๓๔ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปนข้าหลวงชำระผู้ร้ายแลเปนข้าหลวงรักษาราชการเมืองนครไชยศรี ซึ่งในเวลานั้นอยู่ในกรมท่า ซึ่งเปนกระทรวงว่าการต่างประเทศเดี๋ยวนี้อยู่ ๒ ศก แลได้ตามเสด็จพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระเทวะวงษ์วโรประการ เสด็จออกไปพบกับรัชทายาทกรุงอังกฤษคราวหนึ่ง

ครั้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๖ เปนเวลาที่มีราชการแผ่นดินคับขัน หลวงไกรกรีธา แต่ยังเปนหลวงสรจักรานุกิจ ได้เข้ารับราชการประจำการในกองทัพบก ว่าที่นายพันโท เปนผู้ช่วยนายพลตรีพระยาอนุชิตชาญไชย /*(3)( สาย, สิงหเสนี ) แม่ทัพ เมื่อยังเปนนายพลจัตวาพระพิเรนทรเทพไปราชการทัพมณฑลอุบลราชธานี รับราชการอยู่ในมณฑลนั้นปีเศษ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์ อันมีเกียรติยิ่งมงกุฎสยามชั้นที่ ๔ ภัทราภรณ์ แลเหรียญจักรมาลา เหรียญรัชฎาภิเศกด้วย เมื่อกลับจากราชการในมณฑลอุบลแล้ว ความสำราญกายในตัวหลวงไกรกรีธาลดน้อยลงโดยมีพยาธิโรคภัยเบียดเบียนมาช้านาน จึงได้กราบถวายบังคมลาออกเปนกองหนุน ครั้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓ ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเปนหลวงไกรกรีธาในกระทรวงกระลาโหม เปลี่ยนจากทินนามหลวงสรจักรานุกิจ ครั้นต่อมาในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๕๗ โรคริดสีดวงซึ่งได้เคยเปนมาช้านานกำเริบขึ้น อาการกลายเปนไข้สันนิบาต ครั้นถึงวันที่ ๙ พฤษภาคมในพ.ศ.นั้น เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ ว่าที่นายพันโท หลวงไกรกรีธา ( ยรรยง, บุรณศิริ ) ถึงแก่กรรม อายุได้ ๖๐ ปี กำหนดวันที่ ๘-๙ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๕๗ มีการทำบุญที่บ้าน ครั้นวันที่ ๑๐ เดือนมกราคม ได้ยกหีบศพมาเข้าปรำที่วัดสามจีนพระราชทานเพลิง บุตรชายหญิงเปนผู้จัดการศพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ