เบญจกัลยาณี

ในหนังสือไทย ไม่ว่า อิเหนา รามเกียรติ์ ขุนช้างขุนแผน พระอภัยมณี หรืออะไรก็ตาม คำกลอนชมโฉม ยังไม่พบนางเอกคนไหนเป็นเบญจกัลยาณีสักคนเดียว ลักษณะเช่น แขนดังงวงช้าง ตาดังตาเนื้อ คิ้วดังคันธนู อรชรอ้อนแอ้นดังกินริน เหล่านี้ใช้ไม่ได้ทั้งนั้น.

ถ้าจะพูดตามที่ท่านและข้าพเจ้าเคยพบเห็นหญิงงาม ชนิดที่เรียกว่าเบญจกัลยาณี สมัยนี้ (ทรงเรื่องนี้เมื่อ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๑) มีนับไม่ถ้วน แต่ถ้าจะพูดตามที่เคยอ่านในหนังสือ ก็ดูเหมือนจะมีแต่นางวิสาขาคนเดียวเท่านั้น นางวิสาขาเป็นต้นตำหรับเบญจกัลยาณี เป็นนางคนเดียวที่มี ความงาม ๕ ประการพร้อมกันในตัว นางวิสาขานี่ตาดังตาเนื้อ แขนดังงวงช้าง ฯลฯ ด้วยก็ได้ แต่เป็นความงามนอกแบบ ไม่เอามานับด้วย.

ความงาม ๕ ประการ ที่เรียกว่าเบญจกัลยาณี คือ

เกสกลฺยาณํ ๑

มํสกลฺยาณํ ๑

อฏฺฐิกลฺยาณํ ๑

ฉวิกลฺยาณํ ๑

วยกลฺยาณํ ๑

ถึงหญิงจะตาถลน น่องทู่ หรือมีท่วงทีประดุจกินหมาเน่าก็ไม่เป็นไร ถ้างามผม งามเนื้อ งามกระดูก งามผิว และงามรุ่นแล้ว ก็เป็นนางเบญจกัลยาณี.

นางวิสาขาเป็น the นางเบญจกัลยาณี เป็นต้นเค้าแห่งความงามทั้ง ๕ ประการ มิได้งามแต่เมื่อเปนสาว แม้เมื่อมีลูก ๒๐ คน เป็นย่าและยายของหลาน ๔๐๐ คน และเป็นทวดของเหลนหลายพันคนแล้ว เมื่อไปฟังเทศน์พร้อมด้วยลูกหลานเหลน ถ้าใครไม่รู้จักตัวก็ไม่รู้ว่าคนไหนนางวิสาขา เพราะนางยังสาวพริ้งเสมออายุ ๑๖ ปีอยู่จนแก่ และมิได้เป็นคนอ่อนปั้วเปี้ย แม้เมื่อพระมหากษัตริย์ตรัสให้นายหัตถาจารย์ปล่อยช้างต้นไป จะให้ลองกำลังนางวิสาขา ช้างตรงเข้าไปจะทำร้าย นางวิสาขาจับปลายงา ๒ ข้างผลักไป ช้างก็ล้มก้นกระแทก ไม่กล้าจะสู้ต่อไปอีก.

เพียงเล่ามานี้ยังไม่ได้ชี้แจงว่า ที่ว่างาม ๕ ประการนั้นคืออะไรบ้าง ความงามผมและความงามฉวี เราเข้าใจได้ทันที แต่งามเนื้อกับงามกระดูกนั้นงามอย่างไร และเหตุไฉนเมื่อนางวิสาขามีอายุถึง ๑๒๐ ปีแล้ว ก็ยังงามวัยอยู่.

นางวิสาขาเป็นลูกสาวของธนัญชัยเศรษฐีเจ้าเมืองสาเกต ซึ่งอยู่นอกนครสาวัตถีไปไกลเป็นทางประมาณโยชน์หนึ่ง ในนครสาวัตถี มิคาระเศรษฐีมีลูกชายซึ่งพ่ออยากจะให้มีเมีย ลูกชายไม่สมัค แต่เสียพ่อไม่ได้ก็กล่าวว่า ถ้าได้นางประกอบด้วยเบญจกัลยาณี ก็จะกระทำตามประสงค์แห่งพ่อ พ่อถามว่า นางประกอบด้วยเบญจกัลยาณีนั้นอย่างไร ลูกตอบว่า คือนางมีผมและมังสะอันงาม มีอัฏฐิและฉวีและวัยอันงาม.

มิคาระเศรษฐีได้ทราบประสงค์ของบุตรดังนั้นแล้ว จึงให้เชิญพราหมณ์ ๘ คนไปถามว่า หญิงกอบด้วยเบญจกัลยาณีมีอยู่ที่ไหนบ้างหรือไม่ พราหมณ์ ๘ คนไม่รู้ว่านางเบญจกัลยาณีมีอยู่ที่ไหนในโลก แต่เป็นธรรมดาพราหมณ์ในสมัยโน้น ตามความสังเกตของเราในสมัยนี้ ถ้ารู้ว่าเศรษฐีต้องการอะไร ถ้าไม่รู้จักก็ต้องว่ารู้จัก ถ้าไม่มีก็ต้องว่ามีไว้ชั้นหนึ่งก่อน เพราะถ้าได้รับมอบให้เป็นผู้หาแล้ว ก็จะได้รางวัลกอบโกยเป็นแน่ ดังนี้เมื่อเศรษฐีถามว่า นางเบญจกัลยาณีมีไหม พราหมณ์ทั้ง ๘ ก็ตอบว่ามี เมื่อถามว่ามีอยู่ที่ไหน ก็ตอบว่าต้องไปหาดูก่อน.

ดังนี้พราหมณ์ ๘ คน จึงเที่ยวเดินทางไปในประเทศต่าง ๆ เพื่อจะสืบหานางเบญจกัลยาณี ครั้นไปถึงเมืองสาเกตเผอิญประจวบเวลานักขัตฤกษ์ เป็นเวลาที่หญิงสาวทั้งหลายออกไปอาบน้ำในแม่น้ำ และเป็นธรรมเนียมที่ทุกคนเดินไปเอง ถึงแม้หญิงผู้ดีก็ไม่นั่งไปในวอหาม ซึ่งชักม่านปิดไม่ให้ใครเห็นเหมือนในวันปรกติ ดังนี้ในวันนักขัตฤกษ์ที่เป็นวันอาบน้ำนั้น ชายหนุ่มทั้งหลายย่อมจะไปคอยดูกันเกลื่อนกล่นตามทาง เพื่อจะได้เห็นหญิงผู้ดีสาว ๆ ซึ่งนาน ๆ ได้เห็นสักครั้งหนึ่ง ฝ่ายพราหมณ์ทั้ง ๘ คนก็ไปคอยดูอยู่ด้วย และได้เข้าพักอยู่ในศาลาริมแม่น้ำ.

ส่วนนางวิสาขาครั้นถึงเวลาอันควร ก็พร้อมด้วยบริวาร ๕๐๐ คน เดินด้วยเท้าเปล่าจากเรือนบิดาไปสู่แม่น้ำ บริวารแวดล้อมนางไป ถึงแม้ไม่ได้นั่งในวอชักม่านปิด คนดูก็ไม่ค่อยเห็นถนัด แต่ครั้นไปใกล้ศาลาริมแม่น้ำ เผอิญฝนตกลงมา นางบริวารทั้ง ๕๐๐ ก็วิ่งหนีฝนเข้าร่ม โดยมากเข้าไปในศาลา ฝ่ายพราหมณ์ ๘ คน เมื่อเห็นหญิงสาววิ่งหนีฝนเข้าไปในศาลาเป็นอันมาก ก็แลหาว่าจะมีนางเบญจกัลยาณีบ้างหรือไม่ สาวบริวารเหล่านั้นบางคนก็ผมงาม บางคนก็ฉวีงาม ทุกคนมีวัยงาม ครั้นหัวเราะกิ๊วก๊าวกันก็ปรากฏว่าเนื้องามและกระดูกงามบ้าง บางคนอาจงาม ๒ อย่าง หรือแม้ ๓ อย่าง แต่ที่จะครบเบญจกัลยาณีนั้นหามิได้เลย.

ลำดับนั้นนางวิสาขาเดินช้า ๆ เข้าไปในศาลา เสื้อผ้าเปียกหมด พราหมณ์ทั้ง ๘ คนเห็นก็นึกในใจและกระซิบบอกกันว่า นางคนนี้ผมงาม ฉวีงาม วัยงาม เนื้องาม รวมได้แล้วถึง ๔ ประการ แต่กระดูกจะงามด้วยหรือไม่.

พราหมณ์ทั้ง ๘ ต้องการจะเห็นกระดูกแห่งนางวิสาขา จึงแกล้งกล่าวแก่กันว่า นางใดเป็นคนขี้เกียจ ถ้าได้สามี สามีก็จะได้รับความลำบาก นางวิสาขาได้ยินดังนั้น ก็ถามพราหมณ์ว่า พราหมณ์พูดถึงใคร พราหมณ์ตอบว่าพูดถึงนางวิสาขาเอง เพราะแม้ฝนตก นางก็ค่อย ๆ เดินกรำฝน หารีบหนีเข้าร่มไม่ นางทำเช่นนั้นเพราะเหตุไร นางวิสาขาตอบว่า ถ้าวิ่งหนีฝนก็จะหายสวย เพราะในเวลาวิ่งจะรักษาความสง่าผ่าเผยไว้เหมือนดังเวลาเดินไม่ได้ ฉันใดอภิสิตตราชา คือพระราชาผู้อภิเศกแล้ว ทรงประดับอาภรณ์อันควรแก่พระเจ้าแผ่นดิน ถ้าออกทรงวิ่งไปในพระลาน ก็จะสิ้นสง่าหมด ฉันนั้นสตรีผู้งาม ถ้าออกวิ่งก็จะเสียความเฉิดฉายไป อนึ่ง เสื้อผ้าของนางนั้น เมื่อเปียกแล้วก็แห้ง แต่ถ้ามันทำให้นางเหยียบล้มในเวลาวิ่ง นางอาจเป็นคนพิการไปก็เป็นได้ จะเกิดความลำบากแก่ผู้อื่นที่จะต้องรักษาเยียวยาต่อไป

เมื่อนางวิสาขาพูดแก่พราหมณ์ฉนี้แล้ว พราหมณ์ก็ทราบได้ว่านางมีกระดูกอันงาม เมื่อรวมกับความงามอีก ๔ อย่าง ก็ครบเบญจกัลยาณี.

เมื่อบุตรมิคาระเศรษฐีบอกแก่บิดาว่า อยากได้นางเบญจกัลยาณีเป็นภรรยา และชี้แจงว่า ความงามทั้ง ๕ คืองามอะไรบ้างนั้น มิได้อธิบายให้เลอียดว่าอย่างไรเรียกว่างามผม อย่างไรเรียกว่างามเนื้อ อย่างไรเรียกว่างามกระดูก อย่างไรเรียกว่างามผิว อย่างไรเรียกว่างามรุ่น แต่พระอรรถกถาจารย์ชี้แจงภายหลังพุทธกาลหลายร้อยปีว่า

ที่เรียกว่างามผมนั้น หมายความว่าผมลงไปแล้วงอนปลาย.

ที่เรียกว่างามเนื้อ หมายความว่าริมฝีปากแดงดั่งมะพลับสุกและสม่ำเสมอกันเป็นอันดี.

ที่เรียกว่ากระดูกงาม คือมีพื้นอันเรียบและมีสีขาว เปรียบว่าระเบียบแห่งแก้ววิเชียรอันบุคคลยกขึ้นตั้งไว้ มิฉนั้นประดุจระเบียบแห่งสังข์ อันเขาขัดให้หาราคีมิได้.

ที่เรียกว่าฉวีงามนั้น หมายความว่า มีผิวหนังดังสีดอกบัวน้ำเงิน หรือมิฉนั้นดังดอกกรรณิการ์ ไม่มีไฝและขี้แมลงวันเป็นต้น.

ที่เรียกว่าวัยหรือรุ่นงามนั้น หมายความว่า ถึงแม้อายุจะมากจนมีลูกหลานแล้ว ก็ยังดูเป็นสาวพริ้งอยู่.

เมื่อได้ทราบลักษณะแห่งความงาม ๕ ประการนี้แล้ว ในสมัยปัจจุบัน พ.ศ. ๒๔๘๑ นี้ ถ้าเราจะใคร่เห็นนางเบญจกัลยาณี ก็ไม่ต้องเดินทางไปเมืองสาเกตเหมือนพราหมณ์ ๘ คนในครั้งโน้น เราอาจได้เห็นนางเบญจกัลยาณีทั่ว ๆ ไป และบนจอหนังโดยเฉพาะ ทั้งนี้ก็เพราะว่า ร้านดัดผมคลื่นชื่อต่าง ๆ อาจบรรดาลให้คนเป็นเกสกัลยาณีได้ทุกคน ลิปสติ๊กเป็นปัจจัยแห่งมังสกัลยาณีได้โดยราคาย่อมเยาว์ แพทย์ทำฟัน อาจเปลี่ยนฟันไม่งามของใคร ๆ ใช้ฟันที่ทำมาขายจากเมืองฝรั่งประดับไว้ดุจระเบียบแห่งสังข์ อันเขาขัดแล้วให้ไม่มีราคี ทำให้เกิดเป็นอัฏฐิกัลยาณีได้ (แต่ราคามักจะแพงสักหน่อย) ส่วนความงามผิวหนังนั้น ร้านเครื่องสำอางคงจะบอกท่านได้ทุกร้านว่า ยาสิวและยากัดฝ้าชนิดไหนขลังที่สุด นอกจากนี้ยังมีการพอกหน้านวดหน้า ตลอดถึงทำหนังเสียใหม่ ให้หญิงรุ่นผู้ใหญ่เป็นรุ่นสาวไปได้ เพื่อนของผู้เขียนคนหนึ่งเล่าว่า ได้เคยพบสตรีผู้ใหญ่ ซึ่งได้ทำหนังใหม่ทั้งตัว จนดูสาวกว่าลูกสาว แต่ได้ยินว่าเสียเงินตั้งแสนบาท ส่วนความงามวัย นัยหนึ่งแก่แล้วดูไม่แก่นั้นเล่า หญิงที่เป็นเช่นนั้นเองก็มีบ้าง แต่ท่านย่อมจะรู้ว่า ดาวหนังซึ่งอายุ ๓๕ หรือ ๔๐ ไปแล้ว จนเล่นบทสาวอายุ ๑๘ ก็ได้ เมื่อดูในภาพยนตร์ที่เห็นเป็นรุ่นสาวจริง ๆ

ดังนี้ เราท่านย่อมเห็นนางเบญจกัลยาณีทั่ว ๆ ไป แต่เป็นเบญจกัลยาณีปลอมโดยมาก.

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ