พูดให้นักเรียนฟัง ที่โรงเรียนวชิราวุธ

เมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันไปกินข้าวที่สโมสรโรตะรี่, ได้ฟังฝรั่งเล่าถึงที่เขาได้ไปใกล้ ๆ ขั้วโลก ฟังสนุกดีจึงจำเอามาเล่าบ้าง รายงานที่เขาไปกันครั้งนั้นพิมพ์เป็นสมุดเล่มโตกว่า ๓๐๐ หน้า ยังรูปอีกมากมาย เวลาที่เขาพูด เขาเก็บมาเล่านิด ๆ หน่อย ๆ แลที่ฉันเอามาเล่าวันนี้ก็ตัดจากที่เขาพูดให้สั้นลง บ้าง เติมให้ยาวขึ้นบ้าง เพื่อจะได้เข้าใจง่ายขึ้น ถ้อยคำที่พูดนี้เป็นของเรา ไม่ใช่คำของเขา เราเป็นแต่เก็บใจความของเขามาบ้างเท่านั้น.

พื้นที่ใกล้ ๆ ขั้วโลกนั้นหนาวที่สุด ทำไมที่ใกล้ ๆ ขั้วโลกจึงหนาวมาก ทำไมเมืองเรานี้จึ่งร้อนมาก ผิดกันจนถึงว่าถ้าเอาหมีดำของเราไปปล่อยที่โน่นก็ตายในวันสองวัน ถ้าเอาหมีขาวที่โน่นมาปล่อยที่นี่ก็ตายในเร็ว ๆ เหมือนกัน ที่ถามว่าเหตุใดที่นี่จึงร้อนนั้น คำตอบที่ได้ยินอยู่เสมอ ๆ ก็ว่าเพราะอยู่ใกล้อิเควเตอร์ ก็ทำไม อิเควเตอร์จึ่งร้อนเล่า, อย่าตอบว่าเพราะ อิเควเตอร์อยู่ใกล้พระอาทิตย์กว่าขั้วโลก ถ้าตอบเช่นนั้นผิด เพราะมันใกล้กว่ากันนิดเดียว ไม่ทำให้ร้อนหนาวมากกว่ากันถึงเพียงนั้นได้ ความไกลระหว่างพระอาทิตย์กับเรานั้น มากมายจนต้องพูดกันด้วยแสงสว่าง แสงสว่างเดินทางเร็ววินาฑีละ ๑๘๖,๐๐๐ ไมล์ เวลาที่เราใช้ในการดีดนิ้วมือทีเดียวเท่านั้นแสงสว่างก็วิ่งรอบโลกได้ ๔ เที่ยว ถ้าจะพูดถึงปีหนึ่งแห่งความเร็วของแสงสว่าง ก็ตั้ง ๓๖๕ แล้วเอา ๒๔ คูณ แล้วเอา ๖๐ คูณ แล้วเอา ๖๐ คูณ แล้วเอา ๑๘๖,๐๐๐ คูณ เราได้ยินเข้าเท่านั้นก็พยักหน้าแล้วบอกว่าไปเล่นฟุตบอลกันสนุกกว่า หนุมานจะไปไหนเหาะไปถึงได้ในพริบตาเดียว แต่จะเหาะเร็วกว่าแสงสว่างเห็นจะไม่ได้ ถ้าหนุมานเหาะได้เร็วเท่าแสงสว่าง เมื่อคราวไปยึดรถพระอาทิตย์ครั้งนั้น ต้องเหาะอยู่ถึง ๘ นาฑีจึ่งถึง ถ้าแกไม่เหาะต่างว่าแกไปรถไฟซึ่งเร็วปานกลาง แล่นไม่หยุดทั้งกลางวันกลางคืน ก็จะต้องเดินทางอยู่ถึง ๓๐๐ ปีจึ่งจะถึง เดินทางกลับอีก ๓๐๐ ปี พระรามพระลักษณ์ตายหมดไม่มีใครเหลือเลย เกือบจะเท่ากับมาถามหาพ่อขุนรามคำแหงในเวลานี้ ถ้าพระอาทิตย์ซึ่งอยู่ไกลเท่านั้นส่องเมืองเราให้ร้อนเท่านี้ได้ ทำไมที่ขั้วโลกซึ่งผิดกันไม่ถึงกระเบียด จึ่งจะไม่ร้อนเท่ากัน ต่างว่ามีกล้อง ๆ หนึ่งฉายความร้อนไปได้ ๑๐๐๐ เส้น ต่อไปอีกครึ่งนิ้วคือ ๑๐๐๐ เส้นกับครึ่งนิ้วความร้อนจะผิดกันมากอย่างไรได้.

ทีนี้ต่างว่าเด็ก ๒ คนเอามนาวขว้างหัวกัน ถ้าถูกตรงก็เจ็บมาก ถ้าถูกแฉลบก็ไม่ค่อยเจ็บ นั่นแหละเป็นคำอธิบายว่าทำไมบางประเทศร้อน บางประเทศหนาว ที่ ๆ ร้อนนั้น เพราะพระอาทิตย์ส่องถูกตรง ที่หนาวเพราะส่องถูกแฉลบ ทำไมแฉลบ เพราะโลกนี้รูปเกือบจะกลม บางตอนก็โค้งหนี ตอนไหนโค้งหนีก็ถูกส่องแฉลบ ตอนเมืองเราโค้งหนีไม่พ้นก็ถูกตรง ฉนี้จึงร้อนมาก ส่วนหน้าร้อนหน้าหนาวนั้นมีอธิบายอีกส่วนหนึ่ง แต่ว่าวันนี้ไม่ได้มาสอนภูมิศาสตร์ จะย้ายไปพูดเรื่องอื่นต่อไป.

กลับไปพูดถึงที่ฝรั่งเขาเล่าเรื่องไปใกล้ ๆ ขั้วโลกใหม่ พื้นที่เหล่านั้นหนาวที่สุด มีน้ำแข็งชั่วนาตาปี จะเดินไปไหน ก็เดินบนน้ำแข็ง จะทำอะไรก็ทำบนน้ำแข็ง อยู่บนน้ำแข็งกันเรื่อย ถ้าอยากกินไอสกรีมก็หาน้ำแข็งง่ายที่สุด แต่ได้ยินว่าที่นั่นไม่มีใครอยากกินไอสกรีมกันเลย เมื่อพื้นที่เป็นน้ำแข็งไปหมดเช่นนี้ คนจะไปไหน ถ้าไม่เดินก็ต้องเลื่อนไม่ใช่รถ เลื่อนนั้นคือรถไม่มีล้อ มีคานทอดตามยาว ๒ คาน มีแท่นวางขวางอยู่บนคานสำหรับคนนั่งหรือบันทุกของ เวลาจะไปไหนก็ลากลื่นไปบนน้ำแข็งเท่านั้นเอง แต่แรงที่ลากนั้นใช้แรงหมา ซึ่งลากได้ดีกว่าแรงม้า หมาที่ใช้นั้นคล้ายหมาจีน แต่ใหญ่กว่า ขนมันหยาบแลยาว สำหรับทนหนาวได้ การลากเลื่อนคันหนึ่งใช้ ๖ แรงหมา ถ้าใครต้องการ ๖ แรงก็ต้องเลือกหาหมาที่ท่าทางแข็งแรง ได้ที่นั่นตัวหนึ่ง ที่นี่ตัวหนึ่ง พอได้ครบก็เอาไปรวมไว้ด้วยกัน ให้มันรู้จักกัน วิธีรู้จักของมันเป็นวิธีหมา แต่ไม่ใช่กระดิกหางใส่กันหรือเลียกัน มันใช้วิธีกัดกันเป็นกลุ่ม ตัวนั้นกัดตัวนี้ ตัวนี้กัดตัวนั้น ฉีกขาดเลือดโซมไปทุกตัว กัดกันอยู่ตั้ง ๓ วัน ๔ วัน จึ่งหยุด เป็นอันว่ารู้จักกันหมดแล้ว มีอ้ายตัวชนะเลิศตัวหนึ่งเป็นหัวโจก อ้ายตัวอื่น ๆ ยอมแพ้ราบไปหมด อ้ายหัวโจกไม่ยอมให้ตัวอื่น ๆ วิวาทกันอีกต่อไป เมื่อเกิดหัวโจกขึ้นฉนี้แล้ว เจ้าของก็รู้ว่าเมื่อจะเอาเข้าเทียมเลื่อนต้องเอาตัวไหนออกหน้า ถ้าไม่เอาหัวโจกออกหน้า เอาตัวอื่นออกหน้า อ้ายหัวโจกก็กรากเข้ากัดเจ็บไปอีก เขาว่าเวลาจะเทียมเลื่อน อ้ายหัวโจกมันออกไปคอยอยู่ข้างหน้าของมันเอง อ้ายตัวอื่น ๆ ไม่กล้าขึ้นหน้าเป็นอันขาด เวลาเดินทาง ถ้าอ้ายตัวหลังตัวไหนขี้เกียจ ไม่ช่วยฉุดให้เต็มแรง คนขับก็ต้องเอาแซ่เตือน อ้ายหัวโจกมันรู้ว่าตัวไหนถูกเตือน ถ้าซ้ำตั้ง ๒-๓ หน มันก็หันมาแห้เอาอ้ายตัวนั้น อ้ายตัวถูกแห้กลัวก็ฉุดเต็มที่ ถ้าจะมีการเห่า อ้ายหัวโจกต้องขึ้นต้นเห่าก่อน ตัวอื่น ๆ จึงจะเห่าตามได้ ถ้าอ้ายลูกน้องตัวใหนไปเห่าขึ้นก่อน อ้ายหัวโจกมันก็กำหราบเอา ถ้าจะกัดกับหมาชุดอื่นก็เหมือนกัน อ้ายหัวโจกต้องลงมือก่อน ถ้าลูกน้องตัวไหนกัดก่อนหัวโจกก็จะถูกอ้ายหัวโจกกัด เวลาให้อาหารกินเจ้าของต้องให้อ้ายหัวโจกกินเสร็จแล้ว จึ่งจะให้ตัวอื่นกินได้ ถ้าให้ตัวอื่นกินก่อน อ้ายหัวโจกมันก็คอยดูอยู่จนกินเสร็จแล้วจึ่งกัด ไม่กัดเมื่อกำลังกิน นี่เป็นวิธีฉลาดของมัน เพราะธรรมดาหมาย่อมหวงอาหาร ถ้ากัดกำลังกิน อ้ายตัวถูกกัดมันนึกว่ากัดเพื่อแย่งอาหาร มันก็สู้ ถ้ากัดเมื่อกินเสร็จแล้ว เป็นแต่เพียงกัดลงโทษ มันก็ไม่สู้.

หมาในชุด ๖ ตัวนั้น บางทีก็ตายหรือมีเหตุต้องเอาตัวใหม่เข้าเปลี่ยนแทนตัวเก่า พอปล่อยอ้ายตัวใหม่เข้าไปในพวก อ้ายหัวโจกก็ตรงเข้ากัด อ้ายตัวใหม่มันยังไม่กลัว มันก็สู้ อ้ายตัวอื่น ๆ นิ่งดูหมด ถ้าอ้ายหัวโจกชนะ อ้ายตัวใหม่ก็เข้าชุดกับตัวอื่น ๆ เรียบร้อย กัดตัวอื่นก็ไม่ได้ ตัวอื่นกัดก็ไม่ได้ แต่ถ้าอ้ายหัวโจกแพ้ อ้ายตัวใหม่ต้องกัดกับตัวอื่น ๆ จนเกิดหัวโจกใหม่.

อาหารที่ให้หมากินนั้นคือปลาตากแห้ง มันกินอย่างนั้นมาตั้งแต่ปู่ย่าตาทวดจนเคย ถ้าเอาอาหารอื่นให้มันกิน เป็นต้นว่าเนื้อสัตว์ หรือเนื้อปลาที่ไม่ได้ตากแห้ง มันกินอร่อยมันก็กินฮวบ ๆ เข้าไปจนเจ็บ น้ำก็เหมือนกัน ถ้าเอาน้ำเหลวให้มันกินอย่างหมาธรรมดา มันกินสดวกและอร่อย ก็กินจนเจ็บเหมือนกัน ต้องต่อยน้ำแข็งให้มันกิน มันก็เลียแลกัดเคี้ยวกินทีละน้อย ไม่กินฮวบฮาบจนเจ็บ.

สัตวที่เขาเล่าอีกชนิดหนึ่งวันนั้นคือหมีขาว เรียกกันว่าหมีขั้วโลก คือมันอยู่ตามที่ใกล้ ๆ ขั้วโลก หมีชนิดนั้นมีน้อยเข้าทุกที เขาว่าไม่ช้าก็จะสิ้นพันธุ์ คนมักจะเห็นมันเดินเร่ออยู่บนน้ำแข็งตัวเดียว หรือถ้าเห็นสองตัวก็คงจะเป็นแม่กับลูก ที่อยู่ของมันคือบนน้ำแข็ง อยู่กลางแจ้งไม่มีที่กำบังเลย จะหนาวเท่าไรก็ได้ทั้งนั้น หมีขาวนี้ใหญ่มาก เวลามันยืนสองตีนสูงตั้งแต่พื้นถึงปลายจมูกถึง ๑๑ ฟุตก็มี น้ำหนักตัวใหญ่ ๆ หนักถึง ๓ ใน ๔ ของตัน แต่ถึงตัวหนักก็ว่ายน้ำเก่ง เมื่อว่ายไปถึงน้ำแข็งก้อนโต ๆ ซึ่งลอยสูงพ้นน้ำจวนสุดเอื้อม มันก็เอื้อมขาหน้าขึ้นไปเกาะแล้วโหนตัวขึ้นไป มันเป็นสัตว์มีกำลังมาก จึ่งยกน้ำหนักกว่าครึ่งตันขึ้นไปได้โดยกำลังขาเท่านั้น หมีขาวโดยมากไม่เคยเห็นคน ไม่รู้ว่าคนเป็นสัตว์ใหม่ชนิดไร มันก็ตามดูแลสกดรอยเก่ง โดยมากเมื่อคนตามมันไป มันก็เดินนำไปตามทางที่เห็นตัวกันบ้าง บังก้อนน้ำแข็งซึ่งลุ่ม ๆ ดอน ๆ ขึ้น ๆ ลง ๆ บ้าง คนมัวตามมันไป เผลอประเดี๋ยวมันอ้อมไปตามอยู่ข้างหลัง กลายเป็นหมีตามคน ไม่ใช่คนตามหมี เพราะฉนั้นคนต้องไปด้วยกัน ๒ คน เพื่อจะได้ช่วยกันดูหน้าดูหลัง ไม่เช่นนั้นก็กลัวเสียทีมัน เวลาหมีจะทำร้ายคน มันเดินสองตีนตรงเข้าหา พอถึงตัวก็เอามือตบ มือมันแต่ละข้างตบถูกทีเดียวกระดูกเลอียด.

ที่เล่าเรื่องหมาและหมีนี้ เล่าตามที่ผู้ไปใกล้ ๆ ขั้วโลกเขากลับมาเล่า ฟังเขาเล่าสนุกกว่าอ่านหนังสือ เพราะหนังสือมันเป็นกระดาษ ฟังเขาเล่ามันมีตัวคนติดต่อกับเหตุการที่นำมาเล่า ความรู้สึกผิดกัน.

ที่นี้จะพูดของเราเองบ้าง พื้นที่ที่ขั้วโลกและใกล้ ๆ ขั้วโลกนั้นไม่มีคนอยู่ อย่าว่าแต่คน แม้สัตว์ก็ต้องเป็นชนิดที่ทนหนาวเก่งที่สุดจึงจะอยู่ได้ มนุษย์เป็นสัตวซึ่งถือตัวว่าเป็นเจ้าโลก เพราะมีปัญญาซึ่งใช้เป็นอำนาจข่มสัตว์อื่น ๆ ได้ อันที่จริงโลกจำเป็นแก่มนุษย์ แต่มนุษย์ไม่จำเป็นแก่โลก ถ้าโลกระเบิดไปพรุ่งนี้มนุษย์ก็จะหมดไป แต่ถ้ามนุษย์ฆ่ากันตายหมดพรุ่งนี้ โลกก็จะอยู่ตามเดิม.

ที่นี้จะพูด “ต่างว่า” สักสองสามข้อ ซึ่งในที่สุดจะรวมเป็นข้อเดียว ต่างว่ามีผู้ทำหีบ ๆ หนึ่ง กว้าง ๒๐ เส้น ยาว ๒๐ เส้น สูง ๒๐ เส้น แล้วเอาวางไว้ที่ทุ่งพญาไท เป็นหีบใหญ่ที่สุดในโลก ถ้าจะเทียบความสูงกับตึกไพบูลย์สมบัติ ที่เรียกกันว่าตึก ๙ ชั้น หีบก็สูงกว่าตึกประมาณ ๒๐ เท่า เราขึ้นไปอยู่บนชั้นยอดของตึก ๙ ชั้น แลดูลงไปถึงถนนชักจะเวียนหัว ถ้าขึ้นไปยืนบนหลงหีบเห็นจะใจหวิวพิลึก.

ในโลกนี้มีมนุษย์ประมาณ ๒ พันล้านคน คน ๒ พันล้านนั้นถ้าเอาลงบันจุในหีบ หีบจะมีที่จุคนทั้งหมด คือว่าคน ๒ พันล้านจะลงในหีบนั้นได้ ไม่แน่นเหมือนปลาซาดีนด้วยซ้ำ ที่ว่านี้ถ้าไม่ทันคิดก็นึกว่าพูดผิด แต่ที่จริงไม่ผิด ลองคิดเลขสอบดูเถิด เมื่อคนลงไปอยู่ในหีบหมดทั้ง ๒ พันล้านแล้ว ที่ในหีบจะยังหลวมอยู่อีกเป็นกอง การที่จะคิดเอาเป็นผู้ใหญ่เต็มที่สูง ๖ ฟุตทั้ง ๒ พันล้านคน หีบก็จะยังหลวมอยู่นั่นเอง.

ทีนี้พูดถึงพญาครุธ พญาครุธเป็นนกแขก ไม่ใช่นกไทย คนไทยเอาความคิดเรื่องพญาครุธมาจากแขก นกชนิดที่ทำให้เกิดความคิดเรื่องพญาครุธขึ้นในหัวแขกนั้นคือนกชนิดเหยี่ยว ตามภาษาของคนบางจำพวกในอินเดีย ครุธแปลว่าเหยี่ยว คือเรียกพญาครุธ คนบางจำพวกเรียกตลอดไปจนถึงแร้ง.

แต่พญาครุธคือท่านองค์แดงที่ใช้เป็นตราแผ่นดินนั้นเป็นเทวดานก เป็นหัวหน้าของนกทั้งหลาย มีฤทธิ์ทำตัวให้เล็กจนลอดรูเข็มก็ได้ ให้ใหญ่จนคาบภูเขาไปก็ได้ หีบที่วางไว้ที่ทุ่งพญาไทนั้น พญาครุธคาบไปได้สบาย.

ทีนี้พูดถึงภูเขาแลทเล เขาสูงที่สุดในโลกนี้อยู่ในหมู่เขาหิมาลัย ที่พูดกันว่าหิมาลัยนั้น อย่านึกว่าเขาเดียว มีกี่เขาต่อกี่เขาไม่รู้แน่ ถ้าจะชลอเขาหิมาลัยทั้งหมู่ไปตั้งในยุโรป จะกินพื้นที่ตั้งแต่เมื่องคาเลส์ในประเทศฝรั่งเศสไปจนถึงทเลดำ ถ้าจะเทียบความสูงของเขาในหมู่หิมาลัยกับเขาอื่น ๆ ในโลก หิมาลัยมี ๑๔ ยอดซึ่งสูงกว่าเขาไหน ๆ ทั้งนั้น ถ้าเทียบกับเขาสูงในยุโรป หิมาลัยมีกว่า ๔๐ ยอด ซึ่งสูงกว่าเขาสูงที่สุดของยุโรป เขาสูงที่สุดในหมู่หิมาลัยคือสูงที่สุดในโลกนั้นเชื่อกันว่าเขายอดที่ฝรั่งเรียกว่า “เอเวอเร็สต์” ชื่อสํสกฤตชื่อ “เคาริศังกร” สูง ๒ หมื่น ๙ พันฟุตเศษ คนพยายามจะปีนให้ถึงยอด เสียชีวิตแลทรัพย์มากมายแล้วก็ยังไม่สำเร็จ

แต่ถึงเขาสูงเช่นนั้น ทเลยิ่งลึกไปกว่า ทเลที่หว่างเกาะฟิลิปปินกับเกาะญี่ปุ่นลึกถึง ๓ หมื่น ๕ พันฟุตเศษ ถ้าเอาเขาเอเวอเรสต์หย่อนลงไปในทเลตรงนั้น ยอดเอเวอเร็สต์จะยังจมอยู่ลึกมาก เขาสูงสุดในเมืองไทยเราคือ ดอยอินทนน (หรืออ่างกา) ในมณฑลพายัพ ถ้าเอาดอยอินทนนวางบนยอดเอเวอเรสต์อีกที ยอดดอยอินทนนก็เห็นจะพอปริ่ม ๆ น้ำ

ทีนี้ต่างว่าพญาครุธคาบหีบซึ่งวางไว้ที่ทุ่งพญาไท มีมนุษย์ในนั้น ๒ พันล้านคน เอาไปทิ้งลงที่ทเลหว่างเกาะญี่ปุ่นกับเกาะฟิลิปปิน ป๋อมเดียวเสร็จ มนุษย์ในโลกนี้ก็เป็นอันไม่มีเหลือ แต่โลกก็ไม่ผิดกันเลย โลกจะยังหมุนเคว้ง ๆ รอบพระอาทิตย์อยู่อย่างแต่ก่อน ต่างว่าชาวพระอังคารส่องกล้องดูโลก ก็จะเห็นอยู่อย่างเดิม ไม่แปลกไปสักนิดเดียว เหตุฉนี้ที่มนุษย์วางตัวเป็นเจ้าของโลกนั้น โลกไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็ไม่ขัดข้อง บังคับแต่เพียงว่าต้องปฏิบัติตามธรรมชาติเท่านั้น ถ้าไม่ใช่มนุษย์เป็นเจ้าของโลก ช้างจะเป็น หรือหนูจะเป็น ก็เหมือนกัน โลกไม่รับรู้ แต่ไม่ขัดข้อง ขอแต่ว่าต้องอยู่ในระเบียบของธรรมชาติเท่านั้น

เมื่อ ๒ แสนปีมาแล้ว คนเราเดินสี่ตีนแข็งแรงมากกว่าเดี๋ยวนี้ เขี้ยวคมกว่าเดี๋ยวนี้ ปีนต้นไม้เก่งกว่าเดี๋ยวนี้ การกินการอยู่ง่ายกว่าเดี๋ยวนี้ แต่เมื่อเทียบกับสัตว์อื่น ๆ คนก็อ่อนแอเป็นอันมาก สัตว์ที่ข่มคนในสมัยโน้นบางชนิดตัวยาว ๑๐๐ ฟุต หนักเท่ากับรถไฟคันหนึ่ง ฟันคมเหมือนเลื่อย บางชนิดมีเกราะติดตัวอยู่เสมอ, มนุษย์ไม่มีทางจะสู้ได้ แม้แต่สัตว์ชนิดคั้งคาวก็คาบคนไปกินได้สบาย.

ถ้าจะพูดตรงกันข้าม มีสัตวบางชนิดซึ่งเล็กจนเห็นไม่ แต่เกิดเร็วเหลือทน ถ้าปล่อยให้เกิดแลจำเริญอยู่สักปีเดียวก็จะเต็มโลก เผอินมีสัตว์ชนิดอื่นคอยทำลายกันอยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นมันก็เป็นเจ้าโลกเสียนานแล้ว แม้อ้ายตัวยาว ๑๐๐ ฟุตก็จะแพ้ ถึงแม้ฟันจะคมเหมือนเลื่อย ก็กัดสัตว์ที่เล็กจนแลไม่เห็นไม่ได้.

อนึ่งมนุษย์เราจะอยู่ได้ก็ต้องเลือกที่อยู่ที่เหมาะ แต่สัตว์บางชนิดมีภูมิลำเนาอยู่บนน้ำแข็งกลางแจ้ง บางชนิดอยู่บนเขาสูงซึ่งเราอยู่ไม่ได้เพราะหายใจไม่ออก บางชนิดอยู่ในทเลซึ่งเราลงไปไม่ได้ บางชนิดอาจว่ายเล่นเจ็ดหัวเจ็ดหางในน้ำมันก๊าซ บางชนิดขาจะหลุดไปเสียสัก ๒ ขาก็ยังไม่เป็นไร เช่นจิ้งหรีดเป็นต้น แต่คนเราถ้าร่างกายไม่ดีอยู่พร้อมก็สิ้นฤทธิ์ พูดสั้น ๆ มนุษย์เราเสียเปรียบสัตว์อื่นเป็นอันมาก ในการทนทานความลำบาก.

แต่เหตุไรมนุษย์ซึ่งเป็นลิงเดิน ๔ ตีนอยู่เมื่อ ๒ แสนปีนี้ จึงกลายเป็นเหมื่อนหนึ่งเจ้าโลก ที่เป็นดังนั้นเพราะมนุษย์เป็นสัตว์มีปัญญา คือมีมันสมองใช้คิดได้ ที่ว่าเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่ามนุษย์มีปัญญาเสมอกันทั้ง ๒ พันล้านคน คนมีปัญญาจริง ๆ มีไม่มาก คนส่วนมากอาศัยใช้ประโยชน์จากปัญญาของคนส่วนน้อยเท่านั้น ยกตัวอย่างเป็นต้นว่า คนมีปัญญามากคนหนึ่งคิดหลักเครื่องยนต์ขึ้น คนปัญญาน้อยหลายคนอาศัยความคิดของเขาเอาไปทำรถยนต์ คนไม่มีปัญญาก็เลยได้อาศัยขี่.

เมื่อมนุษย์ได้เกิดมาจนมีถึง ๒ พันล้านคนใน ๒ แสนปีฉนี้แล้ว ก็มีสิ่งไรเล่าที่จะมาทำลายมนุษย์ ถ้าพระอาทิตย์เย็นลงไปจนไม่ส่งความร้อนมาเลี้ยงโลก หรือถ้าโลกแตกไปด้วยกระทบกับดาวดวงอื่นหรืออะไรก็ตามเราก็ตายหมด เหตุการที่เกิดเช่นนั้นเป็นของพ้นอำนาจที่เราจะป้องกันได้ เป็นอันจนใจไม่มีคำพูด แต่ถ้าไม่เกิดเหตุที่ทำให้โลกเป็นที่อาศัยไม่ได้ ก็มีสิ่งไรเล่าที่จะทำลายมนุษย์ การตอบปัญหานี้ ถ้าจะพยากรณ์ทางวิชา ฉันก็พยากรณ์ไม่เป็น แต่นึกว่าเครื่องที่จะทำลายมนุษย์นั้นเห็นอยู่อย่างหนึ่ง คือมนุษย์ด้วยกันเอง มนุษย์จะเป็นผู้ทำลายมนุษย์ เว้นแต่จะรู้ตัวแลคิดหลีกเลี่ยง ลู่ทางที่จะทำให้เกิดการเช่นนั้น เสือไม่กินเสือ หมาไม่กินหมา เพราะฉนั้นเสือไม่ฆ่าเสือ หมาไม่ฆ่าหมา มันจะกัดกันบ้างก็ใช้เขี้ยวเล็บในตัวมันเอง ถึงจะเจ็บก็ไม่ค่อยถึงตาย ส่วนมนุษย์นั้น ถึงไม่กินกันเองก็ฆ่ากันเอง, แลถ้าทำร้ายกันก็มักจะตาย เพราะใช้อาวุธนอกตัวคือปืนเป็นต้น อนึ่งสัตว์มันจะวิวาทกันในจำพวกกันเอง ก็มักจะวิวาทกันเฉพาะตัว แต่คนเราวิวาทกันเป็นจำนวนล้าน ๆ เช่นในสงครามใหญ่ที่แล้วมา (สงครามโลกครั้งที่ ๑) เป็นต้น ส่วนการวิวาทของสัตว์นั้น มักจะเป็นด้วยเหตุเดียวกัน เพราะแย่งอาหาร หมากัดกันเพราะแย่งก้าง ถ้าใช้ก้างเป็นคำเปรียบ มนุษย์ทำสงครามกันก็เพราะแย่งก้างเสมอ การวิวาทระหว่างหมู่เล็กหมู่น้อยหรือแม้ระหว่างบุคคล ก็มักจะเป็นด้วยเหตุเดียวกัน ที่พูดนี้เป็นธรรมดาสัตว์ (ซึ่งรวมมนุษย์เข้าด้วย) แต่คำว่า “ก้าง” ของมนุษย์นั้น รวมตลอดไปถึงทรัพย์ทั้งหลายด้วย มนุษย์มีปัญญารู้จักสะสมทรัพย์ เมื่อสะสมได้แล้ว คนอื่นก็อิจฉาแลอยากได้ เลยเป็นเหตุให้วิวาทแลทำสงครามกัน เหตุนั้นแหละเมื่อมนุษย์เกิดมากขึ้นมากขึ้นแล้ว ก็น่ากลัวจะเสื่อมลงไปเพราะมนุษย์ด้วยกันเอง คือว่ามนุษยนี้แหละจะเป็นผู้ทำลายมนุษย์

ถ้าถามว่าทำไมมนุษย์จะต้องทำลายกันเอง ก็จะต้องตอบว่าเพราะปฏิบัติผิดธรรมชาติ เมื่อกี้ได้กล่าวแล้วว่า มนุษย์จะอ้างตัวเป็นเจ้าโลก โลกก็ไม่ขัดข้อง แต่ถ้าทำผิดกฎของโลกคือผิดธรรมชาติเมื่อไร โลกก็ลงโทษ บัญญัติของธรรมชาติอย่างหนึ่งซึ่งจะพูดเปรียบว่า ควาย ๑๐๐ ตัว ไปรวมกันอยู่ในทุ่งซึ่งมีหญ้าพอสำหรับควายเพียง ๑๐ ตัว ถ้าขืนไปอยู่จะต้องตาย ๙๐ ตัวเป็นอย่างน้อย ฉันใดควาย ฉันนั้นคน มนุษย์เกิดมากขึ้นมากขึ้น ที่ไหนอยู่สบายก็ไปรวมกันอยู่จนแน่นขึ้นทุกที ครั้นที่ไม่พออยู่ไม่พอกินก็รุกเข้าไปในที่ของผู้อื่น แย่งกันทั้งที่อยู่ แย่งกันทั้งทางหากิน การรบราฆ่าฟันก็เกิดขึ้น หิงสาพยาบาทก็เกิด ที่เป็นเช่นนี้จะแก้ไขได้อย่างไรฉันก็ไม่รู้ ใคร ๆ ก็ไม่รู้ ถ้ารู้สันนิบาตชาติก็คงจะไม่อิหลักอิเหลื่อเหมือนเดี๋ยวนี้ ถ้าพูดส่วนตัวบุคคลก็มีทางที่ถือป้องกันการร้าวฉานได้บ้างในวงแคบ ๆ เช่นในโรงเรียนเป็นต้น วิธีป้องกันนั้นคือทำใจดีต่อกัน ไม่อิจฉากัน แลไม่โกรธกันง่าย ๆ พูดสั้น ๆ ก็คือรักษาสามัคคีในหมู่ของเราไว้ให้ได้ดี เชื่อคำพระพุทธเจ้า ในเรื่องปัญหายาก ๆ เช่นนี้ พระพุทธเจ้าถูกเสมอ ถ้าสันนิบาตชาติทำให้คนเชื่ออย่างที่พระพุทธเจ้าว่าได้ สันนิบาตชาติจะห้ามการวิวาทระหว่างชาติได้สำเร็จ แต่สันนิบาตชาติจะทำอย่างไรให้คนเชื่อพร้อมกันหมดกยังไม่แลเห็นทาง เพราะอย่าว่าแต่คนในศาสนาอื่น แม้คนในพุทธศาสนาด้วยกัน ก็มีเวลาที่ไม่ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าเหมือนกัน เป็นต้นว่าในพุทธกาล พระเจ้าวิฑูฑภะก็ฆ่าพวกสากยะลงไปจนทารกยังไม่อดนม ที่ทำดังนั้นใช่ว่าไม่นับถือพระพุทธเจ้า แต่ก็ทำทั้งที่เชื่อแลนับถือนั่นเอง.

พูดเพียงวงแคบ ๆ เด็กนักเรียนรักษาสามัคคีในวงโรงเรียนไว้ก็จะมีความเรียบร้อย ถ้าวงมันกว้างออกไปจนถึงการงานประเทศแลระหว่างประเทศ มันสุดเอื้อมของเราก็เป็นอันจนใจ เราทำได้เพียงวงแคบของเราเพียงไหนก็ทำเพียงนั้น เมื่อนึกจะมีความเจริญในวงของเรา ชี้ให้เห็นง่ายๆตื้นๆ ในโรงเรียนถ้าเรียบร้อยไม่มีร้าวฉานกัน การเรียนก็จะเรียนได้ดี สอบไล่ไม่ค่อยตก ที่พูดนี้พูดให้นักเรียนฟัง แต่ว่าใช้ได้ทั่วไปหมดตลอดถึงสันนิบาตชาติด้วย.

 

  1. ๑. เมื่อ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๗

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ