นานาประการ

หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งในอเมริกาเขียนว่า สันนิบาตชาตินั้น ถ้าปรากฏแน่นอนว่า จะสันนิบาตกันจริง ๆ จัง ๆ ไปไม่ไหว ก็ยังจะมีประโยชน์สำหรับเป็นสโมสรเปล่งโวหารประชันกัน และสำหรับสืบสวนเก็บตัวเลขรายงานเรื่องหญิงคนชั่วเป็นต้น.

ที่เขียนเช่นนั้นก็เป็นการพูดเล่น แต่ความจริงมีอยู่ว่า แม้ในเรื่องปัญหาสังสรรค์เช่นเรื่องหญิงคนชั่ว เรื่องยาเสพยติด เรื่องอนามัย เรื่องการเงินเช่นที่ได้ช่วยจัดให้ออซเตรียจนตั้งตัวได้ เรื่องกิจการที่ต้องสอบสวนทางวิชา เช่นการขุดอ่าวและทำท่าเรือกรุงเทพเหล่านี้ สันนิบาตชาติมีประโยชน์ แต่งานปิดทองหลังพระเหล่านี้ไม่ค่อยจะทราบกันแพร่หลาย ไม่แซ่เซ็งเหมือนความไม่สำเร็จในการคิดเลิกสงคราม.

มนุษยมีสภาพเป็นสัตวซึ่งชอบอยู่เป็นหมู่เป็นเหล่า ถ้าจะเปรียบดิรัจฉาน ก็เป็นพวกงัวและช้าง ซึ่งชอบอยู่เป็นโขลง ไม่ใช่เสือและหมาจิ้งจอก ซึ่งมักอยู่เดี่ยว การเป็นดังนี้ คนจึงชอบมีสโมสร มีบ่อนเล่นและบ่อนเจรจา ในเมืองเรา บ่อนอาจอยู่ตามบ้านก็ได้ ตามวัดก็ได้ พวกไปฟังเทศน์ที่วัดวันพระ ถ้าไต่ถามกันจริง ๆ ก็อาจได้ความว่า เทศนาที่แสดงบนธรรมาศน์นั้น ก็ส่วนหนึ่ง แต่การพบปะพูดจาวิสาสะกับพระสงฆ์ที่มิได้อยู่บนธรรมาศน์ หรือกับพวกอุบาสกอุบาสิกาด้วยกัน ย่อมเป็นส่วนสำคัญที่ชวนให้ไปที่วัด ถ้าจะเอาเทศน์ในแผ่นเสียงมาเปิดให้ฟัง ถึงจะเป็นเทศนฺของธรรมกถึกวิเศษ ก็เห็นจะหมั่นไปฟังน้อยเข้า.

ฉันใด บุคคลต้องการแหล่งกลางหรือบ่อนเจรจาฉันนั้น เทศชนหรือประเทศ ในสมัยโบราณ เมื่อโลกยังแบ่งเป็นวงเล็ก ๆ บ่อนเจรจาของเทศชนหรือประเทศต่าง ๆ ก็อยู่ ณ กรุงซึ่งเป็นราชสำนักของพระเจ้าแผ่นดินจักรพรรดิราชย์ เช่นไทยก็เคยไปเข้าบ่อนเขมรโบราณ และเขมรชั้นหลังมาเข้าบ่อนไทย ไทยเคยไปเข้าบ่อนหงสาวดี (ตอนต้นแผ่นดินพระมหาธรรมราชา) และบางทีจะเคยไปเข้าบ่อนจีนด้วยก็เป็นได้ จีนเคยเตือนส่วยจากสยามมาจนแผ่นดินพระจุลจอมเกล้าจึงเลิก ในยุโรปเทศชนหลายหมู่ได้มีบ่อนเจรจาอยู่ที่ราชสำนักของเจ้าแผ่นดินราชวงศ์แฮบสะบวค (ออซเตรีย) และราชวงศ์ออซมัน (เตอร์กี) เป็นต้น ในปัจจุบัน (๒๔๗๙) บ่อนเจรจาของจักรพรรดิราชย์อังกฤษ (บริเตน ไอริชฟรีสเตด คานาดา แอฟริกาใต้ ออซเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฯลฯ) ก็คือลอนดอน และเมืองหลวงประเทศอื่น ๆ ก็เป็นบ่อนใหญ่บ้างเล็กบ้างหลายประเทศ.

แต่เดี๋ยวนี้เมื่อความติดต่อของโลกถึงกันหมด ใครจะแยกอยู่กินและค้าขายจำเพาะในดินแดนของตน โดยไม่รู้ไม่ชี้กับประเทศอื่น ๆ ก็ไม่ได้ดังแต่ก่อน บอนเจรจาย่อยจึงไม่พอ ต้องมีบ่อนใหญ่เป็นบ่อนรวมอีกชั้นหนึ่ง บ่อนรวมเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่สันนิบาตชาติ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรมาแทนได้ ต่อไปภายหน้า ถ้าเกิดมีเอ็มเปอเรอบุญหนักศักดิ์ใหญ่มีอำนาจครองได้ทั้งโลก บ่อนเจรจาของโลก ก็คงจะอยู่ที่ราชสำนักของเอ็มเปอเรอองค์นั้น แต่โลกเดี๋ยวนี้กว้างใหญ่นัก จะหาบุคคลเป็นเอ็มเปอเรอครองโลกได้ทั่วไปเห็นจะไม่มีในภายหน้า เพราะฉนั้น บ่อนรวมก็จะต้องเป็นเช่นสันนิบาตชาตินี้เอง แต่จะเปลี่ยนแปลงหรือปั้นรูปใหม่อย่างไร ให้มีวาศนาดีกว่าเดี๋ยวนี้ (๒๔๗๙) ก็จะต้องคอยฟังผู้มีอำนาจและปัญญาออกความคิดต่อไป.

ผู้เขียนเขียนดังข้างบนนี้แล้ว ก็คิดโล่งใจที่กรรมการสันนิบาตชาติอยู่ถึงเจนีวา ถ้าอยู่ในกรุงเทพ และผู้เขียนเขียนว่าสันนิบาตชาติ “ห้ามทัพ” ไม่สำเร็จอย่างนางวันทอง กรรมการสันนิบาตชาติบางคนที่เป็นชาวกรุงเทพ ก็อาจย้อนตอบว่า ถ้าติว่าห้ามทัพไม่สำเร็จก็เชิญมาช่วยถี่ซี ถ้าติแล้วไม่ทำ ก็เรียกว่าตำหนิในทางทำลาย ไม่ใช่ตำหนิในทางสร้าง ใช้ไม่ได้.

ผู้เขียนรู้จักผู้แทนคนแรกที่เอาคำอังกฤษว่า destructive criticism และ constructive criticism มาเขียนชี้แจงว่าเป็นตำหนิในทางทำลาย และตำหนิในทางสร้าง ก่อนนั้นไม่ปรากฏในหนังสือไทยว่า ใครเคยแยกตำหนิเป็น ๒ ประเภท ต่อนั้นมาก็มีผู้เข้าใจความหมายของประเภทแห่งตำหนิมากขึ้นทุกที จนใช้กันแทบจะเป็นมะม่วงตื่นดก แต่มะม่วงเป็นของเน่าง่าย การใช้ความรู้ในเรื่องแยกประเภทแห่งตำหนิ ถ้าใช้โดยเข้าใจไม่สนิท ก็เน่าได้เหมือนกัน.

สมัยนี้ เราได้ยินคำว่า ตำหนิสร้าง และตำหนิทำลาย ใช้กันมากมาย ถ้าใครกล่าวว่าอะไรไม่ดี ก็ต้องเข้าไปช่วยทำให้ดี มิฉนั้นถูกกล่าวหาว่า เป็นตำหนิทำลาย อันสุภาพชนย่อมไม่ทำ ถ้าสถาปนิกก่อตึกทรุด และแพทย์กล่าวตำหนิ แพทย์ก็ต้องไปช่วยทำให้ตึกหายทรุด ถ้าไม่ทำ ก็ไม่เป็นตำหนิในทางสร้าง ข้อที่แพทย์ก่อตึกไม่เป็น เพราะไม่เคยเรียนและไม่เคยแสดงตนว่าเป็นสถาปนิกนั้น ไม่ต้องพูดถึง ส่วนความทรุดของตึกนั้น ใคร ๆ ก็เห็น และใคร ๆ ก็รับรองว่าทรุดจริง แต่ใครอย่าไปว่าทรุดเข้า มิฉนั้นเป็นการติเตียนอย่างทำลาย ใช้ไม่ได้ มิใช่คติอันสุภาพชนพึงปฏิบัติ

แนวความคิดชนิดนี้น่ารำคาญนัก เมื่อเร็ว ๆ นี้ หนังสือพิมพ์กล่าวว่าถานพระบรมรูปพระพุทธยอดฟ้าทรุด ซึ่งเป็นของจริง และเป็นของควรนักที่นักหนังสือพิมพ์จะกล่าวร้องเรียนขึ้น แต่ถ้าจะพูดตามแนวความคิดที่กล่าวมาแล้ว หนังสือพิมพ์ก็จะถูกย้อนตอบว่า ถ้าว่าทรุด ก็จงช่วยแก้ มิฉนั้นเป็นตำหนิในทางทำลาย ซึ่งเย็นตละแมนไม่ทำ ข้อที่สำนักหนังสือพิมพ์เป็นสำนักเขียนหนังสือ ก่อถานพระบรมรูปไม่เป็น และไม่เคยประกาศว่าก่อเป็นนั้น ผู้เข้าใจคำว่าตำหนิสร้างและตำหนิทำลายดังที่กล่าวมานั้นหาคำนึงไม่ อนึ่ง พวกนั้นไม่ทันนึกว่า พวกที่จะเยียวยาถานพระบรมรูปได้ โดยวิชาที่ได้ร่ำเรียนฝึกหัดมานั้น ก็คงจะมีอยู่เป็นหมู่เป็นกรม แต่หมู่หรือกรมนั้น ไม่ใช่ผู้ติว่าทรุด ก็ไม่ถูกเรียกร้องให้ทำ

ที่ผู้เขียนนำเอาเรื่องถานพระบรมรูปมาพูดนี้ เป็นการสมมติขึ้น เป็นเครื่องเทียบเท่านั้น หนังสือพิมพ์ไม่เคยถูกท้าว่า ถ้าเขียนออกความเห็นเป็น ก็จงไปซ่อมถานพระบรมรูป ผู้เขียนขออภัยต่อเจ้าหน้าที่ซ่อมถานพระบรมรูป (ซึ่งไม่ทราบว่าใคร) ในการที่นำมาสมมติเป็นตัวอย่าง และขอให้ผู้อ่านเข้าใจว่า ที่ยกเอาถานพระบรมรูปมากล่าวนี้ เป็นการกล่าวเทียบเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องเช่นนั้นจริง ๆ เรื่องจริงๆ ถ้าต้องการ ก็คงจะหาได้ แต่เป็นเรื่องอื่น.

ถ้าไม่เคยมีใครนำเอาคำอังกฤษว่า constructive criticism และ destructive critisism มาชี้แจงเลยก็จะดี จะได้ไม่มีใครเข้าใจผิด ถ้าผู้รู้จะต้องใช้ศัพท์คู่นั้น ก็มีภาษาอังกฤษใช้อยู่แล้ว ผู้ที่ไม่รู้ก็ไม่ต้องการใช้ เหมือนคนที่ไม่เคยรู้ว่า มีฮอสแรดิช ก็ไม่มีเวลาอยากกินฮอสแรดิชเลย.

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ