วิธีของหัวหน้าคน

ได้ยินกล่าวกันว่า ห้องทำงานของซินญอมุซโซลินี เป็นห้องยาวแคบ โต๊ะของมุซโซลินีตั้งอยู่ปลายห้อง ตรงข้ามกับทางเข้า ผู้จะเข้าไปหาต้องเดินไกล จึงจะถึงโต๊ะ ที่ใช้ห้องยาวและตั้งโต๊ะปลายห้องเช่นนี้ ไม่ใช่เพื่อจะรักษาตัวเพราะเกรงคนเข้าไปทำร้าย แต่กล่าวกันว่า คนที่เข้าไปหามักจะประหม่า เมื่อโผล่เข้าไปในห้อง กว่าจะเดินเข้าไปถึงโต๊ะ ก็มักลืมคำที่เตรียมเข้าไปจะพูด ในที่สุดมีอะไรจะพูด ก็พูดออกมาลุ่น ๆ ไม่มีถ้อยคำเป็นเครื่องประดับ เป็นการเสียเวลาน้อยเข้า.

สตาลินผู้บงการประเทศรัซเซีย ใช้แบบเดียวกับมุซโซลินีอย่างหนึ่ง คือว่าเมื่อเจ้าหน้าที่นำเรื่องเข้าไปเสนอขอคำสั่ง ก็ถามเสียก่อนว่า เจ้าหน้าที่เห็นอย่างไร ธรรมดาผู้บงการประเทศ ย่อมจะคล่องในการมีความเห็น เจ้าหน้าที่ซึ่งถูกถามว่าเห็นอย่างไร ก็ทราบว่านายของตัวมีความเห็นแล้ว บางคนก็พยายามเดาความเห็นนายเพื่อตัวเองจะได้ออกความเห็นให้เหมือน แต่ก็เดาถูกบ้างผิดบ้าง ไม่ช้านายก็จับแววได้ วิธีนี้เขาว่ามุซโซลินีเอามาจากหนังสือ อิล ปรินซิเป ซึ่งนักปราชญ์อิตาเลียน (Machiavelli) แต่งไว้หลายร้อยปีแล้ว แต่สตาลินนั้นในว่า ๆ วิธีนี้ “เกิดในบัณฑิตย์”

เรื่องนี้เป็นเรื่องถิโอดอร์รูซเว็ลต์กับตาฟต์ ซึ่งเป็นเปรซิเด็นต์ของสหปาลีรัฐอเมริกาทั้ง ๒ คน แต่เป็นคนละคราว.

ครั้งหนึ่งรูซเว็ลต์ไปในแคว้นวิยอมิง มีคนมาคอยพบเป็นแถวยาว เข้าไปจับมือด้วยทีละคน ล้วนแต่เป็นพวกที่ยินดีต่อรูซเว็ลต์ทั้งนั้น ธรรมดาเมื่อไปในที่แปลกและมีคนแปลกหน้ามาหามากมายเช่นนั้น การที่จะทักทายว่ากระไรเป็นของแสนยาก เพราะคนเก่าไปคนใหม่มาอยู่แทบทุกนาฑี เปรซิเด็นต์ต้องจับมือด้วย และปราศัยตามแต่จะคิดออก เป็นกลอนสดทั้งนั้น ถ้าไม่รู้จัก และไม่รู้จะทักว่ากระไร ก็จับมือว่าสบายหรือ หรือเพียงแต่ยิ้มแสดงไมตรีเท่านั้นเอง.

มีนักเขียนหนังสือพิมพ์คนหนึ่งเป็นผู้รู้จักคนในแถบนั้นมาก ผู้นี้ยืนอยู่ข้างรูซเว็ลต์ คอยกระซิบบอกให้รู้ตัวว่า คนไหนที่เดินเข้าแถวเข้ามาใกล้จะถึง เป็นคนสำคัญ.

นักเขียน “คนหนวดครึ้มที่มานั้น เป็นคนภักดีต่อท่านมาก ท่านคงจำได้”

รูซเว็ลต์ “จำไม่ได้”

นักเขียน “เคยไปกินข้าวกลางวันกับท่านที่ไว้ต์เฮ้าซ์ (ชื่อบ้านเปรซิเด็นต์) ชื่อวัตซัน”

รูซเวลต์ “เป็นอันรู้จัก มีลูกกี่คน”

นักเขียน “มี ๕ คน อ้อ มี ๖ คน เพิ่งคลอดใหม่คนหนึ่ง เมื่อสองสามวันนี้เอง”

อีกประเดี๋ยวเดียว วัตซันก็เข้าไปถึง รูซเว็ลต์ยื่นมือ ๒ มือไปจับมือวัตซันสั่น “ดีใจจริงที่พบท่านวันนี้ ฉันไม่ลืมชั่วโมงที่เราคุยกันที่วอชิงตันวันนั้น ลูกสบายดีอยู่ทั้ง ๕ คนหรือ อ้อ ประเดี๋ยว ขอโทษ ผิดไป ๖ คน มีใหม่อีกคนหนึ่ง”

วัตซันเป็นผู้มีคนนับหน้าถือตาอยู่ในแคว้นนั้น เคยภักดีต่อรูซเว็ลต์มาแล้ว ตั้งแต่วันนั้นก็เลยบูชา.

ต่อนั้นมา นักเขียนหนังสือพิมพ์คนเดียวกัน ไปกับเปรซิเด็นต์ตาฟต์ในที่อีกแห่งหนึ่ง มีการรับแขกและมีแขกมาจับมือกับเปรซิเด็นต์เรียงเป็นแถวยาวตามเคย ครั้นมีคนหนึ่งเข้ามาใกล้ นักเขียนหนังสือพิมพ์ก็กระซิบว่า “คนผมพริกไทยกับเกลือนั้น เป็นคนนับถือท่านมาก ท่านคงจำหน้าได้”

ตาฟต์ “จำไม่ได้ ชื่ออะไร”

นักเรียนกระซิบบอกชื่อ แต่เปรซิเด็นต์กระซิบตอบว่า นึกหน้าไม่ออก ครั้นผู้นั้นเข้าไปใกล้ เปรซิเด็นต์ตาฟต์ก็จับมือ โดยอัธยาศัยอันดีแล้วว่า “เขาบอกฉันว่า ฉันควรจำท่านได้ แต่นึกไม่ออกเลย”

ผู้นับถือผู้นั้นเลิกนับถือเปรสิเด็นต์ตาฟต์แต่นั้นมา.

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ