นี่น๊ะ อรสา

ที่จริงน่ะน๊ะ อรสา เด็กสาว ๆ สมัยนี้ ก็ยังมีภาพ และสภาพ อภัทยภาพ เอกภาพ กันยาภาพ กฤตภาพ ตนุภาพ ทุรนิตภาพ ทวันทวภาพ โทรฺหภาพ สฺวภาพ สรฺวภาพ ฯลฯ อย่างสาว ๆ แต่ก่อน ยังเป็นมนุษย์เพศหญิงอยู่นั่นเอง จะผิดกันก็แต่ฝอยเท่านั้น.

ในประเทศฝรั่งเศสได้มีจลาจลเพื่ออิสรภาพของพลเมือง (เรียกนอกพงศาวดารว่า French Revolution) ในประเทศอังกฤษ ได้มีจลาจลเพื่ออิสรภาพของหญิง (เรียกนอกพงศาวดารว่า Wench Revolution) จลาจลชนิดหลังนั้น บางทีก็ใช้ศัพท์ว่า “ปลดทาสี” (Emancipation of Woman) หรือจะใช้ว่า He Mancipation ก็ได้ยินว่าได้) การปลดทาสีนั้นทำให้หญิงมีสิทธิเสมอชาย คือมีโหวต และจะเป็นตำรวจหรือเสนาบดีก็ได้.

อันที่จริง ในเมืองฝรั่งก่อนสมัยปลดทาสี ก็เคยมีผู้หญิงทำงานอย่างชายมาแล้ว เช่น ประพันธการิณี (ศัพท์นี้โข่งนักกระมัง) ครู และหมอเป็นต้น สมัยนี้หญิงเป็นอะไร ๆ ได้หลายอย่าง เว้นแต่ราชทูตและกงซุลอังกฤษเท่านั้นดอกกระมัง บางประเทศเขาว่ามีกองทหารหญิงด้วยซ้ำ ถ้าเกิดสงครามในยุโรปคราวหน้า คงจะมีหญิงนักบินอาสาไปทิ้งลูกบอมบ์เป็นแน่ (ทรงเรื่องนี้เมื่อ มิถุนายน ๒๔๗๙) ไม่แน่น๊ะ อรสา ว่าหญิงจะไม่ทิ้งลูกบอมบ์ แม่นกว่าชาย กองทหารฟ้าของเราเรียกหญิงสมัคเป็นนักบินลองดูบ้าง ก็จะดีกระมัง จะเรียกว่า “หมวดบอมบินี” ก็พอได้.

ในสยามนี้ก็ทำนองเดียวกันกับในยุโรป หญิงไทยโบราณเป็นกวีมีมากมาย ถ้าไม่เป็นก็บกพร่อง เพราะถ้าชายแต่งเพลงยาวไปให้ จะวานคนอื่นแต่งตอบ ก็ต้องโฆษณาความลับ ส่วนสมัยนี้พื้นเต้นรำทำหน้าที่แทนเพลงยาวได้.

หญิงแต่ก่อนรู้หนังสือก็ด้วยมีครูสอน ครูก็หญิงด้วยกัน อนึ่ง หญิงที่เป็นภรรยาหมอ บางทีก็กลายเป็นหมอ เพราะฉนั้น หญิงฝรั่งโบราณทำงานอย่างไหนได้บ้าง หญิงไทยโบราณก็เห็นจะทำได้ทุกอย่างดอกกระมัง.

แต่หญิงเดี๋ยวนี้กับหญิงโบราณ แลดูโลกจากคนละแง่ หญิงแต่ก่อนใช้แง่อยู่เย่าเฝ้าเรือน ถือคติผ้าพับไว้ สมัยนี้ผ้ารีดแล้วต้องแขวนจึงจะดี ถ้าขืนพับก็ยับ เมื่อคราวจะนุ่งก็ต้องรีดใหม่ เพราะฉนั้น คติผ้าพับไว้ใช้ไม่ได้ในสมัยนี้.

หญิงผู้ดีแต่ก่อนนุ่งผ้าอาบน้ำ หญิงผู้ดีเดี๋ยวนี้ถ้าไม่อาบน้ำในห้องมิดชิด ก็นุ่งกางเกง.

เด็กสาว ๆ เดี๋ยวนี้ ต้องเรียนวิชาหลายอย่าง ที่สาว ๆ สมัยโบราณไม่ต้องเรียน หญิงแต่ก่อนมีน้อยคนที่จะได้เรียนเลขจนถึงฉวาง กรณฑ์ หรือราหูค้นทรัพย์ เดี๋ยวนี้ถ้าเรียนอัลยีบราตอนต้น ๆ เท่านั้น ราหูค้นทรัพย์ก็ง่ายนักหนา นักเรียนสาว ๆ เดี๋ยวนี้ ถ้าเข้าอนุสภากาชาด ก็ต้องหัดอะไรหลายอย่าง ตั้งแต่เดินแถวดัดตนไปจนรำลคร ต้องเรียงสี่เป็น ต้องเป็นบ๋อยร้านอาหารเป็น ต้องเข้าเฝือกเป็น และต้องทำอะไร ๆ เป็นอีกหลายอย่างต่างหากจากการเรียนธรรมดา ต่อไปข้างหน้าถ้าตั้งกองลูกเสือหญิง (หรือจะเรียกว่ากระไรก็ตาม) เห็นจะต้องปลูกกระท่อมเป็น ถอนฟันเป็น และอาจผ่าท้องใส้ตันเป็นก็ได้ เขาว่าลูกเสือหญิงในเมืองอังกฤษต้องรีดนมวัวเป็น ต้องรู้จัก กา เป็ด และนกอีก ๕ ชนิดเป็นอย่างน้อย รู้จักทั้งเวลาที่มันเกาะอยู่กับที่ และเวลาที่มันบิน และเมื่อเห็นไข่ก็ต้องรู้ว่า ไข่ของนกชนิดไหนด้วย.

พูดไม่ใช่ยอดอกน๊ะ อรสา เดี๋ยวนี้มีความรู้ในโลกมากกว่าหญิงแต่ก่อน ความรู้ที่หญิงแต่ก่อนรู้ หญิงเดี๋ยวนี้ไม่รู้ก็มีบางอย่าง แต่ถ้าจะเทียบชนิดความรู้กัน หญิงเดี๋ยวนี้ก็รู้มากกว่า เป็นต้นว่าก่อนจะแต่งงาน เจ้าสาวเดี๋ยวนี้รู้เสียแล้วว่า เจ้าบ่าวรูปร่างหน้าตาสูงต่ำดำขาวอย่างไร และเต้นรำจังหวะดีหรือไม่ เจ้าสาวแต่ก่อน บางทีก็ไม่เคยเห็นหน้าเจ้าบ่าว แม้เมื่อรดน้ำกันเสร็จแล้ว ยังไม่เคยเห็นก็มี เพราะแกก้มหน้าตพัดในเวลารดน้ำ เพียงแต่จะชำเลืองดูสักนิดก็ไม่ชำเลือง.

แต่นี่แนะ อรสา ที่ว่าหญิงเดี๋ยวนี้มีความรู้ในโลกมากขึ้นนั้น ความรู้นอกโลกยังมีอีกมาก.

อรสา ทราบแล้วน๊ะ ว่าโลกหมุน ๒๔ ชั่วโมงต่อเที่ยว แลเวียนรอบพระอาทิตย์ ๓๖๕ วันต่อรอบ รู้ว่าดาวแต่ละดวงอยู่ไกลเต็มทน รู้ว่าพระจันทร์ทำให้น้ำขึ้นลง และยังมีอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่รู้.

แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่อรสาไม่รู้ และอีกหลายอย่างที่ไม่มีใครรู้ นักปราชญ์โบราณสืบกันมาหลายชั่วคน ได้เคยรู้แล้วกลับเป็นไม่รู้ก็มี เพราะเมื่อรู้ว่าถูกแน่แล้ว ก็ไปรู้ว่าผิดภายหลัง เป็นต้นว่า—

พวกตาเฒ่าฝรั่งโบราณ ตั้งแต่ขรัวคนหนึ่ง ซึ่งถ้ามีชีวิตมาจนป่านนี้ ก็อายุราว ๒๖๐๐ ปี (Thales of Miletus) ลงมาจนคนหนุ่มกว่านั้นหลายร้อยปี ซึ่งถ้าอยู่มาจนเดี๋ยวนี้ (พ.ศ. ๒๔๗๙) ก็มีอายุเพียง ๒๓๐๐ ปี (Plato) แกได้คิดกันมาหนักกว่าหนักว่า โลกพิภพนี้มันอะไรกันแน่ ตาเฒ่า ๒๖๐๐ ปีแกเกาหัวพิสวงอยู่ช้านานว่า ใครส่งฝนมาให้เรา ใครบันดาลให้ฟ้าร้อง ให้แผ่นดินไหว และบันดาลทำไม ต้องเข้าใจน๊ะ อรสา ว่าตาขรัวนั่นแกเบื่อเทวดาเต็มทน ไม่เชื่อว่าเทวดามีอำนาจจะเล่นตลกต่าง ๆ ที่แท้ดูเหมือนจะสงสัย ว่าไม่มีเทวดาด้วยซ้ำ แกตรึกตรองนานเข้า ก็เห็นแน่นอนในใจแกว่า น้ำนี่เองเป็นที่เกิดแห่งสิ่งทั้งหลาย ยังไง อรสา ตาเถรเฒ่านั้น แกว่าชอบกลไหม วิทยาศาสตร์เดี๋ยวนี้ว่า สัตว์บกทั้งหลายมีดั้งเดิมมาจากทเล คลานดิบ ๆ ขึ้นมาก่อน หลายชั่วเข้า ก็งอกปีกหางและตีนมือ นานเข้าก็กลายเป็นแมลงวัน เป็นช้าง เป็นลิง และพระราม เป็นยักษ์และทศกัณฑ์ เป็นกรรมการและกรรมาธิการ เป็นอธิบดีและเลขานุการิณี เป็นต้น

ตาเฒ่าโบราณต่อมาอีกรุ่นหนึ่งแกเห็นว่า อากาศให้ชีวิตแก่สิ่งทั้งหลาย ตาอีกคนหนึ่งต่อมาอีก แกกระเดียดจะเห็นว่าไฟ เราฟังคำอธิบายของแกก็มึน เพราะแกพูดไทยไม่เป็น ใช้ภาษากรีกโบราณทั้งนั้น.

แต่ว่า อรสา ตานั่นแกเป็นชาวเอเซีย จะเรียกแกว่าฝรั่งถูกหรือไม่ก็ไม่รู้ ในสมัยโบราณ คนมีปัญญาย่อมเกิดในทวีปเดียวกับเราทั้งนั้น อย่าลืมน๊ะ อรสา ว่าศาสนาใหญ่ ๆ ที่ยั่งยืนมาจนทุกวันนี้ เกิดในเอเซียทุกศาสนา.

เอาไว้วันอื่นว่าง ๆ ถึงพูดกันใหม่น๊ะ อรสา.

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ