พยานโหราศาสตร์

ตำราโหรกล่าวว่า ดาวนพเคราะห์ คือพระอาทิตย์ และพระจันทร์เป็นต้น ย่อมบันดาลสุขและทุกข์ให้เกิดแก่มนุษย์ นพเคราะห์เป็นเทวดา มีสภาพเป็นผู้ชอบฟังคำสรรเสริญ (สดุดี) นัยหนึ่งชอบยอ เมื่อมนุษย์รู้ว่าถึงกำหนดที่เทวดาองค์ไหนจะให้ความสุข ก็กล่าวสรรเสริญ เผื่อเทวดายินดีก็จะได้ให้ความสุขยิ่งกว่าที่ตั้งใจจะให้ ถ้ารู้ว่าถึงกำหนดที่เทวดาองค์ไหนจะให้ความทุกข์ ก็ยอและขอว่า ให้ยกเว้นเสียบ้างเถิด ดังนี้ถ้าเทวดาใจดีเราก็กล่าวว่ายอ เพื่อจะให้ใจดีมากขึ้น ถ้าเทวดาใจร้าย เราก็กล่าวคำยอ เพื่อจะให้ร้ายน้อยลง.

ตำราโหรมีมาหลายพันปี กล่าวว่าเป็นผลแห่งความสังเกตของมนุษยหลายร้อยชั่วคนในสมัยโบราณจริง ๆ จะชี้แจงเหตุแห่งผลนั้น ๆ ได้หรืออย่างไรไม่ปรากฏ แต่เมื่อเราไม่รู้เราจะเหมาว่าคนโบราณไม่รู้นั้นไม่ควร.

ในหนังสือมีกล่าวถึงมนุษย์หรือสัตว์เหาะได้ด้วยตัวเอง เช่นหณุมาน หรืออะไรเหาะเช่นโลเฉีย เราไม่เชื่อเพราะผิดธรรมดา แต่เดี๋ยวนี้ธรรมดาเองสอนให้มนุษย์ทำเรือเหาะ เหาะไปในฟ้าได้.

หนังสือบางเรื่องกล่าวถึงชุบชีวิตให้คืนมา คำสํสกฤตเรียกว่า “สัญชีวนี” เราสั่นหัวไม่เชื่อเลยจนนิดเดียว แต่เดี๋ยวนี้หย่อนการไม่เชื่อลง เพราะปรากฏว่า มีผู้ทำให้ดอกกล้วยไม้ ซึ่งแห้งเหลืองแล้วกลับสดขึ้นมาใหม่ และมีสีม่วงงามเหมือนเมื่อยังอยู่กับต้น และจะปักขวดอยู่ไปเช่นนั้นได้อีกตั้ง ๑๕ วัน.

หนังสือบางเรื่องกล่าวถึงเทวดามีลูกโดยไม่ต้องอาศัยหญิงเป็นผู้อุ้มท้อง เราอ่านแล้วก็สั่นหัวว่า ทำได้แต่เทวดาในหนังสือ มนุษย์นอกหนังสือทำไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้นักปราชญ์วิทยาศาสตร์ในเคมบริจคนหนึ่งพยากรณ์ว่า ใน ๑๕๐ ปีข้างหน้า ทารกที่เกิดในประเทศอังกฤษจะคลอดจากครรภ์มารดาเพียง ๓๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น.

ใน ค.ศ. ๑๙๐๑ มีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งผ่าเอาลูกกระต่ายในท้องแม่ไปใส่ในท้องกระต่ายตัวอื่น อย่างที่ฤษีผ่าเอาองคตจากท้องนางมณโฑไปใส่ท้องแพะ.

ต่อนั้นมาอีก ๑๓ ปี มีผู้ผ่าเอาลูกกระต่ายในท้องแม่มาเลี้ยงไว้ข้างนอกได้สองสามวัน.

ใน ค.ศ. ๑๙๒๕ ฮอลเดน (อาจารย์ในเคมบริจ) ผ่าเอาลูกหนูในท้องแม่ออกมาเลี้ยงไว้ได้ ๑๐ วัน แต่จะให้เลี้ยงไปจนโตยังไม่ได้ เพราะขาดน้ำยาที่จะเลี้ยง ยังคิดไม่ตก.

แต่ความสำเร็จแห่งการหาน้ำยาชนิดนั้นใกล้เข้ามาแล้ว จึงมีคำทายว่า ต่อไปข้างหน้าไม่เกิน ๒๐ - ๓๐ ปี อาจเกิดความรู้ให้คนมีกำเนิดนอกท้องแม่ได้ ความเกิดเช่นนั้นอาจทำได้โดยวิธีผ่าเอารังไข่จากหญิง มาแช่น้ำยาเลี้ยงไว้ในขวดหรือภาชนะอื่น น้ำยานั้นช่วยให้รังไข่มีชีวิตอยู่ได้ราว ๒๐ ปี และเกิดไข่เดือนละครั้ง ไข่นั้นเมื่อได้รับพืชชายซึ่งนำไปให้ตามกำหนด ก็จะเกิดเป็นทารก เหมือนเกิดในท้องแม่ ทารกนั้นเลี้ยงไว้ในน้ำยา ๙ เดือนจึงให้คลอดจากขวด หรือภาชนะอื่นที่ได้เลี้ยงไว้ เหมือนคลอดจากท้องแม่ ต่อนั้น ก็เลี้ยงอย่างเด็กอื่น ๆ การยังให้คนได้กำเนิดโดยวิธีนี้เรียกว่า เอ็คโต เยเนซิส สิ่งที่ยังขัดข้องอยู่เวลานี้ ก็คือว่าน้ำยาที่จะเลี้ยงรังไข่และเลี้ยงทารกไว้ก่อน “คลอด” นั้นยังทำไม่สำเร็จ แต่เขาว่าจะทำได้ในภายหน้า แลใน ๑๕๐ ปีนี้ทำนายว่า เด็กที่เกิดในเมืองอังกฤษ จะเกิดโดยวิธีนี้ถึง ๗๐ เปอร์เซ็นต์ จะคลอดจากท้องแม่เพียง ๓๐ เปอรเซ็นต์เท่านั้น ส่วนประเทศอื่น ๆ ก็จะอย่างเดียวกัน แต่เขาทำนายว่าฝรั่งเศสจะเป็นประเทศแรก ที่รัฐบาลจัดให้เด็กเกิดโดยวิธีนี้ (คำทำนายพิมพ์ พ.ศ. ๒๔๗๔).

การเป็นดังนี้ สิ่งต่าง ๆ ที่เราเคยไม่เชื่อไว้นั้น ต้องคลายความไม่เชื่อลงไปหลายอย่าง จะว่ากลับเป็นเชื่อก็ไม่ได้ กล่าวได้แต่ว่า ทำให้ฉงน ถึงไม่เชื่อก็ไม่กล้ากล่าวโผงเผงอย่างแต่ก่อน.

โหราศาสตร์เป็นดาราซึ่งมีหนังสือเป็นหลักถานว่า มีมาแต่สมัยเบบิโลเนีย นับถอยหลังแต่เดี๋ยวนี้ไปถึง ๕๐๐๐ ปี วิธีพยากรณ์ทางโหราศาสตร์ ถ้าจะพูดสั้น ๆ ก็คือว่า ในเวลาที่ทารกตกฟากนั้น ดาวพระเคราะห์ดวงไหนอยู่ราษีไหน ก็นิยมกันว่า ให้ผลประจำตัวไปตลอดอายุ แต่ดาวนพเคราะห์เดินตามจักรราษีอยู่เสมอ ดาวที่เป็นมิตรหรือเป็นอริ อาจเดินเวียนมาเปลี่ยนแปลงโชคของคนไปบ้าง บางทีเปลี่ยนไปในทางดี บางทีเปลี่ยนไปในทางร้าย เรียกว่าเคราะห์ดีเคราะห์ร้าย และคำว่าเคราะห์ (คฺรห) ก็คือดาวนั่นเอง ในสมัยนี้คนบางพวกเห็นว่า โลกคือดาวดวงหนึ่ง ซึ่งเป็นสำนักที่อยู่ของมนุษย์นี้ ถ้าเทียบกับความกว้างใหญ่ของพิภพ ก็เสมอกับเมล็ดข้าวเมล็ดหนึ่งในลานนา มนุษย์คนหนึ่งเล็กยิ่งกว่าปรมาณู ตำแหน่งที่อยู่แห่งดวงดาวดวงหนึ่ง ๆ ก็ห่างกับโลก จนต้องประมาณทางไกลด้วย “ปีแสงสว่าง” (Light-year) ซึ่งเหลือที่น้ำใจคนจะนึกได้ว่าไกลเท่าใด ก็เมื่อดาวอยู่ไกลถึงเพียงนั้น จะเชื่อว่ามีเกี่ยวพันทำให้โชคดีโชคร้ายเกิดแก่ปรมาณูเมล็ดหนึ่งนั้น ยากที่จะวางใจเชื่อลงไปได้.

แต่พวกที่เชื่อโหราศาสตร์ก็มีไม่น้อย เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้เขียนได้อ่านหนังสือพิมพ์เมืองฝรั่งว่าด้วยการประชุมของสมาคมพวกโหราศาสตร์ในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นการประชุมใหญ่และมีพยากรณ์กันเป็นอันมาก พยากรณ์ของพวกนั้นกล่าวด้วยความเชื่อจริงจัง แต่คนอ่านที่ไม่เชื่อเห็นจะมาก.

ถ้าจะพูดถึงความติดต่อระหว่างโลกกับดาวนพเคราะห์ดวงหนึ่งคือพระอาทิตย์ ก็ปรากฏตามคำของนักวิทยาศาสตร์ว่า ดูท่วงทีพระอาทิตย์จะเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนและสัตว์และต้นไม้ในโลกนี้ไม่น้อยเลย กล่าวย่อตามหนังสือ “ไตมส์” ในลอนดอนว่า จุดในดวงอาทิตย์นั้นคนก็รู้กันมานานแล้วว่ามี รู้กันมาตั้งแต่จีนในสมัยโบราณได้คิดทำกล้องส่องขึ้น แต่ฝรั่งเพิ่งจะมารู้กันเมื่อ ค.ศ. ๑๘๓๔ นี้เองว่า จุดในพระอาทิตย์นั้นมีมากและน้อยหมุนเวียนกันมีกำหนด ๑๑ ปีจึงครบรอบ จึงเกิดสงสัยกันขึ้นมาว่า ในโลกก็มีรอบ ๑๑ ปีด้วยหรือไม่.

เกือบจะตอนเดียวกัน ได้มีนักปราชญ์อีก ๒ คนสืบพบว่า แรงแม่เหล็กในโลกนั้นมีรอบ ๑๑ ปีเหมือนกัน และอีกคนหนึ่งสอบได้ความต่อนั้นมาอีกว่า จุดในดวงพระอาทิตย์หมุนเวียนมีระยะพอดีกับความเปลี่ยนในบริเวณแม่เหล็กของโลก.

โทรศัพท์วิทยุได้ให้ความรู้อีกอย่างหนึ่งในเรื่องไฟฟ้า ที่ติดต่อจากดวงอาทิตย์มาถึงโลก คือเมื่อประมาณ ค.ศ. ๑๙๒๓ พวกอินยิเนียร์วิทยุในยุโรปประกาศว่า ใช้คลื่นสั้นรับวิทยุจากอเมริกาได้ดีมาก ในปีต่อ ๆ มาพวกอินยิเนียร์วิทยุยิ่งใช้คลื่นสั้นเข้าทุกที เพราะได้ประโยชน์ดีขึ้นร่ำไป ที่ดีขึ้นนั้นอธิบายว่า เพราะทำเครื่องดีขึ้น จนใน ค.ศ. ๑๙๒๘ ได้ใช้คลื่นเพียง ๑๓ เมตรเท่านั้น ต่อมาอีกสองสามปี คลื่นนั้นกลายเป็นใช้ไม่ได้ ต้องขยับขึ้นไปใช้คลื่นสูง จนถึง ๗๐ และ ๙๐ เมตรสำหรับวิทยุทางไกล การที่เข้าใจกันไว้ว่า เครื่องส่งและเครื่องรับวิทยุดีขึ้นจึงส่งและรับได้ดีด้วยคลื่นสั้นนั้น หาใช่ไม่ ๑๒ ปีในระหว่าง ค.ศ. ๑๙๒๒ ถึง ๑๙๓๓ นั้น ตรงกับรอบแห่งจุดในดวงอาทิตย์ ซึ่งสูงสุดใน ค.ศ. ๑๙๒๘ อันเป็นปีซึ่งใช้วิทยุคลื่นสั้นได้ดีที่สุด ที่เป็นดังนี้ก็เพราะความเปลี่ยนในพื้นฟ้าชั้นสูง มีไฟฟ้ามากขึ้น เพราะรัสมี “ม่วงนอก” (Ultraviolet rays) ซึ่งมาจากดวงอาทิตย์นั้นมากขึ้น ความรู้ที่ได้ในเรื่องจุดในดวงอาทิตย์ติดต่อกับการรับส่งวิทยุนี้กำลังสอบกันต่อไป ในระหว่าง ค.ศ. ๑๙๓๓ กับ ๑๙๔๔ (๑๑ ปี)

ความเกี่ยวข้องระหว่างพระอาทิตย์กับโลก มีที่เห็นได้อีกอย่างหนึ่ง ที่ต้นไม้เก่าแก่ในคาลิฟอร์เนีย ต้นไม้เหล่านั้นบางต้นก็อายุหลายร้อยปี และในปีหนึ่งก็มีกาบงอกใหม่ชั้นหนึ่ง ซึ่งทำให้ต้นไม้โตขึ้น บัดนี้ได้ตรวจทราบกันว่า กาบเหล่านั้นไม่เท่ากัน บางปีก็หนา บางปีก็บาง มีรอบ ๑๑ ปี ถ้าปีไหนจุดในดวงอาทิตย์น้อย ปีนั้นกาบต้นไม้ก็บาง คือโตขึ้นน้อย.

อีกประการหนึ่งกล่าวกันว่า ทเลสาบใหญ่ ๆ ในอาฟริกามีระดับน้ำเปลี่ยนไปเป็นปี ๆ มีรอบ ๑๑ ปีเหมือนกัน.

เจ้าชายอิยิปต์องค์หนึ่งได้เก็บรายงานน้ำขึ้นลงในแม่น้ำไนล์ไว้ ปรากฏว่ามีรอบ ๗๗ ปี (คือรอบ ๑๑ ปี ๗ รอบ)

เซอรวิลเลี่ยมเบเวอริช ได้เก็บบาญชีราคาข้าวสาลี ได้ความว่า มีรอบ ๓๓.๕ ปี (รอบ ๑๑ ปี ๓ รอบ) คือว่าราคาข้าวสามรอบขึ้นลงตรงกับจุดในดวงอาทิตย์.

หนังสือจีนเก่า ๆ แสดงว่าแผ่นดินไหว ก็มีรอบเหมือนกัน.

มีชายคนหนึ่งชื่อ W.B. Schostalkowitch เขียนไว้ว่า สิ่งต่อไปนี้มีรอบ ๑๑ ปีทั้งนั้น คือ

ความหนาวในมหาสมุทรแอตแลนติกด้านเหนือ

ระดับน้ำในแม่น้ำไนล์

ความหนาวแห่งฤดูหนาวในยุโรป

วันที่นกสวอโลตัวแรกไปถึงยุโรปในฤดูสปริง

ความระบาดแห่งโรคดีฟเทอเรีย โรคไทฟัส และฝีดาษ

ดอกเบี้ยพันธบัตร

เงินเดือนคนงานที่ขึ้นลง

อัตราแบงก์

ถ่านหินที่ขุดได้

คนฆ่าตัวตายและถูกฆ่าตาย

ผู้ที่ออกชื่อมานั้นกล่าวว่า ความขึ้นและลดแห่งสิ่งทั้งหลายที่กล่าวมานี้ เป็นด้วยการทำนาได้ผลมากและน้อย เปลี่ยนเวรกันไปรอบละ ๑๑ ปี และรอบ ๑๑ ปีนั้น ก็เป็นเพราะจุดในดวงอาทิตย์ ปีไหนคนเพาะปลูกได้ดี ก็มีน้ำใจที่จะทำการงานทุกอย่าง ถ้าปีไหนเพาะปลูกไม่ดี ก็ทำให้การอยู่กินทรุดโซมลงไป เป็นเหตุให้เกิดไข้เจ็บ และในที่สุดฆ่าตัวตายแลฆ่ากันตาย.

ยังมีชายอีกคนหนึ่ง M.T. Stetson กล่าวยิ่งไปกว่านี้ คือว่าจุดในดวงอาทิตยนั้น มีติดต่อกับต่อมในกายมนุษย์ (Glands of secretion) จึงทำให้ความเห็นไปข้างร้าย และเห็นไปข้างดีของคน (Pessimism and optimism) มีรอบ ๑๑ ปีเหมือนกัน.

ทั้งหมดที่ว่าด้วยจุดในดวงอาทิตย์นี้ เป็นคำของนักวิทยาศาสตร์บางคนกล่าว และเราย่อมาจากหนังสือ “ไตมส์” ลอนดอน จะเป็นหลักถานอย่างใหม่ของโหราศาสตร์ขึ้นอีกหน่อยหนึ่งกระมัง แต่โหราศาสตร์จะรับรู้หรือไม่ ผู้เขียนบอกไม่ถูก.

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ