จดหมายเหตุ ตั้งแต่กรุงเก่าเสียแล้ว เจ้าตากมาตั้งเมืองธนบูรี

๏ กรุงเก่าพม่ายกมา ๕๐๐๐ ล้อมประชิดตั้งค่ายบ้านรจัน โพสามต้นค่ายใหญ่ ล้อมรอบเกาะเมืองอยู่กลาง พลในเมืองขึ้นน่าที่ประจำช่องเสมาเมืองถึง ๗๐๐๐๐๐ ประจุปืนทุกน่าที่มิให้ยิงสู้ข้าศึก แผ่นดินต้นอยู่น่าที่วัดแก้ว ได้ยิงสู้พม่าครั้งหนึ่ง ต้องคาดโทษมิให้ยิง ให้แจ้งศาลาก่อน พม่าล้อมไว้สามปี แผ่นดินต้นหนีออกจากเมืองกับผู้คนพรรค์พวก ๕๐๐ มีปืนถือติดมือแต่ท่าน หนีข้ามฟากไปตวันออก ณวัน ๗ ๕ ค่ำ หนีออกจากเมือง พม่าขุดอุโมงค์เข้า เผาเมืองได้ด้านวังน่าก่อน ๗ ๑๑ ๕ ค่ำ

๏ ลุศักราช ๑๑๒๙ ปีกุญนพศกเพลายามเศษ เข้าเมืองได้ กวาดครัวผ่อนหย่อนสายเชือกให้ลงข้ามช่องใบเสมา ประตูเมืองไม่เปิดให้ออกกลางคืน อยู่สัก ๑๕ วัน ตั้งให้นายทองสุกเปนเจ้า อยู่โพสามต้น ให้นายบุญสงเปนเจ้าเมืองธนบูรี พม่าเลิกทัพกลับไป แผ่นดินต้นกับไพร่ ๕๐๐ ไปปะพระเชียงเงินให้พลายแหวนกับพังหมอนทรง ไปตีเมืองตราษเมืองจันทบุรี ตีระยองเมืองชลเข้าปากน้ำเมืองธนบูรีณเดือน ๑๒ ปีกุญนพศก มีแต่ซากศพเผาเสียคนโทษอยู่สองสาม ๓๐๐๐ ไปตีโพสามต้นได้หม่อมเจ้ามิตหม่อมกระจาด ได้ปืนใหญ่พม่าเอาไปไม่ได้ค้างอยู่ ให้ระเบิดเอาทองลงสำเภา ซื้อเข้าถังละ $\begin{array}{c} \\\begin{array}{c|c} ๑&๒\\\hline \quad&\quad\\ \end{array}\end{array}$ เลี้ยงคนโซไว้ได้กว่า ๑๐๐๐ ไปตีเกยไชยถูกปืนไม่เข้า ไปตีพิศณุโลกได้หม่อมฉิม ลูกเจ้าฟ้าจีตในปลายปีกุญกลับมาถวายพระเพลิงที่นั่งสุริยาอำมรินทร์ เจ้าแผ่นดินกรุงเก่ามีการสมโภชพร้อมเสร็จ

๏ ณปีชวดสำฤทธิศก ไปตีเมืองนครหนังราชสีมา กรมหมื่นเทพพิพิธเจ้าศรีสังข์ไปอยู่ ภิมายต่อสู้รบประจัญกัน จับได้กรมหมื่นเทพพิพิธบุตร์ชาย ๒ บุตร์หญิง ๑ กับเจ้าศรีสังข์ กรมหมื่นเทพพิพิธ ท่านให้สำเร็จโทษเสีย เจ้าศรีสังข์หนีไปเมืองขอม บุตร์กรมหมื่นสุนทรเทพหม่อมประยง โปรดให้เปนเจ้าอนิรุทเทวา บุตร์กรมหมื่นจิตร์สุนทรหม่อมกระจาดให้ชื่อบุษบา บุตร์กรมพระราชวังหม่อมเจ้ามิตประทานชื่อประทุม บุตร์กรมหมื่นเทพพิพิธหม่อมมงคล หม่อมพควม พี่หม่อมอุบล บุตร์เจ้าฟ้าจีตเลี้ยงเสมอกันทั้งสี่คน แต่โปรดหม่อมฉิมหม่อมอุบล ประทมอยู่คนละข้าง วิบัติหนูกัดพระวิสูตร์ รับสั่งให้ชิตภูบาลชาญภูเบศ ฝรั่งคนโปรดทั้งคู่ให้ เข้ามาไล่จับหนูใต้ที่เสวยในที่ด้วย เจ้าประทุมทูลว่าฝรั่งเปนชู้กับหม่อมฉิมหม่อมอุบล กับคนรำสี่คนเปนหกคนด้วยกัน รับสั่งถามหม่อมอุบลไม่รับ หม่อมฉิมว่ายังจะอยู่เปนมเหษีคี่ซ้อนฤๅมาตายตามเจ้าพ่อเถิด รับเปนสัตย์หมด ให้เฆี่ยนเอาน้ำเกลือรดทำประจานด้วย แสนสาหัสประหารชีวิตร์ผ่าอกเอาเกลือทา ตัดมือตัดเท้าสำเร็จโทษเสร็จแล้ว ไม่สบายพระไทยคิดถึงหม่อมอุบล ว่ามีครรภ์อยู่สองเดือน ตรัสว่าจะตายตามหม่อมอุบล ว่าใครจะตายกับกูบ้าง เสมเมียกรมหมื่นเทพพิพิธว่าจะตามเสด็จ หม่อมทองจันทร์ หม่อมเกษ หม่อมลา สั่งบุษบาจะตามเสด็จด้วย ประทานเงินคนละ ๑ ชั่ง ให้บังสกุลตัวทองคนละ ๑ บาท ให้ทำพระแล้วให้นั่งในแพหยวกนิมนต์พระเข้ามาบังสกุล แล้วจะประหารชีวิตรคนที่ยอมตามเสด็จนั้นก่อน แล้วท่านจะแทงพระองค์ท่านตามไปอยู่ด้วยกันเจ้าข้า พระสติฟั่นเฟือนเจ้าคุณใหญ่ทรงกันดาร กับเตี่ยหม่อมทองจันทร์ นิมนต์พระเข้ามามากชุมนุมสงฆ์ถวายพระพร ขออย่าให้ทำหาควรไม่ ว่าที่จะได้พบกันนั้นหามิได้แล้ว ถวายพระพรขอชีวิตรไว้ ได้พระสติคืนสมประดื ประทานเงินเติมให้แก่ผู้รับตามเสด็จนั้น เจ้าหอกลางประสูตร์เจ้าเปนพระราชกุมารแผ่นดินไหว ฉลูต้นปีโปรดปล่อยคนโทษในคุกสิ้นหมายสมโภชเจ้าฟ้าน้อย แล้วเสด็จไปตีเมืองนครเสด็จเปนทัพเรือ ทรงพระที่นั่งศรีสักกระหลาด เข้าปากน้ำเมืองนคร ณวัน ๑๐ ค่ำ ฯ

๏ ลุศักราช ๑๑๓๑ ปีฉลูเอกศก เจ้าพระยายมราช เจ้าพระยาอไภยราชา เจ้าพระยาดาฤทธิรงค์ ยกทางสถลมารคสามทัพไม่ทันเสด็จ เข้าเมืองได้แล้วเปนวัน ทรงพระพิโรธคาดโทษให้ตามเจ้านครที่หนีไปอยู่เมืองจะนะ พระฤทธิ์เทวาเจ้าเมืองรู้ ว่ากองทัพยกติดตาม กลัวพระบารมีส่งตัวเจ้านคร กับพวกพ้องพงษ์พันธุ์ ทั้งลครผู้หญิงเครื่องประดับเงินทองราชทรัพย์สิ่งของ ส่งถวายมาพร้อม เสด็จลงมาสมโภชพระบรมธาตุมีลครผู้หญิงแล้วให้ตั้งแห่ สระสนานสามวันเสด็จอยู่นาน จนจีนนายสำเภาเอาของปากสำเภามาถวาย จึงให้เจ้าดาราสุริวงษ์อยู่กินเมือง เสด็จกลับมากรุงธนบูรี นางห้ามประสูตรเจ้า ท่านสงไสยว่าเรียกหนเดียวมิใช่ลูกของท่าน รับสั่งให้หาภรรยาขุนนางเข้าไปถาม ได้พยานคนหนึ่ง ว่าผัวไปหาหนเดียวมีบุตร จึงถามเจ้าตัวว่าท้องกับใครว่าท้องกับเจ๊ก เฆี่ยนสิ้นชีวิตรในฝีหวาย แต่เจ้าเล็กนั้นสมเด็จพระพุทธิเจ้าหลวงพระไอยกาเอาไปเลี้ยงไว้

๏ ปีขานโทศก ไปตีเมืองสวางคบุรี พระฝางมีช้างเผือกลูกบ้านออกยังไม่จับหญ้า รู้ว่าทัพเมืองใต้ยกขึ้นไปจะรบเอาช้างเผือก จึงเสี่ยงหญ้าว่าช้างนี้คู่บุญเมืองเหนือให้รับหญ้าเมืองเหนือ คู่บุญเมืองใต้ให้รับหญ้าเมืองใต้ รับหญ้าเมืองใต้ พอทัพถึงเข้าตีได้เมือง พระฝางพาช้างหนีติดตามไปพบช้าง อยู่ชายป่าแม่น้ำมืด ได้มาถวายรับสั่งให้สมโภชนางพระยาแล้ว ให้รับลครผู้หญิงขึ้นไปสมโภชพระฝาง ๗ วัน แล้วเสด็จไปเหยียบเมืองพิศณุโลกสมโภชพระชินราช พระชินศรี ๗ วัน มีลครผู้หญิงเสร็จแล้ว แล้วเสด็จกลับมาที่หาดสูง เสด็จทรงพลายแหวนประหารชีวิตรผู้ทำผิดคิดมิชอบเสร็จแล้ว ให้พลายแหวนเปนพระยาปราบ พังหมอนเปนแม่นมนางพระยา แล้วเสด็จกลับมากรุง ฯ

๏ ณปีเถาะไปตีกำภูชาพุทไธมาศก็ได้ เสร็จกำภูชาให้องค์รามอยู่กินเมือง พุทไธมาศให้พระยาพิพิธว่าราชการเปนพระยาราชาเสรษฐี ได้เจ้าน้ำก๊กเล่าเอี๋ย ขับต้อนครอบครัวเข้ามาเมืองธนบูรี ประทมอยู่แว่วเสียงลูกอ่อนร้องที่ข้างน่า กริ้วว่าลูกมันหาเอาไปกับแม่มันไม่ ยังจะทำพันธุ์ไว้อีก สมเด็จพระไอยกาทราบ ทรงพระดำริห์ระแวงผิด จึงส่งให้เจ้าวังนอก ว่าสุดแต่เธอก็ทำตามกระแสรับสั่งสำเร็จโทษเสีย ฯ

๏ ปีมโรงมัตมะแตกพระยาเจ่ง พาครัวหนีมาพึ่งพระบารมี พระยาจ่าบ้านแขงเมืองอยู่ไม่ลงมา เสด็จขึ้นไปตีไม่ได้ ถอยล่าทัพยั้งอยู่เนิน รื้อกลับขึ้นไปตีเชียงใหม่กลับลงมา ณปลายปีพม่ายกไล่หลังมาห้าทางล้วนทัพหมื่น แต่สู้รบกันอยู่เปนสามปีเสียพิศณุโลก กลับขุดอุโมงค์เข้าไปตีค่ายพม่าแตกออกจากค่าย รื้อตั้งล้อมกลางแปลงจับได้พม่าแม่ทัพใหญ่ได้พม่าหลายหมื่น พม่าแตกเลิกทัพไป สมเด็จพันปีกรมพระเทพามาตย์ประชวรหนัก อยู่แล้วเสด็จสู่สวรรคาไลย เสด็จมาตั้งเขาวงกฎโดยสูงแลสุดสายตา ถวายพระเพลิงบนยอดเขาเสร็จ เจ้าเสง เจ้าดาราอยู่เมืองนครสิ้นพระชนม์ รับพระศพเข้ามาประทานเพลิงวัดบางยี่เรือ มีการสมโภชพร้อมเสร็จแล้ว บุตร์เจ้านครเก่าเปนสนมเอกมารดาเจ้าทัศพงษ์เจ้าได้ขวบเศษ โปรดรับสั่งให้เจ้าตาไปเปนเจ้าแผ่นดินเมืองนครศรีธรรมราช ให้รับพระโองการเมียรับพระเสาวณี ให้ฝึกลครผู้หญิงเปนเครื่องประดับ มารดาเจ้าเทียบที่กรมบริจาภักดีศรีสุดารักษ์ โปรดให้ลูกเขยไปเปนเจ้าช่วยราชการเมืองนคร ได้กลับคืนไปเมืองปีมแมสัพศก ฯ

๏ ปีวอกเข้าวัสสันตรดูฝนนางพระยาล้ม ฯ เดือนอ้าย

๏ ลุศักราช ๑๑๓๙ ปีระกานพศก เจ้าฟ้ากระษัตริย์ศึกเสด็จยกพยุหทัพไปตีเมืองป่าศัก เมืองโขง เมืองอัตปือ กลับมาเดือน ๑๐ ปีจอสำฤทธิศก ณเดือนอ้ายปีจอกลับไปตีเมืองศรีสัตตนาคนหุต ยังตั้งมั่นล้อมอยู่แรมปียังไม่เข้าเมืองได้ ฝ่ายผู้รักษากรุงเก่า เชื่อถือมหาดาว่าผู้มีบุญ จะมารื้อถ่ายการนำจะขนทรัพย์ขึ้นสร้างวัดพระราม ผูกโครงช้างเผือกผู้งาดำ ผ้าขาวหุ้มโครงผ้าดำหุ้มงา เพลาเย็นรอน ๆ ชูรูปช้างไว้วัดถมุฆราช คนที่ไม่รู้ด้วยในกลเชื่อถือมาก เมืองมือด่างโกหกอยู่วัดสังขจาย ซื้อน้ำยาเสน่ห์ล่วงอาญาจักร์ หม้อละห้าตำลึง ไปประสมมหาดาวัดพระราม ได้แจกลงมาถึงข้างใน วิเศษต้นเถ้าแก่แม่เจ้าได้ทาด้วยหลายคน ผู้รั้งกรมการหลงเชื่อถือหมด จะได้รื้อถ่ายการน้ำก็หามิได้ มหาดาคิดกลฬ่อลวงถ่ายเททรัพย์ ผู้เชื่อถือมาบุรณทำบุญด้วยเปนอันมาก จนได้ปิดทองพระเกือบแล้ว กิตติศัพท์รู้ลงมาถึงท่านราชาคณะ พระพนรัตน์วัดระฆังถวายพระพร รับสั่งให้นิมนต์มหาดาลงมาณวัดแจ้ง ให้ชุมนุมสงฆ์ไล่เลียงดูถามกิจสมณะ มหาดาว่าจะบุรณะวัดที่ชำรุดพม่าเผาเสีย จะบุรณะปฏิสังขรณ์พระวิหารพระอุโบสถ พระพุทธรูปเจดียถานขึ้นดังเก่า โดยสติปัญญา พระพนรัตน์ถวายพระพร แผ่นดินต้นเห็นด้วย รับสั่งให้มหาดาขึ้นไปสร้างวัด อิ่มเอิบกำเริบอิทธิฤทธิ ว่าจะฆ่าไม่ตายได้กลับขึ้นไป ผู้คนหลงไหลเชื่อว่ามหาดามีบุญจริง จะขี่ช้างเผือกผู้งาดำ ขึ้นปราสาทสุริยาอัมรินทร์ เมื่อมหาดากลับขึ้นไปรับสั่งให้ สุริยภักดีธรมาแตงขึ้นไปฟังดูแยบคาย ว่าจะศรัทธาจริงหรือจะคิดเปนการแผ่นดิน ดูแยบคายให้แน่ สุริยภักดีธรมาแตงเพลาสงัด ถือดาบเดินขึ้นไปบนปรางวัดพระราม เห็นมหาดานอนตื่นอยู่ในปรางแต่สองคน กับที่เรียกพระท้ายน้ำ มหาดาตกใจกลัวยกมือคำนับผิดกิจสมณะ เขาซักว่าได้เงินทองเอาไปเสียไหน มหาดาว่าถ่ายเทกันเก่าไปใหม่มา เห็นเปนกลโกหกแน่กลับลงมาทูล จึงรับสั่งให้เจ้าลูกเธอ กรมอินทรพิทักษ์ขึ้นไปจับ เธอเมตตาสัตว์ที่หลงทำบุญเชื่อถือมหาดา ให้ฝีพายกระทุ้งโห่ร้องขึ้นไป ที่ได้ยินเสียงอื้ออึงหนีได้มาก ที่ยังอยู่ในบริเวณวัดนั้นจับส่งลงมา ทั้งผู้รั้งกรมการกรุงเก่า ข้าราชการที่อยู่แขวงกรุงหลงเชื่อถือจับส่งลงมาหมด รับสั่งว่าตั้งเดโชท้ายน้ำจัตุสดมภ์ ยังขาดแต่พระยายมราชอยู่ในรวางโทษ ฝากไปกับมหาดา วิเศษต้นเถ้าแก่ยายเลี้ยง ที่ได้ทายาเมืองมือด่างล่วงอาญาจักร์ไปประจบกับมหาดา รับสั่งให้ประหารชีวิตร์เสียด้วยกัน แต่มารดาเจ้ากับอยู่งานสี่คนด้วยกัน ลงพระราชอาญาคนละร้อยจำไว้ เจ้าฟ้ากระษัตริย์ศึกเข้าเมืองได้ณวัน ๒ ๓ฯ๑๐ ค่ำ เจ้าเมืองหนีได้พระแก้วพระบาง พระไอยกาเข้าเมืองได้ ๓ วัน เจ้าลูกทรงครรภ์ประสูตร์เจ้าณวัน ๖ ๗ฯ๑๐ ค่ำ ประสูตร์เปนพระราชกุมาร ประโคมแตรสังข์ลั่นฆ้องไชย แมงมุมทั้งไข่ จิ้งจกตกพร้อมกัน แมงมุมอนิจกรรม จิ้งจกไปได้ ๑๒ วันเจ้าแม่สิ้นพระชนม์ ส่วนเจ้าลูกให้พระพี่นางเธอเอาไปเลี้ยง ให้นามเจ้าสุพันทวงษ์ ศพนั้นก่อกุฎไว้ณวัดบางยี่เรือ ให้ประโคมทุกเพลา ฯ ณเดือนอ้าย มีศุภอักษรขึ้นไปถึงเจ้าฟ้ากระษัตริย์ศึก ว่าสำเร็จการศึกแล้วให้กลับลงมา บุตรนั้นเสียแล้วยังแต่หลานเปนผู้ชาย แล้วรับสั่งให้หาเจ้านครด้วย เจ้าฟ้ากระษัตริย์ศึกทราบแล้ว เร่งรีบการที่จะส่งพระพุทธปฏิมากร แก้วมรกฎลงมาประทับแรมมาถึงกรุงเก่า ณวัน เดือน ๔ รับสั่งให้ตั้งพลับพลาที่ประทับ ณบางธรณีสวนมปราง ฯ

๏ ณวัน ๕ ค่ำลุศักราช ๑๑๔๒ ปีชวดโทศก รับสั่งให้ข้างในลงเรือประพาศสี่ลำ ข้างน่าสี่ลำให้เจ้านครแต่งประพาศสองลำ หกลำด้วยกันให้พร้อมลำแต่ตีสิบเอ็ด เรือข้าราชการสวนเรือพระที่นั่ง เจ้าคันธวงษ์ล่มน่าวัดระฆัง พี่เลี้ยงทั้งสี่รับเสด็จไว้ได้ พอสว่างเรือประพาศข้างในถึงน่าวัดไชยชนะสงคราม ดวงพระสุริยเยี่ยมเพียงปลายไม้ ฤกษ์บนนั้นวิปริต รูปเมฆเปนอาวุธผ่ากลางดวงพระอาทิตย์เปนอัศจรรย์ พอสายงายถึงพร้อมกันที่ประทับ ทราบว่าเรือพระที่นั่งพระองค์เจ้าคันธวงษ์ เรือข้าราชการสวนเรือเจ้าล่ม พี่เลี้ยงทั้งสี่รับเสด็จไว้ได้ กริ้วบโทนพันที่นั่ง ให้ลงพระราชอาญาคนละร้อย ฝีพายคนละห้าสิบ ขุนนางบรรดาตามเสด็จให้ลงพระราชอาญาภรรยาแทนผัว ๆ จะได้แห่พระแก้ว เสด็จกลับรับพระแก้วพระบางลงมา เรือประพาศดอกสร้อยศักรวา มโหรีพิณพาทย์ลครโขนลงแพ ลอยเล่นมาตามกระแสชลมารค พยุหบาตรากระบวนเรือ ประทับท่าวัดแจ้งเชิญพระแก้วขึ้นทรงพระยานุมาศแห่มา ณโรงพระแก้วอยู่ที่ท้องสนาม พลับพลาเสด็จอยู่กลาง ลครผู้หญิงลครผู้ชายอยู่คนละข้าง เงินโรงผู้หญิง ๑๐ ชั่ง เงินโรงผู้ชาย ๕ ชั่งมี ๗ วัน ต้นกัลปพฤกษ์ ๔ ต้น ๆ ละ ๑ ชั่ง บรรดาการมโหรศพสมโภชพร้อม เครื่องเล่นดอกไม้พุ่มระทาถ้วนเสร็จวันละ ๑ ชั่ง แจกทานคนแก่อายุ ๖๐ $\begin{array}{c} \\\begin{array}{c|c} ๑&๒\\\hline \quad&\quad\\ \end{array}\end{array}$ อายุ ๘๐ $\begin{array}{c} \\\begin{array}{c|c} ๒&\\\hline \quad&\quad\\ \end{array}\end{array}$ อายุ ๑๐๐ $\begin{array}{c} \\\begin{array}{c|c} ๒&๒\\\hline \quad&\quad\\ \end{array}\end{array}$ สมโภชถ้วนสัตตวาร ให้มีลครผู้หญิง ประชันกับลครเจ้านครวันหนึ่งเงินโรง ๕ ชั่ง ลครหลวงแบ่งออกประชันกันเองโรงละ ๕ ชั่ง มีอีกสามวันถวายเงินกัลปนาให้ซื้อทองคำเครื่องประดับพระแก้ว ๑๐๐ ชั่ง เสร็จการสมโภชแล้วให้ทอผ้าไตรเอกไตรละ ๑ ชั่งร้อยไตรถวายทั้งวัด ถวายเงินไปที่วัดชำรุดคร่ำคร่า ในแขวงกรุงธนบูรีวัดละ ๑๐ ชั่ง ให้เจ้าวัดจัดแจงทำเครื่องบนขึ้นบุรณปฏิสังขรณ์ โดยกำลังสมณะเปนหลายวัด ให้ปลูกไม้ไผ่ ๑๐๐๐ ไม้แก่น ๑๐๐๐ ไว้ท่าท่าน ผู้มีบุญจะมาข้างน่าจะได้สร้างปราสาทไม้ไผ่จะทำร่างร้าน ไม้แก่นดูกในก่อตั้งเสาปราสาทปลูกไว้สำหรับผู้มีบุญจะมา พระองค์ท่านจะเหาะแล้ว ให้แต่งสำเภาทรงพระราชสาสน์ไปถึงพระเจ้าปักกิ่ง ว่าจะขอลูกสาวพระเจ้าปักกิ่ง ให้เจ้าพระยาศรีธรมาธิราชผู้เถ้ากับหลวงนายฤทธิ์ หลวงนายศักดิ์ เปนราชทูตหุ้มแพร มหาดเล็กเลวไปมาก แต่งเครื่องบรรณาการไปกล่าวขอลูกสาวเจ้าปักกิ่ง ทรงพระราชสาสน์ไปแล้ว เขาฟ้องว่าญวนเขมรรู้กันคิดขบถต่อแผ่นดิน รับสั่งให้ประหารชีวิตร์เจ้านำก๊กเล่าเอียลูกชาย บรรดาพวกญวนฆ่าเสียครั้งนั้นมาก แล้วกริ้วข้างในนางอยู่งาน ลูกขุนนางไม่ใช้ ให้เก็บลูกพลเรือนชาวตลาด ญวนงานกลางยกขึ้นไปเปนนางอยู่งาน มารดาเจ้าอยู่งานเก่า ให้เปนเข็ญใจโทษนุ่งเล็ดงาห่มผ้าวาสลึง ขับเจ้าหอกลางไปอยู่ที่วังนอก เจ้าลูกเธอทรงผนวช แล้วเงินนอนเจ้าลูกเธอข้างในองค์ละ ๑๐๐ ชั่งทองเครื่องประดับ ๑ ชั่ง มอบให้พี่เลี้ยงนางนมคุมของไว้ พี่เลี้ยงยกขึ้นไปเปนสมศรีสมทรง ดูพระจริตฟั่นเฟือนเข้าแต่ฆ่าญวน มีโจทยฟ้องว่าขายเข้าเกลือลงสำเภามาราย ๆ จนกลางปีฉลูได้ยินข่าวราชการกำภูชา ว่าเขมรดงยกมาล้อมพุทไธเพ็ชร์ ยังแต่ลูกองค์โตนองค์เองได้ ๙ ขวบว่าราชการอยู่ เจ้าฟ้ากระษัตริย์ศึกเสด็จไปปราบกำภูชา ทัพหัวเมืองพร้อมกรมอินทรพิทักษ์ลาผนวชเสด็จกับทัพหัวเมือง อยู่ภายหลังกรุงธนบูรีเกิดโกลี พันศรีพันลายื่นฟ้องว่าขุนนางแลราษฎรขายเข้าเกลือลงสำเภา โยธาบดีผู้รับฟ้องกราบทูล รับสั่งให้เร่งเงินที่ขุนนางราษฎรขายเข้าเกลือ ให้เฆี่ยนเร่งเงินเข้าท้องพระคลัง ร้อนทุกเส้นหญ้าสมณาประชาราษฎร ไม่มีศุขขุกเข็ญเปนที่สุดในปลายแผ่นดิน เงินในคลังในหาย ๒,๐๐๐ เหรียญ ๆ ละ ๑ บาท ๓ สลึง ๑ เฟื้อง แพรเหลือง ๑๐ ม้วน รับสั่งเรียกหาไม่ได้ ชาวคลังต้องเฆี่ยนใส่ไฟย่างแสนสาหัศ ท่านสงไสยว่าข้างในขโมยเงินในคลัง จนพระมาตุฉา พระพี่นางเธอ ให้จำหม่อมเจ้านัดดาแทนมารดาเจ้า แทนอยู่งาน คนรำใหญ่ให้เฆี่ยนคนละ ๑๕๐ คนละ ๑๐๐ คนละ ๕๐ คนรำเล็กให้พ่อให้แม่พี่น้องทาษรับพระราชอาญา $\begin{array}{c}๑ \\\begin{array}{c|c} &\\\hline \quad&\quad\\ \end{array}\end{array}$๑๐๐ ให้เจ้าตัวแต่คนละ ๒๐ ที คนละ ๑๐ ทีตามรับสั่งหลวงประชาชีพโจทย์ฟ้องว่าขายเข้า รับสั่งให้ตัดศีศะหิ้วเข้ามาถวาย ที่เสด็จออกทอดพระเนตร เหตุผลกำม์ของสัตว์พื้นแผ่นดินร้อน ราษฎรเหมือนผลไม้ เมื่อต้นแผ่นดินเย็น ด้วยพระบารมีชุ่มพื้นชื่นผลจนมีแก่น ปลายแผ่นดินแสน ร้อนรุมสุมรากโคน โค่นล้มถมแผ่นดิน ด้วยสิ้นพระบารมีแต่เพียงนั้น ผู้รักษากรุงเก่าพระชิตณรงค์ผูกขาดขึ้นไปจะเร่งเงินไพร่แขวงกรุงเก่า ให้ได้โดยจำนวน ๕๐๐ ชั่ง เร่งรัดไพร่เมืองยากครั้งนั้นสาหัศ รับสั่งให้ขุนแก้วน้องพระยาสรรค์ เอาปืนขึ้นไปต่อยศิลาปากนกปืน ๑๐๐๐ ไปคบคิดกับกำนันบ้านแขวงกรุงเก่า ปักหนังสือชวนผู้รักษากรุงว่าจะเข้าด้วยกันหรือไม่เข้า เพลาสองยามจะเข้าเผาบ้าน ผู้รักษากรุงว่าไม่เข้า จะเผาก็เผาเสีย เพลาสองยามผู้ร้ายเข้าล้อมบ้าน ได้สู้รบกันอยู่สามารถ กองผู้ร้ายทิ้งพลุระดมเผา บุตร์ผู้รักษากรุงโจนน้ำหนี ผู้ร้ายพุ่งหอกซัดถูกบุตร์พระยาอินทอะไภย ผู้รักษากรุงกับบุตร์ภรรยาสิ้นชีวิตร์ในไฟสี่คน พระยาอินทร์อะไภยกลับมาทูล ฯ

๏ ลุศักราช ๑๑๔๓ ปีฉลูตรีนิศก รับสั่งให้พระยาสรรค์ไปจับผู้ร้าย ที่เผาบ้านผู้รักษากรุงเก่า พระยาสรรค์ขึ้นไปน้องพระยาสรรค์เปนกองผู้ร้าย จับพระยาสรรค์ตั้งเปนแม่ทัพลงมา ๗ ๑๑ ๔ ค่ำ เพลาตี ๑๐ ทุ่ม ตั้งค่ายมั่นคลองรามัญยิงระดม ลูกปืนตกในกำแพง เสียงสนั่นหวั่นไหว ข้างในตกใจร้องอื้ออึง ประทมตื่นคว้าได้พระแสงทรงเสด็จขึ้นบนที่นั่งเย็น ตรัสเรียกฝรั่งที่ประจำป้อม ฝรั่งได้รับสั่งยิงปืนใหญ่ออกไป ถูกเรือข้าศึกล่ม เขาไปจับบุตร์ภรรยาฝรั่งมาให้ฝรั่งยิง พอรุ่งสว่างเห็นหน้าว่าไทย ฝรั่งโจนกำแพงลงไปหากัน ผู้คนเบาบางร่วงโรยนัก เสด็จออกหน้าวินิจฉัย ทราบว่าพระยาสรรค์มาปล้นตีเมือง ให้จำภรรยากับบุตร์ไว้ เสด็จเข้ามาฟันตารางปล่อยคนโทษข้างใน พระยาธิเบศร์ พระยารามัญ พระยาอำมาตย ต่อสู้ลากปืนจ่ารงขึ้นป้อม ข้าศึกถอยหนี เสด็จกลับออกไป มีรับสั่งห้ามว่าสิ้นบุญพ่อแล้ว อย่าให้ยากแก่ไพร่เลย พระยาธิเบศร์ พระยารามัญ พระยาอำมาตย มิให้สู้อยู่ตายด้วยเจ้าเข้าแดง พระยาสรรค์ให้นิมนต์พระราชาคณะให้ถวายพระพร ให้ทรงบรรพชาชำระพระเคราะห์เมืองสามเดือน ทรงพระสรวลตบพระเพลา ว่าเอ้หิภิกขุลอยมาถึงแล้ว ให้เชิญพระกันบิดออกไป เพลาสามโมงเช้าทรงพระบรรพชา ๑๒ ๔ ค่ำ อยู่ในราชสมบัติ ๑๔ ปีกับสี่เดือนทรงผนวช ณวัน ๔ ๑๔ ๔ ค่ำ พระยาสรรค์ขึ้นนั่งซัง แจกเงินข้างในกลับออกไปนอนอยู่ข้างน่า สั่งว่าจะฟังลครร้องอยู่ข้างใน จะฟังแต่น้ำเสียง ครั้นคนเสียงคลอดบุตร พระยาสรรค์ให้ประโคม ท่านให้ไปห้ามว่าอย่าให้ ทำเลยมันสุดชาติ์แล้ว พระยาสรรค์มีเทศนาให้ข้างในออกไปฟังธรรม ไฟเทียนเจ้าคุณใหญ่ไหม้ม่าน ได้ยินเสียงคนอื้ออึงชักหอกดาบที่ท้องพระโรง ข้างในกลับเข้ามาเพลา ๒ ทุ่มสองยามเกิดศึกกลางเมือง พระยาสรรค์ปล่อยเจ้ารามลักษณ์ออกไป เรียกท่านที่ทรงผนวชว่าประจุออกเถิด ท่านว่าสิ้นบุญเราแล้วอย่าทำเลย เจ้ารามลักษณ์ออกไปจุดไฟบ้าน ไหม้ตลอดลงมาถึงวังหลัง ได้สู้รบกันจนแสงทองขึ้น พระยาเจ่ง ขุนแก้ว น้องพระยาสรรค์ลากปืนใหญ่มาช่วยพระวังหลัง เจ้ารศจาแต่งกองมอญเปนทัพเรือ ตีกระหนาบหนุนพระวังหลัง เจ้ารามลักษณ์สู้แต่ผู้เดียวโดยโมหาร เหลือกำลังแตกหนีไปอยู่วัดยาง พระวังหลังติดตามจับได้ ไต่ถามได้ความจริงว่า พระยาสรรค์ปล่อยเธอออก ความตกอยู่พระยาสรรค์สิ้น ฯ สมเด็จพระไอยกา เจ้าฟ้ากระษัตริย์ศึก เสด็จอยู่กรุงกำภูชา ถอยมาประทับด่านกระบิน ทราบว่ากรุงธนข้นเข็ญเปนศึกขึ้นกลางเมืองถึงสองครั้ง จึงเสด็จกลับเข้าพระนคร ฯ

๏ ณวัน ๗ ๕ ค่ำ ลุศักราช ๑๑๔๔ ปีขานจัตวาศกเพลาสองโมงเศษศุขสวัสดิฤกษ เสด็จเข้าพระนครปราบดาภิเศก อดิเรกเฉกชมสมบัติ จักรพรรดิ์ตราพร้อมถวาย ๑๒ พระ$\left. \begin{array}{}\mbox{กำนัล } \\\mbox{คลัง }\end{array} \right\}$ แล้วมีพระราชโองการรับสั่ง ให้ตั้งกรุงเทพมหานคร ยังฝั่งบุรทิศ พระสุริยทรงกรด ๗ วัน เมื่อตั้งทวาราวดี อุดมโชคเข้าเหยียบกรุงธนบูรี แรกเสด็จยั้งประทับ ณวัดควงไม้พระมหาโพธิ์บันลังก์ ประจญพระยามารด้วยพระบารมี ๓๐ ทัศ เปนประถมกระษัตริย์ สมเด็จเอกาทศรถพระเจ้าปราสาททอง เสด็จข้ามฟากฝั่งมหรณพเฉลิมภพกรุงทวาราวดี พระโองการให้ถาปนาที่ท้องสนามใน เปนพระอุโบสถหอไตรเสร็จ เชิญพระแก้วมรกฎมาประดิษฐาน ส่วนพระธรรมไว้หอไตร ก่อพระเจดียถานประจุพระบรมธาตุพร้อมเสร็จ ให้บุรณวัดโพ ณปลายปีองค์เชียงสือมาสู่โพธิสมภาร

 

๏ ณปีเถาะต้นปี มีบัณฑิตย์สองคนเข้าวังน่า จับตัวได้ประหารชีวิตรทั้งผู้รู้เห็น เอี้ยงบุตร์หญิง ๑ บุตร์ชาย ๒ เกษบุตร์ชาย ๒ จุ้ยบุตร์หญิงอยู่วังหลวง พระยาไภยโนฤทธิ์บุตร์หญิง ๒ อยู่วังหลวง พระโองการทรงสิ้นทั้งสามคน ให้ประหารชีวิตร์พร้อมกันพ่อแม่ลูกเปนเสร็จ ณกลางปีเถาะในวังหลวง เพง, ทองคำ, มอนงานที่, ทำผิดคิดมิชอบสืบสวนเปนสัตย์ เฆี่ยนคนละร้อยประหารชีวิตร์ทั้งขุนแก้วน้องพระยาสรรค์ ณปลายปีพระโองการรับสั่งให้กรมหลวงเทพหริรักษ์ยกไปตีไกรเกรีน ณปีมโรงฉอศก ถวายพระเพลิงแผ่นดินต้นที่วัดบางยี่เรือ มีการมโหรศพสมโภชพร้อมเสร็จ เจ้าฟ้ากรมหลวงธิเบศร์บดินทร์สิ้นพระชนม์ ถวายพระเพลิงที่วังเก่า แล้วมีพระโองการให้หาบรรดาเมืองขึ้นเอกโทตรีจัตวาปากใต้ฝ่ายเหนือ ให้เข้ามาเฝ้าพร้อมณกรุงเทพมหานคร บรรดาสุริยวงษ์กำภูชา ทรงเข้ามากรุงณเดือน ๘ ปีมเสง พระโองการรับสั่งให้มีงาน ลครผู้หญิงโรงใหญ่สมโภชพระแก้ว ประทานเงินโรงวันละ ๑๐ ชั่งสามวัน สำรับพระสงฆ์ทรงประเคน แล้วทรงถวายน้ำผึ้งไม้ท้าว ศาลาฉ้อทานตั้งรายรอบพระนคร ทิ้งต้นกัลปพฤกษ์สามวันต้น ๑ ชั่ง มีการมโหรศพสมโภชพร้อมเถลีงพระนครด้วย พระบางประทานคืนไปเวียงจัน ปีมเสงน้ำมาก เข้าสารเกวียนละ ๑ ชั่ง พระโองการรับสั่งให้จำหน่าย เข้าฉางแจกราษฎรให้ทั่วถึงกัน ฯ

๏ ลุศักราช ๑๑๔๘ ปีมเมียอัฐศก เข้ายังแพงเสมอ ได้ข่าวพม่ามาทำนาปลายแดน ณเดือน ๑๒ พม่าตั้งฉางเข้าฉางเกลือ มาถึงสามศพลาดหญ้า เจ้าอังวะยกแยกทางเหนือทางใต้ เปนทัพกระษัตริย์ทั้ง ๕ ทาง สมเด็จพระพุทธิเจ้าหลวง พระไอยกาธิราชทั้งสองพระองค์ เสด็จพระราชดำเนิรพลทัพยี่สิบหมื่น ออกตัดศึกที่ฮึกหาญ ไม่ต้านทานพระบารมี เจ้าอังวะหนีณวัน ๑๔ ๓ เสด็จกลับมาถึงกรุงณเดือน ๔ ฯ ปีมแมไปตีตานี, กลิอ่อง, มฤท แล้วทำเมืองใหม่ ณปีวอกนพศก ทรงพระดำริห์จะรื้อ ยกพระไตรปิฎก ให้พระพุทธสาสนารุ่งเรือง โปรดเบื้องสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ ได้ศุขในอนาคตภายภาคน่าโดยกำหนดการที่จะเลี้ยงพระทั้งข้างน่าข้างใน รับเลี้ยงจนจบพระไตรปิฎก แต่ปถมกระษัตริย์ลำดับมาถึง ที่นั่งสุริยาอัมรินทร์สิ้นกระษัตริย์จนแผ่นดินเดิม หาได้เพียรเพิ่มบารมีที่จะทรงสร้างไม่ แต่สมเด็จพระไอยกาเปนประถม ได้ยกพระไตรปิฎกเสร็จแล้วฉลองหอไตร ออกโรงลครเล็กเลิกแล้วเพลาค่ำ จุดดอกไม้ตกลงหลังคาหอไตรไหม้ แต่พระไตรปิฎกรื้อขนได้สิ้น ที่อุโบสถพระแก้วลูกไฟไม่ถึงยังบริบูรณ์ดีอยู่ พระโองการตรัสว่าเทวดารักษาบำรุงพระสาสนาเห็นว่าหอไตรยังต่ำอยู่ จึงจำเภาะให้ไหม้แต่หอไตร ลูกไฟไม่ตกถึง พระอุโบสถจะชำรุดมัวหมองนั้นหาไม่ จะให้ทรงสร้างพระมรฎปขึ้นทรงพระไตรปิฎก ณวัน ๑ ๗ ค่ำปีรกาเอกศกเพลาบ่าย สามโมงหกบาท อสุนีบาตพาดสายตก ติดน่าบันมุขเด็จ เบื้องทิศอุดรไหม้ตลอดทรงบนปราสาท ปลายหักฟัดฟาดลงพระปรัศซ้ายเปนสอง ซ้ำลงซุ้มพระทวารแต่จำเภาะไหม้ พระโองการตรัสว่าเราได้ยกพระไตรปิฎก เทวดาให้โอกาศแก่เรา ต่อเสียเมืองจึงจะเสียปราสาท ด้วยชะตาเมืองคอดกิ่วใน ๗ ปี ๗ เดือนเสร็จสิ้นพระเคราะห์เมือง จะถาวรลำดับกระษัตริย์ถึง ๑๕๐ ปี แล้วพระยาราชวังเมืองสมุหคชบาล กราบทูลว่าครั้งพระเจ้าปราสาททอง เพลิงฟ้าผ่าปราสาทสามปีได้เมืองทวาย มาเปนเมืองขึ้นแต่ครั้งนั้น พระราชทานเงินพระยาราชวังเมือง ๑ ชั่ง ต้องกับคำพระโหราทูลเมื่อผึ้งจับต้นจันทน์ที่เกยทิศประจิม ว่าจะได้นางกับเครื่องบรรณาการมาต่างประเทศ ฯ

๏ ลุศักราช ๑๑๕๔ ปีชวดจัตวาศก พระยาทวายแต่งเครื่องบรรณาการ กับนางเข้ามาถวายยังกรุงเทพมหานคร พม่ารู้ฆ่าบิดามารดาพระยาทวาย แล้วแต่งคนลงมาผลัดให้พระยาทวายขึ้นไปอังวะ พระยาทวายฆ่าพม่าที่ลงมาผลัดเปนเจ้าเมืองนั้นเสีย แขวงเมืองอยู่ฝ่ายเจ้าอังวะรู้ แต่งกองทัพมาป้องกันเมืองทวายไว้ พระยาทวายแต่งศุภอักษรถวายมา ว่าพระยาทวายกับสรรพสัตว์ในเมืองทวาย ให้สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ทรงพระเมตตาแก่สัตว์ในเมืองทวายเหมือนเกิดแต่สายพระอุทร ด้วยพระราชนัดดาของพระองค์แต่ครั้งกรุงเก่าแตกมาอยู่ณเมืองทวาย จะขอพระบารมีแผ่ไปช่วยครั้งนี้ จะได้เชิญพระราชนัดดาออกมาถวาย แล้วจะถือน้ำพระพิพัฒน์สัจจาถวาย ต่อสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ให้ไทยผู้มีชื่อถือมาเปนหนังสือลับของพระราชนัดดา ได้ทราบในศุภอักษร แน่ว่าพระราชนัดดาจริง ยกพยุหทัพหลวงเสด็จไปเหยียบเมืองทวาย ได้พระราชนัดดา กับพระยาทวาย ไทยทวายมาเปนฟุ่นเมือง กรุงเทพมหานครพูลศุขเกษมมา รับสั่งพระโองการตรัส วัดสแกให้เรียกวัดสระเกษ แล้วบุรณปฏิสังขรณ์ เห็นควรที่ต้นทางเสด็จเข้าพระนคร ประทับชุมพลทหารพร้อมณวัดโพ เหมือนครั้งนารายน์เปนเจ้าชุมพล จึงสร้างวัดไว้ในเกาะสองชั้น ให้เรียกวัดนารายน์ชุมพลอยู่จนตราบเท่าแผ่นดินนี้ ฯ

๏ ลุศักราช ๑๑๕๕ ปีฉลูเบญจศก มีการสมโภชพร้อม โขนลครหุ่นงิ้วมอญรำ ครบการเครื่องเล่น ทำฬ้อเลื่อนตามทางสถลมารค สุดอย่างที่งามตา ได้เห็นเล่าฟังมาแต่ก่อน ๆ ไม่เสมอแห่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเสนานุรักษ์ องค์เอง, พระพงษ์ณรินทร์, ตามเสด็จ ส่วนเสด็จทรงเครื่องต้น ฉลองพระศอพระกรน้อย ทรงประพาศเครื่องประดับพระองค์เสร็จ ทรงพระมหามงกุฎ เสด็จทรงพระยานุมาศ องค์เองใส่พระมหากถินใหญ่ พระพงษ์ณรินทร์ใส่พระชฎาเบื้องกันเจียกทัด ขึ้นยานนุมาศตามเสด็จ มีการสมโภชแห่เครื่องเล่นเรื่องรามเกียรติ์ อุณรุท อิเหนา มิใช่แห่รูปรูปภาพ แต่ล้วนลครโขน ขึ้นรำร้องบนจักร์ชัก ฬ้อเลื่อนตามทางสถลมารค มีตาแต่สองตาดูแห่ไม่เห็นทั่ว จะพรรณาเหลือกำลัง ทั้งคนร้องคนรำยังอยู่ จึงรวมงามไว้ในตา อันการมโหรศพสมโภชทรงผนวชเฉลิมวงษ์พงษ์กระษัตริย์สืบมา ณเดือน ๑๐ ทิ้งไฟในวัง ทิ้งหนังสือเปนสัตย์ใส่ด้วยบทประหารชีวิตร์ที่จากแดง ข้างในทำกลลวงฬ่อต่อทรัพย์ จับรูปสักนาม โจทย์ ๓ จำเลย ๒ รวม ๕ คนประหารชีวิตร์ที่วัดเขียน ปีเถาะสัพศก พระโองการรับสั่ง ให้ช่างทำพิไชยราชรถขึ้น จะทรงพระโกษพระอัฐิ ๗ รถ ให้ตัดเสาพระเมรุตั้งทรงประดับเครื่องให้เสร็จ แล้วแต่ในปีเถาะ ได้พระคชาธารเจ้าพระยามงคลจักรพาฬเล็บครบ พระอินทร์ไอยรา ฯ

๏ ลุศักราช ๑๑๕๘ ปีมโรงอัฐศก เชิญพระอัฐิทรงพิไชยราชรถ รถพระรถชักรถโปรยเข้าตอก รถที่นั่งรองรถจันทน์ ๒ รูปสัตว์ แรดทรงสังเค็ตเพลิงแห่น่า รูปสัตว์ถ้วนพรรณทรงสังเค็ตผ้าไตรบาต ตั้งแห่ในราชวัตรฉัตรจรงเรียง ชักแห่เข้าพระเมรุทิศมุขแทรกมุขกระสันต์ ประดับชั้นสามสร้าง เสี้ยวกางประจำประตู ชั้นในฉัตร์เงินลำยองฉัตรทองฉัตร์นากบรรจง เยี่ยมทรงอย่างปรางค์ปราสาทเทวราชประนมกร เก้าชั้นอย่างพระเมรุพระบรมโกษพระพุทธิเจ้าหลวงกรุงเก่า ชักพระอัฐิเข้าพระเมรุทอง ถวายพระเพลิงสมเด็จพระไอยกาพระพุทธิเจ้าหลวงแผ่นดินกลาง กรมหลวงณรินทร์รณเรศร์สิ้นพระชนม์ต้นปีมเสง ถวายพระเพลิงที่พระเมรุ ณวัน ๔ ค่ำ อ้ายมาลักเพศเข้าวังหลวงจับตัวได้ประหารชีวิตร์ที่วัดตะคียน ณวัน ๑๒ ๘ ค่ำ ฯ

๏ ลุศักราช ๑๑๖๑ ปีมแมเอกศก สมเด็จตรัสสาเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ เสด็จสู่สวรรคาไลย ณวัน ๑๑ ๑๒ ค่ำ สมเด็จตรัสสา เจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี เสด็จสู่สวรรคาไลย เชิญพระโกษไว้ที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ฟ้าผ่าปราสาทแต่ไม่ไหม้ ณเดือน ๕ ปีวอกโทศก เชิญพระโกษขึ้นทรง พิไชยราชรถตามกัน เข้าพระเมรุทองร่วมชั้นพระเบ็ญจาเดียวกัน ถวายพระเพลิงเสร็จแล้ว ได้คชาธารพระเทพกุญชร มาเปนศรีพระนครสืบลำดับกระษัตริย์ พระโองการรับสั่ง ให้ขุดคลองรอบเกาะให้บ่ายเรือที่นั่งได้เรียกว่าคลองมหานาค ณเดือน ๖ ระกาตรีนิศก ฉลองวัดพระเชตุพน ผลทานมากทิ้งฉลากพระราชโอรส พระราชนัดดานักสนม สินธพคชานาเวศ เปนยอดยิ่งบารเมศจำหน่ายทาน ฉลากละ ๕ ชั่ง ๔ ชั่ง ๓ ชั่ง ต้นกัลปพฤกษ์ ๘ ต้น ทรงโปรยน่าพลับพลา ดอกไม้เงินทอง แต่ทรงสร้างจนฉลองจาฤกไว้ ณแผ่นศิลาอยู่ในพระสาศนา ๕๐๐ สิ้นเสร็จมีโขนโรงใหญ่ ดอกไม้พุ่มพลุไฟพเนียง กรวดเสียงประโคมฉลองเสร็จ ณเดือน ๑๒ ฉลองวัดสเกษ มีพระโองการรับสั่งให้ข้างน่าข้างใน ตั้งเลี้ยงพระให้สิ้นทั้งวัด ประทานเงินหลวง ต้นกัลปพฤกษ์โปรยทาน การมโหรศพสมโภชเสร็จ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอหลานเธอแต่งเรือประพาศคู่เคียงประสานเสียง ดอกสร้อยศักรวาดุริยางค์จำเรียงถวายลำร้องรับกับเสียงดอกไม้น้ำ สทาโป้งปีบไฟพเนียงพุ่มพลุกรวดเสียงสนั่นครื้น แผ้วพื้นเมฆาจันทราทรงกรดหยุดยั้งรถ โมทนาทานเจ้าหล้าเหลือแหล่ พึ่งแผ่พระบารมีสมโภชครบสัตตวาร เสร็จการฉลองวัดณปีจอจัตวาศกปลายปี กรมหลวงเทพหริรักษ์ สิ้นพระชนม์ถวายเพลิงที่วังณวัดราชบุรณะ ณวัน ๕ ๑๒ ค่ำ ฯ

๏ ลุศักราช ๑๑๖๕ ปีกุญเบ็ญจศก พระพุทธิเจ้าหลวงสมเด็จพระไอยกา วังบวรสถานมงคล เสด็จสวรรคต อยู่ในราชสมบัติได้บุรณะวัดมหาธาตุ ทรงสร้างพระมรฎปประจุพระบรมธาตุ แล้วบุรณะวัดสุวรรณ วัดไชยชะนะสงคราม สละราชสมบัติทรงผนวช ๗ วัน ยอดศีลบารมีอยู่ในราชสมบัติ ๒๒ ปี เจ้าลำดวนเจ้าอินทปัตคบคิดกับอนกลาโหม, พินาศอัคคี, สกลนิกร, จะทำศึกเสี้ยนแผ่นดินสมเด็จพระพุทธิเจ้าหลวงพระไอยกา นายเวร นายปลัดเวรฟ้องกราบทูล ไต่ถามรับเปนสัตยลงพระราชอาญาคนละร้อย ให้สำเร็จโทษณวัดประทุมคงคา ทั้งนั้นให้ประหารชีวิตร์ศีศะเสียบไว้สำเหร่ ณวัน ๑๕ ๑๒ ค่ำ ปีชวดฉอศก พระองค์เจ้าพระชันษา ๗ ขวบ ตามเสด็จลงที่นั่งบัลลังก์ตกหว่างเรือไม่จมลอยพระองค์ได้ โปรดประทานพระนามหมายสมโภช เจ้าฟ้ากุณฑลสามวัน เฉลิมพระขวัญพร้อมพระญาติวงษ์ ข้าราชการสมโภชถ้วนหน้า ณปีฉลูสัพศก สามพระยามรณภาพ ประทานเพลิงวัดสุวรรณทาราม ฯ ณวัน ๑ ค่ำปีขานอัฐศก วังสถานภิมุขอยู่ในราชสมบัติ ๒๕ ปีสวรรคาไลย ฯ ณวัน ๕ ๔ ค่ำ ราชาภิเศกกรมพระราชวังบวรสถานมงคล กรมหลวงเสนานุรักษ์ รับพระบัณฑูรน้อย ณเดือนหกปีเถาะนพศก ตั้งเขาไกรลาศแห่โสกันต์ เจ้าฟ้ากุณฑลทรงเครื่องต้น ประดับพระองค์ทรงพระมหามงกุฏสมมุติวงษ์อย่างเทวอับศร สมเด็จพระพุทธิเจ้าหลวงพระไอยกาจูงพระกรเสด็จขึ้นยอดเขาไกรลาศ กรมขุนอิศรานุรักษ์ เปนพระอิศวรทรงพระมหากฐิน ทรงประพาศเครื่องต้นเปนพระอิศวรประสาทพร สมเด็จพระพุทธิเจ้าหลวงพระไอยกาจูงพระกรขึ้นส่งถึงยอดเขา พระอิศวรรดน้ำสังข์ทักษิณาวัตร์ แล้วประสาทพระพร เจ้าบุตร์แก้วรับพระกรลง จากยานุมาศขึ้นบนเกยพระมหาปราสาท ฯ ณวัน ๑๐ ๓ ค่ำ กรมหลวงจักร์เจษฎาสิ้นพระชนม์ ถวายพระเพลิงวัดมงคลภิมุข ฯ ณวัน ๘ ค่ำ ปีมโรงสำฤทธิศก เจ้าฟ้ากรมพระสุนทรเทพสิ้นพระชนม์ไว้พระศพบนปราสาท พระโองการตรัสสั่งกรมหมื่น ว่าสิ้นลูกคนนี้แล้วพระเนตร์มืดพระกรรณตึง ๔ ด้าน อากรขนอนตลาดเจ้าดูชำระเถิดอย่าทูลเลย ฯ ถวายพระเพลิงที่พระเมรุทอง ณเดือน ๔ ฉลองวัดพระศรีรัตนสาศดาราม มีพระราชโองการรับสั่งให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระเจ้าหลานเธอ ข้างน่าข้างใน ข้าราชการ เจ้าพระยาแลพระยาผู้ใหญ่ผู้น้อยรับเงินทำสำรับละ ๑ บาท เลี้ยงพระณวัดพระศรีรัตนสาศดาราม วันละ ๕๐๐ ทรงประเคนครบตตียวารแล้วถวายไตรบาตใส่น้ำผึ้งเต็มบาต ๕๐๐ ครบเครื่องไทยทาน ต้นกัลปพฤกษ์ ๘ ต้น ทรงโปรยดอกไม้เงินทอง เปนทานครบการฉลอง ทั้งปฏิสังขรณ์บุรณเสร็จ มีลครผู้หญิงสามวัน การมโหรศพพร้อมเครื่องสมโภชเสร็จ ฉลองพระศรีรัตนสาศดาราม พระโองการรับสั่งให้สร้างวัด ขึ้นกลางพระนคร ให้สูงเท่าวัดพนัญเชิง ให้พระพิเรนเทพ ขึ้นไปรับพระใหญ่ณเมืองโศกโขไทย ชลอเลื่อนลงมากรุง ประทับท่าสมโภช ๗ วัน ณวัน ๑๕ ๖ ค่ำ ยกทรงเลื่อนชักตามทางสถลมารค พระโองการตรัสให้แต่งเครื่องนมัสการพระทุกหน้าวัง น่าบ้านร้านตลาดตลอดจนถึงที่ประชวรอยู่แล้ว แต่ทรงพระอุสาห เพิ่มพระบารมีหวังที่หน่วงโพธิญาณจะโปรดสัตว์ ทำนุกบำรุงพระสาศนา เสด็จพระราชดำเนิน ตามกระบวนแห่พระ หาทรงฉลองพระบาทไม่ จนถึงพลับพลาเสด็จขึ้น เซพลาดเจ้าฟ้ากรมขุนกระษัตรารับทรงพระองค์ไว้ พระศรีสากยมุนี มีลายจาฤกไว้ในแผ่นศิลา ตั้งศักราชว่าไปข้างน่าลุงจะให้สัตย์ต่อหลานผู้น้อยจะเปนผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่จะได้เปนผู้น้อย จาฤกไว้แต่แรกสร้างยังอยู่ แล้วยกพระขึ้นที่ เสด็จกลับออกพระโอษฐเปนที่สุด เพียงได้ยกพระขึ้นถึงที่สิ้นธุระเท่านั้นแล้ว ณเดือน ๗-๘ ทรงประชวรหนักลง ณเดือน ๙ ข้างขึ้นทรงพระองค์ไม่ได้ ประทมแจกเบี้ยหวัด มีลครฉลองทานที่ท้องพระโรง ณวัน ๕ ๑๓ ๙ ค่ำ

๏ ลุศักราช ๑๑๗๑ ปีมเสงเอกศก เพลายาม ๔ บาท พระพุทธิเจ้าหลวงสมเด็จพระไอยกาเสด็จสวรรคต อยู่ในราชสมบัติ ๒๘ ปี บุญนาคพลเทพข้าหลวงเดิม ปลายแผ่นดินต้นเข้ากับขุนแก้วน้องพระยาสรรค์ มาตีกรุงธนบูรี สมเด็จพระไอยกาได้ปราบดาเปนพระประถม ครั้นเสด็จสวรรคต สมเด็จพระพุทธิเจ้าหลวงจะได้ราชสมบัติ กลับเข้ากับพระหน่อแผ่นดินต้น เจ้าฟ้ากรมขุนกระษัตรา, อินทร์เดชะ, สท้านมณเฑียร, รอดทรงราม, พระตะเบิต, จางวางกองมอญ, เพชปาณี, พลเทพ, ลุงหลานเปนกำลังกรมขุนกระษัตรา จะเกิดศึกกลางเมือง ยังหาได้ถวายพระเพลิงไม่ สมเด็จพระพุทธิเจ้าหลวงได้ปราบดาลำดับวงษ์เปนสองครั้ง ณวัน ๒ ๑๐ ค่ำ เจ้าพระยาอะไภยภูธร จับเจ้าฟ้ากรมขุนกระษัตราที่ทวารสองชั้น ณวัน ๔ ๑๐ ค่ำ สำเร็จโทษ ตัดไม้ไม่ไว้หน่อ ฆ่าพ่อไม่เลี้ยงลูก สำเร็จโทษเสียด้วยกัน ณวัดประทุมคงคา ทั้งนั้นประหารชีวิตร์ที่สำเหร่ พระโองการให้ตั้งการพระเมรุ มีศึกพม่าแซกกลาง มาล้อมประชิตเมืองถลาง สมเด็จพระบิตุฉากรมพระราชวังบวรสถานมงคลเสด็จไปปราบพม่าที่ล้อมถลางไว้ เดชะพระบารมีที่ได้ยกพระไตรปิฎกขึ้นไว้ ให้พระพุทธสาศนารุ่งเรือง พม่าได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ดังดั่งกำลังเสียงปืนใหญ่ พม่าหนีเลิกทัพกลับไป มีไชยชะนะด้วยพระบารมี กลับคืนเข้าพระนคร ณวัน ๗ ๖ ค่ำ ฯ

๏ ลุศักราช ๑๑๗๓ ปีมแมตรีนิศก เพลาอุดมฤกษ์ เชิญพระบรมโกฐทรงพระพิไชยราชรถ ชักแห่เข้าพระเมรุทอง พระเบ็ญจาทองคำเปนรูปภาพ ประดับเก้าชั้นทรงพระบรมโกฐ ๗ วันถวายพระเพลิง สมโภชพระอัฐ ๓ วัน เอกาทศวารการเสร็จ เชิญเสด็จพระบรมโกฐทรงยานุมาศแห่กลับเข้าพระราชวัง ทรงประดิษฐานไว้ณหอพระอัฐิ ณวัน ๑๑ ๔ ค่ำปีวอกจัตวาศกสมเด็จพระปิตุฉากรมพระราชวังบวรสถานมงคลเสด็จขึ้นไปรับ เจ้าพระยาเสวตร์กุญชร พร้อมกำหนดพิธีลงสรงทูลกระหม่อมฟ้ามงกุฎไตรภพ ได้พระคชาธารเผือกผู้ เปนศรีพระนครมาถึงแผ่นดินนี้ ณเดือน ๑๐ ปีรกาเบญจศก ข้างในทำผิดคิดมิชอบ พระโองการให้ประหารชีวิตร์ทั้งผู้หญิงผู้ชาย แล้วทรงพระดำริห์ให้ช่างเขียนอย่างเส้นลายบานประตูวัดพระใหญ่ ยกเข้าไปทรงพระศรัทธา ลงลายพระหัตถ์สลักภาพ กับกรมหมื่นจิตร์ภักดี มีพระโองการให้ช่างแต่งทรงพระมรฎป ให้ทรงเครื่องบนสูงกว่าเก่า จะทรงพระพุทธบาท แล้วบุรณปฏิสังขรณ์วัดแจ้ง ให้บริเวณกว้างกว่าเก่า ณปีจอต่อกุญได้พระคชาธารเผือกผู้ เจ้าพระยากลาง ณวัน ๔ ๕ ค่ำ ลุศักราช ๑๑๗๘ ปีชวดอัฐศก พม่าออกจากคุก ฆ่าธำมรงพัศดีเปนศึกขึ้นกลางเมือง ณวัน ๖ ๕ ค่ำ เจ้าฟ้ากุณฑลประสูตร์เจ้าฟ้าอำพร ได้จัตดุรงคโชคไชยชะนะสิ้นเสร็จ พระยาทวาย, ปลัดทวาย พระโองการปราบราบเลี่ยนสิ้นเสี้ยนแผ่นดิน ยิ่งด้วยบารมีที่สุด ยังสมบัติมนุษย์ยังไม่ได้เห็นแก่ตา ว่ามีพระคชาธารเผือกผู้คู่ควร ไม่ได้บาศซัดคล้อง เมืองปัตตบอง, เมืองเชียงใหม่, เมืองน่าน, ถวายเปนเครื่องบรรณาการ ด้วยบารมีบุญฤทธิ์ พระพุทธิเจ้าหลวงสมเด็จพระเจ้าช้างเผือก ณวัน ๓ ค่ำ กรมศรีสุเรนทร์ถึงอนิจกรรม์ในรวางโทษ ฯ

๏ ณเดือน ๕ ลุศักราช ๑๑๗๙ ปีฉลูนพศก กรมหมื่นสิ้นชนมายุ ประชุมเพลิงณวัดราชบุรณะ ฯ เจ้ากระสัตรีทำผิดคิดมิชอบ พระโองการรับสั่งใส่ด้วยบท สำเร็จโทษณวัดประทุมคงคา ณวัน ๘ ค่ำ สมเด็จพระบิตุฉาวังบวรสถานมงคลเสด็จสู่สวรรคาไลย อยู่ในราชสมบัติ ๗ ปีกับ ๑๐ เดือน ณปีขานสำฤทธิศก พระโองการให้ตั้งเขาขุดท่อ ผ่าเส้นกลางไขระหัดน้ำเข้าในวังที่สวนขวา รื้อขนสิลามาก่อ เปนหอพระเจ้าอยู่กลาง ทรงสร้างพิมานเสร็จเถลิง สมโภชมีดอกสร้อยศักรวา เกษมษาสำราญบานจนถึงกาล ฯ

๏ วัน ๕ ๖ ค่ำ ลุศักราช ๑๑๘๒ ปีมโรงโทศกฉลองวัดแจ้ง ประดับแต่งเครื่องไทยทานเหลือหลาย บรรยายไม่ครบประมวญการ มีลครผู้หญิงโรงเล็ก การมโหรศพสมโภชพร้อมเสร็จจัตวาร ณวัน ๖ ๖ ค่ำประจุบันกาลเกิดมรณสงครามยุทธ์ เพียงแผ่นดินจะซุดล่ม ด้วยลมพยุห์ไข้วิบัติเปลือง ฝุ่นเมืองม้วยพินาศรอดชีวาตด้วยเทรงษ์ ดำรงทรงปัตพิน เปนปิ่นสุธาโลก ดับโรคระงับเข็ญ กลับชุ่มเย็นระงับร้อน ผ่อนถึงพรหมลิขิต ณวัน ๖ ๗ ค่ำ กรมอินทรพิพิธสิ้นพระชนม์ ถวายพระเพลิงที่วัดระฆัง พระโองการรับสั่งให้รื้อยกสังคายนายสวดมนต์ ลำดับกระษัตริย์แต่ก่อนหาได้ยกไม่ แต่พระพุทธเจ้าหลวง สมเด็จพระไอยกาบรมโกษเปนประถม สมเด็จพระพุทธิเจ้าหลวง ในพระโกษแผ่นดินกลาง ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ