(๘) พระราชสาส์น พระเจ้ากรุงเวียดนาม

(๘) พระราชสาส์น พระเจ้ากรุงเวียดนามคำนับมายังสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาให้ทราบ ด้วยกรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับกรุงเวียดนาม เปนทางพระราชไมตรีเสมอต้นเสมอปลายสนิทกันยิ่งนัก หามีความรังเกียจสงไสยสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ พระไทยพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับพระไทยกรุงเวียดนามส่องถึงกัน ครั้งก่อนกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาแต่งให้พระยาพิพัฒโกษาจำทูลพระราชสาส์นออกไป ในพระราชสาส์นนั้นว่าทางพระราชไมตรีสนิทกันกับว่าเรื่องความเมืองเขมรแต่ต้นจนปลาย กรุงเวียดนามก็ทราบพระไทยพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาแล้ว แลในทางพระราชสาส์นนั้นว่า ข้อความสิ่งใดก็สั่งมาแก่พระยาพิพัฒโกษาแล้ว จึงให้ขุนนางผู้ใหญ่มารับพระยาพิพัฒโกษาไปกินเลี้ยง แล้วพระยาพิพัฒโกษาว่าแก่ขุนนางผู้ใหญ่ให้กราบทูลเจ้ากรุงเวียดนามว่าเจ้าเมืองเขมรหาเข้าไปเฝ้ารับขอโทษตัวไม่ ขอให้เจ้ากรุงเวียดนามสั่งให้เจ้าเมืองเขมรเข้าไปเฝ้าว่าซ้ำถึงสามหน ขุนนางผู้ใหญ่จึ่งทูลเจ้ากรุงเวียดนาม พระเจ้ากรุงเวียดนามก็แจ้งในพระไทยพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา ความทั้งนี้เปนคำทูตหามีในพระราชสาส์นไม่ เมืองเขมรก็เมืองหนึ่งแต่เปนข้าอยู่ทั้งสองเมืองใหญ่ จะเข้าไปฤๅมิเข้าไปก็สุดแต่ใจเจ้าเมืองเขมร ครั้นกรุงเวียดนามจะว่ากล่าวให้เข้าไป เกลือกเมืองเขมรเปนเหตุการประการใด เมืองขึ้นทั้งปวงจะนินทาว่ากรุงเวียดนามรู้กันกับกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาให้เจ้าเมืองเขมรตกหลุมติดบ่วง ความข้อนี้ได้ให้ขุนนางผู้ใหญ่บอกมาแก่พระยาพิพัฒโกษาแล้ว แลราชการเมืองเขมรกรุงเวียดนามก็ได้มีพระราชสาส์นมาแต่ก่อน กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาก็แจ้งอยู่แล้ว เมื่อคำทรายเจืองเกอหวันเง่าเค่าราชทูตเข้ามาณกรุง ฯ รับราชสาส์นกลับไป ในพระราชสาส์นกับคำคำทรายเจืองเกอหวันเง่าเค่าต้องกัน กรุงเวียดนามทราบแล้ว กรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับกรุงเวียดนามเปนทางพระราชไมตรีสนิทกัน ซึ่งข้อความเมืองเขมรนั้น คำทรายเจืองเกอหวันเง่าเค่ากราบทูลเจ้ากรุงเวียดนามตามรับสั่งพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา กรุงเวียดนามก็ทราบแล้วว่าพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาหาเอาโทษเจ้าเมืองเขมรไม่ ครั้นมิว่ากล่าวเมืองขึ้นกรุงพระมหานครศรีอยุทธยาเปนอันมากจะเอาเยี่ยงอย่างกำเริบตามเมืองเขมร แลข้อความในพระราชสาส์นกับคำคำทรายเจืองเกอหวันเง่าเค่า แลคำพระยาพิพัฒโกษาให้กราบทูลแต่ก่อนนั้นคล้ายคลึงกัน เจ้าเมืองเขมรไม่คำนับพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา เหมือนไม่คำนับกรุงเวียดนามเหมือนกัน จึ่งเจ้าเมืองเขมรทำผิดทั้งนี้จะไม่รู้โทษตัวบ้างฤๅ อันกรุงพระมหานครศรีอยุทธยากับกรุงเวียดนามก็เปนทางพระราชไมตรีกันมา เจ้าเมืองเขมรทำให้เคืองพระไทยพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยาทั้งนี้ กรุงเวียดนามจะนิ่งดูได้ฤๅ แต่เปนทุกข์ด้วยการพระศพยังไม่แล้ว จึ่งมีพระราชสาส์นเข้ามาให้ทราบ กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาจะคิดทำแก่เมืองเขมรประการใด ผู้ใหญ่ครองผู้น้อยให้ควรเลี้ยงผู้น้อยโดยธรรม์ แล้วให้มีพระราชสาส์นออกไปให้จะแจ้ง แลข้อความทั้งนี้เปนธุระอยู่ทั้งสองพระนคร แต่ทูตไปมาถึงสองครั้งไม่แจ้งว่าจะทำเปนประการใด ด้วยยังหามีพระราชสาส์นออกมาไม่ กรุงเวียดนามก็ไม่รู้ที่จะทำประการใด บัดนี้การพระศพเปนการใหญ่ ระยะทางก็ไกลกันดาร จึ่งให้ขุนนางผู้น้อยจำทูลพระราชสาส์นเร่งรีบมาแจ้งราชการโดยเร็ว เปนแต่ผู้น้อยหารู้ราชการสิ่งใดไม่ ข้อความสิ่งใดแจ้งมาในพระราชสาส์นทุกประการแล้ว พระราชสาส์นมาณวัน ๑๒ ๓ ค่ำ ยาลองศักราช ๑๐ ปีมะแมตรีนิศก      ๚ะ๛

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ