(๑๙) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา

(๑๙) พระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา จำเริญพระราชไมตรีมายังสมเด็จพระเจ้ากรุงเวียดนาม โดยคำนับด้วยสองพระมหานครสุจริตต่อกัน แต่องค์จันทร์เจ้าเมืองเขมรเปนเด็กพาความหนีมาพึ่งบุญ กรุงพระมหานครศรีอยุทธยาได้มีพระราชสาส์นมาขอดำริห์ แม้นไม่เห็นกับไมตรีอันสนิทก็ไม่ควรที่จะให้ตัวคืนเมือง หากพระเจ้ากรุงเวียดนามเสียประเพณีแผ่นดิน สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวมิได้ช่วยดำริห์ให้ในระหว่างทุกข์ถึงว่างท้ายเห้าสวรรค์คต จึงมีพระราชสาส์นให้เจ้าเมืองไซ่ง่อนกับพระยามหาอำมาตย์ราชทูต พาตัวองค์จันทร์แลขุนนางเขมรไปส่งถึงเมืองพุทไธเพ็ชร์ โดยมีพระอัชฌาไศรยเที่ยงธรรม์ แต่ต้นจนปลายมาก็ควรอยู่แล้ว กรุงพระมหานครศรีอยุทธยา จะให้ทูตออกมาขอบพระไทย แต่ครั้งนั้นก็ฟังความพม่ายังไม่แน่จึงงดอยู่ ให้แต่ขุนนางผู้ใหญ่มีหนังสือแจ้งความมาก่อน บัดนี้กรุงเวียดนามซ้ำให้ทูตานุทูตคุมสิ่งของเข้าไปถามข่าวแจ้งราชการเมืองเขมร ในพระราชสาส์นใหม่แลเก่า ทั้งสองฉบับก็คล้ายคลึงกัน ว่าการเมืองเขมรเสร็จแล้วแต่ณเดือนเก้า กรุงพระมหานครศรีอยุทธยา แลพระอนุชาธิราชฝ่ายน่าก็ยินดีด้วยยิ่งนัก จึงมีพระราชสาส์นให้พระพรหมบริรักษ์ราชทูต หลวงสิทธิโยธารักษ์อุปทูต ขุนอนุรักษ์ภูธรตรีทูต ขุนราชาวดี ขุนศรีเสนาล่ามคุมของออกมาขอบพระไทยโดยราชไมตรียังเปนธุระกรุงพระมหานครศรีอยุทธยา จะระงับความองค์จันทร์องค์สงวน พี่น้องไม่ชอบกันก็คอยท่าเจ้าเมืองเขมรอยู่ จะเข้าไปหรือประการใดจะรอฟังไปดูก่อน

พระราชสาส์นมาณวันสุกร์เดือนหกขึ้นสิบเอ็ดค่ำจุลศักราชพันร้อยเจ็ดสิบหกปีจอฉอศก ๚ะ๛

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ