ตอนที่ ๙ พลายแก้วยกทัพ

๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว แม่กับเมียไปแล้วก็จัดสรร
เครื่องอานว่านยาสารพัน สำหรับกันอาวุธไม่ไว้ใจ
กราบลาแม่ยายแล้วเยื้องย่าง ขึ้นช้างพร้อมพรั่งทั้งบ่าวไพร่
ออกจากเมืองสุพรรณทันใด เข้าไปกรุงศรีอยุธยา
รีบไปหาท่านผู้รับสั่ง แล้วยับยั้งค้างอยู่ที่เคหา
จนแจ่มแจ้งแสงศรีสุริยา ก็เข้ามาเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ เสด็จสถิตพระที่นั่งสุธาสวรรย์
เสนาเข้าเฝ้าอยู่พร้อมกัน บังคมคัลแน่นท้องพระโรงชัย
ทอดพระเนตรแลมาเห็นพลายแก้ว ผ่องแผ้วพระกระมลแจ่มใส
เออเอ็งเร่งยกพลไกร จงไปเป็นสุขสวัสดี
ปราบลาวให้ละเอียดลงเป็นแป้ง จะเรืองฤทธิ์เรี่ยวแรงดังราชสีห์
กูจะให้อาวุธไปราวี ดาบนี้ที่ด้ามประจุพราย
ประทานผ้ายกดีสีสะอาด สนับเพลาเจียระบาดอันเฉิดฉาย
ทั้งหมวกตุ้มปี่มีระบาย พลายแก้วกราบถวายบังคมลา
ออกไปยังศาลาลูกขุน ชุลมุนพวกพหลพลอาสา
ตรวจพร้อมเสร็จสรรพแล้วรับตรา ลาท่านผู้ใหญ่ท่านให้พร ฯ
๏ ได้ฤกษ์เลิกพลพยุหบาตร เกลื่อนกลาดคั่งคับสลับสลอน
ยกออกมานอกพระนคร ทั้งช้างม้าหมู่นิกรโยธี
เสื้อแสงแดงดาดดูสง่า ถือสาตราอาวุธมาอึงมี่
ธงเทียวเถือกทุ่งลุมพลี ฆ้องตีหึ่งโห่สนั่นนาน
ถึงปากบางลางอยู่ข้างหนึ่ง ยกพลข้ามถึงข้างฟากบ้าน
ปลงหาบยาบเยิบสาแหรกยาน ถอดคานคึกคักพักผู้คน
กินอยู่พูวายสำเร็จแล้ว พลายแก้วจึงสั่งพวกพหล
ให้เร่งเคลื่อนไคลคลายาตราพล ไปอยู่ต้นทางที่จะคลาศคลาย
ปลงวางช้างม้าอยู่ท่ากู เที่ยวอยู่ที่ศาลาวัดป่าฝ้าย
พวกพลโยธากราบลานาย ขยายยกกองทัพไปฉับพลัน ฯ
๏ พลายแก้วอยู่เดียวก็เหลียวแล เห็นแม่กับพิมจอดอยู่นั่น
ลงจากศาลามาหากัน ปรึกษาสำคัญทั้งสามคน
ไปทัพทางไกลไม่รู้เหตุ จะสังเกตปลูกโพธิ์ไว้สามต้น
ถ้าแม้นจะย่อยยับถึงอับจน ขอให้โพธิ์พิกลไปเหมือนกัน
นั่งปรึกษากันมิทันช้า ให้เที่ยวหาหน่อโพธิ์ขมีขมัน
ค่อยขุดมิให้ฉุดกระชากฟัน ดินนั้นพันพอกไว้ดิบดี
ยกลงเรือแล้วก็ข้ามฟาก ผลักหัวเรือบากไปถึงที่
ขึ้นบกยกโพธิ์มาทันที มีต้นไม้ใหญ่ได้สำคัญ
จึงแต่งเครื่องบัตรพลีบูชา บวงสรวงเทวดาที่อยู่นั่น
ขุดหลุมแล้วพิษฐานพลัน ปลูกกันคนละต้นนั่งบนไป ฯ
๏ ทองประศรีนั้นพิษฐานก่อน ถ้าม้วยมรณ์ชีวาหารอดไม่
ให้ต้นโพธิ์ของข้านั้นบรรลัย ถ้าตัวไข้โพธิ์ไข้เหมือนตัวเป็น
แม้นตัวอยู่ดีมีสุข ความทุกข์ไม่กำเนิดเกิดเข็ญ
ขอให้โพธิ์ชุ่มชอุ่มเย็น ให้เห็นประจักษ์อยู่แก่ตา
ว่าแล้วเท่านั้นด้วยทันใด ยกต้นโพธิ์ใส่ไว้หลุมหน้า
เจ้าพลายไหว้วอนแก่เทวา ตัวข้าจะขึ้นไปชิงชัย
แม้นจะมีชัยแก่ไพรี ขอให้โพธิ์ต้นนี้งอกงามไสว
ถ้าแม้นจะอาสัญบรรลัย ขอให้โพธิ์ข้านี้ตายตาม
แม้นตัวข้านี้มิป่วยไข้ ขอให้โพธิ์สุกใสเรืองอร่าม
ถ้าสำเร็จณรงค์สงคราม ขอให้งามเขียวชอุ่มเป็นพุ่มชัฏ
อธิษฐานแล้วพลันทันใด ยกต้นโพธิ์ใส่ในหลุมอัด
รากรอมพร้อมสิ้นเอาดินยัด น้ำตาพิมเจ้าก็หยัดกระเด็นลง
ยกมือกราบกรานเทพารักษ์ สะอื้นไห้ฮักฮักตะลึงหลง
ประคองต้นโพธิ์น้อยละห้อยงง ขอเดชะเทพทรงศักดาฤทธิ์
โพธิ์ทองของพิมพิษฐาน ถ้าอยู่บ้านตัวตายวายดับจิตร
ขอให้โพธิ์ตายตามอย่างามชิด มาดแม้นคงชีวิตไม่บรรลัย
ขอให้โพธิ์ชุ่มชื่นระรื่นร่ม น้ำสุรามฤตพรมไม่เปรียบได้
ถ้าตัวไข้ไผ่ผอมตรอมใจ ใบโพธิ์จงสลดลงหลากตา
ครั้นพิษฐานแล้วจึงปลูกลง นํ้าตาตกซกสรงลงโซมหน้า
พูนพวนถ้วนสิ้นทุกหลุมมา นํ้ารดปลดผ้าสไบพลัน
ทั้งสามผืนผ้าพับลงไว้ ประจงใจแล้วก็ห่มประจำมั่น
ขอเดชะผ้านี้ที่ผูกพัน ห่มโพธิ์สำคัญทั้งสามคน
ต่างคนต่างจะไปไกลตา กลับมาขอให้พบกันเป็นผล
แม้นตัวข้าตายวายชนม์ ให้สู่สวรรค์ชั้นบนสบายใจ
จะเกิดไปในภพชาติหน้า ขอให้ข้าพบกันให้จงได้
ร้อยกัปแสนกัลป์อนันต์ไกล พบกันไปตราบเท่าเข้านิพพาน ฯ
๏ ครั้นห่มโพธิ์เสร็จสรรพทั้งสามต้น สามคนจากที่พิษฐาน
ลงเรือพร้อมกันมิทันนาน บ่าวคํ้าเรือกรานออกพายไป
จอดวัดป่าฝ้ายที่ท้ายเขื่อน เตือนคนขนของไม่ช้าได้
บรรทุกหลังช้างพลันทันใด พลายแก้วแววไวไหว้มารดา
ทองประศรีอวยพรสถาผล จงสวัสดิมงคลไปภายหน้า
นางพิมไหว้พลันกลั้นนํ้าตา สะอื้นออกปากว่าไปจงดี
เจ้าพลายแก้วสั่งพิมพิลาไลย สงวนใจสงวนรักไว้ท่าพี่
แล้วเด็ดรักหักใจจรลี ย่างขึ้นจากที่นาวาพลัน
ทองประศรีกับพิมพิลาไลย บ่าวไพร่ก็ผลักหัวเรือหัน
ผัวเมียชะแง้แลดูกัน น้ำตาหยดอดกลั้นจนลับไป
บ่าวไพร่พูดเล่นกันเฮฮา นางพิมก้มหน้าไม่พูดได้
แม่ผัวโลมเล้าเอาใจ กลับไปยังสุพรรณพารา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว แม่กับเมียไปแล้วละห้อยหา
ตระเตรียมพร้อมกันทันเวลา ช้างม้าหาบคอนสลอนไป
แฟ้มโพล่โย้ยานอยู่ยาบยาบ หัวปลาอ้างาบดังกาบไผ่
กลักพริกกลักขิงกริ่งกร่างไป แกว่งไกวเยิ่นเยิ่นเดินตามกัน
บ้างเหนื่อยเมื่อยล้าแข้งขาขัด บ้างคัดลูกสะบ้าว่าไม่หัน
บ้างยั้งหยุดกินยาทาน้ำมัน ลุกขึ้นได้ไล่กันก็รีบไป
บ้างลงนั่งชักกัญชานัยน์ตาหลับ โงกหงับหาวนอนผ้าผ่อนไหม้
ลุกขึ้นอู้อี้ตีเหล็กไฟ ข้ามทุ่งมุ่งไปพนาวา ฯ
๏ พลายแก้วขี่คชสังหาร สูงตระหง่านเงื้อมเงื้อมอยู่ในป่า
วันหนึ่งก็พอถึงทุ่งโสภา อนิจจาพิมพี่ผู้งามงอน
บ้านกระทงตรงข้ามไปท่าโพธิ์ โอ้ว่าโพธิ์สามต้นยังอ่อนอ่อน
คํ่าลงปลงทัพให้หลับนอน รุ่งยกพลผ่อนข้ามน้ำไป
ลัดล่วงนครสวรรค์ดั้นดง ตัดทางหาลงตามน้ำไม่
ร่มรื่นพื้นพรรณดอกไม้ เจ้าพลายละห้อยไห้ถึงเมียรัก
โอ้เจ้าพิมนิ่มนวลของพลายแก้ว จะข้อนทรวงหนักแล้วเพียงอกหัก
มาส่งทัพกลับไปอาลัยนัก ดูผิวพักตร์พิมเผือดไม่พาที
มาด้วยจะได้ชี้ให้ชมเล่น ในดงเย็นยามยากมากับพี่
สารพัดรุกขชาติสะอาดดี สกุณีจับรังอยู่จอแจ ฯ
๏ นกเขาจับข่อยอยู่เคียงคู่ ผัวมาอยู่ไกลพิมเจ้าเหลือแหล่
คับแคทำรังบนต้นแค พี่ห่างแหหอเหินมาเดินไพร
กระลุมพูจิกพวงชมพู่เทศ สังเกตเหมือนผ้าชมพูพิสมัย
พะยอมหอมหวนมายวนใจ เหมือนกลิ่นสไบเจ้ายังติดมา
หอมกลิ่นบุปผชาติดาษดง เหมือนกลิ่นแก้มพี่หลงตะลึงหา
นกแก้วจับแก้วแจ้วเจรจา เวทนาน้องจะพูดกับผู้ใด
นกขมิ้นบินจับต้นมะเดื่อ โอ้ว่าเนื้อเจ้าจะหมองไม่ผ่องใส
จะเมินหมางขมิ้นทาระอาใจ โอ้เจ้าพิมพิลาไลยของผัวอา
พิศพรรณพฤกษามาตามทาง มะปรางเปรียบแก้มนางทั้งซ้ายขวา
อินพรมนมสวรรค์จันทน์คณา พี่จนกระแจะจันทน์ทาทุกอย่างไป
เห็นกระทุ่มพุ่มชัฏระบัดตั้ง เหมือนผมพิมเจ้าสะพรั่งเพราไสว
เปล่าจิตรคิดเย็นยะเยือกใจ สักเมื่อไรจะได้พบเจ้าพี่อา ฯ
๏ ครวญพลางทางเร่งพลไกร มาในเถื่อนแถวแนวป่า
ถึงป่าใหญ่ไม้กลาดดาษดา ต้นพฤกษากรอบเกราะกระเทาะพัง
ยางยูงสูงโยนโอนสะบัด พระพายพัดเอนลู่ดูสะพรั่ง
ลมกระแทกแตกลั่นสนั่นดัง ถูกรังหนูพุกยุ่งสยุมพู
ปลายทอดยอดแยะตลอดไส้ เป็นตะไคร่คราบเครอะออกเยอะอยู่
กระแตตามกระรอกมาเข้าคารู งูเขียวเลี้ยวไล่ตลอดปลาย
ลางต้นล้มตั้งตละปัก รากหักขึ้นแทงระแหงหงาย
กะตุ้มกะติ้มเกะกะปะกันตาย ยอดหวายพันคลุมอยู่ซุ้มเซิง
เป็นนํ้ากรังรังเรอะอยู่เฉอะฉะ เขยอะขยะขยุกขยุยดูยุ่ยเหยิง
รุงรังรุกรุยเป็นปุยเซิง กะพะกะเพิงพันผูกลูกหวายไป
ลางต้นโกร๋นกร่อนจนปล้อนเปลือก เทือกถูกโคลนช้างเอาข้างไส
เขียวชอุ่มพุ่มชื้อชอื้อใบ แมงภู่ไชในนอกเป็นพรอกโพรง
ค่างลิงวิ่งเลี้ยวแล่นตลอด ไม้คอดหักโลดกระโดดโหยง
เถาวัลย์พันย้อยดังแกล้งโยง โจงโคร่งครือคระอยู่ครึมครำ
ครั้นถึงหว่างเขาเงาชะโงก เป็นตรวยโตรกเตียนตลิบตลอดถํ้า
เป็นแผ่นเพิงตระพักชะงักง้ำ แต่ตีนตํ่าแลต้องนัยน์ตาพราย
ต้องแสงสุริยนระยับแสง บ้างเด่นแดงแข่งเขียวประสานสาย
หมอกม่วงโมราราวระบาย ลวดลายดุจแต้มเบญจรงค์
ที่เด่นแดงดังแสงปัทมราช ประหลาดเล่ห์ปะวะหลํ่างามระหง
ที่ดำดังหนึ่งนิลบรรจง จับพงพฤกษ์พุ่มชอุ่มตา
ที่ขาวราวกับเม็ดเพชรรัตน์ น้ำซัดเป็นละลอกกระฉอกฉ่า
ฝอยฟุ้งพุ่งเต้นกระเซ็นมา กระทบผาซ่าสาดสะเทือนไพร ฯ
๏ ครั้นเดินดงลงธารละหานหิน น้ำรินแลลาดสะอาดใส
กรวดกระจายพรายเม็ดเป็นมูลไป โอ้พิมพิลาไลยของพี่อา
มาด้วยผัวจะเก็บก้อนกรวดให้ ที่ชอบใจพี่จะเก็บให้หนักหนา
กรีดเล็บเก็บเล่นลออตา อนิจจาเนื้อคู่เจ้าอยู่ไกล
ของข้าวเจ้ามักรักของเล่น เห็นอะไรงามงามแล้วไม่ได้
ถ้ามาด้วยผัวแล้วในแนวไพร จะนั่งร้อยมาลัยบนหลังช้าง
จะห้อยหอมล้อมรอบสัปคับ เป็นสร้อยสนแซมประดับสดสล้าง
คิดคิดไม่วายเสียดายนาง เจ้าแนบข้างของแก้วไม่แววมา
ตัดทางถึงกำแพงระแหงเถิน ชมนักมักเนิ่นอยู่หนักหนา
เนิ่นเรื่องเครื่องเขาจะนินทา วางตราผู้รั้งด้วยทันที
จัดพลเสร็จสรรพทั้งสามเมือง ยกเครื่องของเลี้ยงอยู่อึงมี่
ครั้นได้พิชัยฤกษ์ดี ตีฆ้องลั่นปืนเป็นสำคัญ
โห่ร้องเอิกเกริกเลิกทัพ จับอาวุธถือกับมือมั่น
ช้างม้าอัดแอแจจัน กระทั่งถึงเขตขัณฑ์เมืองเชียงทอง
ให้กองหน้าเที่ยวค้นพวกเชียงใหม่ พบที่ไหนไล่กระหนํ่าทุกบ้านช่อง
ห้ำหั่นฟันตายลงก่ายกอง ข้าวของขนริบพัลวัน
ตียับเยินไปมิได้ยั้ง กระทั่งถึงเชียงทองก้องสนั่น
พวกเชียงใหม่หลายทัพรับไม่ทัน ทัพไทยไล่ฟันตะลุยไป
ด้วยมันประมาทอาจอง ทะนงว่าเชียงทองหาสู้ไม่
ยินยอมยกธงแล้วปลงใจ นายไพร่เที่ยวทั่วทั้งพารา
บ้างเที่ยวหาผักปลามาห่างค่าย ไทยแทงล้มตายเป็นหนักหนา
ต่อรู้ว่าไพรีนั้นมีมา จึงเรียกหาผู้คนอลหม่านไป
กลับเขาค่ายรอบขอบคู ชาวเชียงทองดูเห็นหวั่นไหว
สังเกตเหตุรู้ว่าทัพไทย ก็ดีใจปิดประตูเสียฉับพลัน ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเมืองเชียงทอง ทั้งพวกพ้องปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
ดีใจทัพไทยมาช่วยทัน กูจะตัดหัวมันชาวเชียงอินท์
จำจะให้เจ้าหัวนั้นออกไป บอกแม่ทัพไทยให้ทราบสิ้น
มิได้ขบถต่อพระองค์ทรงธรณินทร์ ท้าวเพี้ยได้ยินก็พร้อมใจ
จึงไปนิมนต์พระสังฆราช วิชาสามารถหากลัวไม่
อิกทั้งพระสงฆ์สององค์ไป ออกหลังเมืองมาได้นอกพารา
ฝ่ายพวกทหารเจ้าเชียงใหม่ ไว้ใจว่าพระสงฆ์ไม่เข่นฆ่า
เดินดึ่งถึงทัพอยุธยา เรียกหาให้เปิดประตูรับ
พวกไทยเห็นพระสงฆ์องอาจ ประหลาดเปิดค่ายออกไล่จับ
พาตัวเข้าไปให้นายทัพ นั่งเป็นอันดับกันลงไป
พระยากำแพงระแหงเถิน ว่าหลวงลาวทำเกินไม่ไว้ได้
โทษด้อมมองกองทัพถึงบรรลัย พลายแก้วห้ามไว้ว่าอย่าทำ
จึงถามไปพลันทันใด พากันมาไยจะใกล้คํ่า
บอกตามจริงพลันท่านอย่าอำ ใครนำแนะบอกให้ออกมา ฯ
๏ ครานั้นจึงท่านพระสังฆราช กล้าหาญชาญฉลาดเป็นหนักหนา
แก้ไขด้วยไวปัญญา สาธุตัวข้านี้เป็นชี
เจ้าเมืองเชียงทองให้มาหา ท่านผู้ถืออาญามาถึงนี่
อวยพรให้เป็นสุขสวัสดี แจ้งความตามที่มีศึกมา
ล้อมรอบขอบเวียงเชียงทอง มากมายก่ายกองเป็นหนักหนา
แต่ฟันแตกแหลกตายหลายเวลา ก็ไม่ล่าเลิกทัพกลับไป
ที่ในเมืองข้าวปลานั้นหมดสิ้น จะออกไปหากินก็ไม่ได้
จึงทำเป็นยินยอมพร้อมใจ เข้าด้วยเชียงใหม่ไม่ฆ่าฟัน
ครั้นจะบอกไปศรีอยุธยา พวกลาวตรวจตราอยู่เข้มขัน
สารพัดขัดสนจนทุกอัน วันนี้ดีใจเห็นไทยมา
จึงให้ข้อยมาบอกจะออกรบ ตีตลบหน้าหลังให้หนักหนา
ขอท่านแม่ทัพไทยให้สัญญา วันใดฤกษ์พาจะได้ตี
ทัพไทยเข้าตีจะตีด้วย ฟันให้มันมอดม้วยลงเป็นผี
ท่านอย่าได้กังขาราคี อันถ้อยคำทั้งนี้เป็นความจริง
ถ้าแม้นคิดคดขบถใจ จงฆ่าให้ตายสิ้นทั้งชายหญิง
แต่เด็กเท่าลูกฝ้ายให้ตายจริง ฟันทิ้งเสียเถิดไม่ขอตัว ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว ฟังพระสังฆราชแล้วก็ยิ้มหัว
ทัพเราชาวใต้มิได้กลัว ถึงเชียงทองทำชั่วขบถไป
อันทัพเชียงใหม่นี้คงยับ จะตามจับมันมาให้จงได้
มัดมาฆ่าฟันให้บรรลัย บัดนี้ชีต้นได้มาเจรจา
เราเชื่อถือด้วยว่าเป็นพระสงฆ์ คงซื่อตรงว่าไรไม่มุสา
ท่านจงกลับไปในพารา บอกพระยาเชียงทองให้แจ้งใจ
พรุ่งนี้เวลาตะวันบ่าย จะทำลายทัพลาวให้จงได้
เร่งรัดจัดพหลพลไกร ได้ฤกษ์เมื่อไรให้พร้อมกัน ฯ
๏ ครานั้นพระสังฆราชา รับคำอำลาขมีขมัน
เร็วไวเข้าในกำแพงพลัน บอกความสารพันที่สั่งไป
เจ้าเมืองเชียงทองครั้นพลบคํ่า ทำตามคำสังฆราชหาช้าไม่
ลากปืนขึ้นป้อมด้วยทันใด เตรียมอาวุธน้อยใหญ่คอยเวลา
บ้างปลุกเครื่องอานใส่มงคล รดมนต์น้ำว่านให้หาญกล้า
พวกชายสบายใจในพารา ตีฆ้องกลองจ้าทั้งเชียงทอง ฯ
๏ ครานั้นฟ้าลั่นสันบาดาล ยอดทหารเชียงอินท์สิ้นทั้งสอง
อิกปราบเมืองแมนแสนกำกอง ปรองดองปรึกษาราชการ
บัดนี้ไทยขึ้นมาล้อมทัพ อ้ายเชียงทองก็กลับทำห้าวหาญ
ปิดประตูลากปืนยืนทะยาน ยิงต้านตอบโต้เป็นโกลี
ทัพไทยโอบหลังตั้งดัก จะกักทัพเราไว้มิให้หนี
นิ่งอยู่ดูจะเสียท่วงที มันจะตีดื้อดึงถึงแดนเรา
ยั่นไยไทยมาสักกี่หมื่น จะตีให้มันตื่นขึ้นตีนเขา
ให้ย่นแยกแตกทัพแล้วจับเอา ส่งเข้าเชียงอินท์สิ้นทั้งทัพ
ตัวอ้ายเชียงทองจองหองกล้า ลูกเมียมัดมาเอาดาบสับ
ลูกเด็กเล็กน้อยให้ย่อยยับ จึงกำชับเมืองแมนแสนกำกอง
สองท่านคอยต้านด้านกำแพง ยิงแทงรบรุกจุกช่อง
รับพวกอ้ายลาวชาวเชียงทอง เราสองนายนี้จะตีไทย
พลมันกี่หยิบพริบตาเดียว หาต้องรบขับเคี่ยวเท่าไรไม่
ครั้นปรึกษายินยอมพร้อมใจ ต่างก็ไปเตรียมทัพฉับพลัน
แต่ล้วนม้ากล้าแข็งแรงสามารถ สวมเสื้อแดงคาดชมพูมั่น
ดาบตะพายกรายขยับสำหรับฟัน ทวนทองถือประจันประจำกาย
หอกซัดๆ แซงบนหลังม้า เบาะอานผ่านหน้าดูเฉิดฉาย
เครื่องอานว่านยาสำหรับกาย ทนายปืนปั้นลํ่าตะแบงมาน
บ้างปลุกย้อมเครื่องอานอ่านเวท วิเศษสุดศักดากล้าหาญ
ล้วนเคยได้ประจญประจัญบาน จัดการพร้อมสรรพทั้งทัพไป
ครั้นได้พิชัยเพชรฤกษ์ เอิกเกริกโห่ร้องสนั่นไหว
ออกจากค่ายพลันทันใด สะพรั่งพลไพร่ได้กระบวน
สองนายขึ้นนั่งบนหลังม้า ขับร่าเริงรบตลบหวน
แสงดาบปลาบแวบแปลบปลายทวน จวนถึงค่ายไทยให้ปักธง ฯ
๏ ครานั้นพลายแก้วผู้แม่ทัพ ยืนขยับดังพระยาราชหงส์
เรืองฤทธิ์เชี่ยวชาญการณรงค์ เห็นลาวยกพลตรงมาครามครัน
จึงชวนผู้รั้งทั้งสามคน ให้จัดแจงแต่งตนขมีขมัน
ตรวจเตรียมพลไพร่ให้พร้อมกัน ผูกพันเครื่องครบในสงคราม
เจ้าพลายแก้วก็เสกน้ำมันให้ ทาไพร่ทานายสิ้นทั้งสาม
แต่งตัวขึ้นม้าสง่างาม ตามยามเลิศล้วนประสิทธิ์ดี
ครั้นได้มหาพิชัยฤกษ์ เอิกเกริกเลิกทัพออกจากที่
โห่ร้องลั่นฆ้องกระแตตี กรูกรีเอิกเกริกระดมปืน
กึกก้องสะเทือนท้องสุธาวาส ลาวตกใจขยาดจนแตกตื่น
ควันมัวมืดคลุ้มดังกลางคืน ใกล้ลาวแล้วก็ยืนจะดูที ฯ
๏ จะกล่าวถึงเจ้าเมืองเชียงทอง กับพวกพ้องเตรียมกระบวนไว้ถ้วนถี่
พอได้ยินปืนผาที่ราวี เห็นทัพไทยเข้าตีประจันกัน
เปิดประตูกรูออกไปนอกเมือง แน่นเนื่องมากมายค่ายปิหลั่น
ลำพังทัพนับได้สักห้าพัน นอกนั้นชาวเมืองออกช่วยรบ
ล้วนปืนหอกออกสะพรั่งทั้งไพร่นาย แหกค่ายควันกลุ้มคลุ้มตลบ
ถอนขวากลากปืนออกยืนรบ จุดคบเผาค่ายทลายไป ฯ
๏ ฝ่ายปราบเมืองแมนแสนกำกอง เห็นพวกเชียงทองเข้ามาใกล้
ปล่อยปืนตับตึงลั่นเป็นควันไฟ ทวนแทงแย้งไขว่ประจันกัน
เสี้ยมไม้รวกยาวเป็นหลาวแหลน เงยแหงนแทงผลับปับปั่น
บ้างเข้ารุมกระหนาบเอาดาบฟัน บ้างถลันหอกแทงแย้งขวาซ้าย
ทั้งสองข้างต่างยิงกันครืนครืน ลูกปืนแรงทะลุปรุค่าย
ถูกคนป่นล้มระเนนตาย แข้งขาขาดหายกระจุยไป
พวกเชียงทองมีค่ายปิหลั่นรับ ลุกปืนปับแบนเปล่าหาเข้าไม่
รบกันป่วนลั่นสนั่นไพร ยังไม่มีชัยชนะกัน ฯ
๏ ครานั้นฟ้าลั่นสันบาดาล คุมพวกพลทหารแข็งขัน
เห็นไทยไล่ทัพมาฉับพลัน คมสันรูปร่างสำอางดี
ขี่ม้าร่าเริงบันเทิงท่า องอาจดังพระยาราชสีห์
จะใคร่ถามล่อลวงดูท่วงที ว่าความรู้มันจะดีสักเพียงไร
จึงร้องตวาดเหวยเฮ้ยไทยเล็ก พึ่งรุ่นเด็กยังหาครบปีบวชไม่
เราแลดูรูปเจ้าก็เข้าใจ ว่าเรียนได้แต่เสน่ห์เล่ห์ลม
กับทำอิทธิฤทธิ์ได้นิดหน่อย จะมาพลอยทำศึกไม่เห็นสม
ฤๅเพื่อนฝูงยั่วใจให้นิยม จึงอาสาซานซมกระเซิงมา
นามกรของท่านนั้นชื่อไร เจ้าไทยจึงเชื่อท่านหนักหนา
เราขอถามตามจริงจงบอกมา พาราเชียงทองนั้นของใคร
แดนลาวต่อลาวเขาขึ้นกัน อ้ายเชียงทองนั้นหาตรงไม่
โกหกยกเมืองไปขึ้นไทย เจ้าเชียงอินท์จึงใช้ให้เรามา
จับอ้ายเชียงทองผู้ขบถ พร้อมลูกเมียหมดไปเข่นฆ่า
ใช่การของเจ้าอยุธยา มารุกรานหาญกล้าด้วยเหตุใด
มีพลขึ้นมาสักหยิบมือ ไม่พอครือทัพเวียงเชียงใหม่
แต่เหยียบก็จะเงียบสงัดไป ไม่ต้องทันถึงได้ประจัญบาน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว ยิ้มแล้วตอบคำที่ว่าขาน
เรานี้ฤๅคือว่าองค์พระกาล ยอดทหารอยู่ในอยุธยา
เราชื่อว่านายพลายแก้ว ได้ทดลองกันแล้วจึงอาสา
เจ้าเชียงทองข้องเคืองพระบาทา เป็นสองหน้าแหนงคดขบถไป
ถวายเมืองกับกรุงอยุธยา แล้วกลับมาขึ้นเวียงเชียงใหม่
กำแพงระแหงแจ้งบอกไป พระองค์ใช้ให้เรามาฟาดฟัน
ครั้นมาถึงเวียงเชียงทอง ปรองดองเหมือนเดิมไม่บิดผัน
ว่าถูกห้อมล้อมไว้ไม่หนีทัน จึงแกล้งล่อลวงทั่นให้ตายใจ
บัดนี้ก็ช่วยเราออกรบ ให้พวกท่านบัดซบให้จงได้
ท่านอย่าองอาจประมาทไทย ถ้าไม่ดีที่ไหนเราจะมา
นามกรของท่านนั้นชื่อไร คารมใหญ่ยิ่งยวดมาอวดกล้า
โมโหโอหังช่างเจรจา พริบตาเดียวดอกจะบรรลัย
จะพากันสิ้นชาติวาสนา ที่ยกมาหาเหลือกลับไปไม่
จะบอกเจ้าเอาบุญให้อุ่นใจ จงอ่อนน้อมยอมไทยจะรอดตัว ฯ
๏ ครานั้นจึงพระยาฟ้าลั่น ฟังพลันตบมือแล้วร้องหัว
ชะต้าว่าได้ช่างไม่กลัว เขารู้ทั่วทุกแคว้นแดนภพไตร
ว่าเมืองเชียงทองแต่บุราณ ถิ่นฐานเคยขึ้นกับเชียงใหม่
มันหากคิดคดขบถไป จึงมีภัยถึงเวียงเมืองเชียงทอง
เขาจะทำกันประสาข้ากับเจ้า ใช่ธุระอย่าเข้ามาเกี่ยวข้อง
ขืนสู่รู้ปั้นลํ่าทำคะนอง อย่านึกปองว่าจะรอดไปเป็นคน
เราฤๅชื่อพระยาฟ้าลั่น เพื่อนนั้นสันบาดาลท่านอย่าฉงน
ว่าพลางสำทับแล้วขับพล เกลื่อนกล่นกลุ้มกันกระชั้นมา
พวกไทยโห่ครื้นเอาปืนยิง ฉวยหอกกลอกกลิ้งวิ่งเข้าหา
พวกลาวกลุ้มกลาดดาษดา เอาวารับมันบ่ยั่นใคร
ลาวถูกปืนปั่นหันเห บ้างซวนเซซอนซุกไม่ลุกได้
บ้างถูกหม้อดินทิ้งกลิ้งเกลื่อนไป เปลวไฟลุกวาบขึ้นปลาบตา
ลาวยิงปืนผึงตึงถูกไทย ตายเจ็บปวดไปเป็นหนักหนา
ย่อย่นร่นถอยหย่อยลงมา ลาวได้ทีท่าสะอึกไป
พระยาฟ้าลั่นสันบาดาล ต้อนพลทหารกระโจมไล่
กวัดแกว่งดาบหอกออกไล่ไทย โห่ร้องก้องไปที่ในดง ฯ
๏ พลายแก้วแววไวใจกล้า รีบเร่งอาชากระทืบส่ง
มือถือดาบประทานผลาญณรงค์ ตรงใส่สันบาดาลที่นำกอง
ฟันฉับลาวรับด้วยปลายทวน แทงสวนหลบได้ด้วยไวว่อง
ลาวไพล่พลาดถลานัยน์ตาพอง ร้องหมาซี้แม่แร่เข้ามา
พลายแก้วฟาดฟันสนั่นฉับ คอพับตะพายแล่งตลอดบ่า
ฟ้าลั่นแลเห็นเข่นอาชา ตรงเข้าฟันพระยากำแพงเพชร
ฉับเปล่าไม่เข้าพลัดตกม้า พลายแก้ววางร่ามาระเห็จ
ฟันถูกฟ้าลั่นหันขี้เล็ด หัวเด็ดตกม้าลงมาดิน
ไพร่เห็นนายตายก็แตกหนี ไทยไล่ตามตีเตลิดสิ้น
บ้างป่วยเจ็บไปเลือดไหลริน บางล้มดิ้นตายยับไม่นับตัว
ทัพไทยไล่ลามตามพิฆาต ลาวหนีเกลื่อนกลาดไม่เห็นหัว
ปล่อยช้างม้าอาวุธด้วยความกลัว ครอบครัวทิ้งขว้างตามทางไป
เมืองนครลำปางไม่ต่อสู้ ชาวเมืองหนีพรูไม่อยู่ได้
เมืองลำพูนผู้คนด้นเข้าไพร ทัพไทยอยู่ค่ายสบายควัน
เที่ยวสกัดตัดทางไปเชียงอินท์ ค้นเก็บทรัพย์สินเป็นจ้าละหวั่น
แต่บ้านจอมทองช่วยป้องกัน ไม่มีชาวทัพนั้นทำร้ายใคร
เทวดาดลใจให้คิดปอง ด้วยจะได้ลาวทองพิสมัย
จึงเพอิญอารีมีแก่ใจ เที่ยวเข้าออกได้อยู่อัตรา
แต่บรรดาพวกไพร่ที่ได้เมีย แก่สาวได้เสียตามวาสนา
สำราญรื่นชื่นใจทุกเวลา คอยท่าจะล่องไปกรุงไกร ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ