ตอนที่ ๑๗ ขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง ได้นางแก้วกิริยา

๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิฦๅดีไม่มีสอง
ข้าศึกนึกกลัวขนหัวพอง คล่องแคล่วแกล้วกล้าวิชาดี
จำเดิมแต่ลาวทองต้องจากอก ให้วิตกขุ่นข้องหมองศรี
ข้าใช้ไทยลาวสาวสาวมี ไม่ยินดีด้วยใครอาลัยนาง
นอนเดียวเปลี่ยวใจไม่มีคู่ ทุกฤดูตรอมใจให้หมองหมาง
หน้าร้อนร้อนใจดังไฟฟาง หน้าฝนฟ้าครางรำพึงครวญ
หน้าลมลมแล่นตลอดจิตร ปกปิดผ้าห่มยิ่งโหยหวน
จากเมียเสียใจให้รัญจวน เสียดายนวลลับหน้าไปกว่าปี
เพลากลางคืนสะอื้นอ้อน จะหลับนอนขุ่นข้องยิ่งหมองศรี
พลิกกลับก็ไม่หลับสนิทดี สักกี่ปีลาวทองน้องจะมา
ได้ยินเรไรร้องอยู่ริมเรือน สะเทือนจิตรคิดถึงที่ในป่า
จำเดิมแต่ได้น้องลาวทองมา พี่ชี้ชวนแก้วตาให้ชมไพร
อกเอ๋ยไม่เคยจะจากน้อง สงสารห้องเยือกเย็นหาเห็นไม่
ที่นอนหมอนน้องหมองมัวไป ฤๅลาวทองน้องไข้จึงขุ่นมัว
อัจกลับดับมากว่าปีแล้ว น้องแก้วจะรำพึงคิดถึงผัว
หมอนข้างขวางกลิ้งไปไกลตัว ดังผัวเมียเราพรากไปจากกัน
เครื่องแป้งแห้งหอมไม่มีติด คันฉ่องป้องปิดก็แตกลั่น
มุ้งกางค้างขาดลงพาดพัน น้ำมันสิ้นกลิ่นตรลบเจ้าอบปรุง
เจ็บใจดังใครยิงด้วยปืนพิษ คะนึงคิดครํ่าครวญจนจวนรุ่ง
ปานฉะนี้ลาวทองน้องอยู่กรุง จะสะดุ้งตื่นตั้งแต่โศกา
ให้น้อยจิตรเจ็บใจไม่นอนหลับ พลิกกลับเปิดมุ้งเที่ยวมองหา
ดุเหว่าแว่วแจ้วเสียงสำเนียงมา ผวาเปิดประตูห้องให้หมองใจ
ไม่เห็นนางย่างขึ้นบนหอน้อย พระจันทร์ฉายบ่ายคล้อยจำรัสไข
สว่างเวิ้งวงบ้านสงสารใจ ใบไทรต้องลมระงมเย็น
เย็นฉํ่าน้ำค้างค้างใบไทร จากเมียเสียใจไม่เล็งเห็น
โอ้น้ำค้างเหมือนนางน้ำตากระเด็น เช้าเย็นยามนอนจะนอนนึก
ยามกินก็จะกินแต่นํ้าตา เฝ้าครวญครํ่ารํ่าหาเวลาดึก
จะแสนคิดเช้าคํ่าเฝ้ารำลึก ตรึกแล้วเคืองขุ่นให้มุ่นใจ
โอ้ว่ากรรมทำไว้ไฉนหนอ มาเกิดก่อวิปริตผิดไปได้
จะมีมิตรก็ให้เชือนผิดเพื่อนไป หย่อนให้กลับเหิมข่มเหงทำ
แสนแค้นเคืองใจไอ้ขุนช้าง ใจกระด้างกระเดื่องคิดให้ผิดสํ่า
มันชิงวันทองไปอ้ายใจดำ แต่สักคำมิได้ว่าให้เคืองใจ
มิหนำยังซํ้าทูลยุแยง เสียดแทงเอาลาวทองมันทำได้
ไม่แก้แค้นก็จะแค้นคุ้งบรรลัย เอออะไรเห็นรักกลับหักราน
สุภาษิตท่านประดิษฐ์ประดับแต่ง ว่าใครคดก็เอาแข็งเข้าต่อต้าน
ถ้าใครซื่อซื่อต่อจนวายปราณ นี่มันพาลเพื่อนผิดประเพณี
ตามกรรมจะระยำด้วยอาญา ไปเบื้องหน้าเป็นไฉนให้รู้ที่
ตัวกูก็ฦๅชาว่าคนดี พรุ่งนี้จะไปยังสุพรรณ
จะผ่าแผ่แล่อกดูให้ได้ ทำให้สมแค้นเป็นแม่นมั่น
จะลักวันทองไปยังไพรวัน คิดแล้วก็ดั้นเดือดทะยาน
พลุ่งพลุ่งเมื่อไรรุ่งจะรีบไป อุระร้อนราวกับไฟมาเผาผลาญ
พอเช้าตรู่เตรียมเสร็จสำเร็จการ มายังบ้านมารดาด้วยทันใด ฯ
๏ ทองประศรีตำหมากยกสากแหงน โอ้พ่อแผนของแม่จะไปไหน
แต่เช้าผิดเพลาพ่อมาไย อกใจริกริกแม่รำคาญ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพ ก้มกราบมารดาแล้วว่าขาน
แต่ลูกตรอมใจมาเป็นช้านาน เหลือจะทานทนแล้วจึงมาลา
ลูกจะไปแก้เผ็ดอ้ายขุนช้าง ให้สิ้นอย่างสาสมแก่น้ำหน้า
จะพาวันทองดั้นอรัญวา ถ้าตามมาลูกจะฟันให้บรรลัย ฯ
๏ ทองประศรีฟังพลางทางปลอบ ตอบว่าแม่เห็นหาควรไม่
แม่นี้คิดเกลียดรังเกียจใจ มันสิ้นไร้แล้วฤๅทั้งบุรี
ถ้างามรูปงามใจแม่ไม่ห้าม ควรตามแล้วก็ตามให้เต็มที่
นี่งามรูปแต่ใจมันไม่ดี อย่างนี้มันไม่น่าจะติดตาม
วันทองหมองแม้นเหมือนแหวนเพชร แตกเม็ดกระจายสิ้นเป็นสองสาม
จะผูกเรือนก็ไม่รับกับเรือนงาม แม่จึงห้ามหวงเจ้าเพราะเจ็บใจ ฯ
๏ ขุนแผนตอบคำท่านมารดา แม่ว่าตามเที่ยงหาเถียงไม่
จะว่าชั่วก็ชั่วทุกสิ่งไป ต่อคิดใคร่ครวญดูจึงเห็นดี
เมื่อเกิดหึงวันถึงสุพรรณพบ ก็แจ้งจบอยู่ว่าใจไม่หน่ายหนี
นางเล่าความตามจริงทุกสิ่งมี ลูกเสียทีถือโทษกระทำโพย
แล้วหุนหันมาเสียจากห้อง วันทองร้องไห้ไม่วายโหย
ผูกคอโยนโจนเจ็บสะอื้นโอย ระบมโบยเจ็บชํ้าระกำใจ
ถึงอย่างนั้นก็ยังมั่นในความหลัง จะชิงชังเฉยลูกหาเป็นไม่
สายทองบอกจริงทุกสิ่งไป ข้อนั้นลูกไม่ได้คะนึงคิด
ลาวทองน้องนอนอยู่ในห้อง ลูกก็ลืมวันทองเสียสนิท
มันแกล้งพรากเมียให้เสียมิตร ขอลองฤทธิให้ฦๅฝีมือกัน
แม่จงอวยชัยให้ลูกแก้ว ไปแล้วมีชัยอย่าได้พรั่น
ถึงจะยกทัพตามสักสามพัน ลูกจะฟันให้เป็นภัศม์ธุลีลง ฯ
๏ ทองประศรีสุดห้ามก็ตามใจ จึงอวยชัยให้ลูกดังประสงค์
ให้พ่อเรืองฤทธิไกรในณรงค์ พ่อจงสำเร็จดังความคิด
ไปพบวันทองที่ห้องนอน ให้เขาหย่อนยอมใจไปสนิท
เจ้าอย่าหลงเล่ห์ลมมัวชมชิด สำเร็จกิจแล้วก็กลับมาเรือนตน ฯ
๏ ขุนแผนรับพรอภิวาท คำประสาทประสิทธิสถาผล
กำเริบฤทธิยินดีโดยมงคล ประทักษิณสามหนแล้วลามา
ขึ้นหอพระนารายณ์ระงับจิตร เอาเทียนติดธูปถวายทั้งซ้ายขวา
ลงหินฝนจันทน์น้ำมันทา ใครเห็นกายาให้ยวนใจ
สอดสนับเพลาม่วงดวงวิหค นุ่งยกแย่งทองผ่องใส
รอยจีบกลีบกระหวัดรัดละไม เสื้อสั้นชั้นในล้วนเลขยันต์
เสื้อนอกดอกช่อฉลุทอง ตระพองทับเจียระบาดคาดมั่น
แหวนถักพระพิรอดสอดพัน สังวาลคั่นเครื่องสลับกับผมพราย
จับประเจียดประจุประจงโพก ได้มหาสิทธิโชคสำคัญหมาย
จบจับฟ้าฟื้นแล้วยืนกราย บ่ายเลี่ยงผีหลวงกาละไทย
ลงบันไดไปขึ้นสีหมอกม้า เรียกโหงพรายมาทั้งน้อยใหญ่
ออกจากกาญจน์บุรีรี่เข้าไพร โหงพรายตามไปเป็นโกลา
ตัดมาห้วยโรงหนองตะพาน ข้ามธารจระเข้แล้วเข้าป่า
ถึงหนองน้ำบ้านพลับระยับตา รีบมาใกล้บ้านขุนช้างนั้น
ตัดไม้ปลูกศาลขึ้นสรรพเสร็จ สำเร็จบัตรพลีขมีขมัน
จุณเจิมเฉลิมแป้งกระแจะจันทน์ จุดธูปเทียนพลันทันฤกษ์พาร
ชุมนุมเทวดาวราฤทธิ์ ตั้งจิตรแจ้งสัตย์อัธิษฐาน
ขอเชิญเทพไทได้เป็นพยาน ข้าจะผลาญขุนช้างผู้อมิตร
มันชิงเมียข้ามาไว้ชม ขอเดชะจะสะดมให้สมจิตร
ถ้าแม้นข้าเสียสัตย์วิบัติมิตร ขออย่าให้สมคิดที่ทำการ
ครั้นสำเร็จเสร็จสรรพจับฟ้าฟื้น ขยับยืนใจเหี้ยมกำแหงหาญ
ดูดาวเด่นสะดวกทั้งลมปราณ ก็ขับม้าร่าทะยานผยองไป
มาถึงบ้านขุนช้างเข้ากลางแปลง เป็นเขื่อนแขงคูรอบขอบโตใหญ่
ผู้คนนั่งยามตามไฟ ก็กดสีหมอกไว้จะดูที ฯ
๏ จะกล่าวถึงพวกพรายนายขุนช้าง ห้านางเที่ยวรายอยู่รอบที่
บอกกันทันใดว่าไพรี เราไล่ตีต่อยทำให้หนำใจ
ว่าพลางเผ่นโผนโจนตวาด เอาทรายสาดดินทิ้งวิ่งไล่
ห้อยหัวตัวแกว่งอยู่กวัดไกว แลบลิ้นหลอกให้ละลานตา
ฝ่ายว่าพวกพรายนายขุนแผน ทะลึ่งแล่นทุ่มทิ้งด้วยหินผา
โผนผาดฟาดด้วยตำแยยา กล้าต่อกล้าแข็งต่อแข็งแรงณรงค์ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท รุ่งฤทธิ์พริ้งเพริศระเหิดระหง
ชักฟ้าฟื้นพลันยรรยง ซัดข้าวสารส่งให้เสื่อมแรง
แล้วแก้ห่อข้าวหอมที่ย้อมว่าน เหวี่ยงหว่านต้องปวดดังกรวดแข็ง
พรายทั้งห้ากายาก็เยาะแยง เฟี้ยมแฝงเข้าแอบดูอาการ
เห็นหนุ่มน้อยหน้านวลควรชม ทั้งอาคมเจนใจประจักษ์จ้าน
จึงแปลงกายให้เหมือนนางอยู่งาน เดินผ่านให้พอพบประสบกัน
เดินเดินเมินเมียงแล้วถอยหลัง จนกระทั่งถูกตัวทำกลัวพรั่น
คมค้อนงอนถามเนื้อความพลัน มายืนกั้นกีดทางอยู่ทำไม ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท แจ้งจิตรว่าพรายแปลงหาแคลงไม่
ขยับยืนยิ้มพรายภิปรายไป พี่มิใช่ชายพาลชำนาญลัก
มีธุระมาปะพอเป็นโชค ด้วยร้อนโรครึงรุมกลุ้มใจหนัก
คลายทุกข์ที่มาถามเนื้อความทัก แรกรักรีรอแต่พอควร
พี่นี้คือผัวเจ้าวันทอง ขุนช้างพาน้องมาสู่สงวน
จากเมียเสียใจให้รัญจวน พอพบนวลทั้งห้านาริน
เอ็นดูเถิดช่วยเปิดประตูให้ จะขอบใจเจ้าให้ถึงขนาดสิ้น
ว่าพลางเป่ามนตร์ให้ยลยิน กินหมากคนละคำอย่าอำพราง ฯ
๏ นางพรายทั้งหลายได้ฟังว่า เมินหน้าเฟี้ยมแฝงตะแคงข้าง
ยิ้มเยื้อนเบือนตอบเนื้อความพลาง ว่าขุนช้างท่านได้บำรุงมา
ซึ่งท่านขุนช้างกระทำผิด ไม่ควรคิดสอพลอมาพลอยว่า
ที่รักพรายว่าหมายจะเมตตา มารยาดอกเห็นไม่เป็นการ
ขุนช้างเลี้ยงข้ามาดิบดี ควรที่จะทดแทนพระคุณท่าน
นี่จะไม่มีรักไปหักราน นานไปจะไม่สมอารมณ์นึก
ท่านก็ไม่ขัดสนจนพราย มากมายตามพรูอยู่มิตรึก
แรกรักจะรำพันให้ครั่นครึก เหลือลึกแล้วที่ลมละลานใจ ฯ
๏ แน่ะเจ้าอย่าบ่นเป็นคนงอน เป็นคนฤๅจะค่อนบำรุงให้
ถึงรักจะรู้จักทำอะไร ได้แต่ชมรูปเล่นอยู่รวยรวย
ถ้าแม้นเจ้ากลับเป็นมนุษย์แท้ แน่แล้วพี่จะสมสู่ด้วย
สุดที่จะบำรุงให้รุ่งรวย เอ็นดูด้วยช่วยชี้ที่วันทอง
ว่าพลางทางจับข้าวสารซัด พรายกระจัดหลีกหนีไปทั้งผอง
ชักสีหมอกไปดังใจปอง ถึงท้องคูข้ามไปตามคัน
ขับพรายร่ายเวทสะกดคน นอนกรนหลับเพ้อมะเมอฝัน
ลิ่มกลอนถอนถอดตลอดกัน ชักสีหมอกผันผยองมา
เกลื่อนกล่นคนนั่งระวังบ้าน ซมซานโงกหงับไม่เงยหน้า
ที่ทำการถือขวานยืนจังกา ผ่าถูกดินปุบฟุบหลับกรน
ที่หุงข้าวเผาปลายังคาเตา หลงเอาฝาละมีเข้าจี้ก้น
งุบหัวลงนอนไม่ร้อนรน ปากบ่นอู้อ้าหลับตาเซอะ
หลงปลุกเพื่อนกันหั่นกัญชา มือเช็ดขี้ตาอยู่จำเปรอะ
หม้อข้าวเดือดแฉะแฟะเฟอะ นั่งเงอะหงายแหงนแอ่นหลับไป
ดูเป็นสมเพชเวทนา ชักสีหมอกมาหาช้าไม่
ล่วงเข้าสองชั้นเป็นหลั่นไป ผู้คนหลับใหลอยู่ซบเซา
ผ้าผ่อนล่อนลุ่ยหลุดละเมอ หลงเพ้อปีนป่ายขึ้นปลายเสา
ดื่มเหล้าเข้าปากแล้วรากเมา ถือถ้วยเหล้าล่อแล่ร้องพาดควาย
ล่วงเข้าชั้นสามข้ามคู หรุบหรู่แสงเดือนไม่เด่นหงาย
ผู้คนหลับคลํ่าไม่กลํ้ากราย น่าสบายบ้านเรือนศรพระยา
เรือนนี้แล้วสิอ้ายเต่าเผา โตเปล่าล้านเลี่ยนเตียนหนักหนา
ปลูกต้นไม้พุ่มชอุ่มตา เบิกบานบุษบาอรชร
รุ่งขึ้นพรุ่งนี้อ้ายขุนช้าง จะนอนครางอิดออดกอดแต่หมอน
เอาวันทองของกูมาแนบนอน วันนี้กูจะค่อนให้สมแค้น
แล้วลงยันต์ปิดหน้าม้าสีหมอก อย่าออกลำพองคะนองแล่น
บังเงาเสาอยู่อย่าดูแคลน สั่งม้าแล้วก็แล่นไปสั่งพราย
สะกดให้หลับหมดทั้งเคหา ต่อกูเตือนว่าจึงผันผาย
สั่งพลางร่ายมนตร์สนธยาย ปรายข้าวสารซัดบริกรรม
ทิ้งข้ามหลังคาเรือนสะเทื้อนหวาด ฝูงปิศาจรักษาออกคลาคลํ่า
ผู้คนบ่นเพ้อมะเมอคลำ ซ้ำซัดมะนาวทิ้งสะท้านเรือน
พรึงรอดออดอ่อนกลอนลั่น ขวัญขุนช้างนั้นไปสู่เถื่อน
กอดวันทองฝันอยู่ฟั่นเฟือน ก็เขยื้อนเหยียบไม้ขึ้นหยุดยืน ฯ
๏ โจนลงกลางชานร้านดอกไม้ ของขุนช้างปลูกไว้อยู่ดาษดื่น
รวยรสเกสรเมื่อค่อนคืน ชื่นชื่นลมชายสบายใจ
กระถางแถวแก้วเกดพิกุลแกม ยี่สุ่นแซมมะสังดัดดูไสว
สมอรัดดัดทรงสมละไม ตะขบข่อยคัดไว้จังหวะกัน
ตะโกนาทิ้งกิ่งประกับยอด แทงทวยทอดอินพรมนมสวรรค์
บ้างผลิดอกออกช่อขึ้นชูชัน แสงพระจันทร์จับแจ่มกระจ่างตา
ยี่สุ่นกุหลาบมะลิซ้อน ซ่อนชู้ชูกลิ่นถวิลหา
ลำดวนกวนใจให้ไคลคลา สาวหยุดหยุดช้าแล้วยืนชม
ถัดถึงกระถางอ่างน้ำ ปลาทองว่ายคลํ่าเคล้าคลึงสม
พ่นน้ำดำลอยถอยจม น่าชมชักคู่อยู่เคียงกัน
บ้างแหวกจอกออกช่องภูเขาเคียง วัดเหวี่ยงแว้งหางระเหิดหัน
บ้างกินไคลไล่เคล้าพัลวัน ถัดนั้นแอกไถละไมงอน
กะดึงพรวนล้วนสักหลาดทับ ดาวประดับดวงเด่นดูสลอน
สลักเสลาเกลาเกลี้ยงอรชร เชือกใช้ไว้ซ้อนสลับกัน
เครื่องม้าดาดาษจังหวะวาง เครื่องช้างสารพัดจะจัดสรร
ขอครํ่าด้ามพลองทองพัน ถัดนั้นย่างเยื้องชำเลืองมา
สะเดาะดาลบานเบิกลับแลบัง เห็นฝูงสาวสะพรั่งอยู่พร้อมหน้า
พ้นเหล่าสาวนอนสลอนมา ถึงห้องแก้วกิริยาเข้าทันใด ฯ
๏ เจ้าร่างน้อยนอนนิ่งบนเตียงตํ่า คมขำงามแชล่มแจ่มใส
คิ้วคางบางงอนอ่อนละไม รอยไรเรียบรับระดับดี
ผมเปลือยเลื้อยประลงจนบ่า งอนปลายเกศาดูสมศรี
ที่นอนน้อยน่านอนอ่อนดี มีหมอนข้างคู่ประคองเคียง
กระจกแจ่มจัดใส่คันฉ่องน้อย ไม้สอยซ่นงางามเกลี้ยง
ฉากบังจัดตั้งไว้ข้างเตียง อัฒจันทร์ตั้งเรียงในห้องน้อย
ห้องแคบอุตส่าห์แอบไม่แออัด รู้จักจัดเครื่องเรือนไว้ใช้สอย
ทั้งกระโถนขันน้ำแลจอกลอย ดูน้อยน้อยงามรับกับรูปคน
เอะใจมิใช่เจ้าวันทอง ฤๅพี่น้องนึกแหนงแคลงฉงน
ท่วงทีก็มิใช่เป็นคนจน เครื่องกินก็พิกลดูผิดนัก
ฤๅจะเป็นเมียน้อยอ้ายขุนช้าง ไยไม่วางห้องชมให้สมศักดิ์
พิเคราะห์ดูหน้านวลควรจะรัก ถ้าชายชมก็จะชักให้นวลคลาย
คิดพลางทางแอบเข้าแนบน้อง ต้องเต้านึกชมอารมณ์หมาย
เอนอิงพิงทับแล้วขับพราย ร่ายลมละลวยลงให้ลานใจ ฯ
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยา นิทราระงับหลับใหล
สะดุ้งตื่นฟื้นตัวก็ตกใจ เอ๊ะใครหนอน่าอัศจรรย์
นึกนึกจะใคร่ร้องต้องอาคม ในอารมณ์ระริกรัวกลัวพรั่น
ถอยถดลดลงจากเตียงพลัน ดูคมสันรูปทรงใช่ชายทราม
แฝงหน้านิ่งนึกอยู่ในฉาก ขยับปากคิดคิดก็เกรงขาม
นิ่งอยู่จะไม่รู้ซึ่งข้อความ แข็งขืนอารมณ์ถามไปทันที
หม่อมขาดีฉันว่าอย่าว่าพ้อ นี่ใครล่อจึงได้หลงมาถึงนี่
ดูรูปร่างบางเอี่ยมสะอาดดี กิริยาพาทีใช่คนพาล ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท นิ่งคิดฟังเสียงสำเนียงหวาน
แจ่มแจ้วกระจ่างเป็นกังวาน ตัวพี่คือทหารชาญณรงค์
พระผู้จอมจักรพาลประทานนาม ชื่อขุนแผนแสนสงครามตามประสงค์
มาหาเจ้าวันทองต้องจำนง ด้วยขุนช้างพาลงมาโลมเลี้ยง
อันขุนช้างกับพี่ก็เป็นมิตร มันผิดเมียเสียน้ำสบถเบี่ยง
พี่คิดว่าวันทองเฝ้ามองเมียง ต่อนั่งเคียงลงจึงรู้ว่าผิดตัว
ไม่แผกผิดกันสักนิดเจียวนะน้อง พี่คิดว่าวันทองจึงต้องทั่ว
ได้ลักจูบลูบไล้ไม่คิดกลัว ผิดตัวเกินแล้วอย่าโกรธา
ขออภัยเถิดมิใช่เจ้าวันทอง นิจจาน้องอย่าสะเทินเมินหน้า
นี่เจ้าเป็นอะไรกันอย่าฉันทา จึงมาอยู่เคหาของขุนช้าง ฯ
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยา เสนหานิ่งนึกอางขนาง
นี่ขุนแผนแม่นใจจึงไม่พราง แบบบางน้อยน้อยน่าเอ็นดู
แช่มแช่มช้าช้าน่ารักใคร่ เป็นไรหนอวันทองจึงมิอยู่
เรืองฤทธิประสิทธิ์ประสาทครู ถึงขุนช้างจะสู้คงเสียตัว
เที่ยวเล่นทุกห้องคะนองฤทธิ์ คิดคิดขนพองสยองหัว
ครั่นคร้ามขามจิตรสะดุ้งกลัว นี่ผัวเจ้าวันทองแล้วแน่ใจ
ครั้นจะมิบอกความที่ถามหา แค้นขึ้นมาก็จะพาลพาโลให้
จะสู้รบหลบหนีไปแห่งไร จะพลอยเสียเบี้ยใบ้ไปลอยลม
คิดแล้วจึงว่าช่างน่าหัว มาหลงตัวหลงห้องไม่เห็นสม
แค้นนักที่มาลักมาลอบชม มายกยอให้นิยมเหมือนเย้ยกัน
เต่าเตี้ยดอกอย่าต่อให้ตีนสูง มิใช่ยูงจะมาย้อมไม่เห็นขัน
หิ่งห้อยฤๅจะแข่งแสงพระจันทร์ อย่าปั้นน้ำให้หลงตะลึงเงา
ข้าทาสีดอกมิใช่เจ้าวันทอง ดูแต่ห้องน้อยนอนเถิดนะเจ้า
มิใช่ที่ประสงค์อย่าหลงเดา ข้าเจ้าลูกท่านสุโขทัย
บิดาต้องจำระยำยาก ขายฝากดีฉานให้ท่านใช้
เป็นเงินสิบห้าบิดาเอาไป ตัวฉันไซร้ชื่อแก้วกิริยา
เป็นไทยอย่าเอาใจมาคบทาส ฉันไม่อาจเอื้อมนั่งเสมอหน้า
ที่โกรธแค้นแทนกันแต่ก่อนมา ก็แก้แค้นตามประสาท่านผู้ดี ฯ
๏ น้อยฤๅพูดจาช่างน่ารัก เสนาะนักนํ้าคำเจ้าเสียดสี
ปิ้มจะกลืนชื่นใจในวาที สงสารด้วยยังไม่มีคู่ภิรมย์
แม้นชายใดได้อยู่เป็นคู่ครอง จะแนบน้องเชยชิดสนิทสนม
พี่จะอยู่สู้รักไม่แรมชม มิใช่ลมลวงน้องอย่าหมองใจ
อย่าว่าแต่เจ้ายากอยู่สิบห้า ถึงห้าชั่งพี่ก็หามาช่วยได้
บุญหลังได้สร้างมาปางใด เผอิญให้จำเพาะพบประสบนาง
ว่าพลางทางแอบแนบชิด ปลื้มจิตรอย่าสะเทินเมินหมาง
แก้ห่อเงินมอบแล้วปลอบพลาง อย่าระคางเคืองใจได้เอ็นดู ฯ
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยา เมินหน้าซ่อนซบหลบอยู่
ปัดป้องมิให้ต้องเข้าชมชู รู้แล้วว่ารักว่าปรานี
เงินทองกองเกวียนจะโกยให้ ฉันขอบใจบุญคุณเหนือเกศี
ยังคิดคำบิดาเป็นราคี ท่านปรานีซ้ำสั่งสารพัน
ถึงยากจนก็ให้ทนเสงี่ยมจิตร อย่าพลั้งผิดปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
รักหลังระวังโพยโบยรัน แม่นมั่นรับสัตย์กับบิดา
ถ้าหม่อมรักฉันแท้ไม่ทอดทิ้ง อย่าด่วนชิงเชิญงดให้งามหน้า
อย่าให้น้องหมองสัตย์ที่สัญญา เชิญไปว่ากับคุณพ่อแต่พอควร
หม่อมรักใช่ฉันจักไม่รักตอบ จะลักลอบกลัวผิดสักพันส่วน
รักตัวกลัวอายเสียดายนวล สุดสงวนอยู่แล้วอย่าวอนเลย ฯ
๏ น้องเอ๋ยเพราะน้อยฤๅถ้อยคำ หวานฉํ่าจริงแล้วเจ้าแก้วเอ๋ย
เจ้าเนื้อหอมพร้อมชื่นดังอบเชย เงยหน้ามาจะว่าไม่อำพราง
ได้ชมชิดเข้าสนิทอย่างนี้แล้ว ขอเชิญแก้วกิริยาเมตตาบ้าง
พี่จะมอบเสน่ห์ไว้ที่ในนาง อย่าระคางข้องแค้นระคายเคือง
ถ้าพี่ลวงน้องให้หมองสัตย์ จงวิบัติเกิดเข็ญให้เป็นเนื่อง
สารพัดวิชาสง่าเปลือง เจ้าเนื้อเหลืองดังทองมาทาบทับ
ว่าพลางทางเปลื้องเครื่องคาด แขวนพาดฉากลงประจงจับ
อุ้มนางวางตักสะพักรับ ก็ทอดทับระทวยลงดังท่อนทอง
พระพายชายพัดบุปผาชาติ เกสรสาดหอมกลบตรลบห้อง
ริ้วริ้วปลิวชายสไบกรอง พระจันทร์ผันผยองอยู่ยับยับ
พระอาทิตย์ชิงดวงพระจันทร์เด่น ดาวกระเด็นใกล้เดือนดาราดับ
หิ่งห้อยพร้อยไม้ไหวระยับ แมลงทับท่องเที่ยวสะเทือนดง ฯ
๏ ครานั้นนางแก้วกิริยา เสนหาปลื้มใจใหลหลง
ความรักให้ระทวยงวยงง เอนแอบอ่อนลงด้วยความรัก
สะอึกสะอื้นอ้อนแล้วถอนใจ น้ำตาไหลซกซกลงตกตัก
แค้นใจที่มาไล่ข่มเหงนัก แล้วจะลักวันทองไปเที่ยวไพร
ตัวท่านจะสำราญระริกรื่น ข้านี้นับคืนคอยละห้อยไห้
เพลินป่าพ่อจะมาต่อปีไร ขุนช้างก็จะไล่พาโลตี
ท่านจะมาหากันนั้นต่างหาก กรรมวิบากพามาไม่พอที่
ให้พะวังกังขาเป็นราคี ทำทีควักค้อนด้วยงอนใจ ฯ
๏ ขุนแผนรับขวัญอย่าพรั่นจิตร พี่หาลืมคิดความหลังไม่
แสนสงสารสุดสวาดิเพียงขาดใจ นับแต่วันนี้ไปจนวันตาย
มิวันหนึ่งก็วันหนึ่งคงถึงห้อง ประสมสองเกษมสุขให้โศกหาย
ชื่นจิตรเจ้าจงคิดเพทุบาย ถ่ายถอนตัวเสียให้เป็นไทย
ว่าพลางทางถอดซึ่งแหวนเพชร ประคองเช็ดน้ำตาอย่าร้องไห้
ชมแหวนแทนพลางสว่างใจ สอดใส่นิ้วน้อยให้นางดู
กอดคอชะลอเคลื่อนออกจากห้อง สอดประคองอกประทับสะทึกอยู่
มิใคร่เขยื้อนยกแขนประคองชู เอ็นดูด้วยช่วยชี้ที่วันทอง ฯ
๏ นางแก้วกิริยายิ่งอาลัย แข็งใจชี้แจงตำแหน่งห้อง
ตรงนี้แน่ะแลไปอย่าเมินมอง ล่วงสองชั้นเข้าไปห้องใน
แสงอัจกลับตามอร่ามเรือน คนเกลื่อนนอนนั่งระวังไสว
เอ็นดูน้องเถิดอย่าไปเลยเป็นไร เหมือนหนึ่งใจเมียจะขาดด้วยคิดกลัว
เจ้าแก้วกิริยาอย่าอาวรณ์ ขวัญอ่อนเจ้าไม่เคยเห็นฤทธิผัว
ไม่แกล้วกล้าฤๅจะมาได้แต่ตัว ชั่วแล้วดอกจะละวันทองทิ้ง
ขวัญข้าวเจ้าไปนอนเสียเถิดน้อง หับห้องเสียให้มิดสนิทนิ่ง
เย้ายวนกวนใจไม่ไปจริง นิ่งนะพี่จะเข้าไปห้องใน
ปลอบพลางวางน้องแล้วย่องเยื้อง ชำเลืองแลวันทองอยู่ห้องไหน
บังลับแลแลลับวับวาบใจ แสนอาลัยเหลือที่จะรีรอ
นางแก้ววิ่งตามด้วยความรัก จักแหล่นลืมฉันเสียเจียวหนอ
แคลงเรือนเพื่อนฤๅจึงรื้อรอ ถัดหอเข้าไปหน่อยก็นั่นเอง ฯ
๏ ขุนแผนเหลียวมาเห็นหน้าแก้ว เจ้าบอกแล้วไม่พิเคราะห์ให้เหมาะเหมง
เห็นช่องแล้วอย่าร้องให้ครื้นเครง เกรงผิดจึงชะงักฉงนใจ
ดึกแล้วแก้วพี่ยังมินอน อย่าอาวรณ์เลยพี่ไม่ช้าได้
ว่าพลางพานางเข้าห้องใน ปลอบให้นอนเหนือที่นอนน้อย
กอดประทับมิใคร่หลับลงเลยหนอ ประคองคอเขยื้อนขยดถอย
เห็นหลับๆ กลับขยิบกะปริบกะปรอย จนเหงื่อย้อยลงแล้วไม่หลับนอน
ว่าพลางทางเป่าพระเวทฤทธิ์ ให้สนิทล้มหลับลงกับหมอน
ลุกเลี่ยงหลีกมายิ่งอาวรณ์ หยุดยืนยั้งสะท้อนสะทึกใจ
เห็นพลิกตัวกลัวเจ้าจะคว้าหา กลับมากอดน้องให้นอนใหม่
แต่กอดแล้วกอดเล่าเคล้าคลึงไป เห็นหลับใหลสิ้นสมประดีนาง
วางน้องย่องย่างออกจากเตียง พลิกหมอนข้างเคียงประคองข้าง
จากห้องย่องเหยียบแต่เบาบาง พลางผูกใบดาลสำราญใจ ฯ
๏ เดินถือฟ้าฟื้นขึ้นหอกลาง ของขุนช้างสร้างขึ้นไว้ใหม่ใหม่
หอนั่งตั้งฉากพับไว้ ขุนทองกรงทองใส่สะอาดตา
กระจกใหญ่ใส่รูปฝรั่งนั่ง นัยน์ตาตั้งค้อนคมดูสมหน้า
ชมพลางทางเดินเพลิดเพลินมา รีบเร่งเร็วหาเจ้าวันทอง
เห็นทาสหญิงนอนกลิ้งหอกลางหลับ สะเดาะฉับเดินเข้าไปในห้อง
เครื่องแก้วแพรวพรายอยู่ก่ายกอง ฉากสองชั้นม่านมูลี่มี
ม่านนี้ฝีมือวันทองทำ จำได้ไม่ผิดนัยน์ตาพี่
เส้นไหมแม้นเขียนแนบเนียนดี สิ้นฝีมือแล้วแต่นางเดียว
เจ้าปักเป็นป่าพนาเวศ ขอบเขตเขาคลุ้มชอุ่มเขียว
รุกขชาติดาษใบระบัดเรียว พริ้งเพรียวดอกดกระดะดวง
ปักเป็นมยุราลงรำร่อน ฝ่ายฟ้อนอยู่บนยอดภูเขาหลวง
แผ่หางกางปีกเป็นพุ่มพวง ชะนีหน่วงเหนี่ยวไม้ชม้อยตา
ปักเป็นหิมพานต์ตระหง่านงาม อร่ามรูปพระสุเมรุภูผา
วินันตกหัศกันเป็นหลั่นมา การวิกอิสินธรยุคุนธร
อากาศคงคาชลาสินธุ์ มุจลินท์ห้าแถวแนวสลอน
ไกรลาศสะอาดเอี่ยมอรชร ฝูงกินนรคนธรรพ์วิทยา
ลงเล่นน้ำดำดั้นอโนดาต ใสสะอาดเยือกเย็นเห็นขอบผา
หมู่มังกรล่อแก้วแพรวพรายตา ทัศนารำลึกถึงวันทอง
ห้ำหั่นฟันม่านผลาญสับ ระยำยับย่างเข้าไปชั้นสอง
น่ารักปักเอี่ยมลออออง น้องเอ๋ยช่างฉลาดลํ้ามนุษย์
เจ้าปักเป็นพระลอดิลกโลก ถึงกาหลงทรงโศกกำสรดสุด
แสนคะนึงถึงองค์อนงค์นุช พระทรงเสี่ยงสายสมุทรมาเป็นลาง
แสนคะนึงถึงองค์พระเจ้าแม่ พระลอแลน้ำแดงดังแสงฝาง
ละลักษณวดีไว้โดยปรางค์ คะนึงนางพระพี่น้องทั้งสององค์
ปู่เจ้าท้าวใช้ให้ไก่แก้ว มาล่อแล้วพระลอไล่เตลิดหลง
ถึงสวนพระยิ่งแสนกำสรดทรง ปักเป็นองค์พระเพื่อนพระแพงทอง
สู่สวนพิศวาสประพาสโฉม พระลอโลมเสพสุขประสมสอง
พี่เลี้ยงเคียงข้างคอยประคอง นางรื่นนางโรยรองบาทบงสุ์
มิเสียแรงใจเจ้าวันทองเอ๋ย กะไรเลยโลภรักขุนช้างหลง
กลุ้มกลัดตัดม่านสะบั้นลง ฉีกฉะหวะวงแล้วเหวี่ยงไป
ถึงม่านชั้นสามดูงามพริ้ม ฝีมือพิมเจ้าทำพี่จำได้
ยืนพิศม่านน้องต้องติดใจ ฉลาดนักปักไว้เป็นคาวี
จรดลด้นดั้นอรัญเวศ ถึงกรุงจันตประเทศบุรีศรี
สังหารผลาญหมู่สกุณี เลือดอินทรีแดงสาดลงดาษดิน
ปักเป็นลงเล่นในคงคา กับโฉมจันทร์สุดาอันเฉิดฉิน
ลอยเส้นเกศาในวาริน หอมกลิ่นผมตรลบผอบทอง
ปักเป็นเถ้าทัศประสาทใจกล้า มาลวงพานางพรากไปจากห้อง
ถวายท้าวเมืองอื่นให้ชื่นครอง กระทบเรื่องวันทองให้เคืองใจ
อีเถ้าศรีประจันผู้มารดา เหมือนอีเถ้าใจกล้าหาผิดไม่
ดูพระยาก็ให้ชังยิ่งคลั่งใจ เหมือนไอ้ขุนช้างชิงวันทองกู
พระยาก็ไม่ยากมากหมื่นนาง ขุนช้างเป็นเศรษฐีมีถมอยู่
ดูม่านพล่านใจดังไฟวู จู่จับฟ้าฟื้นฟันระยำ
สับบั่นหั่นย่อยลงร้อยทบ ฟันตรลบม่านมุ้งไม่เป็นสํ่า
เห็นขุนช้างกางกอดอยู่กำยำ ทะมื่นดำดาลเดือดเสียดายนาง
วันทองน้องน้อยหนึ่งเท่านั้น จะเคียงมันก็ไม่ถึงสักครึ่งข้าง
เงื้อดาบจะใคร่ฟาดให้ขาดกลาง ง้างหัวมาจะสับให้ยับลง ฯ
๏ กุมารทองป้องปัดสกัดดาบ ประนมกราบขอโทษยิ่งโกรธส่ง
ถีบต่อยเตะตกจากเตียงลง กุมารตรงยึดขวางไม่วางมือ
งดก่อนผ่อนพ่ออย่าเพ่อฆ่า ไม่กลัวอาญาเจ้าชีวิตฤๅ
ขุนแผนแค้นกัดกรามคำรามฮือ เอออือกูไม่กลัวแล้วอาญา
มันทำแค้นพ่อก็พอแรง กูจะแล่งอกออกเอาดาบผ่า
ถอยไปใช่การอย่านำพา ฆ่าเสียที่ลับจับเอาใคร
กุมารทองห้ามว่าอย่าให้ตาย เอาแต่พอเจ็บอายเลือดตาไหล
ฟันฆ่าเทวดามักดลใจ จับได้เนื้อความลามกระจาย ฯ
๏ ขุนแผนคลายแค้นพิโรธจิตร ยืนพิศวันทองแล้วใจหาย
มืดมิดช่างไม่คิดเสียดายกาย อายบ้างก็ไม่มีเท่าขี้เล็บ
ลอยหน้ามาอยู่กับชู้ช้าง กระเบนกรางหน้าผากไม่อยากเจ็บ
ปักม่านเท้าแขนแอ่นเอวเย็บ ซ่อนตะเข็บน้อยน้อยน่าเอ็นดู
สมรูปเจ้าแล้วฤๅไรนั้น พัวพันช่างไม่พิศดูหัวหู
ชอบใจใหม่แล้วมาลืมกู เคียงคู่ชะควรกันสุดใจ
จะดูแก้มแก้มก็หมองไปหมดสิ้น นวลขมิ้นดอกนวลเนื้อหามีไม่
จะดูนมนมก็น่วมหลวมทรวงไป จะหาไตแต่สักนิดไม่มีเลย
เสียงามไปกว่าก่อนนางงอนรถ สุดจะอดแล้วนะเจ้าวันทองเอ๋ย
ถ้ามิว่าจะชะล่าชะเลยเคย ขยับเงยเงื้อดาบสะดุดพราย
ฮึดฮัดวัดเหวี่ยงกุมารทอง อย่าปัดป้องกูจะฆ่าให้ฉิบหาย
กุมารยึดดาบง้างไม่วางวาย คิดเสียดายทิ้งดาบกระเดื่องใจ
โอ้เจ้าวันทองของพี่เอ๋ย ไม่เห็นเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ได้
เสียยศเสียศักดิสักเท่าไร ดังดวงแก้วไปได้กับวานร
คายอมจมฝุ่นแล้วเหวี่ยงฟัด จะใคร่ตัดรูปรอยสักร้อยท่อน
ให้ทานแร้งกากินที่ดินดอน ฟันฟอนอ้ายขุนช้างให้สาใจ
ทั้งนี้เพราะอีศรีประจันเอง ไม่เกรงดาบกูดูหมิ่นได้
ชอบเชือดเนื้ออีแม่แล่อกใจ แคะได้เอาพริกกะเกลือพรม
จับหัวขุนช้างขอดตลอดขวัญ หยิกควั่นหยอกหยอยเหมือนหอยขม
น้ำมันปั้นปีกจำเปาะกลม ดูเป็นร่มระย้าพระยามอญ
จับรวบกันเข้าจะเกล้าจุก อ้ายขี้คุกกลางโล่งออกล่อนจ้อน
หวีไว้ไปล่ปลิวเป็นปีกงอน เอาแหนบถอนไรจุกเข้าสองนิ้ว
เอาไม้ม้วนสำลีเข้าหวีโหย่ง อ้ายตายโหงโล่งเปล่าอ้ายเหาหิว
เอามินหม้อล่อทาเป็นปลาซิว เขียนกริวขึ้นขี่ที่ต้นคอ
ที่ต้นขาเขียนปลาเทโพผุด เขียนเขียนแล้วก็หยุดยืนหัวร่อ
ถีบตกเตียงคว่ำดำมอซอ เอาหม้อผูกคอเข้าสองใบ
ทำขุนช้างแล้วก็ย่างขึ้นบนเตียง เคียงนางพลางทอดถอนใจใหญ่
โอ้เจ้าวันทองหมองมัวไป ลูบไล้อ่อนอุ่นละมุนมือ
มือพี่อย่างนี้ดอกควรต้อง กับเนื้อน้องนุ่มนิ่มควรจะถือ
ถนอมรักหนักนิดหนึ่งไม่ครือ แต่อุ้งมือค่อยประทับดังทองเปลว
นิจจาเจ้าเศร้าซีดทั้งเนื้อนม บีบระบมเอาแล้วอ้ายห่าเหว
เตะขุนช้างผางเข้าหว่างเอว อ้ายลิงเลวดีแล้วแต่รายเมา
ฮึดฮัดจะใคร่ตัดศีรษะขว้าง กุมารขวางอย่าฆ่าเลยพ่อเจ้า
สับทำแต่พอหนำน้ำใจเรา ฆ่าเขาความผิดจะติดตัว
ฟังพรายคลายโกรธพิโรธจิตร ยืนพิศวันทองยิ่งชังผัว
ขับพรายร่ายมนตร์ให้ฟื้นตัว เจ้าตื่นขึ้นดูผัวสักหน่อยรา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทอง หลับต้องมนตร์มึนยังมืดหน้า
สะดุ้งตกใจตื่นไม่ลืมตา ผวากอดขุนแผนนิ่งไม่ติงตัว
ขวัญหายกายสั่นระรัวริก ปลุกหยิกคิดว่าขุนช้างผัว
เล่าความฝันมาประหม่ากลัว ว่าทูนหัวสุมไฟไว้ในมุ้ง
เปลวปลาบวาบพลุ่งขึ้นปลายจาก ไหม้มากหลายตับลงยับยุ่ง
ต้องตัวผัวไหม้ทั้งไส้พุง น้องสะดุ้งโดดกลิ้งลงกลางแปลง
เรืองเริงเพลิงผลาญม่านหมอนฟูก ถูกน้องพุพองเป็นหลายแห่ง
ไม่มึใครจะช่วยดับวับวาบแรง ตัวน้องนึกแสยงสยดใจ
เชิญช่วยทำนายให้น้องที เช่นนี้น้องหาเคยจะฝันไม่
จะเกิดเหตุเภทพาลประการใด กอดแอบแนบไว้ไม่ลืมตา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนแผน ขัดแค้นคำนางพลางตอบว่า
ฝันนี้ดีดอกเจ้าพี่อา แก้วตาอย่าสลดระทดใจ
เจ้าฝันว่าไฟฟอนฟูกหมอนม่าน จะมีท่านผู้อื่นเอามาให้
อันซึ่งว่าครวญคร่ำรํ่าพิไร จะเกลียดไกลคนชั่วที่มัวเมา
ฝันว่าร้องไห้จะได้ชม ของรักตกตมจะคืนเข้า
ที่ร้อนโรคโศกสร่างจะบางเบา มิตรเก่าจะประคองวันทองน้อย
พี่กับเนื้อเย็นจะเป็นสุข อย่าทุกข์พรั่นขวัญข้าวอย่าเศร้าสร้อย
ว่าพลางช้อนคางให้เพลินพลอย ขอจูบหน่อยเถิดเจ้าอย่าเศร้าใจ ฯ
๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภา ฟังเสียงเจรจาไม่จำได้
เสียงกระเส่ากระซิบยิ่งเสียวใจ ลูบไล้อกอ่อนสะเอวบาง
นิ่มนิ่มเนื้อน้อยประหลาดนัก ครั่นจะทักเกรงผิดให้คิดหมาง
แคลงคลำอกเลี่ยนตลอดคาง หอมกระแจะจันทน์นางยิ่งแหนงใจ
ขุนช้างบางแบบอย่างนื้ฤๅ แต่ข้อมือเกินกำหารอบไม่
ผวาตื่นฟื้นตัวด้วยตกใจ คว้าไปก็ปะเจ้าขุนช้าง
ทูนหัวผัวรักไม่ลืมตา ทำไมมานอนกลิ้งอยู่พื้นล่าง
ปลุกสั่นหวั่นไหวนํ้าใจนาง นํ้าตาพรูพรูพร่างลงพรายตา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนแผน ขัดแค้นคำนางพลางตอบว่า
วันทองน้องรักเจ้าพี่อา ลืมตาดูบ้างก็เป็นไร
พี่มิใช่ผู้ร้ายชายโจร อย่าเพ่อโผนแผดร้องไปข้างไหน
สั่นปลุกลุกขึ้นทำไมใคร อย่าจำใจให้ลุกไม่ลุกเลย
คนหลับกลับสั่นขึ้นให้ฟื้น คนตื่นนี้ไม่เตือนทำเชือนเฉย
เกลียดชังอย่างไรฤๅไม่เคย เงยหน้ามาทักอย่าผลักแพลง
นิจจาเจ้าวันทองน้องพี่อา พี่จำหน้าเนื้อน้องได้ทุกแห่ง
นิจจาใจช่างกะไรมาแปลกแปลง เอามือคลำแล้วยังแคลงอยู่คลับคล้าย
เจ้าลืมนอนซ่อนพุ่มกระทุ่มตํ่า เด็ดใบบอนช้อนน้ำที่ไร่ฝ้าย
พี่เคี้ยวหมากเจ้าอยากพี่ยังคาย แขนซ้ายคอดแล้วเพราะหนุนนอน
เจ้ามาได้ผัวดีมีทรัพย์มาก มาลืมเรือนเพื่อนยากแต่เก่าก่อน
หลงเชิงขุนช้างช่างชะอ้อน กอดท่อนซุงสักสำคัญคน
ถ้ามันตื่นขึ้นเห็นพี่จูบเจ้า ตายเปล่าคอพี่นี้ขาดป่น
สั่นปลุกลุกจริงสิพี่จน ลุกขึ้นได้ไล่ชนพี่ตายจริง ฯ
๏ ครานั้นวันทองผ่องโสภา ฟังว่าสะดุ้งใจไหวกริ่ง
เจ็บจิตรตละพิษปืนยายิง ช่างค่อนติงเสียดซ้ำให้แสบใจ
รื้อเรื่องไร่ฝ้ายกระจายวุ่น นี่ขุนแผนแม่นแล้วหาใครไม่
ดึงดื้อถือตัวไม่กลัวใคร มีแต่ฤทธิแล้วจะไล่พาโลทำ
นิ่งอยู่ดูช่างประชันประชด เหลืออดว่าเล่นไม่เป็นสํ่า
เป็นไรก็เป็นไปตามกรรม จะเหยียบยีให้ระยำไม่อยากกลัว
นึกพลางทางหันเข้าสั่นปลุก ลุกขึ้นเถิดเจ้าจอมหม่อมผัว
ควํ่าหน้าหลับตาช่างลืมตัว ไม่กลัวฤๅพระกาลกาญจน์บุรี
ว่าพลางนางปัดพานหมากหก นํ้าตาตกลุกไปเสียจากที่
ยืนบังฉากแค้นแสนทวี ชะดีแล้วเจ้าข้าขอบใจ
ความสัตย์สารพัดจะสัจจัง ที่แท้ถังดอกหาใช่สัดไม่
นํ้าลายคายขากจากปากไป กลับกลํ้ากลืนได้เจ้าดีจริง ฯ
๏ ขุนแผนแค้นคำแล้วตอบนาง ชะช่างพิไรได้ทุกสิ่ง
เปรี้ยงแปร้นแสนคมคารมจริง อย่านิ่งนะวันนี้ได้ฟังกัน
เมื่อกี้ว่าใครไม่มีสัตย์ สารพัดเหน็บแนมแกมขยัน
แสนงอนค่อนว่าสารพัน สัตย์ที่ถือมือมั่นจึงพลาดพลัด
อันตัวเจ้าแลเสียสัตย์วิบัติคิด พี่จึงติดตามทวนมาสวนสัด
เจ้าเจนตวงท่วงทีดีสันทัด ป้องปัดปาดหมุนละมุนตา
ขุนช้างได้นางมาสอบสวน เจ้าจึงทวนถูกสัดยี่สิบห้า
แสนคมคารมเติบเจรจา มาเชิดหน้าลอยนวลให้กวนใจ
ไม่อดสูปลุกชู้ขึ้นชิงผัว จะกลัวบ้างสักนิดหามีไม่
สั่นปลุกลุกขึ้นทำไมใคร มารองให้ชมขวัญกี่วันแล้ว
ไม่อิ่มอกอิ่มใจบ้างเจียวฤๅ ยังขืนดื้อถือปัดว่าดวงแก้ว
มิฟังก็หลังจะเป็นแนว ยังดิ้นแด่วโดดเดือดไม่รู้ตัว ฯ
๏ วันทองหมองคำที่ค่อนแค้น เหลือแสนเจ็บแสบสมองหัว
ว่าได้ว่าไปให้ใครกลัว ตกว่าชั่วเจ้าจึงซ้ำกระหนํ่าเน้น
นี่เส้นผมกลมน้อยเสียนักอีก ซีกเดียวเจ้ายังจักได้เจ็ดเส้น
แสนงอนค่อนว่านัยน์ตาเป็น เช่นนี้เกิดมาไม่เคยพบ
มาชี้หน้าด่าข้าว่าไรฤๅ มาขึ้นไม้ขึ้นมืออยู่หรบหรบ
ความหลังข้ายังจำไว้ได้ครบ เจ้าเรียกให้เมียตบไม่เกรงใจ
ทั้งแขวนหนังสือด่าสารพัด ตัดรอนค่อนว่าหาเลี้ยงไม่
จะฉีกเชือดอีเถ้าแม่แล่อกใจ ว่าไม่เลี้ยงแล้วเหมือนกากี
แสนแค้นที่เจ้าแขวนหนังสือด่า ค่อนว่าสัปดนจนป่นปี้
ในตัวล้วนแต่ชั่วไม่มีดี จี้ไชไค้แคะแกะเลือดปู
ห้ามหวงขุนช้างมิให้รัก อัปลักษณ์ขายหน้ามิให้อยู่
มารดานํ้าตาลงพรูพรู จึงสู้ส่งให้เขาข้างนี้
เขาจึงได้ทีทำระยำเยิน เมื่อได้เกินแล้วอย่ากลับมาจู้จี้
ได้เสียตัวเพราะผัวไม่ไยดี ถ้ามีเมตตาบ้างมิเป็นไร
ยามโปรดเจ้าโลดดังจะเหาะ ได้เมียเหมาะแล้วหาว่าไรไม่
สอนให้เมียด่าว่าวุ่นไป ลูบไล้โลมเล่นตละรำ
นี่ลาวทองจากห้องไปแล้วฤๅ จึงดึงดื้อเดือดมาเวลาคํ่า
ไม่ตามใจขัดใจจึงเพ้อพำ นี่อดน้ำแล้วสิเลี้ยวมากินตม ฯ
๏ เพราะคำรํ่าค่อนงอนสะบัด แม่ผลัดชื่อให้ก็เห็นสม
ชื่อว่าวันทองต้องนิยม นานไปแก้มกับนมจะเป็นทอง
เออกระนั้นสิเจ้าอย่าให้ว่า ให้หลับตาชมเซอะอยู่ในห้อง
ตามใจให้เจ้าทำตามลำพอง ครั้นว่าบ้างแล้วก็ร้องไม่เคยพบ
แต่กระนั้นยังไม่ได้กับใจนาง ปล่อยหางแล้วก็เปรื่องกระเดื่องจบ
รื้อเรื่องความหลังตั้งสมทบ ข้าเรียกให้ใครตบจึงเจรจา
แค้นขุ่นวุ่นฉาวกับลาวทอง โดดจากเรือร้องทำหยามหน้า
แปรดแปร้นแค้นขัดสะบัดมา เหลือว่าอยู่แล้วแต่วันนั้น
เป็นใจใครมั่งจะไม่แค้น ผิดเจ้าจะแล่นไปไหนนั่น
เพราะยังเมตตาไม่ฆ่าฟัน โกรธกันจริงแต่ยังไม่ตัดรอน
จากไปสองคืนคืนมาเรือน เจ้าช้างเถื่อนกอดประทับไว้กับหมอน
แค้นใจตละไฟมาไหม้ฟอน แต่วันนอนอยู่วันนั้นก็เจียนตาย
ถ้าเอากฤชนีดเน้นให้เป็นผี ปานนี้ก็จะสูญเป็นเถ้าหาย
ถึงโกรธก็ยังรักยังเสียดาย จึงคลายโทษหลังยั้งหยุดคิด
รุ่งเช้าเฝ้าเรียกให้ออกมา เจ้าไม่แลดูหน้าแต่สักหนิด
ก็ยังอักอ่วนใจอาลัยมิตร กลับบิดใส่โทษทุกสิ่งอัน
หนังสืออะไรข้าได้แขวน ไม่รักแล้วก็แค่นมาเสกสรร
ที่รักนั้นแลหากไม่ว่ากัน ลายมือของทั่นเจ้าจอมช้าง
ชู้ชอบใจเจ้าเฝ้ายุแยง เสียดแทงสอดใส่ได้ทุกอย่าง
บ้านเราก็หนักปักริมทาง ถอนขว้างฉีกทิ้งเสียถมไป
เจ้าหากติดบ่วงมันลวงหลง เมื่อเข้ากรงแล้วจะดิ้นไปไหนได้
จึงพลอยเหินห่างระคางใจ คิดไปทั้งนี้นี่เนื้อเคราะห์
มันพอกับเรื่องนางกากี เจ้าปักษีขุนช้างพานางเหาะ
พี่เหมือนคนธรรพ์สรรจำเพาะ อย่าฉอเลาะเลยเจ้าจะคืนวัง
มิเสียทีพี่ขอบน้ำใจรัก เห็นประจักษ์แจ้งจริงมาแต่หลัง
มาหาเห็นหน้าเหมือนชิงชัง ยังจะซ้ำปลุกชู้ให้ลองฤทธิ์
ชิจิตรชะใจวันทองเอ๋ย กะไรเลยตัดได้ไปเป็นปลิด
ขาดเม็ดเด็ดเรือไม่เผื่อคิด ม้าลาเล็ดลิดอยู่อลวน
จากเบี้ยเสียสองเพราะต้องคาด ฟันฟาดเบี้ยหงายกระจายป่น
ม้าก้าวยาวเรือก็เหลือทน เมื่อพี่จนแล้วจะไล่แต่รายโคน
คิดมาก็น่าน้อยใจนัก อัปลักษณ์เหมือนนิยายเขาเล่นโขน
สีดาเดียวเปลี่ยวใจไปกับโจร พระรามโทนเที่ยวท่องระทมใจ
ถ้าเจ้าซื่อครองสัตย์สุจริต นิดหนึ่งเหมือนสีดาหาว่าไม่
นี่เสียศีลสุดสิ้นทุกสิ่งไป ไหนเล่าเจ้าว่าแต่เดิมที
ว่าสู้ตายมิให้ชายอื่นต้อง ว่าจะครองอารมณ์แต่ตัวพี่
ไยมานิ่งให้มันเคล้าเย้ายวนยี นี่ชู้ฤๅมิใช่ให้ว่ามา
ทำแต่เท่านั้นก็เหลือแสน ยังจะแค่นปลุกมันขึ้นฟันฆ่า
หอกดาบอยู่ไหนไปเอามา อย่านะจะตื่นขึ้นทันที
ถ้ามันตื่นขึ้นเห็นพี่จูบเจ้า ตายเปล่าขาดเด็ดแล้วคอพี่
ทำได้ทำไปเป็นไรมี คนดีมันไม่สิ้นเลยทุกวัน
หญิงสามร้อยกลมารยา บุราณท่านว่าไม่เสกสรร
ได้ความตามหาพึ่งมาทัน จะปั้นรูปไว้ดูให้เจนใจ
ไว้เป็นแบบฉบับตำรับมี ว่ารูปดีใจคดหาตรงไม่
ตาดำกล่อมกลมทั้งคมใน จำได้สิ้นแล้วทั้งกายา ฯ
๏ เจ็บใจไม่น้อยทั้งถ้อยคำ ทิ่มตำแดกดันรำพันว่า
แค้นคำนํ้าตาลงคลอตา สะบัดหน้าแน่ะเจ้าไม่จำคำ
วันวิวาทกันกับลาวทอง แผดร้องโรมโรมพิไรรํ่า
กั้นกางขวางไว้มิให้ทำ ซ้ำไล่จะฟันให้บรรลัย
แค้นใจข้าจึงไปผูกคอตาย สายทองมาบอกยังด่าให้
ขึ้นช้างพานางลาวทองไป ดังพระสุธนได้มโนรา
ข้านอนกับขุนช้างก็จริงอยู่ แต่ได้สู้รบกันเป็นหนักหนา
เสียตัวชั่วใช่จะตื่นตา เพราะพรายเขาเข้ามาสะกดไว้
ถ้าผัวเมตตามาปกป้อง วันทองฤๅใครจะทำได้
เจ้าลอยช้อนเอาปลาที่หน้าไซ เพราะใจของเจ้าไม่เมตตา
ขึ้นช้างไปกับนางลาวทองน้อย ข้านี้ตั้งตาคอยละห้อยหา
หม่อมเมียเหนี่ยวไว้มิให้มา แค่นจะมีหน้าว่าไม่สมคำ
ยังจะมาปั้นรูปเป็นตำรา สามร้อยมารยาช่างว่าร่ำ
เมื่อกระนั้นเป็นไรจึงไม่ทำ ไม่ลืมตาขึ้นคลำให้เต็มใจ
รู้แล้วว่าข้าชั่วจึงไม่เลี้ยง ใครหาเถียงทัดทานว่าดีไม่
ตามประสาคนชั่วจึงกลัวไกล คนดีแล้วใครจะไม่รัก
ได้อายด้วยหลงมาเป็นผัว มืดมัวลามกดังตกปลัก
เพราะยาแฝดแปดปนระคนนัก มาคบชั่วแล้วจึงชักให้เสียชาย
เมื่อแรกเจ้ายังรักอยู่กับข้า ขอษมาเสียเถิดฝ้าพึ่งจะหาย
ตละต้องของใส่ที่ในกาย นวลหน้าฝ้าลายอยู่มอมแมม
แต่เพียงไปได้กับเจ้าลาวทอง ผ่องดังเพชรรัตน์กระจัดแจ่ม
ผิวผ่องตละทองประกับแกม นี่เหลาะแหละลอมแลมเข้ามาไย
อีวันทองชั่วชาติอุบาทว์แล้ว พ่อพลายแก้วจะเลี้ยงมันไหนได้
มานั่งใกล้ไม่กลัวตัวจัญไร โอ๊ยโดดไปมั่งแล้วกระมังนา
ไม่พอที่ที่หม่อมจะกินเดน มันนอกเกณฑ์ดอกไม่สมเสมอหน้า
อย่าวนเวียนระไวอยู่ไปมา เหมือนปล่อยนกปล่อยกาให้ปลอดไป
จะต้องการเงินทองสักสองสัด น้องไม่ขัดดอกจะสู้ทูนหัวให้
ฤๅเสียเจ้าลาวทองจึงหมองใจ จะหาให้กอดเล่นอย่าเป็นทุกข์
ชอบใจจะเอาไทยฤๅเอาลาว ที่สาวสาวจะเอามวยฤๅไรจุก
น้องไหว้กราบกรานอย่ารานรุก อย่ามาคลุกเคล้าน้องจะหมองมัว ฯ
๏ แสนคมคารมนี้เปรี้ยงเปรี้ยง แง่งอนซ้อนเสียงมิใช่ชั่ว
แค้นนักว่าปลอมมอมแมมมัว ระวังหัวจงดีเดี๋ยวนี้แล้ว
มาลอยหน้าท้าเล่นอยู่หรบหรบ คารมจบจัดจ้านออกแจดแจ้ว
ว่าได้ดังใครไม่รู้แกว หว่านแล้วล้อมเล่าเจ้ากระบวน
เห็นว่าจนเงินทองข้องขัด มาเยาะหยัดเย้ายีว่าถี่ถ้วน
อย่าลอยหน้าว่านักจะหักนวล อย่ามาสวนสอบคำให้ช้ำใจ
รู้แล้วว่าชู้เจ้าเศรษฐี มั่งมีเงินทองจะกองให้
เงินทองจะพร่องไปเมื่อไร ช่างว่าได้พูดพรํ่าจะทำคุณ
ขุนแผนนี้มันแกนทุกสิ่งอัน ของกำนัลไม่มีใครเกื้อหนุน
ผัวเจ้ามีทรัพย์นับพันดุลย์ เป็นเจ้าคุณอยู่แล้วแต่ผัวนาง
ยังจะขอลูกสาวคนอื่นให้ ช่างพิไรตะบอยนี้ร้อยอย่าง
จะหาคนอื่นยัดแก้ขัดพลาง เจ้าจะกอดขุนช้างสบายใจ
อันตัวเจ้าจะละอย่าพึงคิด ถึงนางในดุสิตไม่เปลี่ยนให้
ความเดือดจะเหือดไปเมื่อไร ถ้ามิได้เป็นจะเอาตาย
อันตัวเจ้าเราจะละอย่าพึงนึก ลึกเสียละที่จะเปลี่ยนให้ง่ายง่าย
ว่าได้ว่าไปไม่มีอาย ตัวชั่วกลับกลายว่าผีอำ
ถึงว่าเราอยู่ไกลเข้าใจหมด ช่างโป้ปดทำเล่นไม่เป็นสํ่า
แม่เจ้าเข้าด้วยช่วยกระทำ เข้าปลํ้าส่งให้กับขุนช้าง
ผีพรายมันบอกแก่เราสิ้น ตัวดิ้นแต่ใจไม่แหห่าง
ความรักจริงใจไม่จืดจาง อย่าพรางเลยมาจะพาไป
ถึงเสียตัวชั่วช้ามาแต่หลัง ก็ชั่งเถิดข้อนั้นหาว่าไม่
จวนรุ่งเวลาจะคลาไคล ไม่ไปฤๅจะฟาดให้ขาดกลาง ฯ
๏ ข่มเหงเล่นเถิดทำไมเล่า ช่างมาเฝ้าตะบอยได้ร้อยอย่าง
เสียตัวชั่วเพราะหลับกลับว่าพราง พรายของเจ้าช่างจับพิรุธ
ดิ้นร้องตละเรือนจะหักร่วง ลุกทะลวงแล่นไปมันไล่ฉุด
ปะแม่ตีรํ่ากระหนํ่ารุด อีพรายมุดเข้ามาเห็นว่าเป็นใจ
ด้วยตัวเป็นหญิงก็นิ่งจน จะซุกซนไปหาผู้ใดได้
จึงเสียตัวชั่วเพราะเขาขืนใจ ไอ้ผีปากบอนช่างค่อนครบ
ช่างมาพิไรใส่ความ จะเอาหนามทุเรียนเข้าซ้อนตบ
ผีไม่มีสัตย์อ้ายบัดซบ ให้สลบลงสาแก่น้ำใจ
ที่ว่ามิได้เป็นจะเอาตาย ป่ายลงเถิดเจ้าหากลัวไม่
พูดก็ไม่เห็นสิ่งที่จริงใจ จะอยู่ไปก็ไม่จิรังการ
อย่าขบฟันหันฮึกอยู่เปล่าเปล่า เอาสิเป็นไรไม่สังหาร
ฟาดฟันบั่นเสียให้วายปราณ ผลักกรานหยิกข่วนไม่ละกัน ฯ
๏ ประเดี๋ยวนี้ดอกนะอย่าทำไป เงื้อดาบจะใคร่เข้าห่ำหั่น
จริงจริงแล้วฤๅดื้อดึงดัน ฟันนะเป็นไรก็เป็นไป
ปากกล้าด่าพรายเปรียบกระทบ มิสลบลงกับที่ก็มิใช่
มารับกลับไปก็ไม่ไป ไม่กลัวแล้วฤๅไรมายื้อยุด
ไม่ไปไม่ฟังกันในวันนี้ ห่อฝ่ามือตีกระชากฉุด
เงื้อดาบจะใคร่ฟาดให้ม้วยมุด ฉุดชู้อยู่ได้ดู๋ดูเอา
ว่าพลางทางเป่าละลวยลง ตรงหน้าวันทองให้ต้องเจ้า
แกว่งฟ้าฟื้นอยู่อย่าดูเบา เร็วเข้าลุกมาจะด่วนไป ฯ
๏ วันทองต้องลมละลวยเป่า เคลิ้มเขลาคลายแค้นไม่ผลักไส
ระวังตัวกลัวดาบวับวาบใจ เงื้อดาบขึ้นทีไรก็หวีดร้อง
นี่อะไรเช่นนี้พ่อคุณเอ๋ย อย่ากวนใจนักเลยจะหาของ
รู้ฤๅว่าจะไปจะได้สำรอง แหวนทองเงินผ้าจะหาไป
ยิ่งสะบัดก็ยิ่งรัดข้อมือแน่น สองแขนจะขาดกลางหาวางไม่
เงื้อง่าจะมาฆ่าข้าทำไม จะไปดีดีแล้วจงวางมือ ฯ
๏ แสนเอยแสนคม คารมนี้หย่อนลงแล้วฤๅ
เปรี้ยงแปร้นแค้นขัดสะบัดมือ ดีก็ดื้อไปอิกซิจะขอฟัง
จะไปเลือกผ้าจะมาฤๅ เป่ามนตร์ใส่มือแล้วลูบหลัง
พี่รักเจ้าจริงจริงไม่ชิงชัง หยอกมั่งก็มีแต่โกรธา ฯ
๏ วันทองต้องลมก็ลืมแค้น เท้าแขนก้มเคียงเข้าเรียงหน้า
ฉันบอกทั่นฤๅว่าฉันไม่ไคลคลา หาผ้าผ่อนก่อนจึงค่อยไป
ว่าพลางลุกย่างเข้าในห้อง หาของค้นลูกกุญแจไข
เปิดหีบหอมฟุ้งจรุงใจ ล้วนใหม่ใหม่ไหมด้ายมีหลายพรรณ
หยิบหยิบแล้วก็จีบประจงพับ หับหีบไขต่อขมีขมัน
ผ้าหอมย้อมสีระยับมัน น้ำมันจันทน์ประทิ่นกลิ่นขจร
เช็ดหน้าผ้าไหมฝรั่งห่อ ไขต่อหีบทองเถือกสลอน
เพชรนิลมรกตอรชร พิรอดร่อนเรือนเพชรพะพรายตา
เก็บรอมห้อมห่อผ้าห่มแน่น ช้านักขุนแผนจะคอยท่า
คิดพลางลุกย่างขยับมา ห่อผ้าพาดปากกระทายน้อย ฯ
๏ มาถึงเตียงเคียงข้างขุนช้างหลับ พอมนตร์เสื่อมนางกลับหวนละห้อย
จะจากเจ้าเหมือนดังว่าวขาดลมลอย อย่าหมายคอยเลยว่าเมียจะเป็นตัว
ก้มกอดเท้าผัวเห็นมัวนิ่ง โอ้สิ้นบุญจริงพ่อทูนหัว
จะปลุกสักเท่าไรไม่ไหวตัว มานอนมัวทิ้งเมียเสียอย่างไร
นี่จะทำฉันใดให้พ่อรู้ ว่าขุนแผนเขาจู่เข้ามาได้
เขาจะฆ่าฟันน้องจึงต้องไป มิใช่นอกใจแล้วหลีกลี้
คิดพลางนางจึงเขียนหนังสือ เล่าความตามซื่อเป็นถ้วนถี่
เขียนเสร็จพับปิดสนิทดี เหน็บไว้ที่ฝาเรือนของผัวรัก
แล้วปลุกสั่นซ้ำเรียกพ่อช้างเอ๋ย กะไรเลยหลับเหลือที่หลับหนัก
ฤๅผีพรายร้ายรองคะนองทัก น้องรักจักถวายพลีการ
เต่าพล่าปลายำจะทำให้ เป็ดไก่เหล้าเข้มทั้งของหวาน
เทียนเงินเทียนทองของตระการ ขอให้ท่านผัวรักข้าตื่นตัว
นางพรายได้ฟังนํ้าลายไหล อยากเป็ดอยากไก่มิใช่ชั่ว
กุมารทองร้องห้ามด้วยความกลัว หัวเด็ดเดี๋ยวนี้อย่าโลเล
นางพรายรู้ตัวกลัวกุมาร ทะยานถีบขุนช้างจนห่างเห
ยึดขาคร่าแขนให้แอ่นเปร ซวนเซหลับไปไม่รู้ตัว
วันทองกอดผัวเห็นมัวนิ่ง สิ้นบุญจริงแล้วพ่อทูนหัว
หวั่นไหวใจนางระริกรัว ก็มืดมัวลมจับหลับผอยไป ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ