ตอนที่ ๒๙ ขุนแผนแก้พระท้ายน้ำ

๏ จะกล่าวถึงพระนายท้ายน้ำ ลาวมันจำครบไว้ในคุกขัง
เป็นกึ่งปีมิได้ออกนอกฝาบัง แทบจะคลั่งไคล้ไปด้วยใจตรอม
แสนรันทดอดอยากลำบากกาย แต่ร้องไห้ไม่วายจนผ่ายผอม
ไม่ถูกน้ำเนื้อตัวก็มัวมอม ต้องอดออมเฝ้าสะอื้นทุกคืนวัน
โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้ว จะทิ้งลูกเสียแล้วฤๅไรนั่น
ต้องทนทุกข์ทรมานมานานครัน พระทรงธรรม์มิได้ใช้ผู้ใดมา
ทั้งเพี้ยกึ่งกำกงที่ส่งนาง ก็ครวญครางขุ่นคอยละห้อยหา
ทนลำบากยากแค้นแสนเวทนา กินน้ำตาต่างข้าวทุกเช้าเย็น
พระท้ายน้ำร่ำไห้ใจจะขาด โอ้อนาถยากแค้นนี้แสนเข็ญ
เหมือนมาอยู่ในนรกตกทั้งเป็น ไม่ว่างเว้นโพยภัยกะไรเลย
แต่อ้ายหลอออสามันผาสุก มาปรับทุกข์กันบ้างเป็นไรเหวย
ช่างหน้าเป็นเล่นหัวมัวเสบย ดูเชิงเฉยไม่ช้ำระกำใจ
ตาหลอว่าคุณพ่อก็ติดคุก ถึงจะทุกข์จะทำอย่างไรได้
ต้องแช่มชื่นกลืนกล้ำด้วยจำใจ จะดิ้นรนร้องไห้ก็ไม่พ้น
พระท้ายน้ำร่ำว่าอ้ายหลอเอ๋ย ท่านละเลยเรานี้ให้ปี้ป่น
ประหลาดนักนอนพระทัยไม่ใช้คน ให้กรูกรีรี้พลมาแก้กัน
ตาหลอว่าคุณพ่ออย่าดิ้นโดด คุณกับโทษมันก็เท่ากันอยู่นั่น
ถึงจะยกโยธามาประจัญ ลาวขยันมิใช่เล่นเห็นแก่ตา
ฝีมือศึกสอยดาวท้าวกรุงกาฬ ทหารปราบเมืองแมนแสนเพชรกล้า
ผิดพ่อแผนแม้นใช้ผู้ใดมา เหมือนเร่งให้มันฆ่าเสียเร็วพลัน
เมื่อเรายกแกยังนั่งติดคุก จะขุกเข็ญเป็นตายอย่างไรนั่น
ขุนนางไทยใครอื่นสักหมื่นพัน เห็นไม่ทันมือลาวชาวเชียงอินท์
พระท้ายน้ำฟังคำของตาหลอ เอออ้ายพ่อเอ็งว่าก็จริงสิ้น
กูเล็งไม่เห็นใครในแผ่นดิน ที่จะภิญโญยิ่งขุนแผนไป
เจ้าประคุณเทวาสุราฤทธิ ซึ่งสถิตในเศวตฉัตรใหญ่
จงช่วยดับทุกข์ทนดลพระทัย ให้ทรงใช้ให้พ่อขุนแผนมา
แต่ปรับทุกข์สองคนจนค่ำลง อัสดงแดดดับลงลับหล้า
อ้ายผู้คุมเข้มงวดเที่ยวตรวจตรา ใส่ขื่อคาร้อยแหล่งทุกแห่งไป
พระท้ายน้ำกำกงพวกอาสา มันจำห้าประการหมดหาลดไม่
ให้คนโทษตีเกราะเคาะไม้ นั่งยามตามไฟไม่นิทรา
แต่กำกงท้ายน้ำมันจำนั่ง ต้องบ่ายเบนเอนหลังเข้าพิงฝา
หาวนอนอ่อนคอลงทับคา ภาวนาไปจนม่อยผอยหลับลง ฯ
๏ คืนนั้นพระท้ายน้ำระกำจิต เกิดนิมิตเห็นพราหมณ์งามระหง
กระหมวดมุ่นมวยผมดูสมทรง จิ้มประจงเจิมหน้าอุณาโลม
ถือสังข์ทรงศักดิทักขินาวัฏ สังวาลรัดเจ็ดเส้นเห็นเฉิดโฉม
ใส่ตุ้มหูห่มสไบไขว้กระโจม ผ้าขาวโขมพัตรนุ่งดูรุ่งเรือง
บรรจงจีบโจงข้างแล้ววางชาย พรรณรายรัศมีสีเนื้อเหลือง
เหาะลอยคล้อยลงตรงท้ายเมือง เปิดตะรางย่างเยื้องเข้าใกล้ตน
เอาน้ำสังข์โอสถรดเกศา เครื่องพันธนาทั้งปวงก็ร่วงหล่น
แล้วซ้ำสาดราดรดหมดทุกคน เครื่องจำตนร่วงกราวทั้งลาวไทย
พราหมณ์ก็คลายหายวับไปกับตา สะดุ้งฟื้นตื่นผวาหาช้าไม่
คิดว่าจำหลุดกายสบายใจ พอหวาดไหวตัวตึงอยู่ตรึงตรา
นิ่งนึกตรึกดูรู้ว่าฝัน นิมิตนี้สำคัญเป็นหนักหนา
กระซิบปลุกตาหลอพ่อกูอา ลุกขึ้นมาช่วยทำนายทายฝันที
ตาหลอว่าคุณพ่อฝันอย่างไร พระท้ายน้ำเล่าให้เป็นถ้วนถี่
จงตรองคำทำนายทายให้ดี นิมิตนี้ล้ำเลิศประเสริฐครัน ฯ
๏ ตาหลอยิ้มพลางทางทำนาย ไม่ตายในเชียงใหม่แล้วแม่นมั่น
คงจะพ้นพันธนาไม่ช้าวัน เห็นสำคัญคนดีจะมีมา
พิเคราะห์ฤกษ์ก็งามเป็นยามเสาร์ ทีนี้เรารอดแท้แน่หนักหนา
ซุบซิบกันสองคนสนทนา จนเวลายามสองร้องเรียกยาม
ถึงชื่อใครลนลานขึ้นขานรับ เสียงโวยโวยเป็นลำดับตลอดหลาม
ใครไม่ขานเฆี่ยนสิ้นดิ้นโครมคราม ร้องเรียกตามโทษทั่วทุกตัวคน
ครั้นเสร็จแล้วตีเกราะเคาะฆ้อง เสียงสนั่นลั่นก้องโกลาหล
ผลัดกันลุกปลุกกันนั่งระวังตน ประจวบจนรุ่งแจ้งแสงรวี ฯ
๏ นายร้อยพะทำมะรงตรงเข้าคุก จ่ายคนโทษไปทุกตำแหน่งที่
ตาหลอกับตารักบักจันดี อ้ายเหล่านี้เกี่ยวหญ้าหาเคียวคาน
ตาหลอนึกถึงฝันท่านท้ายน้ำ ร้องรำปรีดิเปรมเกษมสานต์
ผู้คุมตามกันมาลนลาน เดินผ่านล้วงตลาดวินาศไป
ฉวยกระชากหมากดิบหยิบใส่กระจาด เขาโขกพลาดกลับฉวยเอากล้วยไข่
เสียงฉุ่งฉิ่งวิ่งเลยไม่หลีกใคร เจออะไรไขว่คว้ามาเป็นราว
โซ่ตรวนโกร่งกร่างตามทางมา เข้าร้านไหนแม่ค้าก็ฉ่าฉาว
บ้างโกรธาด่าเปรี้ยงเสียงเกรียวกราว ข้ามสะพานย่านยาวเหย่าเหย่ามา
ครั้นถึงทุ่งมุ่งตรงลงขอบหนอง กำเริบร้องรำเคียวแล้วเกี่ยวหญ้า
ผู้คุมนั่งบังสุมทุมพุ่มพุทรา แล้วปูผ้านอนเล่นเย็นหลับไป ฯ
๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสะท้าน กำชับสั่งพวกทหารทั้งน้อยใหญ่
ให้ผลัดกันลุกนั่งระวังระไว อยู่แต่ในที่ซุ่มประชุมกัน
อย่าเที่ยวไปเที่ยวมาคอยท่าเรา ข้าสองคนจะเข้าไปเขตขัณฑ์
ไปคิดอ่านแก้ไทยในคุกนั้น กับพวกลาวเวียงจันทน์ที่มันจำ
เอารีบร้นมาให้พ้นจากพารา เราคงมาถึงนี่พรุ่งนี้ค่ำ
พวกทหารต่างคำนับรับถ้อยคำ แล้วสั่งกำชับกันให้มั่นคง
สั่งเสร็จขุนแผนกับลูกชาย ต่างคนแต่งกายงามระหง
โพกประเจียดเคยประจญรณรงค์ สอดสวมเสื้อลงเป็นองค์พระ
แล้วนุ่งห่มผ้าลาวเหมือนชาวไร่ เอาช้องใส่สีชมพูโพกศีรษะ
ผูกพันกระสันเครื่องเรืองเดชะ เข็มขัดปะขมองพรายคาดกายพลัน
ขุนแผนจับดาบกรายสะพายย่าม เจ้าพลายงามแบกทวนดูแข็งขัน
ดูดังสองสิงหราชกาจฉกรรจ์ เยื้องกรายผายผันเข้ากรุงไกร ฯ
๏ เดินปนมากับลาวชาวพารา หามีใครสงกาสังเกตไม่
ด้วยฤทธิผีแรงมนตร์เข้าดลใจ เห็นเป็นลาวชาวไร่เข้าพารา
นางสาวสาวชาวบ้านในชานเมือง ชำเลืองดูพลายน้อยเสนหา
ให้วาบวับจับใจไม่วางตา เจ้าพลายเดินเมินหน้าไม่ดูใคร
พวกสาวแส้แม่หม้ายทั้งยายเถ้า ทักว่าเจ้าหนุ่มน้อยจะไปไหน
จงหยุดยั้งนั่งเล่นก่อนเป็นไร ข้อยจะให้หมากพลูบุหรี่ดี
ปิศาจน้อยศรีวิชัยที่ไปด้วย ก็ช่วยตอบคำลาวนางสาวศรี
สาวเอยเพื่อนว่าจงปรานี ธุระมีจะไปในนคร
จิตข้อยนี้มักเจ้าหนักหนา แต่เดี๋ยวนี้พี่จะลาเจ้าไปก่อน
ไปเที่ยวเบิ่งเมืองเล่นพอเย็นรอน กลับมานอนจึงจะเข้ามาเว้ากัน
พูดพลางเดินพลางตามทางมา ถึงแม่ค้าขายของล้วนคมสัน
เห็นโฉมฉายพลายน้อยเป็นนวลจันทร์ คิดสำคัญว่าลาวชาวป่าดง
จึงทักทายแน่นายที่เดินหลัง ไม่เอิ้นมั่งนิ่งบึ้งตะลึงหลง
อยากได้อะไรมั่งก็นั่งลง แล้วยื่นส่งดอกไม้ให้พลายงาม
เจ้าพลายรับจับมือรื้อสะกิด นางลาวบิดเบือนสะบัดประหวัดหวาม
บ้านเฮือนเพื่อนอยู่ใดอยากได้ความ จะใคร่ตามหนุ่มน้อยไปแนบนอน
เจ้าพลายชายตาว่าพี่มัก นางลาวรักทำทอดฤทัยถอน
ชมดชม้อยเชือนชายชม้ายงอน ยิ้มแล้วก้มคมค้อนตะแคงดู
นางแม่หม้ายขายหมากปากคะนอง ร้องทักออกไปไม่อดสู
เจ้าหนุ่มน้อยรูปดีสีชมพู เพื่อนจะอยากหมากพลูของตูมี
นางสาวอ่องร้องห้ามนางสาวฟัก เราบ่มักแม่หม้ายจึงหน่ายหนี
เพราะรูปร่างของสูไม่สู้ดี ไปเรียกเขาเซ้าซี้บ่อายใจ
นางสาวฟักตอบว่าอย่ากั้นกาง สาวนางอย่างสูสู้ข้อยบ่ได้
เพื่อนบ่เคยเชยชู้รู้อะไร ทำนองในนางสาวเหมือนลาวตาย
มีแต่ลมหายใจใครจะมัก เชิงเยื้องยักอย่าประมาทชาติแม่หม้าย
ยังหนุ่มเหมือนเพื่อนนี้ขี้งมงาย ถูกแต่ปลายเงื่อนกระทกจะงกไป ฯ
๏ ขุนแผนพลายงามตามกันมา ถึงไหนแม่ค้าก็ปราศรัย
สองสูอยู่บ้านถิ่นฐานใด มีธุระสิ่งไรจึงได้มา
ผีที่ไปด้วยช่วยขุนแผน พูดแทนว่าเราเป็นชาวป่า
เขาฦๅว่าจับไทยไว้พารา ข้อยบ่เคยเห็นหน้าอ้ายบักไทย
อยากจะไปเบิ่งเล่นว่าเป็นหยัง เขาจำขังคนโทษไว้ที่ไหน
พวกลาวบอกตามจริงไม่กริ่งใจ เขาจำไว้ในตะรางข้างโรงม้า
แต่ตัวนายตรำตรากไม่ลากใช้ พวกไพร่นั้นเขาคุมไปเกี่ยวหญ้า
เพื่อนจะเบิ่งบักไทยไปท้องนา มันกลับมาสายัณห์ตะวันรอน
ขุนแผนชื่นชมสมปรารถนา ว่ากระนั้นฉันจะลาท่านไปก่อน
พ่อลูกสองราพากันจร ก็รีบร้อนตรงมุ่งไปทุ่งนา
เห็นพวกไทยไขว่คว้างอยู่กลางบึง ก็ย่างเหยาะเดาะดึ่งเข้าไปหา
เห็นผู้คุมคลุมหัวมัวหลับตา จึงเลาะลัดตัดมาที่ไทยพลัน ฯ
๏ ตารักกับตาหลอพอแลไป เจ้าสองรามาแต่ไหนดูคมสัน
พ่อลูกเดินเข้าไปพอใกล้กัน ตาหลอผันหน้าพิศพินิจแล
แต่แรกเห็นเป็นลาวชาวบ้านป่า ครั้นดูซ้ำจำหน้าถนัดแน่
เอ๊ะพ่อขุนแผนแล้วแม่นแท้ พาตารักรีบแร่ไปทันใด
พอเข้าใกล้ตาหลอว่าพ่อเรา โถมเข้ากอดตีนแล้วร้องไห้
ซบหน้ากลิ้งเกลือกเสือกไป เป็นครู่หนึ่งจึงได้สติคืน
ขุนแผนว่าตาหลอกับตารัก อย่าอึงนักอ้ายผู้คุมมันจะตื่น
โศกเศร้าแต่เท่านั้นจงกลั้นกลืน ฉวยคนอื่นมันเห็นไม่เป็นการ
ตาหลอกับตารักได้ฟังว่า เช็ดน้ำตาล่อยล่อยค่อยเล่าขาน
พ่อแผนลูกนี้แสนทรมาน ถูกจองจำทำประจานให้เจ็บช้ำ
มันใช้จับจ่ายหวายล่อหลัง เหลือกำลังข้าวเช้าเป็นข้าวค่ำ
หลังลูกกว่าร้อยรอยระยำ พระท้ายน้ำจำครบทุกคืนวัน
ทั้งเจ็บใจเจ็บเนื้อเหลือพรรณนา คิดจะฆ่าตัวเสียให้อาสัญ
เดชะบุญเจ้าประคุณขึ้นมาทัน พ่อหนุ่มน้อยคนนั้นนั่นลูกใคร ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสงคราม ก็ชี้แจงแจ้งความหาช้าไม่
คนนี้มิใช่ผู้อื่นไกล ลูกคนใหญ่เกิดแต่แม่วันทอง
พระนายถวายเป็นมหาดเล็ก ถึงตัวเด็กใจใหญ่ไม่มีสอง
เขาองอาจอาสาฝ่าละออง ข้าพ้นจากจำจองเพราะเจ้าพลาย
ทูลขอคนโทษก็โปรดปราน สามสิบห้ากล้าหาญสิ้นทั้งหลาย
จะขึ้นมาแก้ไขให้พ้นตาย บอกพระนายท้ายน้ำให้รู้ตัว
บอกทั้งพวกลาวชาวเวียงจันทน์ กับพวกเราเหล่านั้นเสียให้ทั่ว
คืนนี้จะเข้าไปอย่าได้กลัว คอยช่วยกันหั่นหัวอ้ายผู้คุม
อย่าเห็นแก่หลับใหลให้ชักช้า จะเข้าไปในเวลาสักห้าทุ่ม
มัวพูดกันมันเห็นจะจับกุม แต่กลางวันนั้นจะซุ่มอยู่ไหนดี ฯ
๏ ตาหลอว่าคุณพ่ออย่าเป็นทุกข์ วัดหนังหลังคุกเห็นชอบที่
กุฎีร้างริมสระพระไม่มี ทั้งตาปีไม่เห็นใครเที่ยวไปมา
ว่าพลางทางชี้ตำแหน่งให้ ตรงไปหลังเมืองเยื้องข้างขวา
ก็จะเห็นตะรางข้างโรงม้า วัดหนังหลังศาลาตรงเข้าไป ฯ
๏ ขุนแผนรู้ตำแหน่งแจ้งกิจจา พูดกันนักจักช้าเห็นไม่ได้
พ่อลูกสองราก็คลาไคล ตัดทุ่งมุ่งไม้ที่หมู่ยาง
สังเกตดูผู้คนตามทางมา แวะข้างขวาข้ามย่านสะพานขวาง
หลีกคนด้นเดินเสียนอกทาง ผ่านตะรางเห็นถนัดวัดรุงรัง
ร้างรกปกคลุมล้วนพุ่มหนาม เอออารามนี้แน่แลวัดหนัง
ตรงเข้ากุฎิคร่ำคร่ามีฝาบัง ต่างนอนนั่งคอยท่าเวลากาล ฯ
๏ พอสายัณห์ตะวันลงปลายไม้ ผู้คุมเรียกคนไปเสียงมี่ฉาน
พวกคนโทษวิ่งรี่ตะลีตะลาน จับสาแหรกแบกคานเข้าทุกคน
สวบสาบหาบหญ้ามาเป็นกลุ่ม อ้ายผู้คุมถือหวายแล้วไล่ก้น
เสียงฉุ่งฉิ่งวิ่งออกอลวน หาบหญ้าผ่าถนนตลาดมา
แม่ค้าเห็นคนพวงล่วงเข้าตลาด บ้างยกกระจาดหับกระชังระวังผ้า
พวกที่นั่งร้านรายขายกุ้งปลา ถือกะโล่โงง่าตั้งท่าคอย
ตาหลอหัวพวงล้วงปลาไหล ตารักร่าคว้าใส่เอาปลาสร้อย
อ้ายลูกแล่งแย่งคว้าปลาเล็กน้อย เขาโขกคอยหลบหน้าแล้วด่าทอ
ตาหลอหัวเราะร่าออกราแต้ วันนี้แลพ่อจะสั่งปิสังก้อ
เขาตีตบหลบขนเอาจนพอ ทั้งส้มกล้วยมะละกอก็พอการ
เสียงโซ่ตรวนโกร่งกร่างวางกันอึง นางคนหนึ่งรำมะก้าออกหน้าบ้าน
ฉวยไม้คานตีผลับแกจับคาน พลัดตกร้านล้มเค้ลงเก้กัง
พวกแม่ค้าด่าเปรี้ยงเสียงเกรี้ยวโกรธ อ้ายคนโทษวันนี้เป็นปีสัง
จึงเริงร่ากล้าหาญออกตึงตัง จะไปเรียนเฆี่ยนหลังเสียให้เลอะ
ตาหลอว่าพ่อไม่อยากกลัว จะฟ้องใครไสหัวมึงไปเถอะ
ไม่พรั่นพรึงมึงดอกอีหน้าเคอะ เซอะเข้ามากูจะใส่ให้นอนคราง
พ้นตลาดพอเวลาจะสายัณห์ ก็ชวนกันวุ่นวิ่งมากริ่งกร่าง
หิ้วปลาหาบหญ้ามาตามทาง ถึงตะรางวางหญ้าลงหากิน
ชวนกันตั้งหม้อข้าวเผาปลาดุก ประเดี๋ยวใจก็สุกอยู่เสร็จสิ้น
คดข้าวใส่กระบายให้นายกิน พอตะวันตกดินลงทันใด
นายร้อยคอยนับคนโทษถ้วน ตรวจตรวนแล้วก็ร้อยด้วยโซ่ใหญ่
ตะเกียงตามสามแห่งออกแดงไป กุญแจใส่ลั่นกลอนซ้อนสองชั้น ฯ
๏ พอผู้คุมสามคนขึ้นบนร้าน ตาหลอคลานหานายขมีขมัน
กระซิบบอกพระนายท้ายน้ำพลัน คุณพ่อฝันแน่นักประจักษ์ตา
ที่พูดกับกระผมสมทุกสิ่ง ขุนแผนมาจริงเจียวพ่อขา
กับลูกชายแปลงกายเป็นลาวมา กระผมยืนเกี่ยวหญ้าผ่าเข้าไป
ใส่ผมยาวเหมือนลาวสนิทนัก แต่กระผมกับอ้ายรักยังจำได้
ถามถึงคุณเจียวขอรับกับพวกไทย ข้าพเจ้าเล่าไปทุกสิ่งอัน
เธอให้บอกให้ทั่วเตรียมตัวท่า คืนวันนี้จะเข้ามาเป็นแม่นมั่น
จะสะกดให้หมดทั้งคุกนั้น สะเดาะกุญแจแก้กันให้พ้นไป ฯ
๏ พระท้ายน้ำฟังคำตาหลอเล่า ดังใครเอาน้ำทิพย์มารดให้
สว่างอกอิ่มเอิบกำเริบใจ ดุจได้ไปผ่านพิมานอินทร์
เฮ้ยอ้ายหลอออโม้โซ่มันยาว ค่อยค่อยสาวกระซิบบอกกันให้สิ้น
พวกเชียงใหม่อย่าให้มันได้ยิน พ่อจะมาพาบินไปคืนนี้
ค่อยงุบงิบกระซิบกันต่อไป ลาวไทยที่ติดตรวนรู้ถ้วนถี่
พวกคนโทษทั้งสิ้นก็ยินดี เตรียมตัวไว้ไม่มีใครนิทรา ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิเชี่ยวชาญหาญกล้า
กับพลายงามลูกรักอันศักดา ดูเวลาปลอดห่วงกลาทัณฑ์
เห็นดาวดวงสะกดหมดจดแจ่ม พระจันทร์แรมลับสิ้นดินสวรรค์
ดึกได้ฤกษ์งามยามสำคัญ ก็แต่งตัวจัดสรรให้มั่นคง
ปลดเปลื้องเครื่องลาวลงใส่ย่าม นุ่งม่วงสีครามงามระหง
เข็มขัดขมองโขมดคาดดูอาจอง แล้วประจงโพกประเจียดประจุฤทธิ
ใส่เสื้อลงเลขยันต์ย้อมว่านยา เสกจันทน์เจิมหน้าประกาศิต
จับดาบย่างกรายบ่ายตามทิศ แล้วยกเมฆได้นิมิตเหมือนรูปคน
ลมจันทกลาล่องคล่องข้างซ้าย ก็ก้าวกรายซ้ายก่อนออกจรถนน
แล้วร่ายเวทจังงังกำบังตน เดินรีบร้นถึงตะรางสว่างไฟ
ขุนแผนอ่านอาคมสะดมคน ทั้งตะรางครางกรนไม่ทนได้
กระซิบสั่งโหงพรายทั้งหลายไป สะกดไอ้นายคุกเสียทุกคน
แล้วแก้มนตร์พวกไทยที่ในคุก ราวกลับปลุกตื่นเตือนกันเกลื่อนกล่น
สะเดาะประตูเปิดกว้างทั้งล่างบน ทั้งสองคนเข้าไปมิได้ช้า ฯ
๏ ขุนแผนเสกข้าวสารหว่านซัดซ้ำ เครื่องจำหลุดกายทั้งซ้ายขวา
ร่วงกราวเท้ามือทั้งขื่อคา ต่างทะลึ่งลุกถลาทั้งลาวไทย
พระท้ายน้ำกำกงตรงออกมา วันทาขุนแผนทั้งนายไพร่
อ้ายลางคนขุ่นแค้นแสนเจ็บใจ ใครข่มเหงนึกได้ไล่ฟาดฟัน
อ้ายผู้คุมสามนายที่ร้ายกาจ ฟันผลัวะฉัวะฉาดขาดสะบั้น
เลือดอาบดาบมันแลฟันมัน มันดุดันด่าเฆี่ยนพ่อเจียนตาย
ยังอ้ายผู้กำกับอยู่ทับนอก อ้ายขี้ครอกเฆี่ยนพ่อถึงสองหวาย
ตาหลอขึ้นทับคร่าฝาทลาย เอาดาบป่ายปุบดิ้นสิ้นชีวี
ตารักแค้นใจอ้ายตรวจเพลิง มันตรวจหวดหลังเปิงอยู่ป่นปี้
จะเอามันไว้ไยไอ้อัปรีย์ แกฟันทิ้งกลิ้งคี่อยู่คาเรือน
อ้ายคนโทษโกรธใครไล่พิฆาต ฟันเสียหัวขาดออกกลาดเกลื่อน
ที่ไม่ถูกฆ่าฟันก็ฟั่นเฟือน ละเมอกรนป่นเปื้อนเหมือนป่าช้า ฯ
๏ ครั้นออกจากตะรางมาข้างนอก ตาหลอจึงบอกขุนแผนว่า
พวกเราถูกรัดรึงไว้ตรึงตรา จนง่อยเปลี้ยเสียขาไปหลายคน
จะคลุกคลีหนีไล่ไม่ถนัด ฉวยมันตัดทางตีสิปี้ป่น
ต้องลักม้าไปบ้างต่างตีนตน ได้ถ้วนคนตามพ่อพอจะทัน
พวกฉันจะไปดูด้วยรู้แห่ง โรงข้างขวาม้าแซงนั้นแข็งขัน
โรงซ้ายม้าทวนล้วนสำคัญ เอาให้ครบขากันทุกคนไป ฯ
๏ ขุนแผนร้องว่าช้าตาเถ้า แต่ลำพังพวกเจ้าเห็นไม่ได้
ไปเจอลาวก็จะฉาวทั้งเวียงชัย มันจะไล่เอาแหลกขี้แตกตาย
จึงสั่งตาหลอให้นำหน้า แล้วต่างคนตามมาสิ้นทั้งหลาย
ถึงโรงม้าซัดปาข้าวสารปราย แล้วสั่งพรายให้กำบังระวังตัว
อ้ายพวกลาวเฝ้าม้าพากันหลับ กอดประกับกรนดังทั้งเมียผัว
เปิดประตูกรูเข้าไปไม่คิดกลัว เที่ยวค้นของมองทั่วทุกสิ่งไป
บ้างฉวยคว้าผ้าแพรแก้ผ้านุ่ง รูดเอาถุงเมียหมดปลดเอาไถ้
ทั้งเงินทองของดีที่พอใจ พบที่ไหนฉวยคว้าไม่ปรานี
ขุนแผนร้องเหวยเฮ้ยอย่าช้า ต่างก็มาแก้ม้าขมันขมี
เครื่องใครใส่มันเข้าทันที แล้วขึ้นขี่พร้อมหน้าถ้วนขากัน
ตาหลอเลือกม้าดีให้สี่นาย ล้วนแยบคายขี่ถูกผูกเครื่องมั่น
พระท้ายน้ำขับม้านำหน้าพลัน ถัดนั้นกำกงมาตรงกลาง
ม้าขุนแผนพลายงามตามต้อนหลัง กระทืบโกลนกังกังสะบัดย่าง
ครั้นถึงที่สี่แพรกจะแยกทาง ขุนแผนถากไม้ทองหลางคาบหลักไว้
เอาถ่านมาจารึกอักษรศรี ให้ชาวบุรีรู้ระบิลสิ้นสงสัย
ใครมาพบอักษรอย่านอนใจ จงรีบเอาเข้าไปให้นายมึง
ครั้นสำเร็จเสร็จปักหลักสารา เผ่นขึ้นหลังม้ากระทืบผึง
ตามกันสะบัดย่างวางปรึงปรึง มาถึงทางจะออกนอกนคร ฯ
๏ ตาโม้กับตามาทั้งตาหลอ ว่าคุณพ่ออย่าเพ่อรีบไปก่อน
อ้ายพวกลาวเลี้ยงช้างอยู่กลางดอน ล้วนงางอนงามงามสามสิบตัว
เราจะต้องรบรับยับยั้ง ถ้าช้างมีขี่มั่งจะยังชั่ว
ล้วนแต่ดีฝีงาดูน่ากลัว ฉันรู้ที่ทอดทั่วทุกตำบล ฯ
ขุนแผนร้องว่าเออตาเถ้า ถ้าพวกเรารู้ตำแหน่งแห่งหน
คิดจะเข้าเอาช้างก็ชอบกล ด้วยผู้คนของเราไม่มากมาย
ถึงแม้นได้ช้างงามมาหลายหลัง พอจะได้เป็นกำลังเราทั้งหลาย
ควาญหมอเราก็มีดีหลายนาย ไว้ดันแดกแหกค่ายทลายทัพ
แน่ตาหลอคุมไพร่ไปสักร้อย อ้ายลาวน้อยจงกลุ้มเข้ารุมจับ
ชิงช้างทั้งจำลองสัปคับ เอาให้ได้พร้อมสรรพแล้วขับมา ฯ
๏ ตาหลอรับนับคนได้ร้อยเศษ สังเกตที่ได้ชัดเดินลัดป่า
ถึงก็ยั้งตั้งโห่ขึ้นสามลา ตรงเข้าคว้าจับเอาอ้ายชาวช้าง
ทำแต่ให้ตกใจไม่ฆ่าฟัน มัดศอกติดกันทั้งสองข้าง
เข้าควักล้วงช่วงชิงวิ่งโกรงกราง เครื่องเคราขนพลางไม่รั้งรอ
ประโคนพานหน้าหลังหนังชนัก อานจำหลักทั้งแหย่งกระแชงขอ
บรรดาของต้องการกว้านจนพอ แล้วขึ้นคอไล่วิ่งลูกดิ่งตี
ช้างถูกลูกดิ่งวิ่งชิงคลอง บ้างก็ร้องแหกป่ามาอึงมี่
พวกไทยลาวตัวฦๅฝีมือดี ทั้งหมอควาญขับขี่ไม่มีช้า
ครู่หนึ่งถึงที่ขุนแผนคอย ตาหลอตามรอยเข้าไปหา
บอกว่าลูกไปได้ช้างมา ล้วนว่องไวใหญ่กล้างาลากดิน
ขุนแผนฟังตาหลอหัวร่อร่า สั่งให้เดินช้างม้ามาทั้งสิ้น
กำลังดึกดาวกระจ่างน้ำค้างริน ก็เข้าถิ่นจะถึงที่บึงบอน ฯ
๏ ฝ่ายข้างทหารสามสิบห้า ได้ยินอื้ออึงมาบ่ากระฉ่อน
สำคัญคิดว่าลาวชาวนคร ก็รีบร้อนแต่งตัวทั่วทุกคน
พรหมศรสำมะยังสั่งอาสา เราคอยท่าตัดทัพให้ยับย่น
ถ้าได้ยินกลองน้อยแล้วถอยตน ฆ้องกระแตรีบร้นเร่งเข้าไป
สั่งกันเสร็จสรรพจับอาวุธ คาดตะกรุดโพกประเจียดมงคลใส่
พรหมศรคุมอาสาแยกขวาไป สำมะยังคุมไพร่แยกซ้ายจร
ครั้นถึงที่แถบทางหว่างช่องแคบ ต่างเข้าไปแอบในพุ่มแล้วซุ่มซ่อน
แต่ล้วนคนหัวไม้ใจแน่นอน มิได้หย่อนย่อท้อต่อไพรี
พอพระนายท้ายน้ำที่นำหน้า ขับม้าเดินเฉยเลยพ้นที่
สำมะยังสั่งให้โห่ขึ้นสามที ออกจากพงตรงรี่เข้าตัดทัพ
เผ่นขึ้นงาช้างง้างฟันคอ ถูกตาหลอพอเลือดเป็นยางหนับ
ตาหลอยกขอขึ้นรำรับ ฟาดขวับถูกถนัดพลัดตกตึง
หล่นปุกลุกขึ้นได้ใส่พวกม้า เอาดาบปาพระท้ายน้ำเข้าต้ำผึง
เสื้อขาดพลาดท่าควบม้าปรึง กระทืบโกลนโผนทะลึ่งไปตามช้าง
ทั้งพวกลาวไทยไม่รู้ตัว พากันกลัวโดดวิ่งทิ้งดาบผาง
ขุนแผนคิดว่าลาวมาดักทาง กระทืบม้าผ่ากลางวางเข้าไป
เจ้าพลายกระทืบแผงแข่งบิดา ฟันฟาดสาตราเข้าลุยใส่
ธรรมเถียรวิ่งถลันมาทันใด กับพวกไพร่พรูพร้อมล้อมเข้ามา
ขุนแผนตวาดอำนาจครุฑ ดาบหลุดหกล้มลงจมหญ้า
พรหมศรสำมะยังยืนจังกา หยักรั้งตั้งท่าแล้วแทงเอา
ถูกอกขุนแผนเข้าต้ำอัก หอกหักยู่ไปไม่ยักเข้า
ขุนแผนเห็นหอกหักชักนางกระเบา แทงอ่ายเถ้าพรหมศรลงนอนดิ้น
ไม่เข้าหนังสำมะยังวิ่งเข้าแก้ แร่เข้าฟันเจ้าพลายคล้ายฟันหิน
ชั้นเสื้อนอกหอกดาบก็ไม่กิน หักบิ่นยู่พับยับย่อยไป
นายโดดกับนายเสือเงื้อหอกง่า ขุนแผนปาลงต้ำฉาดพลาดไถล
สำมะยังธรรมเถียรเปลี่ยนแปลกใจ นี่อย่างไรคงทนพ้นกำลัง
พิโรธแรงแกว่งดาบทะลวงไล่ เหลือบไปเห็นขุนแผนก็ถอยหลัง
ใครนั่นหนอคุณพ่อดอกกระมัง เอออ้ายสำมะยังดอกฤๅไร
พวกทหารเห็นแม่นขุนแผนนาย ใจหายทิ้งดาบลงกราบไหว้
ไม่รู้ว่าคุณพ่อขออภัย คิดว่าลาวเชียงใหม่มันยกมา
แทงคุณพ่อกับพ่อพลายเป็นหลายที โทษลูกถึงที่จะสังขาร์
ขุนแผนชอบใจไม่โกรธา ว่าแกล้วกล้าเช่นนี้แลดีครัน
ครั้นรู้จักตัวกันทั่วหน้า ให้ลดเลี้ยวเที่ยวหากันจ้าละหวั่น
ทั้งพวกช้างพวกม้าตามมาพลัน เสียงเพรียกเรียกกันอึงคะนึง
กำกงกับพระนายท้ายน้ำนั้น ด้วยความกลัวตัวสั่นจนมาถึง
ประทับทอดม้าช้างวางกันอึง พร้อมกันอยู่ที่บึงสบายใจ ฯ
๏ ครั้นรุ่งรางสางแสงพระสุริเยนทร์ เยื้องพระเมรุเลื่อนล่องส่องแสงใส
พวกพนักงานลาวชาวเวียงชัย จะเบิกไขคนโทษไปทำงาน
ถึงประตูจู่เดินมาดุ่มดุ่ม เห็นผู้คุมหัวขาดอยู่กลาดย่าน
ต่างตกใจไปค้นวิ่งลนลาน พบซมซานยังไม่ตายก็หลายคน
เรือนนายตรวจหักแหกของแตกหาย กระจัดกระจายไปทุกเรือนออกเกลื่อนกล่น
เข้าไปในตะรางที่ข้างบน เห็นผู้คนหายไปทั้งไทยลาว
นายร้อยพะทำมะรงลงกลิ้งกลาด บ้างหัวขาดเหลือกตาดูหน้าขาว
โซ่ตรวนหลุดกองทั้งสองราว คาขื่อมือเท้าเกะกะไป
โซ่พันยังลั่นกุญแจติด ตรวนก็ชิดหาเห็นรอยคัดไม่
ขื่อลิ่มก็ยังดีนี่อย่างไร ประหลาดใจโดดตะรางวางวิ่งมา
ฝ่ายอ้ายลาวเฝ้าม้าทั้งผัวเมีย ลุกขึ้นนั่งงัวเงียยังแก้ผ้า
ครั้นสร่างมนตร์เหลียวคว้างเห็นว่างตา หมอนมุ้งกระบุงตะกร้าก็หายไป
เมียแลดูผัวเห็นตัวเปล่า เอ๊ะใครเอาผ้านุ่งไปเสียไหน
ผัวแลดูเมียเสียน้ำใจ ผ้าผ่อนล่อนกะไรไม่ติดกาย
ผัวเมียตีอกตกประหม่า นางเมียไม่มีผ้าคว้าเสื่อหวาย
ผัวขยุ้มกุมจุ่นอยู่วุ่นวาย ฉวยกระสอบสวมกายคล้ายกางเกง
ทั้งโรงเหนือโรงใต้ไม่มีม้า พวกคนเลี้ยงวิ่งร่ามาเหยงเหยง
อ้ายบางคนแก้ผ้ามาโทงเทง โรงกูเองก็หายตายแล้วเรา
กำลังพวกเลี้ยงม้าจ้าละหวั่น ก็พบกันกับอ้ายพวกนายคุกเข้า
พูดกันฟั่นเฟือนเหมือนกับเมา พออ้ายเถ้าเลี้ยงช้างวางวิ่งมา
พบกันเข้าทุกคนที่ต้นทาง เล่าคดีถี่ห่างกันพร้อมหน้า
จะพากันเข้าไปในศาลา มาพบหลักอักขราเข้ากลางทาง
ก็รู้ว่าหนังสือฝีมือไทย ตรงเข้าไปถอนชักหลักทองหลาง
อ่านดูรู้แจ้งไม่แคลงคลาง ก็แบกวางเข้ามาศาลาใน ฯ
๏ ครานั้นแสนท้าวเหล่าพระยา นั่งอยู่บนศาลาลูกขุนใหญ่
กำลังว่าราชการงานเวียงชัย แลไปเห็นคนวิ่งลนลาน
บ้างนุ่งเสื่อใส่กระสอบวิ่งหอบโครง บ้างโล้งโต้งแก้ผ้ามางุ่นง่าน
ก็ร้องทักถามไปไม่ได้การ อ้ายพวกนั้นจัณฑาลเป็นสิใด
ผ้าผ่อนล่อนแก่นแล่นออกฉาว ใครฉกชิงวิ่งราวฤๅไฉน
คนดีฤๅบ้ามาทำไม นายเวรไปถามดูให้รู้ความ
พอพวกนั้นเข้าไปในศาลา หมอบกราบคลานเข้ามาออกงุ่มง่าม
ปากสั่นคอสั่นให้ครั่นคร้าม ฟังถามต่างก็แจ้งแห่งกิจจา
ว่าสาธุเจ้าประคุณบุญปกหัว โทษตัวข้อยนี้เป็นหนักหนา
เมื่อยามดึกคนดีมีเข้ามา สะกดฆ่าผู้คุมเสียมากมาย
สะเดาะโซ่กุญแจเข้าแก้ไทย ทั้งพวกล้านช้างไปเสียสูญหาย
นายตรวนนายตรามันฆ่าตาย เจ้าประคุณทั้งหลายได้โปรดปราน
ฝ่ายพวกกองช้างก็กราบเรียน มันผูกมัดรัดเฆี่ยนกระหม่อมฉาน
เข้าแก้แหล่งลักช้างทั้งเครื่องอาน เอาช้างใหญ่ไปประมาณสามสิบตัว
อ้ายพวกม้าปากสั่นรันเรียนไป ว่าสาธุคุณผู้ใหญ่ได้ปกหัว
มันสะกดข้าพเจ้าหลับเมามัว แก้ผ้าผ่อนล่อนตัวไม่ว่าใคร
แล้วเลือกม้าดีดีมีกำลัง ทั้งเครื่องอานเบาะหนังหาเหลือไม่
ประมาณม้าทั้งหลายที่หายไป นับได้เป็นม้าห้าร้อยปลาย
แล้วมาพบไม้หลักปักกลางทาง ปิดหนังสืออวดอ้างไว้มากหลาย
ว่ากล่าวหยาบช้าถึงท้าทาย จะทำลายเชียงอินท์ให้สิ้นกรุง ฯ
๏ พระยาลาวฟังแถลงแจ้งคดี อ้ายพวกไทยแล้วนี่ที่ทำยุ่ง
ต่างพิโรธโกรธใจดังไฟฟุ้ง จับหนังสือถือมุ่งเขม้นดู
ครั้นรู้แจ้งประจักษ์ในอักขรา ต่างคนผลัดผ้าไม่ช้าอยู่
เพี้ยกวานตามหลังมาพรั่งพรู กรูเข้าท้องพระโรงด้วยทันใด ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินท์ปิ่นพุงดำ ฤทธิล้ำฦๅจบพิภพไหว
สถิตแท่นสุวรรณอันอำไพ อยู่ที่ในพระโรงรัตน์ชัชวาล
พร้อมหมู่แสนท้าวเหล่าพระยา บัญชาตรัสประภาษอยู่ฉาดฉาน
เห็นข้าเฝ้าเข้ามาดูลนลาน เฮ้ยเพี้ยกวานเอาไม้อะไรมา ฯ
๏ เพี้ยกวานกราบทูลมูลเหตุ ว่าสาธุทรงเดชโปรดเกศา
เมื่อคืนนี้มีโจรอหังการ์ มาแก้ชาวอยุธยาพาหนีไป
ซ้ำลักเอาม้าห้าร้อยถ้วน เลือกแต่ล้วนตัวดีที่สูงใหญ่
แล้วออกไปชิงช้างที่กลางไพร เอาไปได้งามงามสามสิบตัว
อ้ายคนโทษพวกลาวชาวล้านช้าง ก็พลอยหนีหมดตะรางพระทูนหัว
มันปักหนังสือท้าว่าไม่กลัว ได้ค้นคว้าหาทั่วก็ไม่ทัน ฯ
๏ เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังดังไฟผลาญ ร้องเรียกล่ามพนักงานขมีขมัน
เฮ้ยอ่านไปให้แจ้งแห่งสำคัญ หนังสือนั้นมันท้าว่ากะไร ฯ
๏ ฝ่ายว่าพันจามล่ามพนักงาน คลานมารับจับอ่านหาช้าไม่
ว่าพระจอมนครินทร์ปิ่นกรุงไทย บัญชาใช้ให้ทหารพระกาลมา
เราฤๅชื่อพระยาแผนพิฆาฏ คุมพวกไพร่อาทมาตสามสิบห้า
กับพลายงามลูกรักอันศักดา ยกมาจะประหารผลาญบุรี
ด้วยลาวชิงสร้อยทองของท่านไว้ แล้วจับไทยจองจำทำป่นปี้
เราเข้ามาแก้ไขไทยเหล่านี้ กับพวกที่ล้านช้างส่งนางไป
ให้พวกเรารอดพ้นทนทุกข์ก่อน จะหลบลี้หนีซ่อนนั้นหาไม่
จะรอเราให้เข้ามาชิงชัย ฤๅจะตามก็ไปที่บึงบัว
ถ้ารักชีวิตคิดถึงซึ่งพวกพ้อง จงทูนนางสร้อยทองไปบนหัว
ส่งให้แล้วคำนับรับว่ากลัว จึงจะปลอดรอดตัวไม่มรณา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงใหม่ครั้นได้ฟัง แค้นคั่งราวกับไฟไหม้เวหา
เหม่อ้ายไทยขี้ถังอหังการ์ มาอวดกล้าท้าทายหยาบคายแท้
เฮ้ยบรรดาแสนท้าวเหล่าพระยา ซึ่งมันว่ายังจะจริงกระนั้นแน่
ฤๅพรั่นตัวกลัวเราจะตามแจ จึงพูดแก้ขู่ไว้ให้รอช้า
กับพวกมันสามสิบสักหยิบมือ อ้ายที่หนีคุกฤๅจะสู้หน้า
ล้อมฟันเสียไม่ทันจะพริบตา ซึ่งเราว่าใครจะเห็นเป็นอย่างไร ฯ
๏ ครานั้นพระยาจันทรังสี ผู้ว่าที่สมุหทหารใหญ่
คิดพลางทางทูลไปทันใด มันท้าไว้ถ้อยคำก็สำคัญ
ถ้าไม่ดีไหนจะมีหนังสือท้า อ้ายคนที่ยกมาจะแข็งขัน
เรายกไปคงได้ถึงรบกัน ด้วยว่ามันอิ่มเอิบกำเริบใจ
แต่อ้ายพวกมาตามสามสิบห้า ถึงดีแท้ก็จะมาทำไมได้
อ้ายห้าร้อยที่มันมาลักพาไป ทั้งลาวไทยไม่มีอ้วนล้วนพุงโร
มันเสมือนหมู่เนื้อเสือเคยทับ ไหนจะกลับหันหน้าเข้ามาโต้
สามสิบห้าถึงจะกล้าเป็นเอกโท อ้ายคนโซก็จะพาอ้ายกล้าไป
ขอให้แต่งม้าใช้ออกไปดู ถ้ามันยังตั้งอยู่ที่บึงใหญ่
จึงค่อยยกกองทัพขับพลไกร เข้าลุยไล่เสียให้แหลกเป็นผงคลี ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินท์ปิ่นพิภพ ฟังจบตรึกตรองเห็นต้องที่
จึงสั่งตรัสมุงกะยองกองพาชี จงเลือกหาม้าดีขี่ออกไป
รีบไปสืบดูให้รู้แท้ มันหนีแน่ฤๅยังอยู่ที่บึงใหญ่
ถ้ามันอยู่สูมาอย่านอนใจ เราจะได้เกณฑ์ทัพไปจับมัน ฯ
๏ ครานั้นมุงกะยองมองไล่ รับสั่งแล้วรีบไปขมีขมัน
ผูกม้าโผนธรณีสีจันทน์ ขึ้นกระทบแผงผันผยองไป
ปล่อยใหญ่ใส่ห้อไม่ย่อหย่อน พอแดดอ่อนก็ถึงที่บึงใหญ่
ลงจากม้าดอดดุ่มเข้าพุ่มไพร ขึ้นบนต้นไม้ลอบแลดู
ประมาณคนเบ็ดเสร็จเจ็ดร้อยกว่า เห็นทางท่าไม่หนีทีจะสู้
แต่แลไปไม่เห็นตั้งค่ายคู สังเกตรู้แน่ชัดถนัดตา
ลงจากต้นไม้มารี่หรับ ขึ้นพาชีขี่ขับไปกลางป่า
พอตะวันอัสดงก็ปลงม้า ตรงเข้ามายังท้องพระโรงชัย
ครั้นถึงหน้าที่นั่งบังคมทูล ตามมูลเหตุแจ้งแถลงไข
ข้าพเจ้าเล็ดลอดดอดเข้าไป เห็นลาวไทยลุกนั่งอยู่พรั่งพรู
ทั้งนายไพร่ใหญ่น้อยเจ็ดร้อยกว่า เห็นทางท่ารั้งรอจะต่อสู้
แต่อย่างไรไม่เห็นตั้งค่ายคู มันตั้งอยู่ที่บึงทางครึ่งวัน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟัง แผดเสียงเปรี้ยงดังสนั่นลั่น
เหม่เหม่อ้ายไทยใจฉกรรจ์ เจ็ดร้อยน้อยฤๅนั่นมาขันรบ
ไม่พอครือมือลาวชาวเชียงใหม่ สักอึดใจก็จะมัดดังรัดกบ
เพียงหักไม้คนละกิ่งทิ้งสมทบ ก็จะกลบเสียได้ไม่คณนา
ดำรัสตรัสประภาษอยู่ฉาดฉาน สั่งท้าวกรุงกาฬตรีเพชรกล้า
จงเร่งยกพหลพลโยธา ไปจับจิกหัวมาให้หนำใจ
อันเพี้ยปราบเมืองแมนแสนกำกอง ทั้งสองเคยเคี่ยวเข็ญเป็นผู้ใหญ่
ยกเป็นปีกซ้ายขวาคลาไคล ให้กรุงกาฬนั้นไซร้เป็นแม่ทัพ
แสนตรีเพชรกล้าขี่ม้าคล่อง เคยทำนองหักโหมเข้าโจมจับ
เป็นแม่ทัพสินธพไปรบรับ ให้พร้อมสรรพพรุ่งนี้สี่โมงปลาย ฯ
๏ พระยาจันทรังสีได้รับสั่ง ออกมานั่งศาลาให้บัตรหมาย
เร่งเรียกพลไกรทั้งไพร่นาย จัดจ่ายช้างม้าเครื่องอาวุธ
ทัพม้าห้าพันสกรรจ์หมด ใจคอทรหดเป็นที่สุด
เคยฝึกฝนทนทานชำนาญยุทธ ทั้งซ้ายขวาอุตลุดล้วนขี่ม้า
บ้างถือทวนถือเสน่าเกาทัณฑ์ เรี่ยวแรงแข็งขันเคยอาสา
มีนายกองนายหมวดคอยตรวจตรา พร้อมสรรพทัพหน้าได้ห้าพัน
เพชรกล้าประทานม้าพระที่นั่ง มีกำลังไวว่องคล่องขยัน
ชื่อว่าเหมรัศมีสีจันทน์ ผูกเครื่องกุดั่นประดับพลอย
แผงข้างเขียนนางกินนรรำ โกลนคร่ำโพธิ์ทองทั้งพู่ย้อย
อานปรุลายฉลุจำหลักลอย ควาญประจำจูงคอยจะยาตรา ฯ
๏ กรุงกาฬทัพใหญ่ยกไว้ก่อน กล่าวถึงทัพอัสดรตรีเพชรกล้า
อันแม่ทัพคนนี้มีศักดา อยู่คงสาตราวิชาดี
แขนขวาสักรงเป็นองค์นารายณ์ แขนซ้ายสักชาดเป็นราชสีห์
ขาขวาหมึกสักพยัคฆี ขาซ้ายสักหมีมีกำลัง
สักอุระรูปพระโมคคัลลาน์ ภควัมปิดตานั้นสักหลัง
สีข้างสักอักขระนะจังงัง ศีรษะฝังพลอยนิลเม็ดจินดา
ฝังเข็มเล่มทองไว้สองไหล่ ฝังเพชรเม็ดใหญ่ไว้แสกหน้า
ฝังก้อนเหล็กไหลไว้อุรา ข้างหลังฝังเทียนคล้าแก้วตาแมว
เป็นโปเปาปุบปิบยิบทั้งกาย ดูเรี่ยรายรอยร่องเป็นถ่องแถว
แต่เกิดมาอาวุธไม่พ่องแพว ไม่มีแนวหนามขีดสักนิดเดียว
สูงใหญ่รูปร่างเหมือนอย่างเสือ กำลังเหลือเนื้อหนังก็แน่นเหนียว
หนวดโง้งโก่งฟั่นพันเป็นเกลียว ฟันขาวปากเขียวดังปลิงควาย
นัยน์ตาดำคล้ำคล้ายกับตาเสือ ขอบตาแดงเรื่องดังชาดป้าย
คิ้วกระหมวดหนวดแดงดูแรงร้าย ผมมุ่นมวยคล้ายกับโยคี
แต่รุ่นหนุ่มคุ้มใหญ่ไม่อาบน้ำ เพื่อนตำแต่ว่านยาทาขัดสี
ไม่นอนด้วยภรรยาทั้งตาปี ต่อศึกมีเมื่อไรได้อาบน้ำ
จะไปทัพจึงหาบรรดาว่าน มาเสกอ่านอาคมถมถนำ
เครื่องรางตะกรุดลงองค์ภควัม บริกรรมเสกเป่าเข้าทันใด
แล้วตักน้ำตีนท่ามาใส่ขัน หยิบเครื่องอานว่านนั้นเอาลงใส่
เสกเดือดพล่านพลั่งดังตั้งไฟ เห็นประจักษ์วักได้ใส่หัวพลัน
หยิบเครื่องอานว่านยาขึ้นมาไว้ เพชรกล้าลงไปในแม่ขัน
ประจงจบเคารพแล้วอาบพลัน ดูสำคัญในนทีจะมีลาง
ถ้าจะเกิดอันตรายวายชีวิต ในนิมิตน้ำแดงเป็นแสงฝาง
ถ้าไม่ชนะไม่แพ้แต่ปานกลาง น้ำเป็นอย่าสีรงลงละลาย
ถ้าจะไปมีชัยแก่ข้าศึก น้ำเลื่อมดังผลึกวิเชียรฉาย
ครั้งนั้นขาดชันษาชะตาตาย นิมิตสายชลธีเป็นสีแดง
เพชรกล้ามุ่งเขม้นเห็นนิมิต รู้แท้แน่จิตประจักษ์แจ้ง
น้ำอย่างสีฝางลางร้ายแรง นึกแสยงสยดสยอนถอนฤทัย
เป็นสุดทุกข์ลุกออกมาผลัดผ้า ประหนึ่งว่าไม่ดำรงทรงกายได้
แล้วนึกว่าชาติทหารอันชาญชัย ถึงบรรลัยก็ให้ฦๅฝีมือลาว
ฮึดฮัดจัดแจงแต่งกายา วันจันทร์นุ่งผ้ายกพื้นขาว
คาดตะกรุดเครื่องรางปรอทวาว ใส่แหวนเพชรเม็ดพราวเหมือนดาวราย
ประเจียดประจงจับตะแบงมาน สอดสังวาลสะอิ้งรัดจำรัสฉาย
โพกผ้าขลิบพื้นขาวดาวกระจาย เข็มขัดสายทองถักล้วนอักขรา
จบจับประคำทองเข้าคล้องคอ ผงดินสอเสกเสริมแล้วเจิมหน้า
ถือง้าวก้าวย่างสามขุมมา เผ่นขึ้นหลังม้าสง่างาม
ท่วงทีองอาจดังราชสีห์ สมกับที่ชาญชัยในสนาม
ขยับยกเมฆในได้ฤกษ์ยาม ให้โห่สามลาเลิกโยธาไป
แม่ทัพสัปทนคนกางกั้น เสียงฝีเท้าม้าลั่นแผ่นดินไหว
พวกพลโห่ร้องคะนองใจ เป็นโกลามาในอรัญวา ฯ
๏ จะกล่าวถึงกองทัพท้าวกรุงกาฬ ทหารแม่ทัพใหญ่ใจกล้า
ต่างเร่งรัดจัดแจงแต่งโยธา สั่งให้ผูกช้างงาเข้าฉับพลัน
กรมช้างเร่งรัดจัดช้างตั้ง ล้วนพ่วงพีมีกำลังผูกเครื่องมั่น
ควาญหมอท้ายคอคนสำคัญ ทหารนั้นนั่งกลางข้างละคน
มีอาวุธพร้อมสรรพสำหรับช้าง มายืนข้างสองแถวแนวถนน
สวมสอดเสื้อลงใส่มงคล ล้วนอยู่ยงคงทนซึ่งสาตรา
บ้างอยู่ด้วยรากไม้ไพลว่าน บ้างอยู่ด้วยโอมอ่านพระคาถา
บ้างอยู่ด้วยเลขยันต์น้ำมันทา บ้างอยู่ด้วยสุราอาพัดกิน
บ้างอยู่ด้วยเขี้ยวงาแก้วตาสัตว์ บ้างอยู่ด้วยกำจัดทองแดงหิน
บ้างอยู่ด้วยเนื้อหนังฝังเพชรนิล ล้วนอยู่สิ้นทุกคนทนสาตรา
เพี้ยปราบเมืองแมนแสนเสนี คุมกองโยธีข้างปีกขวา
ขึ้นขี่คอคชสารตระหง่านงา โพกผ้าสีทับทิมริมขลิบทอง
ใส่เสื้อสีชมพูดูแดงฉาด ขลิบตาดต้นแขนไว้ทั้งสอง
ฝ่ายข้างปีกซ้ายนายกำกอง โพกทับทิมขลิบทองอยู่เหมือนกัน
ใส่เสื้อกำมะหยี่สีตอง ประคำทองคล้องคอดูแข็งขัน
ทั้งสองล้วนอยู่คงลงเลขยันต์ คุมพลข้างละพันทั้งขวาซ้าย
แต่ล้วนเหล่าทหารชำนาญยุทธ ถือสาตราอาวุธเป็นเหล่าหลาย
นายสอยดาวคุมสกรรจ์ก็พันปลาย เป็นทัพหลังรั้งท้ายสำรวจพล
ขี่พลายแก้วมิ่งเมืองผูกเครื่องมั่น ใส่เสื้อจีบสีจันทน์หนังไก่ย่น
หมวกโหมดลงยันต์กั้นสัปทน พร้อมพรั่งทั้งพหลพลโยธี
ที่นั่งรองขององค์เจ้าเชียงใหม่ ประทานให้แม่ทัพนั้นขับขี่
สำหรับทรงชิงชัยกับไพรี ชื่อพลายพลิกธรณีมีน้ำมัน
สูงหกศอกกำมางารัดทอง ตระพองผายท้ายด้อยดังช้างปั้น
หางยาวหูใหญ่ใจฉกรรจ์ โขมดหัวสองชั้นคั่นมงคล
จะย่างย่องว่องไวใช้กิริยา หนังหนาหน้ายักษ์ชักเนื้อย่น
อยู่ปืนฟืนไฟไม่ดิ้นรน หางสะพัดปัดส้นเส้นขนกลม
ผูกสะพักปักตระพองด้วยทองแล่ง พู่แดงห้อยหูดูงามสม
พานหน้าท้านลายดาวเป็นดอกกลม สองข้างแนบแบบถมด้วยเงินยวง
สายชนักถักไหมกลางใส่เบาะ ขอเกราะปลายง้าวคมขาวช่วง
ควาญใส่เสื้อแดงแย่งชิงดวง ใส่หมวกโหมดม่วงทะมัดทะแมง ฯ
๏ ครานั้นกรุงกาฬชำนาญทัพ จบจับเครื่องอานเข้าตกแต่ง
นุ่งยกอย่างลาวขาวดอกแดง ใส่เสื้อกรองทองแล่งเป็นแย่งครุฑ
สายสังวาลภควัมประจำคล้อง แหวนทองปัทมราชคาดตะกรุด
เสื้อในลงยันต์กันอาวุธ เข็มขัดขุดขมองพรายเป็นลายดุน
เหน็บกฤชตรงลงคมประจุขาด แล้วซ้ำคาดราตคดหนามขนุน
ใส่หมวกถักไหมทองกรองตาชุน สะพายดาบญี่ปุ่นฝักหุ้มทอง
เอาน้ำสระสรงองค์นารายณ์ มาพรมกายกรายกรากออกจากห้อง
ควาญเทียบช้างประทับเข้ารับรอง ก็ย่างย่องขึ้นคอจับขอกราย
ภาวนาตาเขม้นเห็นนิมิต วิปริตเป็นรูปคนหัวหาย
จะยกต่อคอแขนไม่ติดกาย เป็นลางร้ายวิปริตก็ผิดใจ
ครั้นจะทูลขอรั้งรออยู่ ก็อดสูโยธาบรรดาไพร่
เกิดเป็นคนใครจะพ้นที่บรรลัย ก็แข็งใจไปตามแต่เวรา
ขาขยับไสช้างพอย่างกราย เห็นลูกนกตกตายลงต่อหน้า
นกแสกแถกเสียดศีรษะมา แร้งกาบินจับสัปทน
วันนั้นท้าวกรุงกาฬสะท้านจิต โอ้ชีวิตกูนี้คงปี้ป่น
จำใจได้ฤกษ์ให้เลิกพล ขานโห่สามหนแล้วยกไป
ดูชายธงตรงลิ่วไม่ปลิวสะบัด ลมก็จัดวิปลาสไม่หวาดไหว
ทั้งเสียงโห่ก็ไม่ก้องให้หมองใจ สะทึกสะท้อนถอนฤทัยมาในดง ฯ
๏ จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิพริ้งเพริศระเหิดระหง
กับเจ้าพลายท้ายน้ำกึงกำกง นั่งปรึกษาการณรงค์กับโยธา
เห็นผงคลีกลุ้มกลบตรลบบน ชะรอยลาวยกพลมาหนักหนา
ขุนแผนนิ่งระงับหลับตา พิจารณารู้แน่ในทางปราณ
นี่ลาวยกทัพหมื่นมาดื่นป่า ก็บัญชาสั่งให้ไพร่ทหาร
ไปตัดอ้อแขมมาอย่าเนิ่นนาน ปักขนาบหน้ากระดานด้านท้ายบึง
แล้วปักแยกแหกฉีกเป็นปีกกา เอาไม้มาขีดคูดูขังขึง
ทั้งหอรบหอคอยร้อยแขมกรึง ดูประหนึ่งปักเล่นไม่แน่นแฟ้น
พอแม่ทัพจับซัดข้าวสารปร๋อ แขมอ้อกลายไปเป็นไม้แก่น
เชิงเทินรอบขอบคันไม่คลอนแคลน ปีกกาชักปักแน่นกว่าไม้จริง
ที่รอยขีดกลับเป็นคูดูลึกซึ้ง อยู่ข้างบึงขวางดงตรงตลิ่ง
ถึงจะต้องปืนใหญ่ไม่ไหวติง ทั้งหอรบครบสิ่งสำเร็จการ
ขุนแผนสั่งพวกไพร่ในกองทัพ กำชับเตรียมตัวทั่วทุกด้าน
แต่ตัวนายสี่คนอยู่บนร้าน ให้กองด่านดูลาวจะเข้ามา ฯ
๏ จะขอหยุดยับยั้งข้างขุนแผน กล่าวถึงทัพนายแสนตรีเพชรกล้า
รีบร้อนต้อนขับกองทัพม้า มาถึงป่าดอนตะแบกจะแยกทาง
ดูไปไกลประมาณสามสิบเส้น แลเห็นค่ายไทยทั้งใหญ่กว้าง
ทั้งขวาซ้ายรายชักปีกกากาง ขุดคูข้างขอบบึงไปถึงกัน
ครั้นถึงที่เห็นสนามตามตำรับ ก็หยุดทัพยับยั้งลงตั้งมั่น
แล้วปักธงยิงปืนเป็นสำคัญ ให้โห่สามลาลั่นสนั่นไป ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนทหาร ได้ยินลาวโห่ขานสะท้านไหว
ร้องประกาศบอกกันนั่นเป็นไร ลาวยกทัพใหญ่มาคั่งคับ
เรากับลูกรักอันศักดา จะยกพลโยธาออกเคี่ยวขับ
ท่านทั้งสองคอยดูอยู่ในทัพ เราจะรับมือลาวชาวเชียงอินท์
แต่บรรดาพวกลาวบ่าวของท่าน ประจำการอยู่ในค่ายวงสายสิญจน์
แต่บรรดาพวกไทยใจทมิฬ จงขี่ม้ามาสิ้นให้ครบกัน
เจ้าพลายงามยกไปเป็นทัพหน้า คุมพวกสามสิบห้าล้วนแข็งขัน
เราจะยกทัพใหญ่หนุนไปพลัน ถ้าได้ทีตีตะบันบุกเข้าไป
ถ้าพลลาวเหลือล้นพ้นประมาณ เราจะไสคชสารเข้าลุยไล่
จะรบราฆ่ามันให้บรรลัย จงตั้งใจอย่าประมาทต้องอาจอง
สั่งแล้วขุนแผนกับลูกชาย แต่งกายคาดเครื่องเรืองระหง
นุ่งผ้าตามตำรารณรงค์ เข็มขัดลงยันต์คาดสะอาดงาม
เสื้อลงเลขยันต์ใส่ชั้นใน เสื้อนอกดอกใหญ่ทองอร่าม
แหวนมณฑปนพเก้าดูวาววาม สังวาลสามสายแย่งตะแบงมาน
สวมสายประคำทองเข้าคล้องคอ ทั้งลูกพ่อองอาจชาติทหาร
ใส่หมวกขลิบตาดพระราชทาน ถือฟ้าฟื้นยืนตระหง่านสง่าดี
ภาวนาตาเขม้นเห็นเมฆฉาย นิมิตเป็นรูปนารายณ์เรืองศรี
สี่กรร่อนติดบนเมฆี ขุนแผนขึ้นคอขี่คชฉกรรจ์
เอานายเพชรเจ็ดปานเป็นควาญท้าย ใส่เสื้อลายสีแดงแสงเฉิดฉัน
พลายงามขึ้นขี่ม้าสีจันทน์ สั่งให้ลั่นฆ้องฤกษ์แล้วเลิกพล
ยิงปืนสัญญาขึ้นห้าตึง ฆ้องหึ่งขานโห่ขึ้นสามหน
นายปลอดโบกธงเป็นมงคล ก็รีบร้นโยธาคลาไคล ฯ
๏ พอสองทัพถึงกันประจันหน้า ลาวก็แยกปีกกาออกหวั่นไหว
แสนตรีเพชรกล้าทอดตาไป เห็นทัพไทยลิบลิบสักหยิบมือ
มันเสมือนแมลงเม่ามาเข้าไฟ นี่เข้าใจว่าจะรอดไปแล้วฤๅ
สั่งให้ขับอัสดรต้อนพลฮือ คนละมือก็จะยับทั้งทัพไทย
เอาเหวยเอาวาโยธาทัพ จับเอาตัวมันให้จงได้
อย่าให้มันปลอดลอดหนีไป กระทืบม้าผ่าไล่ไพร่พลมา
เข้าล้อมหน้าล้อมหลังประดังฟัน พวกไทยตัวกลั่นล้วนแกล้วกล้า
เจ้าพลายสั่งตั้งโห่ขึ้นสามลา กระทืบม้าฝ่าฟันประจัญรับ
ลาวแทงเข้าด้วยทวนสวนสกัด ไทยปัดทวนพลาดฟาดฟันฉับ
พวกลาวแร่แก้กันไทยฟันยับ โถมจับล้มคะมำคว่ำโก้งโค้ง
ไล่ตะบันฟันฟัดสกัดสะแกง ลาวแทงไทยผลุงสะดุ้งโหยง
ไม่เข้าไทยไทยกระทืบอยู่โกรงโกรง ไล่ทันฟันโป้งเข้าหลังปึง
ลาวเงื้อทวนใหญ่แทงไทยปราด ไทยฟาดคันทวนสวนแทงผึง
หัวถลำคว่ำถลาตกม้าตึง ยิ่งตายยิ่งตะบึงเข้าบุกบัน ฯ
๏ เจ้าพลายกับพวกสามสิบห้า คว้างคว้างวางมาดังกังหัน
เห็นลาวล้อมเข้าใกล้ออกไล่ฟัน ลาวเข้ารันรุมตีไม่หนีไทย
ลาวแทงไทยฟันตะบันฆ่า ที่อยู่เหยียบกันเข้ามาหาถอยไม่
เป็นกลุ่มกลุ่มหุ้มห้อมล้อมเข้าไว้ จนเต็มทีพวกไทยหัวไหล่ล้า
เจ้าพลายขับสีจันทน์เข้าฟันฟาด ดาบลงยันต์ฟันขาดดังฟ้าผ่า
ถึงลาวคาดเครื่องอานกินว่านยา ถูกดาบมรณาลงดาษดิน
ลาวรุมกลุ้มแทงเสียงอึกอัก ทวนหักหอกยู่บู้บิ่น
บุกตะบันฟันขนาบดาบไม่กิน เจ้าพลายฟาดขาดดิ้นสิ้นเป็นเบือ
พวกลาวหวาดหวั่นพรั่นชะงัก ดังสุนัขพาหมู่เข้าสู้เสือ
ร้องว่าดาบเราบ่เข้าเนื้อ กูฟันชั้นแต่เสื้อบ่เข้ามัน
เจ้าพลายแกว่งดาบอยู่วาบวาว พวกลาวถอยท้อย่อขยั้น
ดังพระยาสีหราชกาจฉกรรจ์ เข้าผกผันเผ่นคว้างกลางฝูงวัว
เข้าไหนลาวหนีอยู่มี่ฉาว พวกลาวต่างขยั้นสั่นหัว
เกรงสง่าไม่กล้าเข้าใกล้ตัว ด้วยความกลัวชีวันจะบรรลัย ฯ
๏ ครานั้นจึงแสนตรีเพชรกล้า ขับต้อนโยธาอยู่หวั่นไหว
เห็นไพร่พลเรรวนป่วนปั่นไป เพชรกล้าขัดใจกระโจมมา
เท้ากระทืบแผงข้างผางผางลั่น เร่งรุกบุกบันขึ้นมาหน้า
เสียงตวาดประกาศก้องเป็นโกลา มาจนหน้าม้าเจ้าพลายงาม
เห็นรูปร่างสำอางลออตา เพชรกล้าเข้าใกล้แล้วไต่ถาม
แน่ะเจ้านายทหารชาญสงคราม เจ้านี้มีนามกรไร
พึ่งรุ่นหนุ่มร่างน้อยกะจิริด เจ้าเป็นศิษย์ศึกษาอาจารย์ไหน
เป็นเผ่าพงศ์วงศ์วานท่านผู้ใด จงบอกไปให้แจ้งแห่งกิจจา ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามคะนอง ร้องตอบคดีตรีเพชรกล้า
อันตัวเราเป็นทหารอยุธยา ชื่อว่าพลายงามมาตามวงศ์
บิดาชื่อพระยาแผนพิฆาฏ พระราชทานตั้งนามตามประสงค์
ตัวเราเป็นศิษย์บิตุรงค์ เผ่าพงศ์วงศ์พลายหลายชั่วมา
ท่านนี้มีนามกรใด ครั้นจะถามถึงผู้ใหญ่ก็เกินหน้า
ถึงยังมีมิตายก็เต็มชรา แต่เรียนรู้ครูบาอาจารย์ใด ฯ
๏ ครานั้นเพชรกล้าได้ฟังถาม ก็ชื่นชอบตอบความหาช้าไม่
ซึ่งถามเราจะเล่าให้เข้าใจ เจ้าชาวใต้ไม่รู้จู่ขึ้นมา
เราเป็นเชื้อเจ้าท้าวคำแมน มียศเป็นแสนตรีเพชรกล้า
เป็นเชื้อชาติทหารชาญศักดา ในลานนาใครใครไม่ต่อแรง
พระครูผู้บอกวิทยา ชื่อว่าศรีแก้วฟ้ากล้าแข็ง
สถิตยังเขาคำถ้ำวัวแดง ทุกหนแห่งเลื่องฦๅนับถือจริง
เจ้าหนุ่มน้อยนี้ฤๅชื่อพลายงาม ช่างสมรูปสมนามดูงามยิ่ง
ตละแกล้งหล่อเหลาเพราพริ้ง รูปร่างอย่างผู้หญิงพริ้งพรายตา
จะเปรียบลูกก็อ่อนกว่าลูกเล็ก จะเปรียบหลานพานจะเด็กกว่าหลานข้า
ไม่ควรจะรบสู้กับปู่ตา กลับไปบอกบิดามารอนราญ
จะได้เป็นขวัญตาโยธาทัพ เห็นฉบับแบบไว้ในทหาร
ยังเด็กอยู่คอยดูวิชาการ เฮ้ยหลานพ่ออยู่ไหนไปบอกมา ฯ
๏ ครานั้นพลายงามทรามคะนอง ร้องตอบต่อคดีตรีเพชรกล้า
แน่เธออย่าเพ่ออหังการ์ เจรจาหมิ่นประมาทเราชาติเชื้อ
ตัวท่านแก่กายอย่างควายเถ้า อันตัวเราถึงเด็กเล็กลูกเสือ
ฝีมือใครไพร่ลาวแหลกเป็นเบือ อย่าหลงเชื่อว่าผู้ใหญ่จะไม่แพ้
ถ้าไม่ดีที่ไหนใครจะมา จะขอลองวิชากับตาแก่
ให้ปรากฏฤทธีว่าดีแท้ ฤๅเป็นแต่ปากกล้ากว่าฝีมือ
ขออภัยอย่าเพ่อให้ถึงบิดา แต่ลูกยาท่านจะชนะฤๅ
มาลองดูสักหนให้คนฦๅ จะปลกเปลี้ยเสียชื่อดอกกระมัง ฯ
๏ ครานั้นแสนตรีเพชรกล้า โกรธาตาแดงดังแสงครั่ง
เหม่อ้ายนี่หนักหนาว่าไม่ฟัง มาโอหังอวดรู้สู้สงคราม
เท้ากระทืบกระทบโกลนโผนผก มุ่นหมกขับคว้างมากลางสนาม
ท่วงทีขี่ม้าสง่างาม รำง้าวก้าวตามกระบวนทวน ฯ
๏ ฝ่ายเจ้าพลายงามทรามสง่า เห็นตรีเพชรขับม้ามาปั่นป่วน
ก็ชักม้ารับร่ายย้ายกระบวน แล้วหันทวนว่องไวในทำนอง
เพชรกล้ารำง้าววาววาววับ เจ้าพลายรำดาบรับสองมือป้อง
สองนายร่ายรำตามทำนอง ม้าผยองผันผกวกวนเวียน
แล้วยกรำทำท่าหงส์สองคอ เยื้องล่อเลี้ยวฟันหันเหียน
แล้วรำท่ามังกรช้อนวิเชียร ผลัดเปลี่ยนว่องไวไม่เสียที
เพชรกล้าถือง้าวยาวกว่าดาบ เจ้าพลายฉาบเข้าฟันแล้วผันหนี
เพชรกล้าขัดใจไล่คลุกคลี เจ้าพลายรำทำทีให้ไล่ทัน
เพชรกล้าได้ท่าปาลงฉาด เจ้าพลายหลบลาวพลาดคะมำหัน
พลายงามตามชิดติดตะบัน สบท่าผ่าฟันลงต้ำตึง
หยุ่นเปล่าหาเข้าตรีเพชรไม่ เยื้องขยับกลับใส่เจ้าพลายผึง
เจ้าพลายผันฟันบ่าเพชรกล้าปึง เนื้อประหนึ่งหินผาศิลาแลง
แสนตรีเพชรกล้าง่าง้าวกราย ฟันเจ้าพลายงามพรวดดังกรวดแกร่ง
ราวกับเกาหลังให้ยิ่งได้แรง ฟันตะแบงบุกไปไล่ตะครุบ
เอาดาบฟาดฉาดฟันตะบันส่ง เป็นหลายหนทนคงไม่บู้บุบ
เพชรกล้ากลับด้ำเข้าตำทุบ ถูกเนื้อยุบพอขยายก็หายไป ฯ
๏ แสนตรีเพชรกล้าระอาจิตร สุดคิดที่จะเอาชนะได้
นิ่งนึกตรึกตราแต่ในใจ ชะเด็กไทยคนนี้มันดีจริง
ช่างกล้าแข็งแรงฤทธินั้นเกินร่าง ดูแต่หน้าท่าทางอย่างผู้หญิง
มันสู้กูผู้ใหญ่ไหวมันจริง ด้วยเชิงชิงชัยชาญชำนาญแท้
จะรบรันฟันฟาดด้วยสาตรา เห็นทางท่าเอาชัยบ่ได้แน่
ต้องใช้มนตร์ทางในให้มันแพ้ ก็ชักม้าราแต้ออกยืนไกล
หลับตาภาวนาร่ายพระเวท อันวิเศษเชี่ยวชาญอาจารย์ให้
เรียกมหาอาโปเป่าออกไป เป็นน้ำไหลพลุ่งพลั่งดังท่อธาร
พิลึกล้นท้นท่วมทั่วจังหวัด ลมก็พัดเป็นละลอกกระฉอกฉาน
พวกทัพไทยต่างคนตะลนตะลาน ตะเกียกตะกายว่ายซานขึ้นต้นไม้
ทั้งขี่ม้าหยั่งขาไม่ถึงที่ ด้วยนทีโชนเชี่ยวเป็นเกลียวไหล
เหล่าพวกอาสาระอาใจ ต่างร้องบอกนายไปให้แก้มนตร์ ฯ
๏ ครานั้นพลายงามเจ้าความคิด เรืองฤทธิ์ฦๅแจ้งทุกแห่งหน
อ่านคาถาเป่าปัดไปบัดดล ก็ทดท้นน้ำแห้งทุกแห่งไป
แล้วอ่านมนตร์ดลเรียกเตโชธาตุ เป่าปราดไปเป็นเพลิงเถกิงไหม้
โพลงพลุ่งทุ่งเถือกเป็นเปลวไฟ วาบวามลามไล่ไพร่พลลาว
พอลาวเห็นไฟไหม้ลามมา กระทืบม้าหนีพล่านออกฉานฉาว
กัมปนาทหวาดหวั่นตัวสั่นท้าว ร้องเรียกเจ้านายช่วยข้าด้วยรา ฯ
๏ ครานั้นเพชรกล้าเป็นจ่าศึก เห็นไฟไหม้คึกคึกมาเต็มป่า
ระงับการร่ายพระเวทวิทยา เรียกมหาวลาหกให้ตกลง
ก็เกิดเป็นเมฆตั้งขึ้นบังปก แล้วฝนตกโซมซ่าป่าระหง
สักห่าใหญ่ไหลดาษแผ่นดินดง ดับไฟไหม้พงนั้นสูญไป
เหล่าพวกอาสาโยธาหาญ หนาวสะท้านทุกคนไม่ทนได้
เข้ามั่วสุมกลุ่มกลมใต้ร่มไม้ ถูกเม็ดใหญ่ลูกเห็บเจ็บแทบตาย ฯ
๏ ครานั้นพลายงามความสามารถ ชาญฉลาดเฉลียวเลิศเฉิดฉาย
อ่านอาคมเรียกลมที่ในกาย ระบายวาโยธาตุเป่าปราดไป
ด้วยอาคมเกิดเป็นลมเพชรหึง ตึงตึงพัดฝนไม่หล่นได้
ที่หยดหยาดขาดสายหายทันใด ด้วยพระเวทฤทธิไกรอันชัยชาญ
แล้วเอาก้อนกรวดมาซัดปราย เป็นเม็ดฝนกรวดทรายกระเซ็นซ่าน
ตกต้องลาวพลตะลนตะลาน อลหม่านหนีซุกไปทุกคน
บ้างขับม้าเข้าพุ่มคลุมหัวร้อง บ้างถูกต้องเจ็บปวดเม็ดกรวดฝน
เป็นแผลเหือดเลือดไหลไปทุกคน เหลือทนเต็มประดาแก้ผ้าคลุม ฯ
๏ ครานั้นจึงแสนตรีเพชรกล้า เห็นโยธาหน้าฟกอกเป็นตุ่ม
แสนพิโรธโกรธใจดังไฟรุม ประชุมนิ้วเหนือเกล้าแล้วเป่าไป
เกิดเป็นตะรางกลางอากาศ กั้นหยาดเม็ดฝนไม่หล่นได้
เม็ดฝนกรวดทรายหายทันใด แล้วสั่งไพร่ให้ลงจากพาชี
เราประจญบนหลังอาชาไนย ดีแท้ก็แต่ไล่กับขับหนี
อันจะเข้ารบรุกกันคลุกคลี การว่องไวไม่ดีเหมือนเดินเท้า
ให้เอาม้าไปซุ่มเสียพุ่มชัฏ เลือกจัดแต่ล้วนทวนแหลนหลาว
ให้พร้อมสรรพเครื่องยุทธอาวุธยาว สกัดก้าวห้อมล้อมให้พร้อมพรัก
พวกเราเอาแต่แรงแทงมันส่ง ถึงอยู่คงก็ถูกกระดูกหัก
ด้วยข้างเรากว่าพันมันน้อยนัก เอาเสียพักเดียวเถิดอ้ายพ่อกู ฯ
๏ ทหารลาวกราวลงจากหลังม้า วิ่งผลุนหมุนมาเป็นหมู่หมู่
เข้าล้อมหน้าล้อมหลังออกพรั่งพรู เกรียวกรูทิ่มตำกระหน่ำแทง
เหล่าพวกอาสาเข้าฝ่าฟัน ถูกลาวขาดสะบั้นสะพายแล่ง
หัวขาดตัวขาดเลือดสาดแดง พวกกองหลังยังแซงแข่งเข้าไป
เกลื่อนกลุ้มหุ้มไทยไว้เป็นหมู่ หอกยู่แทงเปล่าหาเข้าไม่
พวกอาสาฟันฟอนจนอ่อนใจ ยิ่งบรรลัยยิ่งรุมกลุ้มเข้ามา ฯ
๏ จนไหล่ตกยกมือขึ้นไม่ไหว อิดใจเรียกนายพ่อพลายขา
ลูกฟันมันจนสิ้นแรงระอา ตายหนึ่งหนุนมาห้าหกคน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายงาม เชี่ยวชาญการสงครามไม่ย่อย่น
เห็นพวกอาสาบรรดาพล เหนื่อยจนไหล่ตกไม่ยกมือ
จึงรูดเอาใบมะขามมาสามกำ เสกซ้ำเป็นต่อบินปร๋อปรื๋อ
ตั้งโกฏิแสนแน่นป่ามาฮือฮือ ดูออกคล่ำดำปื้อไปทุกละเมาะ
ด้วยาวราวก้อยไม่ต่อยไทย จำเพาะลาวกราวไล่ใส่เปาะเปาะ
พิษสงเหล็กในดังใครเคาะ ถูกเหมาะเหมาะล้มทับกันยับยุบ
พวกลาวอาวุธหลุดมือถือ เอาแต่มือตบสู้อยู่ปับปุบ
เหลือทนลุกล้มลงก้มฟุบ โดดผลุบลงในน้ำดำหนีไป
พอเต็มกลั้นผุดฟ่อต่อต่อยซ้ำ ไม่กลับดำต่อยป่นทนไม่ได้
เพชรกล้าตาปิดพิษเหล็กใน ทั้งม้าม่อยต่อยไล่ไปพรั่งพรู
หน้าตาล้วนแต่คาเหล็กในต่อ ม้าลาพาห้อชักไม่อยู่
บ่าวนายพ่ายหนีวิ่งกรีกรู พวกไทยไล่ลู่ตะลุมบอน ฯ
๏ ครานั้นท่านท้าวกรุงกาฬ เห็นทหารเพชรกล้าวิ่งว้าว่อน
กะปลกกะเปลี้ยเสียทีหนีซอกซอน ก็ไสช้างวางต้อนโยธามา ฯ
๏ ฝ่ายว่าขุนแผนแสนสะท้าน เห็นกรุงกาฬเข้าด้วยช่วยทัพหน้า
ก็ขับกุญชรต้อนโยธา ไสช้างขวางหน้าเจ้ากรุงกาฬ
จึงร้องว่าฮ้าท่านฤๅทัพหลวง จึงเลยล่วงขับช้างมากลางทหาร
ดูช้างม้ารี้พลพ้นประมาณ นี่จะไปรบราญบ้านเมืองใด ฯ
๏ ครานั้นกรุงกาฬชาญกำแหง ได้ฟังคำเสียดแทงให้มันไส้
สูนี้พระยาแผนแล้วแม่นใจ มายกความถามไถ่ไม่มีอาย
เข้ามาลักช้างม้าพาคนหนี แล้วเข่นฆ่าราตีคนทั้งหลาย
ซ้ำปักหนังสือท้าว่าหยาบคาย ตัวไม่เป็นผู้ร้ายดอกฤๅไร
อยุธยาช้างม้าไม่มีฤๅ จึงดึงดื้อมาปล้นจนเชียงใหม่
เรายกพลมาประจญจับโจรไพร ถ้าคืนของกลางให้จะรอดตัว ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสะท้าน ได้ฟังท้าวกรุงกาฬก็ยิ้มหัว
ช่างพูดได้ไม่คิดถึงเงาตัว ทำความชั่วถึงปิดไม่มิดควัน
ซึ่งล้านช้างส่งนางไปกรุงไทย เจ้าเชียงใหม่เมามืดด้วยโมหันธ์
ลอบไปฉกชิงนางไว้กลางคัน จับพวกส่งลงทัณฑกรรมไว้
ข้าหลวงไทยที่มารับก็จับจำ เฆี่ยนขับยับระยำทั้งนายไพร่
กระทำความข่มเหงไม่เกรงใจ ยังท้าให้ยกพลมาชนช้าง
เจ้าท่านนั้นแลเป็นโจรป่า เอาชีวาแลกสตรีไม่มีอย่าง
ถ้ารักตัวกลัวว่าจะวายวาง ให้ส่งนางคืนไปจะไม่ตาย ฯ
๏ กรุงกาฬทหารใหญ่ครั้นได้ฟัง แค้นดังอสนิบาตฟาดสาย
จะตอบเหมือนล้มไม้ลงทับกาย ด้วยเจ้านายทำความไม่งามดี
จึงแกล้งกลบเกลื่อนเป็นเงื่อนงำ อันถ้อยคำอาจเอิ้นเห็นเกินที่
เพราะเจ้าเวียงจันทน์นั้นไม่ดี เป็นพาลีสองหน้ามาแต่ไร
มีสารามาถวายองค์สร้อยทอง แก่พระผู้ครองเมืองเชียงใหม่
แล้วกลับยกยักย้ายถวายไทย เราจึงได้อาฆาตวิวาทกัน
จนติดพันประจญรณรงค์ มากล่าวไยให้ส่งองค์นางนั่น
อย่าช้ามาชนช้างกันกลางคัน ถ้าใครดีชีวันไม่บรรลัย
ถ้าแม้นเราแพ้ท่านในการณรงค์ ก็ควรละจะส่งสร้อยทองให้
ถ้าแม้นท่านเสียท่าปราชัย สร้อยทองต้องเอาไว้ในเชียงอินท์
ว่าพลางทางสั่งปีกซ้ายขวา ทั้งกองกลางช้างม้าดากันสิ้น
ให้รายล้อมพวกไทยใจทมิฬ อย่าให้ปลิ้นหนีพล่านออกด้านใคร ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนวิเศษ ขจรเดชฦๅเลื่องกระเดื่องไหว
จึงร้องสั่งทหารอันชาญชัย อย่าคลุกคลีตีให้เป็นด้านกัน
สำมะยังรั้งรับกับปีกขวา พรหมศรรบราปีกซ้ายนั่น
ธรรมเถียรคอยรับทัพหลังมัน ตัวเราจะประจันเข้าชนช้าง
สั่งแล้วไสสีห์คชเดช ร่ายพระเวทเป่าตระพองงาสองข้าง
ให้คงทนทั้งตัวทั่วสรรพางค์ แล้วไสวางช้างมุ่งท้าวกรุงกาฬ ฯ
๏ ครานั้นกรุงกาฬชาญชัยศรี ไสพลายพลิกธรณีมาง่านง่าน
กรายของ้าวรำด้วยชำนาญ คชสารสองปะทะเข้าประงา
ด้วยช้างลาวกำลังที่คลั่งเมา เมื่อยกออกกรอกเหล้าไว้หนักหนา
คชเดชยั่งยืนชื่นนัยน์ตา บ่มมันกลั่นกล้าไม่กลัวช้าง
ครั้นพลายพลิกธรณีรี่เข้าชิด คชเดชก็ขวิดปลายงาผาง
พอช้างลาวเบนเสยเข้าเกยคาง ช้างไทยได้ล่างเข้าหว่างคอ
นายเจ็ดปานพานกระแชงแทงต้ำเฮือก ถูกช้างลาวหน้าเสือกหงายท้ายย่อ
ขุนแผนคะยิกใหญ่ไม่รั้งรอ ช้างไทยเป็นต่อดันตะบึง
ช้างลาวถอยหลังยั้งไม่ถนัด เพียรจะงัดช้างไทยใส่ผึงผึง
ช้างไทยดันแดกกระแทกตึง ช้างลาวถอยดึ่งทุกทีไป
กรุงกาฬเหนี่ยวสับให้กลับหัน ช้างไทยดันไม่ฝืนคืนมาได้
ด้วยช้างลาวเมาสุราเป็นบ้าใจ ครั้นเจ็บหนักยักไหล่สลัดคว้าง
ขุนแผนเห็นได้ทีไม่รีรอ รำของ้าวฟาดลงฉาดผาง
ถูกกรุงกาฬซานซบทบคอช้าง ไม่เข้าคอพอเป็นยางออกช้ำช้ำ
กรุงกาฬฟื้นคืนลุกขึ้นมาได้ ขุนแผนไสช้างกระชั้นไล่ฟันร่ำ
จนตีนหลุดจากชนักหัวปักปำ ขุนแผนซ้ำลงอิกฉาดพลาดตกตึง
ขุนแผนไสช้างเข้าร้องเอาพ่อ ช้างก็ปร๋อปราดแปร้นแล่นเข้าถึง
ม้วนงวงหลับตาลงงาตึง ตีตะบึงแทงตะบันดันจนแบน
พอถอนงาคว้าผีขึ้นโยนขวับ ตกลงมางารับแล้วร้องแปร้น
ไส้ทะลักหักแหกหัวแตกแตน ช้างลาวแล่นหนีออกนอกโยธา
สำมะยังคุมไพร่ไล่ขนาบ ตีกองปราบเมืองแมนข้างปีกขวา
พรหมศรต้อนพลกล่นเกลื่อนมา เข้ารบราปีกซ้ายนายกำกอง
สองข้างต่างโถมเข้าโจมตี ถ้อยทีหนีไล่กันไวว่อง
ลาวแทงไทยจับเข้ารับรอง ไทยฟันลาวป้องจ้องเข้ารับ
พวกไทยไล่ทันฟันตะบึง นั่นปึงนี่ปังข้างหนึ่งปับ
สำมะยังโถมเข้าเอานายทัพ นายปราบรับฟันปังดังเหล็กเพชร
สำมะยังเป่าไปให้ประจุขาด เอาดาบฟาดขาดสะบั้นกระเด็นเด็ด
ดาบล่อนเลือดฝาดดังชาดเช็ด อ้ายลาวเข็ดคิดขยาดไม่อาจรบ
พรหมศรเสกคาถาว่าถอนโบสถ์ โดดแทงกำกองเข้าท้องกบ
ชักกั้นหยั่นฟันควาญลงซานซบ ทับศพผีนายลงก่ายกัน
สอยดาวเห็นแม่ทัพอัปรา นายทั้งปีกซ้ายขวาก็อาสัญ
ก็ขับไสช้างงาเข้ามาพลัน เอาง้าวฟันพวกไทยไล่ตะลุย
ธรรมเถียรยืนดูอยู่ท่ามกลาง ขัดใจไสช้างมาฉุยฉุย
อ้ายพลายแก้วมิ่งเมืองไม่เงื่องงุย เอางาชุ่ยสอยดาวเข้าราวนม
นายสอยดาวทรงกายพอหายขัด เอาขอคัดงาหันฟันประสม
ไทยเป่าโอ้ฟ้าผ่ามาตามลม ฟันลาวง้าวจมลงครึ่งคอ
แล้วเหยียบโจนโผนทะยานฟันควาญท้าย อ้ายลาวบ่าวนายไม่เหลือหลอ
ฉัวะฉาดขาดเด็ดทั้งสองคอ พวกพลย่นย่อเข้าป่าไป ฯ
๏ จะกล่าวถึงแสนตรีเพชรกล้า สิ้นพิษต่อลืมตาขึ้นมาได้
แลเห็นทัพแตกตายกระจายไป ก็ขัดใจขับม้ามาทันที
ร้องว่าฮ้าเจ้าพลายนายแผนนั้น มิสำคัญคิดเอาว่าเราหนี
ด้วยตัวต่อต่อยตาเอาพาชี มันแล่นลี้ชักฉุดไม่หยุดยั้ง
เรากลับมากล้าดีมาลองฤทธิ อย่าได้คิดว่าเราจะถอยหลัง
มาดแม้นแพ้นายวายชีวัง จะให้ชื่อฦๅดังทั้งแผ่นดิน ฯ
ครานั้นขุนแผนแสนศักดา ได้ฟังคำเพชรกล้าพูดบ้าบิ่น
จึงร้องตอบคำไปให้ได้ยิน ยังเล่นลิ้นลอยหน้ามาท้าทาย
เราเห็นทำศักดากับทารก ยังต้องยกธงล่าเข้าป่าหาย
แพ้ลูกกะจิริดไม่คิดอาย จะมาหมายต่อสู้ผู้บิดา
นี่แท้นายอายลาวพวกบ่าวไพร่ จึงซ่องแซ่งแข็งใจมาแก้หน้า
ด้วยจนตรอกออกไม่ได้แข็งใจมา ในครั้งนี้ชีวาไม่คงชนม์ ฯ
๏ เพชรกล้าตาเขียวให้เกรี้ยวโกรธ ดังถูกหอกกรอกโสตสักแสนหน
เดือดดาลไม่ทันอ่านพระเวทมนตร์ ก็ขับม้าผ่าพลเข้าชิงชัย
ขุนแผนตวาดอำนาจยักษ์ เพชรกล้าง่าชะงักไม่ไหวได้
แล้วยกเงื้อง้าวฟาดฉาดลงไป ถูกหัวไหล่ลาวล้มลงจมอาน
ตาหลอว่าคุณพ่อดิฉันเอง วิ่งถลันฟันเป้งลงด้วยขวาน
ตารักว่าฉันด้วยช่วยลนลาน เอาพลองกระทุ้งพุงกรานให้ตกม้า
นายโห้สามหอกกรอกด้วยทวน เหล็กม้วนไม่เข้าตรีเพชรกล้า
ทิ้งทวนเข้าปะทะฉะด้วยพร้า นายปานขวานฟ้าเอาดาบฟัน
ราวกับฟาดทองแดงแทงก้อนหิน หักบิ่นยู่ย่นไปจนกั่น
แม้กระดูกก็ไม่หักแต่สักอัน คงกระพันชาตรีดีทั่วกาย
ตาหลอว่าคุณพ่อพ่อพลายขา อ้ายเพชรกล้าคนนี้ดีใจหาย
จะฟันแทงสักเท่าไรก็ไม่ตาย ยังนอนหายใจอยู่ดูพิกล
ขุนแผนร้องว่าอย่ามี่ฉาว เฮ้ยพวกเราเอาหลาวทะลวงก้น
ถึงมาดแม้นอยู่ยงมันคงทน แยงให้จนถึงคอคงมรณา
ตาหลอกับตารักยืนหยักรั้ง พวยทะลึ่งตึงตังเข้าแก้ผ้า
นายโม้กับนายเม้าเอาหลาวมา ผ่าทวารเข้าปร๊อดตลอดตัว
หลายคนช่วยกันดันกระดอก เอาไม้ตอกกังกังกระทั่งหัว
หน้าเผือดเลือดแดงดังแทงวัว ถูกรูรั่วเลือดราดลงดาษดิน ฯ
๏ พวกโยธาบรรดาที่เหลือตาย บ้างหลบลี้หนีหายเข้าป่าสิ้น
พวกม้าเร็วรีบตะบึงถึงบุรินทร์ บอกระบิลแสนท้าวเหล่าพระยา
ว่าสาธุโยธาทั้งห้าทัพ ตายยับสิ้นแล้วพระเจ้าข้า
เหล่าพวกที่หลบลี้มิมรณา ไม่ทราบว่ามาได้สักเท่าไร ฯ
๏ ท่านผู้ใหญ่ได้ฟังพวกม้าเร็ว เอาผ้ากราบคาดเอวหาช้าไม่
วิ่งมางกงกด้วยตกใจ ตรงเข้าในท้องพระโรงรจนา
เห็นจอมนคเรศเกศเชียงอินท์ สถิตแท่นมณีนิลข้างฝ่ายหน้า
อำมาตย์หมอบยอบกรานคลานเข้ามา วันทาทูลพลันในทันใด
ว่าเพชรกล้าสอยดาวท้าวกรุงกาฬ ทหารปราบเมืองแมนทั้งนายไพร
ยกออกไปรบรับกับพวกไทย บรรลัยย่อยยับอัปรา
พวกทหารน้อยใหญ่ทั้งไพร่นาย ที่เหลือตายหลบลี้หนีเข้าป่า
ยังแตกซ่านซ่อนเร้นไม่เห็นมา ไม่ทราบว่ามากน้อยกี่ร้อยคน ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินท์ปิ่นนคเรศ ได้ฟังเหตุว่าทัพนั้นยับป่น
ดังพระกาลจะผลาญให้วายชนม์ พระพักตร์หม่นหมองสลดระทดใจ
แต่มานะกษัตริย์ตรัสประภาษ ประกาศสั่งเสนาทั้งน้อยใหญ่
ให้เร่งรัดจัดรักษาซึ่งเวียงชัย ให้ตั้งค่ายรายไปรอบพารา
ปิดทวารทั้งนั้นให้มั่นคง ลงเขื่อนไม้แก่นให้แน่นหนา
ปืนหามแล่นเอาจุกทุกเสมา คาบศิลาใส่ตับลำดับไว้
ที่ขอบค่ายนั้นให้รายปืนจ่ารง ที่ช่องตรงประตูกลางวางปืนใหญ่
เอาปะขาวกวาดวัดทั้งฉัตรชัย จุกใส่ให้ทุกช่องทวารา
บนทวารกำแพงข้างด้านใต้ จงเอาซุงแขวนไว้ให้หนักหนา
แม้นข้าศึกฮึกโหมโจมเข้ามา เอามีดพร้าตัดทับให้ยับไป
ในกำแพงถากถางหนทางเดิน แถวถนนบนเชิงเทินให้กว้างใหญ่
ที่ตรงหว่างวางปืนกองฟืนไฟ คั่วกรวดทรายไว้ให้ทุกกอง
ให้กรมเมืองร้องป่าวชาวประชา ผู้ดีไพร่ให้เข้ามาทุกบ้านช่อง
นั่งยามตามไฟเที่ยวสอดมอง ตีฆ้องตรวจตระเวนกะเกณฑ์กัน
ผลัดกันลุกปลุกกันนั่งระวังไฟ ถ้าเกิดขึ้นเรือนใครจะอาสัญ
เหล่าบ้านนอกกำแพงทุกแห่งนั้น ให้ผ่อนผันคนมาในธานี
สระบ่อท่อธารบ้านของใคร ขุดไขน้ำเข้าให้เต็มที่
ข้าวปลานาไร่ของใครมี ให้ขนมาไว้ที่นี่สิ้นทั้งนั้น
แต่บรรดาแสนท้าวเหล่าเพี้ยกวาน คอยระวังการงานให้แข็งขัน
ถ้าศึกเข้าด้านใครอย่าไว้มัน เอาไปฟันเสียบเสียให้สาใจ ฯ
๏ ครานั้นแสนท้าวเหล่าพระยา รับสั่งออกมาหาช้าไม่
อื้ออึงเอะอะกะเกณฑ์ไป ลากปืนใหญ่จุกจ้องช่องประตู
ให้กรมเมืองร้องป่าวชาวประชา ทั้งชายหญิงวิ่งมาเป็นหมู่หมู่
บ้างตั้งค่ายรายรอบที่ขอบคู บ้างเกณฑ์คนขึ้นอยู่บนกำแพง
เอาฟืนใส่ไฟก่อเอาหม้อตั้ง คั่วกรวดทรายรายระวังไปทุกแห่ง
ให้มีสารวัตรเที่ยวจัดแจง ตีฆ้องป่องแป๋งออกรอบไป
ชุลมุนวุ่นฉาวพวกชาวบ้าน บ้างอุ้มลูกจูงหลานอยู่ขวักไขว่
เชี่ยนขันโตกพานในบ้านใคร บ้างขุดไค้ฝังดินสิ้นทั้งนั้น
ลูกแหวนรวงทองของสะอาด บ้างเย็บไถ้ใส่คาดบั้นเอวมั่น
บ้างเอาผ้าปะในไว้อิกชั้น ของสำคัญซ่อนซุกไว้ทุกคน
ที่แม่หม้ายยายแก่รำมะก้า เอาห่อผ้าใส่หนีบไว้กลีบก้น
ให้นึกกลัวพวกไทยจะไล่ค้น เอาซุกซนลงไว้ใต้พริกเกลือ
บ้างซ่อนใส่มวยผมผ้าห่มนอน บ้างซุกไว้ในหมอนซ่อนในเสื่อ
บ้างเอาชันปะไว้ใต้ท้องเรือ ไม่ให้เหลือสักนิดเอาติดไป
ที่รู้ว่าลูกผัวของตัวตาย ทั้งสาวแส้แม่หม้ายร่ำร้องไห้
ออกอัดแอแซ่เสียงทั้งเวียงชัย ด้วยกวาดกันเข้ามาไว้ในกำแพง
ข้างในวังชุลมุนกันวุ่นวาย เจ้านายทุกองค์ทรงกันแสง
ทั้งหม่อมคุณวุ่นว่อนข้อนอกแดง บ้างฝังแฝงของไว้ใต้ตึกราม ฯ
๏ ส่วนพระเจ้าเชียงอินท์ปิ่นเชียงใหม่ พูดเอาใจลูกเต้าเหล่าหม่อมหาม
อ้ายศึกนิดพวกเราเบาสงคราม เข้ารบรุมซุ่มซ่ามจึงเสียที
เฮ้ยฝีมือของกูสูคอยเบิ่ง จะลุยไล่ให้เปิงแหกป่าหนี
กับอ้ายพวกห้าร้อยน้อยเท่านี้ จะขยี้เสียให้ยับลงกับเท้า
จะร้องไห้ทำไมให้เป็นลาง ทัพขุนนางฤๅจะสู้กูเป็นเจ้า
ถ้าขืนจะรุกรานบ้านเมืองเรา ระดมเอาเสียสักวันก็บรรลัย
พระตรัสพลางทางเสด็จออกข้างหน้า ประกาศสั่งเสนาทั้งน้อยใหญ่
ให้เร่งรัดจัดเตรียมให้พร้อมไว้ เอาเชียงใหม่เป็นค่ายได้สำคัญ
ถ้าแม้นมันบุกตะบึงถึงบุรี อย่าเพ่อออกต่อตีให้ตั้งมั่น
ข้างเรามีข้าวปลาสารพัน พวกมันนั้นจะได้อะไรกิน
เหล่าบ้านนอกธานีมียุ้งข้าว เอาไฟเผายุ้งฉางล้างให้สิ้น
ตัดกำลังพวกไอ้ใจทมิฬ มันจะบินไปข้างไหนได้เห็นกัน
พอเสบียงเลี้ยงท้องมันหมดตัว จึงออกไปจิกหัวเอาดาบหั่น
อ้ายศึกสักหยิบมือไม่ครือครัน พวกเราทำเสียไม่ทันจะพริบตา ฯ
๏ ครานั้นเสนีสี่จตุสดมภ์ ถวายบังคมเห็นชอบกันพร้อมหน้า
ซึ่งพระองค์ทรงดำริตริตรา คงสมดังบัญชาทุกประการ
จะมีชัยอาศัยเพราะเสบียง ตัดลำเลียงเสียให้หมดอดอาหาร
ข้าวตากมันจะมีกี่ทะนาน หมดข้าวสารก็จะสิ้นกำลังลง
ถึงโดยมันมาล้อมเราอ้อมนอก อย่าให้ออกไปหาเสบียงส่ง
ไม่กี่วันก็จะวิ่งเป็นชิงธง คอยสกัดปากดงคงได้ตัว
ไม่พักต้องรบรับขับเคี่ยว โห่สักเกรียวก็จะบุกเที่ยวซุกหัว
อ้ายห้าร้อยเป็นเชลยมันเคยกลัว จับเป็นเอาให้ทั่วทั้งไพร่นาย
แต่บรรดาเพี้ยกวานท่านผู้ใหญ่ ปรึกษาเห็นพร้อมใจสิ้นทั้งหลาย
ออกมานั่งสั่งความตามอุบาย เอากำแพงเป็นค่ายรายเขื่อนคู ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ