ตอนที่ ๒๕ เจ้าล้านช้างถวายนางสร้อยทองแก่พระพันวษา

๏ บทนี้ข้าจะยกไว้ก่อน จะกล่าวกลอนให้เรื่องเนื่องไปใหม่
มาข้าจะกล่าวบทไป ถึงพระเจ้าพิชัยเชียงอินท์
เสด็จยังพระที่นั่งบัลลังก์รัตน์ พร้อมอนงค์นางกษัตริย์อันเฉิดฉิน
น้อมเศียรหมอบเฝ้าเจ้าธรณินทร์ รวยรื่นชื่นกลิ่นบำรุงใจ
แต่ละหน้าหน้านวลควรจะรัก ผ่องพักตร์เป็นที่พิสมัย
เกล้าผมนมนางงามวิไล อำไพผิวผ่องเพียงขวัญตา
แซมดอกไม้ไหวใส่ช้อง ห่มตาดริ้วทองกรองหน้า
พลบคํ่ายํ่าฆ้องสนธยา เสด็จมาเข้าที่บรรทมพลัน
มโหรีปี่พาทย์ก็ขับกล่อม พริ้งพร้อมบรรเลงดังเพลงสวรรค์
ฝ่ายว่าพระองค์ผู้ทรงธรรม์ ใฝ่ฝันนิ่งนึกคะนึงใน
ได้ทราบข่าวกล่าวความนั้นฟุ้งเฟื่อง ฦๅเลื่องทั้งนครขจรไหว
ถึงโฉมนางสร้อยทองต้องพระทัย พึ่งรุ่นจำเริญวัยสิบห้าปี
เป็นบุตรีศรีเมืองเจ้าล้านช้าง นางอื่นร้อยเอ็ดบุรีศรี
จะเปรียบถึงนางได้ก็ไม่มี ทรงศรีเลิศลํ้าวิไลนาง
ทำไฉนจะได้สมรมิตร มาเชยชิดแนบน้องประคองข้าง
จะมีสาราไปว่านาง ขอพระเจ้าล้านช้างแต่โดยดี
ฤๅจะยกจัตุรงคโยธา ไปห้อมล้อมพาราบุรีศรี
ชิงเอาองค์พระราชบุตรี จะได้ด้วยร้ายดีประการใด
แต่ดำริตริความอยู่เรรวน ปั่นป่วนหาเป็นบรรทมไม่
ให้แค้นขุ่นวุ่นวายในพระทัย ตรึกไปในราษราตรี
กรก่ายพระวิลาศพาดพักตร์ ถึงเรื่องรักจักไฉนฉะนี้นี่
จะยักย้ายถ่ายเทเล่ห์ใดดี ไม่เห็นทีที่จะได้องค์นางมา
ทรงดำริตริไปพระทัยคิด ชอบผิดยังไม่มีที่ปรึกษา
ระงับไว้ในประถมยามมา ล่วงเวลาจนรุ่งพระสุริยัน ฯ
๏ บ้วนพระโอษฐ์สรงพระพักตร์จำรัสแผ้ว ครั้นแล้วทรงพระแสงฉายฉัน
เสด็จออกยังท้องพระโรงคัล สั่งเสนาพลันในทันที
แต่บรรดาข้าเฝ้าทั้งน้อยใหญ่ เร่งให้ไปหาเข้ามานี่
ตำรวจรับสั่งพลันอัญชลี ต่างวิ่งเป็นสิงคลีแยกย้ายไป
เจ้าคุณขาเร็วหาเข้าไปเฝ้า ราชการหนักเบาหารู้ไม่
กริ้วอยู่ให้หาจะช้าไป อย่านอนใจแล้วก็พากันรีบมา
ครั้นถึงลับแลแล้วเยี่ยมมอง พระสุรเสียงตรัสก้องขนลุกฉ่า
ถวายบังคมพร้อมกันคลานเข้ามา ภาวนาบึกบึกนึกในใจ ฯ
๏ ครั้นถึงบังคมลงพร้อมกัน พระทรงธรรม์ปรึกษาหาช้าไม่
มานั่งพร้อมหน้าเสนาใน ใครเห็นผิดชอบให้ว่ามา
บัดนี้ลูกสาวเจ้าล้านช้าง ชื่อนางสร้อยทองเสนหา
ทำกะไรจึงจะได้นางมา ฤๅจะแต่งสาราเป็นไมตรี
ไปกล่าวขอตามอย่างทางกษัตริย์ เห็นจะขัดแข็งไว้ฉันใดนี่
ฤๅจะยกจัตุรงคโยธี ไปล้อมบุรีชิงเอามา
ใจความข้อยคิดเป็นสองอย่าง ใครเห็นบ้างอย่างไรให้เร่งว่า
จะเห็นฉันใดให้ว่ามา ปรึกษากันดูให้เห็นดี ฯ
๏ แสนท้าวพระยาลาวก็รับสั่ง พร้อมพรั่งหมอบเฝ้าอยู่ในที่
ปรึกษากันพลันในทันที ตามมีในพระราชชงคา
อุปฮาดแสนหลวงก็เห็นพร้อม ที่ผู้น้อยพลอยดอมลงพร้อมหน้า
ลงชื่อจดหมายรายตัวมา พร้อมหน้ากราบทูลขึ้นทันใด
ข้าพเจ้าอุปฮาดพญาแมน กับแสนท้าวกรุงการทหารใหญ่
ทั้งเพี้ยกันจีมีฤทธิไกร เสนาผู้ใหญ่เห็นพร้อมกัน
อันทรงพระดำริครั้งนี้ ด้วยพระราชบุตรีล้านช้างนั่น
เขาก็เป็นเชื้อกษัตริย์อยู่เหมือนกัน ไปเว้าท่านเสียก่อนแต่โดยดี
จึงจะถูกตามทางอย่างกษัตริย์ ถ้าว่าขัดมิให้ให้รู้ที่
จึงจะค่อยยกพหลมนตรี ล้อมบุรีแล้วชิงเอานางมา
ทุกประเทศธานีบุรีลาว จะมิได้กล่าวคำครหา
อันโฉมยงองค์พระราชธิดา จำจะมีสาราไปขอนาง ฯ
๏ พระองค์ทรงฟังเสนาทูล เป็นเค้ามูลเออเอาตบเพลาผาง
จึงให้แต่งสาราเป็นท่าทาง ตามอย่างพระราชไมตรี
กับเครื่องบรรณาการดอกไม้ทอง สิ่งของจัดให้ไปถ้วนถี่
เดือนหนึ่งให้ถึงพระบุรี อย่าช้าทีเร่งพากันรีบไป ฯ
๏ อุปฮาดผู้รับสั่งมาจัดแจง ตกแต่งสาราหาช้าไม่
ลงแผ่นทองพลันทันใด บรรณาการเร่งให้ขนเข้ามา
จึงจัดให้กรุงการทหารใหญ่ กับไพร่ห้าร้อยแสนเพชรกล้า
แล้วจัดแจงแต่งให้ทั้งอาชา คุมเครื่องบรรณาการไป
เสร็จสรรพแล้วกลับมากราบทูล นเรนทร์สูรเชียงอินท์ผู้เป็นใหญ่
บรรยายข้อความตามมีไป ชอบพระทัยแล้วก็สั่งให้ไปพลัน ฯ
๏ ฝ่ายท้าวกรุงการแสนเพชรกล้า ถวายบังคมลาขมีขมัน
ออกมาขึ้นม้าได้พร้อมกัน กับสิ่งของทั้งนั้นก็รีบไป
ขึ้นม้าลงแซ่สะบัดย่าง วิ่งผางหาพักอาชาไม่
ตะวันเย็นหยุดม้าหาฟืนไฟ กินแล้วรีบไปสามยามนอน
เช้าตรู่ตีสิบเอ็ดพากันไป น้องเพลหยุดไพร่หุงข้าวก่อน
กินแล้วขึ้นม้าพากันจร ดึกนอนเช้าไปไม่รั้งรา
สิบวันถึงด่านเมืองล้านช้าง เอาบอกวางชาวด่านมาพร้อมหน้า
ให้กินข้าวชาวด่านก็คุมมา เจ็ดวันถึงพาราล้านช้างพลัน
ลงม้าพากันเข้าในเมือง คุมเครื่องบรรณาการกับสารนั่น
อุปฮาดแสนหลวงทั้งปวงนั้น พร้อมกันอยู่ในหน้าพระลานชัย
วางบอกตามเรื่องพระราชสาร เพี้ยกวานพร้อมพรั่งนั่งไสว
แจ้งเรื่องบอกพลันทันใด พากันไปที่เฝ้าเจ้าธานี ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระเจ้าล้านช้าง สถิตอยู่ในปรางค์ปราสาทศรี
เสวยสุขทุกข์ภัยมิได้มี พร้อมสนมนารีประจำงาน
ล้วนเอกองค์หมื่นอนงค์นางกษัตริย์ อยู่งานพัดหมอบดาษในราชฐาน
บ้างเชิญเครื่องเนื่องแลวิไลลาน ดังนางในวิมานเมืองอินทร์
รูปทรงส่งสัณฐานรื่นรวย บ้างเกล้ามวยแซมดอกไม้ใส่ปิ่น
แวดล้อมพระองค์ทรงธรณินทร์ รวยกลิ่นเฟื่องฟุ้งจรุงใจ
หมอบกลาดดาษเฝ้าลออพักตร์ จำเริญรักเป็นที่พิสมัย
บ้างห่มขลิบริ้วทองกรองใน สอดสีแลวิไลละลานตา
งามกรอ่อนช้อยเมื่อคลานเฝ้า งามเกล้าผมสูงดูสมหน้า
พระสุริย์ฉายบ่ายคล้อยได้เวลา เสด็จมาที่สรงชลธาร
ชำระสระสรงทรงสุคนธ์ เครื่องต้นปนปรุงหอมหวาน
ทรงเครื่องเรืององค์อลงการ ออกท้องพระโรงธารทันใด
เสด็จเหนือพระที่นั่งเนาวรัตน์ ภายใต้เศวตฉัตรสูงใหญ่
ตรัสประภาษราชกิจในเวียงชัย เสนาในทูลเรื่องเนื่องมา
ทรงพระสรวลสำราญพระหฤทัย ข้าเฝ้าน้อยใหญ่อยู่พร้อมหน้า
เพี้ยผู้ใหญ่อธิบดีมีปัญญา ก้มหน้าแล้วกราบบังคมพลัน
ขอเดชะชีวิตอยู่ใต้บาท พระอิศราธิราชรังสรรค์
ควรมิควรพระองค์ผู้ทรงธรรม์ เชียงใหม่นั้นบัดนี้มีสารมา
ให้ราชทูตถือสารมากับของ ดอกไม้ทองบรรณาการมากหนักหนา
ให้คุมไว้ยังมิได้พาเข้ามา แล้วอ่านสาราถวายพลัน ฯ
๏ ในเรื่องราวลักษณราชสาร พระผู้ผ่านเชียงใหม่มไหศวรรย์
ทรงพระนามเชียงอินท์ปิ่นกำนัล ครองขัณฑเสมาธานินทร์
เป็นหลักปักโลกทั้งโกฏิแสน ทุกด้าวแดนย่อท้อไม่ต่อสิ้น
ระอาทั่วกลัวฤทธิทั้งแผ่นดิน ทั่วถิ่นทุกประเทศธานี
ทั้งกรุงนาคนะหุตมงกุฎภพ เลิศลบทั่วโลกราศี
ทั้งสองกรุงบำรุงธรณี พระเกียรตินั้นก็มีเสมอกัน
ได้ทราบข่าวกล่าวโฉมพระธิดา ว่าโสภาพริ้งเพริศเฉิดฉัน
พร้อมทั้งสุริวงศ์พงศ์พันธุ์ ควรมอบไอศวรรย์เป็นคู่ครอง
มาดอื่นหมื่นกษัตริย์ร้อยประเทศ ไม่ควรคู่เยาวเรศภิรมย์สอง
ไม่สมพักตร์ต่ำศักดิกว่าละออง จะเศร้าหมองเสื่อมสิ้นพระเดชา
จะขอองค์พระธิดาดวงเนตร เยาวเรศไปไว้เป็นฝ่ายขวา
ขอประทานสร้อยทองละอองตา ไปเป็นบาทบริจาเจ้าเชียงอินท์
ถ้าทราบสารแม้นประทานดวงสมร สองนครจะเป็นสุขเกษมสิ้น
ตะพานเงินทองมาถึงธานินทร์ สิ้นสารแล้วก็กราบลงสามลา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟัง แค้นคั่งพระทัยเป็นหนักหนา
กระทืบบาทผาดเสียงประเปรี้ยงมา ท้าวพระยาฟังดูอยู่พร้อมกัน
ทั้งลูกเมียก็มีอยู่อักนิษฐ ลูกเรากระจิริดมาหมายมั่น
ช่างโอหังฟังเล่นได้เห็นกัน มิสำคัญอยู่ว่าดีมีสารมา
เป็นกษัตริย์ตรัสไม่พิเคราะห์ก่อน ช่างไม่กลัวราษฎรเขาจะว่า
น่าหัวช่างไม่กลัวความนินทา ด้านหน้ามาขอลูกสาวกู
แล้วตรัสประภาษปรึกษาไป ผู้ใหญ่ที่นั่งฟังดูหรู
ว่าเล่นเจรจาข้ามหน้ากู พร้อมกันอยู่เร่งยกกองทัพไป
กูจะไปล้อมเมืองอ้ายเชียงอินท์ ฆ่าเสียให้สิ้นไม่ไว้ได้
อ้ายผู้ถือสารามานั้นไซร้ เร่งเอาไปตัดหัวเสียบประจาน
ตรัสกริ้วกระทืบพระบาทา จับพระแสงเงื้อง่าจะสังหาร
สนั่นก้องทั่วท้องพระโรงธาร เพี้ยกวานภาวนาพึมพำไป ฯ
๏ ฝ่ายว่าอุปฮาดก็กราบทูล ขอพระนเรนทร์สูรผู้เป็นใหญ่
งดก่อนผ่อนไว้ในพระทัย อันพระเจ้าเชียงใหม่ให้สารมา
อย่าเพ่อทรงพระโกรธพิโรธนัก ไม่ควรจักฆ่าทูตให้สังขาร์
เป็นแต่ข้าของท่านท่านใช้มา ทุกประเทศจะนินทาไม่ควรการ
ชอบสั่งให้กลับไปยังเมือง ยักเยื้องโต้ตอบราชสาร
อย่าตัดพ้อแต่พอเป็นประมาณ ปานกลางว่านางยังไม่ควร
เยาว์อยู่ไม่ควรคู่เสมอพักตร์ ไม่หาญหักเห็นจะไว้พระทัยหวน
จะเจือใจว่าเราไว้อาลัยครวญ จึงค่อยประมวลรี้พลเข้าโจมตี
อันเมืองเชียงใหม่กระจ้อยร่อย ดังหิ่งห้อยเทียมแสงพระสุริย์ศรี
ไม่ครันมือครือฟัดเป็นภัศม์ธุลี ไม่ช้าทีตีประเดี๋ยวก็ได้การ
ไว้เป็นพนักงานเกล้ากระหม่อม เพี้ยกวานเห็นพร้อมเหล่าทหาร
มิให้เคืองเบื้องบาทบทมาลย์ ขอเดชะมีสารนั้นตอบไป ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ฟังเหตุก็สงบพระทัยได้
ให้แต่งสารพลันทันใด คืนไปทั้งเครื่องบรรณาการ
ส่วนราชทูตให้ประทานของ รางวัลเงินทองทั้งคาวหวาน
เหล้าข้าวเป็ดไก่ชัยบาน ประทานของแล้วสั่งให้กลับไป ฯ
๏ ราชทูตประนมบังคมลา ออกมาทิมดาบหาช้าไม่
ขนของขึ้นม้าพากันไป ควบขับอาชาไนยเร่งรีบมา
ดั้นดัดลัดป่าพนาสัณฑ์ สิบห้าวันถึงเชียงใหม่มิได้ช้า
เอาบรรณาการกับสารที่ตอบมา เรียนเพี้ยพระยาโดยฉับพลัน
ครั้นถึงเวลาในทันใด พากันเข้าไปขมีขมัน
บรรณาการตั้งหน้าพระลานพลัน แล้วพากันเข้าพระโรงทันใด ฯ
๏ พอเสด็จออกท้องพระโรงธาร เพี้ยกวานหมอบราบกราบไสว
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงชัย มีสารไปล้านช้างนั้นตอบมา
ในลักษณสารเจ้าล้านช้าง บิดานางสร้อยทองเสนหา
แจ้งสารเชียงใหม่ที่ให้มา ว่าขอองค์พระธิดาเยาวมาลย์
ซึ่งพระเจ้าเชียงอินท์เป็นใหญ่ ต้องพระทัยธิดายอดสงสาร
อันโฉมยงองค์สร้อยสุดามาลย์ ยุพาพาลพึ่งได้สิบห้าปี
ยังไม่ควรสู่สมอุปภิเษก เป็นองค์เอกอรรคราชมเหสี
ไม่คลาศแม่แหห่างสักราตรี ยังเด็กอยู่ดูไม่ดีในพระทัย
ทุกประเทศธานินทร์จะหมิ่นทั่ว เรากลัวครหาจะว่าได้
ดอกไม้ทองสิ่งของถวายไป นั้นคืนให้แก่พระเจ้าเชียงอินท์
ค่อยค่อยก็จะเป็นอะไรมี ดีกว่าอย่าให้ลาวเขากล่าวฉิน
จงแจ้งใจตอบไปถึงเชียงอินท์ อ่านสิ้นเสร็จสารบังคมลง ฯ
๏ เชียงอินท์ทรงฟังพระราชสาร ดำริการว่ากล่าวเป็นสูงส่ง
เป็นยลแยบแอบอำคำไม่ตรง แล้วทรงพระดำริประภาษไป
เราได้ไปขอเป็นไมตรี โดยดีมิยกลูกสาวให้
จะยกพหลสกลไกร ถ้ารบกันฟันให้เป็นภัศม์ธุลี
ล้อมเมืองหํ้าหั่นฟันฆ่า รับองค์พระธิดามารศรี
สร้อยทองมาไว้ในบุรี ตรัสแล้วเข้าที่ข้างในพลัน ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ทรงธรณินทร์ เป็นปิ่นล้านช้างไอศวรรย์
เสด็จเหนือแท่นแก้วแพรวพรรณ เดือดดั้นพระทัยอยู่ไปมา
ด้วยถ้อยคำเชียงอินท์ช่างว่าได้ อ้ายเชียงใหม่โอหังนี้หนักหนา
เดือดร้อนในพระทัยไปมา เรียกมเหสีโสภาแล้วตรัสความ
บัดนี้เชียงใหม่ให้สารมา ขอสร้อยทองเสนหาไปเป็นห้าม
พี่ตอบสารว่าไปเป็นใจความ ว่ากันแต่ตามโดยดี
ว่าลูกเรายังเด็กเล็กนัก ไม่ควรจักภิรมย์สมศรี
ถ้าละไว้นานไปภัยจะมี จะมาล้อมบุรีตีเอาเมือง
แก้วพี่จะคิดฉันใด อันกรุงไทยเกียรติยศนั้นฟุ้งเฟื่อง
จะพึ่งพาอาศัยเห็นไม่เคือง เขาฤๅเลื่องทรงธรรม์อยุธยา
อานุภาพปราบไปในทศทิศ ฦๅฤทธิทุกประเทศภาษา
เราถวายสร้อยทองพระธิดา ถึงเชียงใหม่ยกมาก็รบกัน
ทหารอยุธยาจะมาช่วย ไม่ทิ้งเราให้ม้วยอาสัญ
ด้วยพระองค์ทรงยศอยู่ในธรรม์ จะคิดกันฉันใดให้ว่ามา ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมนางเกสร ยอกรประนมก้มเกศา
นางดำริตริความแล้วทูลมา พระบัญชาตรัสชอบด้วยเหตุมี
อันเจ้าเชียงใหม่นี้ฮึกฮัก อาจองทะนงศักดิสูงศรี
อันพระเจ้าอยุธยาธานี ไม่มีข่าวร้ายระคายพาล
ประเวณีต้นไม้ตายเพราะลูก เราฝังปลูกเสียให้เป็นแก่นสาร
อันนางสร้อยทองเยาวมาลย์ จำจะมีราชสารถวายไป
ให้ขึ้นมารับองค์พระธิดา แต่งการวิวาห์เสียจงได้
ถ้าละไว้ช้าทีจะมีภัย พระดำรินั้นไซร้ก็เห็นควร ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ เลิศลบล้านช้างก็แย้มสรวล
ได้ทรงทราบกราบทูลก็เห็นควร โดยด่วนเสด็จมาหน้ามุขพลัน
ตรัสสั่งอุปฮาดแสนหลวง เสนาทั้งปวงขมีขมัน
หมอบกลาดดาษเฝ้าบังคมคัล เร่งจัดสรรเครื่องราชบรรณาการ
ทั้งแผ่นทองจารึกเรื่องถวาย บรรยายข้อความสองสถาน
ว่าเราถวายเอกองค์นงคราญ สู่โพธิสมภารณะกรุงไทย
อนึ่งเจ้าเชียงอินท์ก็ให้สาร ขอองค์เยาวมาลย์เราไม่ให้
อิกเครื่องบรรณาการทั้งนั้นไซร้ ถวายพระเจ้ากรุงไกรอยุธยา ฯ
๏ อำมาตย์รับสั่งแล้ววางวิ่ง จัดสิ่งบรรณาการนั้นหนักหนา
แผ่นทองทำจำลองซึ่งสารา ทั้งช้างม้าไพร่พลมนตรี
เสร็จสรรพกราบทูลพระทรงภพ เลิศลบล้านช้างบุรีศรี
พระดำรัสตรัสสั่งไปทันที บรรณาการทั้งนี้ไปกรุงไทย ฯ
๏ อำมาตย์รับสั่งบังคมลา คลานถอยออกมาหาช้าไม่
ลงเรือข้ามส่งล่องลงไป ถึงท่าใหญ่ปากโมงทันที
ขึ้นม้าแล้วก็พากันรีบไป ดั้นดัดลัดไพรพนาศรี
ข้ามป่าฝ่าทุ่งมุ่งจรลี ถึงคีรีเขาศาลล่วงด่านไป
พักม้ากินหญ้าพอหายเหนื่อย ลมเฉื่อยขึ้นม้าหาช้าไม่
หยุดร้อนนอนป่าพนาลัย มาได้สามหมอรีบต่อมา
ถึงลำพาชีรี่ออกทาง ชักม้าสะบัดย่างมากลางป่า
ถึงบ้านด่านโคราชสีมา เข้าหาชาวบ้านด่านหมื่นไวย
แจ้งความตามเรื่องราชสาร ชาวด่านพามาไม่ช้าได้
ตัดตรงลงโคราชทันใด ผูกม้าพักไว้เข้าในเมือง ฯ
๏ ครั้นถึงจึงขึ้นศาลากลาง เอาบอกวางกรมการตามเรื่อง
พวกลาวคุมไว้ที่ในเมือง สิ่งของกับเครื่องบรรณาการ
ผู้รั้งสั่งให้จัดซึ่งที่อยู่ เลี้ยงดูพวกเหล่าชาวทหาร
ให้กินเหล้าข้าวนํ้าสำราญ เปรี้ยวหวานสุขเกษมเปรมใจ ฯ
๏ ฝ่ายเจ้าเมืองโคราชกรมการ แจ้งความตามสารหาช้าไม่
เขียนบอกลงพลันทันใด สั่งให้พวกไทยนั้นถือมา
แจ้งความตามเรื่องที่ในสาร ว่าเพี้ยกวานพวกลาวมาหนักหนา
นำสิ่งดอกไม้ทองของบรรณา ถวายพระเจ้าอยุธยากรุงไทย
รองปลัดผู้ถือหนังสือบอก จัดแจงดาบหอกทั้งบ่าวไพร่
เร่งรีบขึ้นม้าอาชาไนย ดั้นดัดลัดไพรพนาลี
ถึงภูเขาลาดเดินพาดมา สูงเนินโคกพญาหยุดม้าขี่
เหนื่อยนักให้พักพาชี เพลาบ่ายได้ที่ขึ้นม้าไป
ข้ามเขาเขื่อนลั่นดัดดั้นมา รีบขับอาชาหาช้าไม่
ตัดตรงเข้าดงพญาไฟ ห้าคืนมาได้แก่งคอยพลัน
พลบคํ่าอาบน้ำแล้วกินข้าว รุ่งเช้าขึ้นม้าผายผัน
รีบเร่งตะเบงมาไม่ช้าพลัน หกคืนเจ็ดวันถึงบุรี
เอาบอกวางเวรมหาดไทย แจ้งเนื้อความไปเป็นถ้วนถี่
นายเวรพาเรียนท่านจักรี ตามที่มีบอกโคราชมา
ฝ่ายว่าขุนนางผู้น้อยใหญ่ แจ้งในใบบอกแล้วปรึกษา
ว่าล้านช้างเขาถวายของบรรณา แล้วก็พาไปเฝ้าพระทรงธรรม์ ฯ
๏ ครานั้นพระผู้ผ่านนัคเรศ มงกุฎเกศกรุงไกรไอศวรรย์
สถิตในปรางค์แก้วแพรวพรรณ เกษมสันต์สุโขโอฬาร์
เสวยสุขแสนสนุกสำราญรื่น ดาษดื่นหมื่นสนมเสนอหน้า
หมอบกลาดดาษเฝ้าเจ้านัครา โสภาเลิศล้ำวิไลวรรณ
ทรงภูษาผ้าต้นพรรณราย มงกุฎเก็จเพชรพรายฉายฉัน
สร้อยประดับทับทรวงพวงสุวรรณ ทรงพระขรรค์ยุรยาตรคลาศไคล
พระทวารดาลลั่นกระทั่งแตร ประโคมแซ่ฆ้องกลองปี่ไฉน
กลองแขกปี่ชวาจ้าแจ้วไป ขุนนางตกใจคึกคักกัน
เจ้าพระยาแลพระยาตามตำแหน่ง ผู้น้อยนั่งแอบแฝงลับแลกั้น
ให้สงบลงสิจิจุกัน บ้างตัวสั่นก้มหน้าภาวนาไป
เสด็จรูดม่านกร่างขุนนางกราบ อกวาบดังเพลิงพระกาลไหม้
ตรัสประภาษเห็นสบายค่อยคลายใจ ใครมีเค้ามูลก็ทูลพลัน
น้ำท่าฟ้าฝนสะดวกดี ข้าวปรังนาปีเกษมสันต์
ราษฎรเป็นสุขอยู่ทุกวัน บรรยายถี่ถ้วนทรงพระสรวลฮา
เจ้าพระยาราชสีห์ก็กราบทูล ขอพระอนุกูลโปรดเกศา
บัดนี้มีบอกโคราชมา ว่าพวกลาวดั้นป่ามาถึงเมือง
เป็นข้าของพระเจ้าล้านช้าง มีสารถวายนางมาตามเรื่อง
บรรณาการพานทองนองเนือง ให้ยับยั้งอยู่เมืองราชสีมา
ทูลความตามบอกเมืองโคราช ทราบบาทสมเด็จพระพันวษา
ให้ทราบความตามเรื่องที่มีมา ยังเบื้องบาทาพระทรงธรรม์ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ เลิศลบปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
ผินพระพักตร์ตรัสปรึกษาเสนาพลัน พร้อมกันจะเห็นประการใด
ต่างเมืองเขามาถวายนาง จะเห็นจริงอยู่บ้างฤๅหาไม่
ฤๅกลศึกนึกแหนงควรแคลงใจ ใครเห็นอย่างไรให้ว่ามา ฯ
๏ เจ้าพระยาพระหลวงก็รับสั่ง พร้อมพรั่งประนมก้มเกศา
กราบทูลพระองค์ทรงศักดา ซึ่งล้านช้างให้มาในครั้งนี้
เห็นจะไม่เป็นทางล่อลวง ถวายดวงสุดามารศรี
ด้วยหวังใจจะได้พึ่งพระบารมี ควรที่จะให้ไปรับมา ฯ
๏ พระองค์ทรงฟังเห็นสมควร ทรงพระสรวลพระทัยให้หรรษา
เฮ้ยตำรวจในอย่าได้ช้า ขึ้นไปพาราโคราชพลัน
รับราชทูตถือสารมา กับพลโยธาทั้งปวงนั่น
บรรณาการพานทองสิ่งของนั้น จัดเรือรับกันล้วนดีดี ฯ
๏ ฝ่ายราชามาตย์ก็รับสั่ง ถอยหลังคลานออกมาจากที่
จัดเรือดั้งกันทันที ฝีพายลงเรือพายเฝือไป
คืนหนึ่งมาถึงท่าราบ ไพร่หาบคานสอดหาช้าไม่
ขึ้นบกยกเดินมาในไพร ห้าคืนเข้าในโคราชพลัน
วางตราว่าความตามที่ กรมการอึงมี่เป็นจ้าละหวั่น
ตามส่งสิ่งของทองรูปพรรณ พร้อมกันช้างม้าก็คลาไคล
ถึงท่าพากันมาลงเรือ พลพายพายเฝือหาหยุดไม่
เตือนกันวุ่นวายเร่งพายไป มาได้คืนหนึ่งถึงบุรี
พอเรือจอดทอดประทับรับราชสาร ผู้คนอลหม่านอึงมี่
เชิญราชสารใส่พานทันที กลองตีประโคมแห่โหมไป
ถึงที่เชิญขึ้นไปบนหอ อาลักษณ์รับต่อท่านผู้ใหญ่
ให้แปลราชสารเป็นคำไทย ต้องในสำเนาทุกประการ
แล้วจัดแจงแต่งจวนให้ทูตอยู่ เลี้ยงดูปรีดิ์เปรมเกษมสานต์
เหล้าข้าวเป็ดไก่ชัยบาน เลี้ยงโต๊ะประทานทุกทุกวัน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ครองนิเวศน์อยุธยาเกษมสันต์
เสด็จออกเสนาข้างหน้าพลัน ข้าราชการทั้งนั้นก็เข้าไป
พร้อมแล้วถวายอภิวาท บังคมบาทพระองค์ผู้เป็นใหญ่
หมอบกลาดดาษเฝ้าพระภูวไนย ตามตำแหน่งน้อยใหญ่เคยเฝ้ามา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพระยาราชสีห์ ยอกรอัญชลีเหนือเกศา
กราบทูลขึ้นพลันมิทันช้า อันชีวาอยู่ใต้บทมาลย์
ซึ่งโปรดให้ไปยังเมืองโคราช จมื่นราชามาตย์กับทหาร
รับทูตกับเครื่องบรรณาการ พระราชสารมาอยุธยา
ถึงแล้วให้หยุดยับยั้งอยู่ เลี้ยงดูพิทักษ์รักษา
แล้วทูลความตามสารที่มีมา ให้ทราบใต้บาทาพระทรงธรรม์ ฯ
๏ ในสารพระผู้ผ่านนิเวศน์เวียง พิภพเพียงสมบัติไอศวรรย์
กรุงนาคนะหุตผู้สัจธรรม์ บังคมคัลยังพระเจ้าอยุธยา
อันเป็นใหญ่อยู่ในเศวตฉัตร สูงกว่ากษัตริย์ทุกทิศา
ขอถวายเครื่องสุวรรณบรรณามา ยังศรีอยุธยาพระนคร
ด้วยระบือฦๅเกียรติพระทรงเดช ทุกประเทศเกรงหมดสยดสยอน
ปกเกล้าเหล่าฝูงประชากร ราษฎรทวยหาญสำราญใจ
หนึ่งพระองค์นั้นทรงทศพิธ ครองธรรมสุจริตเป็นใหญ่
อันพระเจ้าล้านช้างวางพระทัย จะขอพระเดชปกไว้คุ้มวันตาย
ขอถวายพระธิดาเป็นข้าบาท พระอิศราธิราชเรืองฉาย
สืบกษัตริย์อันประเสริฐเพริศพราย เกล้ากระหม่อมยอมถวายบังคมไป
แต่องค์นางนั้นยังไม่ส่งมา กลางป่าหาไว้พระทัยไม่
เกลือกจะมีโจรป่ามาในไพร ชิงไว้จะเสียซึ่งท่วงที
ขอทหารในกรุงอยุธยา มารับพระธิดามารศรี
เห็นอันตรายสิ่งใดจะไม่มี จะล่วงตีชิงนางที่กลางไพร
อนึ่งจะเรืองพระเกียรติยศ ปรากฏฟุ้งเฟื่องเมืองเหนือใต้
คำคนจะระบือฦๅไป ว่ากรุงไทยไปรับพระบุตรี
ถ้าแม้นไม่ต้องพระประสงค์ ให้ตอบราชสารส่งไปตามที่
ขอฝากพระธิดานารี กับตัวเราเท่านี้กว่าจะตาย
ความนี้มิใช่เป็นกลศึก อย่าทรงนึกระแวงแหนงหน่าย
เรากษัตริย์ตรัสแล้วไม่กลับกลาย อ่านถวายทราบสิ้นทุกประการ ฯ
๏ ครานั้นพระผู้ผ่านบุรีศรี อยุธยาธานีราชฐาน
ได้ทรงฟังแล้วก็สั่งมิทันนาน ให้เตรียมการที่จะรับแขกเมือง
เกณฑ์ทหารอาสาหน้าหลัง จัดแจงแต่งวังตั้งเครื่อง
ให้ผูกช้างม้าสง่าเมือง แล้วย่างเยื้องเสด็จขึ้นข้างในพลัน ฯ
๏ ครานั้นฝ่ายว่ากรมวัง รับสั่งรีบมาขมีขมัน
นายเวรเขียนหมายในฉับพลัน เกณฑ์กันตามตำแหน่งแต่ก่อนมา
เบิกธนูโล่เขนง้าวทวน ตามกระบวนกลาบาตซ้ายขวา
พนักงานของใครให้เข้ามา พอเพลารุ่งเช้าให้พร้อมกัน
เหล่าทหารถ้วนมือถืออาวุธ ครบสิ่งสรรพยุทธหลายหลั่น
แน่นเนื่องเป็นขนัดถัดกัน จัดสรรตามขนบธรรมเนียมมา
เหล่าหนึ่งถือธนูอยู่เป็นพวก นุ่งกางเกงใส่หมวกเกี้ยวผ้า
ล้อมวังถือดั้งนั่งเนื่องมา บ้างถือดาบพาดบ่าเกี้ยวผ้าลาย
เหล่าทวนถือทวนดูสันทัด เกณฑ์หัดถือปืนก็มากหลาย
เสื้อแดงหมวกแดงแต่งกาย บ้างถือเขนนั่งรายล้วนตัวดี
เกณฑ์หัดอย่างฝรั่งนั่งเป็นพวก ใส่เสื้อใส่หมวกอยู่ตามที่
ถือปืนปลายหอกทุกบอกมี ตัวดีแม่นยำทำท่าทาง
กลองชนะแตรสังข์ตั้งเป็นพวก กางเกงริ้วใส่หมวกคนละอย่าง
ผู้คนสับสนตามหนทาง ต่างต่างย้ายแยกแปลกแปลกกัน
ในห้องท้องพระโรงนั้นพรมลาด เอี่ยมสะอาดฉากตั้งบังม่านกั้น
ตั้งเครื่องสูงมาหน้าม่านนั้น ชุมสายรายคั่นกันต่อมา
บรรณาการของถวายหลายหลาก ตั้งไว้หน้าฉากเป็นหนักหนา
ที่นั่งตามตำแหน่งแขกเมืองมา ตรงหน้าพระที่นั่งพระทรงธรรม์
มหาดเล็กชาวที่มี่เข้ามา แต่งตัวนุ่งผ้าเป็นจ้าละหวั่น
ขุนนางน้อยใหญ่เข้าไปพลัน จัดกันตามตำแหน่งแต่ก่อนมา
นุ่งสมปักใส่เสื้อครุยกรอง เจียดถมพานทองตั้งข้างหน้า
จัตุสดมภ์เวียงวังคลังนา ตำรวจในซ้ายขวาก็เข้าไป
แขกฝรั่งก็ประดังกันแต่งตัว โพกหัวเสื้อขลิบจีบเอวใส่
เจียระบาดคาดรองปั้นเหน่งใน ต่างไปเป็นศรีพระพารา
นับหมื่นพื้นทหารชำนาญศึก เหี้ยมฮึกเข้ากระบวนอยู่ถ้วนหน้า
ตั้งปะรำยืนช้างกลางชาลา ทั้งม้าต้นพระที่นั่งสะพรั่งไป
จัดเป็นหน้าหลังนั่งกลาบาต เกลื่อนกลาดตามหน้าพระลานใหญ่
แขกฝรั่งจีนจามนั่งหลามไป เตรียมไว้ตามมีพระบัญชา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ทรงพิภพ เลิศลบกว่ากษัตริย์ทุกแหล่งหล้า
เสด็จเข้าที่สรงพระคงคา ปทุมทองธาราไหลริน
ชำระรดหมดหมองละอองผง แล้วทรงพระสุคนธ์กลั้วกลิ่น
ทรงภูษายกกระหนกบิน เป็นครุฑคาบนาคินทร์กระหวัดพัน
ฉลององค์ทรงครุยเครือลดา ก้านขดรจนาฉายฉัน
ลายทองกรองรับสลับพัน เป็นเครือวัลย์พื้นฉลุดอกลอย
ทรงพระแสงองค์ใหญ่ใจเพชร มีสายกาละเม็ดพู่ห้อย
ด้ามประดับเพชรรัตน์จำรัสพร้อย ระยับย้อยวับวามอร่ามพราย
เสด็จออกพระที่นั่งมุขกระสัน ประดับแก้วแกมสุวรรณเฉิดฉาย
กลองชนะแตรสังข์ตั้งราย จ่ากลองท้าถวายเชิญเสด็จพลัน
พนักงานพระสูตรก็รูดม่าน ขุนนางอลหม่านอยู่ตัวสั่น
ราชมนูก็ชูพุ่มสุวรรณ แตรสังข์ดังลั่นประโคมไป
ข้าราชการน้อยใหญ่ก็หมอบราบ ก้มเกล้าลงกราบหาช้าไม่
มีพระโองการพลันทันใด สั่งให้ไปหาแขกเมืองมา ฯ
๏ พระอำมาตย์รับพระราชโองการ สั่งราชาบาลให้ไปหา
ตำรวจในวิ่งไขว่กันไปมา พนักงานก็พาเข้าเฝ้าพลัน
ถึงหน้าพระที่นั่งต่างบังคม ยอกรประนมอยู่ตัวสั่น
กราบถวายบังคมลงพร้อมกัน หมอบเฝ้าเป็นหลั่นอันดับมา
หลวงราชนิกูลทูลเบิกพลัน ขอเดชะทรงธรรม์โปรดเกศา
บัดนี้ราชทูตนั้นเข้ามา เฝ้าเบื้องบาทาพระทรงธรรม์ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ชำเลืองพระเนตรผายผัน
เห็นราชทูตมาถวายบังคมคัล กับทั้งเครื่องสุวรรณบรรณา
จึงตรัสประภาษปราศรัย มาในป่าไม้ใบหนา
กี่วันจึงถึงพระพารา มรรคายากง่ายประการใด
อนึ่งกรุงนาคบุรี ข้าวกล้านาดีฤๅไฉน
ฤๅฝนแล้งข้าวแพงมีภัย ศึกเสือเหนือใต้สงบดี
ทั้งองค์พระเจ้าเวียงจันทน์ ทรงธรรม์เป็นสุขเกษมศรี
ไม่มีโรคายายี อยู่ดีฤๅอย่างไรในเวียงจันทน์ ฯ
๏ ราชทูตสนองพระโองการ ขอเดชะพระผู้ผ่านมไหศวรรย์
มรคามาสะดวกสี่สิบวัน เมืองนั้นเป็นสุขไม่มีภัย
ข้าวปลานาปรังยังตั้งต้น เป็นผลหาขาดหาแคลนไม่
ศึกเสี้ยนศัตรูหมู่ภัย มิได้กระชิดติดพารา
พระองค์ผู้ครองนัคเรศ พระเดชฟุ้งเฟื่องทุกทิศา
ทรงธรรม์เป็นสุขทุกเวลา มิได้มีโรคามายายี ฯ
๏ ปางพระองค์ทรงทราบที่กราบทูล นเรนทร์สูรปรีดิ์เปรมเกษมศรี
พระราชทานเสื้อผ้าแพรดี ทั้งที่อยู่สำราญบานใจ
ครั้นถ้วนคำรบครบเจ็ดวัน เสนาพร้อมกันหมอบไสว
ตรัสสั่งราชทูตให้กลับไป เกณฑ์ไพร่ห้าร้อยในทันที
ให้พระท้ายนํ้านั้นคุมไป จัดของตอบให้ไปตามที่
แพรพรรณเงินทองของดีดี พระที่นั่งกิริณีหลังคาทอง
กับทั้งสุวรรณลิขิต อย่าให้ผิดถ้อยคำทำเศร้าหมอง
หอกง้าวหลาวแหลนทวนทอง ป้องกันอย่าให้มีอันตราย ฯ
๏ ผู้รับสั่งถอยหลังออกจากเฝ้า เกณฑ์เหล่าอาสามามากหลาย
บรรณาการของประเสริฐเพริศพราย ช้างม้าพรรณรายมณีดี
หอกง้าวหลาวแหลนปืนไฟ แต่งไปทั้งพระราชสารศรี
แล้วกราบทูลพลันทันที มีพระราชโองการให้ยกไป ฯ
๏ ฝ่ายว่าราชทูตพระท้ายนํ้า ยกพลคลาคลํ่าจากกรุงใหญ่
ช้างม้าพากันเดินดาษไป ยิงปืนไฟโห่ร้องกึกก้องมา
พลบคํ่าตั้งค่ายรายขวาก ลากขอนสุมไฟที่ในป่า
เช้าไปคํ่ายั้งไม่รั้งรา มาได้เดือนหนึ่งกับสิบวัน
ถึงกรุงศรีสัตนาหน้าบุรี ให้หยุดโยธีแข็งขัน
ยับยั้งอยู่ฟากพานพร้าวพลัน ให้เพี้ยสุวรรณบัตรไป
อุปฮาดแสนหลวงก็ทักถาม แจ้งความมีมาแต่เมืองใต้
เสด็จออกพระโรงคัลทันใด พร้อมในที่เฝ้าพระทรงธรรม์ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ชำเลืองพระเนตรผายผัน
เห็นเพี้ยสุวรรณบัตรพลัน พระพักตร์แจ่มดังจันทร์จำรัสฟ้า
เออเอ็งลงไปถึงเมืองใต้ ได้การอย่างไรให้เร่งว่า
อนึ่งพระเจ้ากรุงอยุธยา ปราศรัยดีร้ายประการใด
เพี้ยสุวรรณบัตรได้รับสั่ง บังคมทูลมาหาช้าไม่
พระเจ้าอยุธยาพาราไทย ปราศรัยถามถึงพระบาทา
แล้วให้ประทานรางวัล เสื้อผ้าแพรพรรณเป็นหนักหนา
ให้พระท้ายน้ำนำพลมา ถวายราชบรรณาแล้วรับนาง ฯ
๏ ทรงฟังดังน้ำอัมฤตรส ซึ่งเพี้ยทูลปรากฏไม่อางขนาง
จึงดำรัสตรัสสั่งเสนาพลาง ให้ปลูกโรงในหว่างข้างศาลา
สำหรับจะรับพระท้ายน้ำ กับไพร่พลที่นำมาหนักหนา
สั่งวิเสทให้แต่งโภชนา เลี้ยงดูโยธาพวกกรุงไทย
ผันพระพักตร์มาสั่งอุปฮาด จงจัดแจงรับราชทูตใต้
สั่งพลางย่างเยื้องเข้าปรางค์ใน สถิตยังแท่นวิไลหิรัญยวง ฯ
๏ ครานั้นเสนาผู้รับสั่ง จึงเกณฑ์ทั้งตำรวจใหญ่ไพร่หลวง
ให้ทำโรงตามรับสั่งสิ้นทั้งปวง แล้วเสร็จไม่ล่วงสามราตรี
ฝ่ายว่าอุปฮาดก็บาตรหมาย เกณฑ์ฝีพายพร้อมพรั่งทั้งเรือศรี
เป็นหลายลำจํ้าข้ามฟากวารี ถึงที่พานพร้าวเข้าทันใด
จึงเชิญพระท้ายนํ้าให้นำพล จรดลมาหมดทั้งนายไพร่
ถึงวังยับยั้งศาลาลัย วิเสทในยกโภชนามา
เลี้ยงเป็นเหล่าเหล่าลาวคอยชี้ ข้าวเหนียวหักหลังดีไม่เมื่อยขา
แจ่วห้าแจ่วหกยกออกมา ทั้งน้ำยาปลาคลุกหนมจีนพลัน
น้ำพริกลูกหมากมาดไข่ปลาบึก ข้อยนึกทำให้แซบเป็นหยังซั่น
เลี้ยงแล้วสำเร็จเสร็จพลัน พากันมาอยู่โรงแขกเมือง ฯ
๏ ครานั้นพระเจ้ากรุงล้านช้าง สำอางพระองค์แล้วทรงเครื่อง
เสด็จออกท้องพระโรงอร่ามเรือง เสนาเนื่องเฝ้าแหนออกแน่นไป
สั่งให้เบิกพระท้ายนํ้ามา ตำรวจลาวสักขาวิ่งออกไขว่
มาถึงบอกพลันทันใด เชิญเจ้าคุณเข้าไปพระโรงคัล ฯ
๏ ครานั้นพระท้ายน้ำสั่งบ่าวไพร่ ขนบรรณาการไปขมีขมัน
เข้าไปเฝ้าองค์ท้าวเจ้าเวียงจันทน์ ถวายสารอภิวันท์เจ้าพารา
เพี้ยกวานรับประณตบทมาลย์ แล้วคลี่ราชสารออกอ่านว่า
ในลักษณลิขิตอิศรา พระทรงภพอยุธยาธานี
ซึ่งสถิตในเศวตฉัตรชั้น ปราสาทสุวรรณอันเรืองศรี
ทราบว่ากรุงนาคนะหุตนี้ จะถวายบุตรีวิลาวัณย์
ในพระทัยใสโสมนัสนัก จะได้เฉลิมลักษณ์ภิเษกสรรค์
เป็นอรรคมเหษีร่วมที่กัน ให้มารับจอมขวัญนั้นลงไป ฯ
๏ ครั้นอ่านเสร็จสิ้นสารศรี เพี้ยกวานอัญชลีประนมไหว้
พระท้ายนํ้าก็ทูลไปทันใด บรรณาการนั้นไซร้นานา
รับสั่งให้ถวายเบื้องบาท พระผู้ดำรงราชย์นาถา
ทูลแล้วเสร็จพลันวันทา คอยฟังบัญชาพระทรงธรรม์ ฯ
๏ ครานั้นพระผู้ผ่านนาคนะหุต มีพระทัยใสสุดเกษมสันต์
จึงตรัสแก่พระท้ายน้ำพลัน สิบห้าวันเราจะส่งนางลงไป
ตรัสพลางทางเสด็จยุรยาตร ขึ้นจากพระโรงราชวินิจฉัย
พระท้ายน้ำบังคมลาคลาไคล ไปอยู่ในที่ประทับยับยั้งพล ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ