ตอนที่ ๓๒ ถวายนางสร้อยทอง สร้อยฟ้า

๏ ครานั้นขุนแผนแสนเสนี ถึงกรุงศรีชื่นชมสมหมาย
จึงปรึกษาหารือกับลูกชาย ให้ผู้คนทั้งหลายทั้งลาวไทย
ไปจอดนาวาที่ท่าคั่น อยู่ด้วยกันกับเรือเจ้าเชียงใหม่
ส่วนเรือประเทียบทองทั้งสองไซร้ ให้เข้าไปจอดท่าวาสุกรี
แล้วสั่งขุนหมื่นพนักงาน ประจำชานพระฉนวนเป็นถ้วนถี่
เสร็จพลันชวนกันจรลี เข้าไปที่ศาลาลูกขุนใน
กราบเรียนเจ้าพระยาจักรี ว่าบัดนี้กระบวนเรือทั้งน้อยใหญ่
รับนางมาถึงซึ่งกรุงไกร ทั้งตัวเจ้าเชียงใหม่ก็เอามา
แต่พวกครัวลาวเป็นชาวไพร มอบไว้เมืองพิจิตรนั้นหนักหนา
ทั้งวัวควายเกวียนต่างแลช้างม้า เครื่องสาตราอาวุธสารพัน
ครั้นจะให้รวบรวมเอาลงมา ก็เกรงจะชักช้าจึงผ่อนผัน
ให้ยับยั้งคอยฟังตราสำคัญ พณหัวเจ้าทั่นจะบัญชา
อนึ่งพวกลาวชาวเวียงจันทน์ ที่มาส่งนางนั้นสามร้อยกว่า
รับแต่กึงกำกงนั้นลงมา แล้วแต่พระกรุณาจะโปรดปราน ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพระยาจักรี ฟังคดีปรีดิ์เปรมเกษมสานต์
ให้จดความตามบอกมิทันนาน จะได้อ่านกราบทูลพระกรุณา
แล้วยิ้มย่องหันหน้ามาชมเชย เจ้าเอ๋ยไม่เสียทีที่อาสา
เจ้าพ่อลูกสองคนพ้นปัญญา ช่างแกล้วกล้าศึกเสือเหลือประมาณ
สักอึดใจได้เมืองเชียงใหม่สิ้น ทั้งแผ่นดินเราเห็นเป็นยอดทหาร
ได้ดังพระประสงค์คงโปรดปราน บำเหน็จบำนาญจะรวยด้วยความดี
แล้วเรียกนครบาลมาบอกกล่าว ท่านจงจำเจ้าลาวไว้ตามที่
ด้วยเป็นโทษยังไม่โปรดในคดี กว่าจะมีรับสั่งพระทรงธรรม์ ฯ
๏ ครานั้นท่านเจ้ากรมยมราช ก็จัดแจงเพชฌฆาตที่เข้มขัน
โจมใจอาจฟาดใจกล้าทะลวงฟัน ราชมัลยิ่งยวดตำรวจใน
ถือหวายอ้ายถนัดมัดเท่าแขน คาดราตคดแน่นทั้งนายไพร่
เอาโซ่ตรวนขื่อคามาทันใด ตำแหน่งใครใครก็ไปไม่รอรั้ง
เอาเครื่องจำจำจองเจ้าเชียงใหม่ นายไพร่นั่งห้อมล้อมหน้าหลัง
งำเมืองเพชรปาณีเสียงมี่ดัง ราชศักดิ์ปลัดวังเกณฑ์กันมา ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงอินท์สิ้นความคิด ดังชีวิตจะม้วยดับสังขาร์
หวาดหวั่นพรั่นตัวกลัวอาญา ตกประหม่าหน้าซีดสลดใจ
แลเห็นเพชฌฆาตราชมัล สำคัญว่าชีวิตหารอดไม่
เหงื่อกาฬซ่านทั่วทั้งตัวไป ทอดอาลัยก้มหน้าไม่พาที ฯ
๏ ครั้นสายแสงอโณทัยได้เวลา ฝ่ายท่านเจ้าพระยาราชสีห์
ทั้งเจ้าพระยามหาเสนาบดี จตุสดมภ์กรมทั้งสี่ก็เข้าวัง
ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือน กล่นเกลื่อนซ้ายขวามาพร้อมพรั่ง
ท่านจักรีเข้าไปถึงในวัง จึงสั่งขุนแผนกับลูกชาย
เจ้าคอยท่าอยู่หน้าพระโรงทอง เราจะกราบทูลฉลองเรื่องถวาย
ให้ทรงทราบอนุสนธิ์ต้นปลาย แล้วจะเบิกสองนายเฝ้าบาทบงสุ์
พระองค์คงจะรับสั่งถาม ถึงการณรงค์สงครามตามประสงค์
จะตรองตรึกนึกไว้ให้ทุกกระทง อย่าลืมหลงเค้ามูลทูลความจริง
เรารำคาญแต่ฝ่ายพระท้ายน้ำ ด้วยว่าทำต้องตำหนิตริกริ่ง
หากแต่ได้ชัยชนะพอพะพิง จงรอนิ่งอยู่ที่ทิมริมประตู
ครั้นว่าจวนเวลาพวกข้าเฝ้า ต่างก็เข้าไปคอยทุกหมวดหมู่
มหาดเล็กกรมวังพรั่งพรู เข้าสู่พระโรงชัยอันไพบูลย์ ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ดำรงโลก ระงับโศกราษฎรให้ร้อนสูญ
เนาในปรางค์รัตน์จำรัสจรูญ เพิ่มพูนสุขาสถาพร
ล้วนเหล่าสาวสนมกำนัลนาง เคียงข้างพระแท่นบรรจถรณ์
พอสุริย์ฉายสายส่องช่องบัญชร บทจรจากห้องบรรทมพลัน
เสด็จสู่ที่ทรงสรงสนาน สุคนธารหอมฟุ้งทั้งปรุงกลั่น
ทรงภูษาพื้นแดงแย่งสุบรรณ รัดพระองค์ดวงกุดั่นเด่นมณี
พระหัตถ์ซ้ายทรงพระขรรค์อันบวร บทจรออกจากข้างในที่
นางเชิญเครื่องเนื่องตามจรลี พระภูมีออกพระโรงรัตนา
ประทับพระที่นั่งบัลลังก์อาสน์ งามดังเทวราชตรัยตรึงศา
ให้เบิกหมู่ข้าเฝ้าท้าวพระยา เข้ามาในท้องพระโรงชัย
เจ้าพระยาพระหลวงกระทรวงการ คุกคลานพรั่งพรูดูไสว
เข้าเฝ้าพระองค์ทรงภพไตร บังคมไหว้แล้วก็หมอบอยู่พร้อมกัน ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพระยาจักรี อัญชลีทูลไปทันใดนั่น
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงธรรม์ ชีวันอยู่ใต้พระบาทา
ขุนแผนพลายงามที่ไปทัพ ยกกลับจัตุรงค์มาถึงท่า
คุมเรือประเทียบทองทั้งสองมา ทั้งพระยาเชียงใหม่ใจฉกรรจ์
ได้เงินทองของส่วนพัทยา เงินตราเบ็ดเสร็จเจ็ดสิบกำปั่น
ครัวลาวได้มารวมห้าพัน แต่สกรรจ์พันร้อยห้าสิบคน
ปืนใหญ่สองร้อยน้อยสามพัน ทวนนั้นพันถ้วนล้วนพู่ขน
ดาบเชลยพันสองเป็นของพล ดาบโรงแสงต้นห้าร้อยปลาย
ช้างสามร้อยห้าม้าแปดร้อย โคกระบือใหญ่น้อยนั้นมากหลาย
ทั้งนายไพร่ไม่เป็นอันตราย สบายด้วยเดชะพระบารมี
อันตัวเจ้าเชียงใหม่ใจพาล ให้จำไว้ห้าประการตามที่
ควรมิควรฉันใดในคดี แล้วแต่พระภูมีจะโปรดปราน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงศักดิ ปิ่นปักอยุธยามหาสถาน
ฟังทูลเรื่องขุนแผนแสนสำราญ ดังได้ผ่านเมืองสวรรค์ชั้นโสฬส
อ้ายเชียงอินท์ดูหมิ่นกูหนักหนา วันนี้จะดูหน้าให้ปรากฏ
มันอวดดีเป็นไรไม่ไว้ยศ พอได้ตัวหัวหดไปทันใด
การสงครามครั้งนี้มิใช่เล่น พิเคราะห์ไปก็เห็นเป็นศึกใหญ่
เพราะเรื่องมันยุ่งยากลำบากใจ มิใช่ไปรบราอย่างสามัญ
ด้วยมันจับพวกเราเอาไปไว้ รู้ว่าไปก็คงฆ่าเสียอาสัญ
อ้ายพ่อลูกเล็ดลอดดอดไปทัน แก้กันว่องไวได้คนเรา
กับอนึ่งถึงกระบวนที่รบพุ่ง ถ้ามัวมุ่งล้อมเมืองก็เปลืองเปล่า
จะฆ่าฟันมันอย่างไรให้บางเบา มันมากมายหลายเท่าเราที่ไป
อ้ายพ่อลูกมันดีที่กลศึก ลอบสะอึกเข้าไปจับเจ้าเชียงใหม่
เหมือนตัดต้นสาเหตุเภทภัย พอจับได้ก็เสร็จสำเร็จการ
ต้องยกย่องว่าดีมีความชอบ ควรประกอบยศศักดิอรรคฐาน
จงเรียกตัวมันมาอย่าได้นาน อ้ายหน้าด้านท้ายน้ำก็เอามา ฯ
๏ ครานั้นท่านเจ้าคุณได้รับสั่ง เหลียวบอกตำรวจวังที่อยู่หน้า
เรียกท้ายน้ำขุนแผนแสนศักดา กับลูกยาพลายงามทั้งสามคน
ตำรวจวังคลานคล้อยถอยออกมา แจ้งกิจจาขุนแผนนั้นเป็นต้น
ว่าพระจอมนรินทร์ปิ่นภูวดล ให้หาท่านสามคนในบัดนี้ ฯ
๏ ขุนแผนกับลูกชายพลายงาม ได้ฟังความปรีดิ์เปรมเกษมศรี
นุ่งสมปักเข้าพลันในทันที รีบรี่มายังท้องพระโรงชัย
น่าสงสารแต่ฝ่ายพระท้ายน้ำ ได้ยินคำกรมวังดังจับไข้
ผลัดสมปักตัวสั่นพรั่นฤทัย เผลอไผลตามมาละล้าละลัง
ขุนแผนพลายงามเข้ามาก่อน พระท้ายน้ำค่อยผ่อนมาทีหลัง
กราบกรานคลานตามตำรวจวัง ต่างหมอบชม้อยคอยฟังพระบัญชา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ทอดพระเนตรพ่อลูกก็หรรษา
จึงมีสีหนาทประภาษมา ดูราขุนแผนกับพลายงาม
มิเสียแรงเป็นชายชาติทหาร ชำนิชำนาญชาญชัยในสนาม
ครั้งนี้กูใช้ไปสงคราม มีไพร่ไปแต่สามสิบห้าคน
เมืองเชียงใหม่ไพร่ฟ้าก็กว่าแสน ไปไล่แล่นลุยลาวเอาแหลกป่น
ข้าศึกฮึกหาญไม่ทานทน ได้คนคืนเมืองเพราะมือมึง
ดีหนักหนากล้าจับเจ้าเชียงใหม่ มึงคิดอ่านอย่างไรเมื่อไปถึง
ไหนว่ารบมากมายที่ปลายบึง อย่าอ้ำอึ้งจงเล่าให้เข้าใจ ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสามารถ อภิวาททูลแจ้งแถลงไข
ด้วยเดชะพระองค์ทรงภพไตร จึงมีชัยได้สิ้นทั้งพารา
เกล้ากระหม่อมอาสาไปครานี้ กับทหารตัวดีสามสิบห้า
ได้อาศัยในคุณวิทยา กับบารมีพระองค์ผู้ทรงธรรม์
ขึ้นไปถึงบึงใหญ่ให้หยุดพัก ซุ่มสำนักคนผู้อยู่ที่นั่น
แล้วปรึกษายินยอมพร้อมใจกัน กระหม่อมฉันสองคนกับพลายงาม
ปลอมลาวเข้าไปสะกดคน ขึ้นบนคุกใหญ่ในยามสาม
พบพระท้ายน้ำนั้นไม่ครั่นคร้าม ทั้งนายไพร่ต่างตามกันออกมา
พวกเวียงจันทน์นั้นก็พาออกมาด้วย ช่วยกันฟันผู้คุมเสียหนักหนา
แล้วเข้าไปโรงแสงแย่งสาตรา ทั้งลักม้าโรงในได้ครบคน
แล้วไปชิงช้างงาเอามาค่าย เวลาบ่ายลาวยกมาสับสน
เกล้ากระหม่อมพร้อมกันออกประจญ ลาวป่นแตกทัพยับระยำ
ในวันนั้นกระหม่อมฉันกับพลายงาม สะกดตามเข้าวังเวลาค่ำ
จับได้เจ้าเชียงใหม่ในหอคำ ก็ยอมทำสัตย์ให้ด้วยใจจง
ขอเป็นข้าทูลละอองรองพระบาท มอบกายถวายราชย์ตามประสงค์
แต่นั้นมากิริยาก็คงตรง จงทราบเบื้องบาทบงสุ์พระทรงชัย ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จนเรนทร์สูร ฟังทูลยินดีจะมีไหน
มิเสียทีอ้ายนี่เหล่าขุนไกร ทั้งลูกหลานชาญชัยไวปัญญา
อันตัวอ้ายเถ้าเจ้าเชียงใหม่ จะปล่อยไปดอกกูไม่เข่นฆ่า
ถึงมันองอาจอหังการ์ จะว่ามันเป็นขบถก็เป็นพาล
ด้วยเมืองมันนั้นเป็นเอกเทศ อยู่นอกเขตอยุธยามหาสถาน
เมื่ออ่อนน้อมยอมถวายบรรณาการ ก็ไม่ควรล้างผลาญให้บรรลัย
ถ้าอาฆาตเอามันไปฟันฆ่า ใครจะเชื่ออยุธยาต่อไปได้
ไว้มันกลับทุจริตผิดต่อไป จึงควรให้ลงโทษถึงชีวี
อ้ายขุนแผนพลายงามมีความชอบ กูจะตอบแทนมึงให้ถึงที่
ขุนแผนให้ไปรั้งกาญจน์บุรี มีเจียดกระบี่เครื่องยศให้งดงาม
สัปทนคนโทถาดหมากทอง ช้างจำลองของประทานทั้งคานหาม
สำหรับใช้ไปณรงค์สงคราม ให้สมตามความชอบที่มีมา
ให้เป็นที่พระสุรินทฦๅชัย มไหสูรย์ภักดีมีสง่า
แล้วตรัสสั่งคลังในมิได้ช้า เติมเงินตราสิบห้าชั่งเป็นรางวัล
ทั้งเสื้อผ้าสมปักปูมส่าน พระราชทานมากมายหลายหลั่น
ส่วนอ้ายลูกชายพลายงามนั้น จะให้มันมียศปรากฏไป
ยังหนุ่มแน่นว่องไวมิใช่น้อย ควรเอาไว้ใช้สอยให้ใกล้ใกล้
จะตั้งแต่งให้มึงให้ถึงใจ ให้สมที่มีชัยได้เมืองมา
ให้เป็นจมื่นไวยวรนาถ หัวหมื่นมหาดเล็กเวรข้างฝ่ายขวา
พระราชทานเครื่องยศแลเงินตรา ปูมส่านเสื้อผ้าสารพัน
แล้วตรัสว่าอ้ายไวยพึ่งได้ดี บ้านช่องมันจะมีที่ไหนนั่น
หัวหมื่นมีแต่ตัวก็ชั่วครัน ต้องทำบ้านให้มันเสียครั้งนี้
ดูก่อนเจ้ากรมยมราช จงบาตรหมายนายอำเภอไปเหยียบที่
หาบ้านให้อ้ายไวยในบุรี ดูท่วงทีพอให้ใกล้ใกล้วัง
แล้วตรัสสั่งเจ้ากรมทหารใน ไปปลูกเหย้าเรือนให้สักห้าหลัง
ทั้งเรือนครัวรั้วรอบขอบกำบัง ให้สมกับกูตั้งเป็นหมื่นไวย ฯ
๏ เบือนพระพักตร์มาพบพระท้ายน้ำ กริ้วซ้ำดังจะฆ่าให้ตักษัย
มีพระสีหนาทประภาษไป เหม่ไอ้ท้ายน้ำมึงทำงาม
เสียแรงกูรักใคร่ให้เป็นพระ มิรู้จะขี้ขลาดชาติส่ำสาม
ให้กูหลงไว้ใจในสงคราม จนอ้ายลาวเอาไปล่ามดังผูกลิง
ช่างไม่คิดสู้มันให้พรั่นท้อ ทุดกะไรใจคอเป็นผู้หญิง
ช่างชาติชั่วสิ้นที่อัปรีย์จริง ไปนั่งนิ่งให้มันจับได้อับอาย
ถ้ามิได้ช่วยไอ้ขุนแผนรบ จะจำครบผูกเฆี่ยนเสียสองหวาย
อ้ายคนชั่วชาติข้าขายหน้านาย จงหมายถอดเป็นไพร่ใช้เฝ้าประตู ฯ
๏ แล้วตรัสสั่งเจ้ากรมตำรวจหน้า ไปเอาพระยาเชียงใหม่มานี่หรู
ส่วนพระยาธรมาก็ไปดู ให้รับสองนางสู่ที่วังใน
ตำรวจรีบมาบอกผู้รักษา พระโองการให้หาเจ้าเชียงใหม่
เข้าหิ้วปีกซ้ายขวาพาเข้าไป บังคมไหว้หมอบพรั่นสั่นสะท้าน ฯ
๏ ครานั้นพระปิ่นนรินทร์ราช มีพระสีหนาทอยู่ฉาดฉาน
เหวยพระยาเชียงใหม่น้ำใจพาล ตัวทำการไม่สมอารมณ์นึก
เข้าชิงนางจับไทยแล้วไม่หนำ ยังซ้ำมีสารมาท้าทำศึก
โทษทัณฑ์นั้นอย่างไรที่ใจฮึก อย่านิ่งนึกเร่งว่ามาบัดดล ฯ
๏ เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังพระโองการ หนาวสะท้านซ่านเสียวทุกขุมขน
เหงื่อตกอกร้อนดังเพลิงลน เหมือนจะด้นดำไปใต้พสุธา
สารภาพกราบทูลสนองไป พระทรงชัยได้โปรดเหนือเกศา
อันความผิดพลั้งแต่หลังมา ข้าพระบาทโทษถึงซึ่งชีวิต
ถ้าทรงพระกรุณาไม่ฆ่าฟัน พระราชทานโทษทัณฑ์ที่ทำผิด
ขอเป็นข้าบาทบงสุ์พระทรงฤทธิ รักษาสัตย์สุจริตจนวายปราณ
ขอถวายสมบัติกษัตรา อิกทั้งลานนามหาสถาน
ไว้ในใต้เบื้องบทมาลย์ พึ่งพระโพธิสมภารสืบต่อไป ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบตรัสตอบเจ้าเชียงใหม่
เมื่อออเจ้ารู้ตัวกลัวภัย เราจะยกโทษให้ในครั้งนี้
จะให้กลับไปครองเมืองเชียงใหม่ จงตั้งใจสัตย์ซื่อต่อกรุงศรี
ตามเยี่ยงอย่างเจ้าประเทศเขตธานี รักษาให้ไมตรีจีรังกาล
ตรัสพลางทางสั่งท่านผู้ใหญ่ ทั้งฝ่ายมหาดไทยแลทหาร
จงพาเจ้าเชียงใหม่ไปสาบาน อธิษฐานถือน้ำทำสัจจา
แล้วจัดแจงแต่งบ้านรับแขกเมือง กั้นฝาเฝืองเป็นข้างในแลข้างหน้า
ให้เป็นที่อาศัยในพารา ทั้งเจ้าข้าอย่าให้ได้เดือดร้อน
จ่ายเสบียงอาหารการกินอยู่ เครื่องเสื่อสาดลาดปูแลผ้าผ่อน
พวกบ่าวไพร่ให้มีที่หลับนอน นครบาลดูอย่าให้ใครบีฑา ฯ
๏ แล้วตรัสสั่งพลันในทันใด ยังพวกไพร่ไปทัพสามสิบห้า
ทั้งอ้ายพวกหาบหามตามโยธา เอาเงินตราผ้าให้เป็นรางวัล
แล้วให้ยกราชการงานเมือง ปลดเปลื้องหน้าที่ทุกสิ่งสรรพ์
สังกัดไว้ในอาทมาตนั้น ต่อมีทัพขับขันจึงเรียกใช้
ให้มันมีตราภูมิ์คุ้มห้ามขาด ทั้งอากรขนอนตลาดอย่าเก็บได้
ทำบาญชีมีนายหมวดกองไว้ ให้ขึ้นแก่จมื่นไวยสิ้นทั้งนั้น
ส่วนนายไพร่พวกลาวชาวล้านช้าง ที่ตามมาส่งนางสร้อยทองนั่น
จงเบิกเงินเสื้อผ้ามาให้มัน แล้วส่งไปเวียงจันทน์ทั้งไพร่นาย
ครั้นสิ้นข้อดำรัสตรัสเสร็จ พระเสด็จจรจรัลผันผาย
ขึ้นจากพระโรงคัลพรรณราย เยื้องกรายคืนเข้าปราสาทชัย ฯ
๏ ฝ่ายพระยาธรมาธิบดี มาถึงที่ประตูวังหาช้าไม่
บอกแก่ท้าวนางที่ข้างใน ให้เกณฑ์กันลงไปรับสองนาง
แล้วสั่งให้จัดสีวิกากาญจน์ ผูกม่านลายปักหักทองขวาง
พร้อมพรั่งทั้งคู่ดูสำอาง ท้าวนางเถ้าแก่แซ่กันมา
จึงเชิญนางสร้อยทองผ่องศรี ขึ้นทรงวอจรลีไปข้างหน้า
วอหลังนารีศรีสร้อยฟ้า ท้าวนางนำมายังวังใน
แล้วเร่งรัดจัดตำหนักรักษา ให้สร้อยทองสร้อยฟ้าอยู่อาศัย
มิให้อนาทรร้อนฤทัย ตั้งใจคอยรับสั่งพระทรงธรรม์ ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ทรงศักดา มิ่งมงกุฎอยุธยามหาสวรรค์
สถิตที่แท่นแก้วแกมสุวรรณ เหล่ากำนัลพระสนมประนมกร
ครั้นสิ้นแสงสุริยาภาณุมาศ พระจันทร์เคลื่อนเลื่อนราชรถร่อน
ดารารายพรายพร่างกลางอัมพร ประภัสสรแสงรื่นพื้นแผ่นดิน
สว่างไสวในวังดังเมืองสวรรค์ ด้วยแสงจันทร์นั้นส่องกระจ่างสิ้น
พระพายเฉื่อยเรื่อยพัดมารินริน พระองค์ทรงถวิลถึงสองนาง
สร้อยทองลูกของเจ้าเวียงจันทน์ เชิดชื่อฦๅลั่นมากรุงล่าง
ว่างามขำล้ำเลิศในล้านช้าง ดูหมายมาดสวาดินางทุกแดนไตร
กับอนึ่งนารีศรีสร้อยฟ้า ก็เป็นยอดธิดาเจ้าเชียงใหม่
รูปร่างจะตระการสักปานใด พระตริพลางตรัสใช้เจ้าขรัวนาย ฯ
๏ ครานั้นท่านท้าววรจันทร์ รับสั่งทรงธรรม์แล้วผันผาย
ไปบอกสองอรไทให้แต่งกาย ผัดพักตร์พรรณรายดังนวลจันทร์
กระหมวดมุ่นมวยผมดูสมพักตร์ ปิ่นปักวาวแววแก้วกุดั่น
แซมมวยด้วยบุปผาลาวัณย์ สองกรรณใส่ตุ้มหูพู่ระย้า
สวมใส่กำไลทองทั้งสองกร ธำมรงค์เรียงสลอนทั้งซ้ายขวา
นุ่งยกทองทอลออตา ห่มผ้าพื้นไหมอุไรกรอง
วิไลเลิศเฉิดฉินดังกินรี จรลีตามกันมาทั้งสอง
ขรัวนายนำนางขึ้นปรางค์ทอง เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทา
เจ้าขรัวนายบังคมประนมสนอง นางสร้อยทองหมอบเฝ้าอยู่ฝ่ายขวา
ที่น้อมกายเบื้องซ้ายข้างนี้มา คือนางสร้อยฟ้านารี ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ทอดพระเนตรรูปทรงทั้งสองศรี
น่าชมสมเป็นราชบุตรี ท่วงทีคนละอย่างดูต่างกัน
พินิจทรงสร้อยทองละอองพักตร์ นรลักษณ์งามเลิศเฉิดฉัน
ละมุนละม่อมพร้อมพริ้งทุกสิ่งอัน สมเป็นขวัญของประเทศเขตลาวกาว
ดูสงบเสงี่ยมงามทรามสวาดิ มารยาทสนิทสนมสมเป็นสาว
กระนี้ฤๅจะมิฦๅในแดนลาว จนเชียงใหม่ได้ข่าวเข้าช่วงชิง
แล้วผินพักตร์มาพิศเจ้าสร้อยฟ้า ดูจริตกิริยากระตุ้งกระติ้ง
ท่าทางท่วงทีก็ดีจริง จะเสียอยู่แต่สักสิ่งด้วยรายงอน
หูตากลอกกลมคมคายเหลือ พิศแล้วเบื่อดูได้แต่ร่อนร่อน
จะเปรียบก็เหมือนอย่างนางละคร งามงอนอ้อนแอ้นบั้นเอวกลม
เพราพริ้งเพรียวเหลือดังเรือแข่ง กล้องแกล้งพายจิบก็เจียนล่ม
ดูริมฝีปากบางลูกคางกลม เห็นลาดเลาเจ้าคารมเป็นมั่นคง
ถ้าเป็นม้าก็ม้าขึ้นระวาง ถ้าเป็นช้างก็ช้างอย่างต้องประสงค์
ถึงจะผูกเครื่องทองเป็นรองทรง ถ้าคนขี่ไม่ประจงคงเจ็บตัว
สร้อยทองลูกของเจ้าล้านช้าง ยศอย่างมารยาทจะยังชั่ว
แต่ข้างนางสร้อยฟ้าดูน่ากลัว กระซิบตรัสแก่เจ้าขรัววรจันทร์
แน่ะขรัวนายท่วงทีอีสองคน ดูชอบมาพากลฤๅไม่นั่น
สร้อยทองดูทำนองจะดีครัน สร้อยฟ้านั้นท่าทางเหมือนนางละคร
จะเอาไว้เป็นช้างระวางใน ลองใจขับขี่ดูทีก่อน
ก็นึกกลัวตัวแก่ไม่แน่นอน ฤๅจะควรผันผ่อนประการใด ฯ
๏ เจ้าขรัวนายได้ฟังรับสั่งถาม ก็ทราบความตามพระอัชฌาสัย
จึงกราบทูลพระองค์ทรงภพไตร เห็นถูกต้องตามพระทัยที่ใคร่ครวญ
นางสร้อยทองต้องลักษณะนัก นรลักษณ์งามดีถี่ถ้วน
แต่สร้อยฟ้าดูจริตกระบิดกระบวน เห็นไม่ควรที่จะเคียงพระบาทา
ดูท่าทางอย่างเรือต้องละลอก กลับกลอกกลิ้งกลมคมหนักหนา
กระหม่อมฉันเกรงจะขัดพระอัธยา เหมือนทรงม้าที่พยศต้องกดไว้
ถึงแม้ว่ารูปทรงส่งสัณฐาน จะโปรดปรานก็ไม่หย่อนผ่อนลงได้
จะเป็นเครื่องอักอ่วนกวนพระทัย มิให้เบิกบานสำราญองค์
ไม่เหมือนนางสร้อยทองผ่องศรี นั่นควรที่ยกย่องต้องประสงค์
ดูท่วงทีกิริยานั้นสมทรง ควรรองบาทบงสุ์พระทรงชัย
นางสร้อยฟ้าถ้าจะรับราชการ เพียงชั้นนางพนักงานเห็นพอได้
ขอพระองค์ผู้ทรงภพไตร จงทรงวินิจฉัยให้สมควร ฯ
๏ ครานั้นภูมินทร์บดินทร์สูร ฟังเจ้าขรัวนายทูลทรงพระสรวล
ข้าก็เบื่อคนจริตกระบิดกระบวน จึงอักอ่วนคิดไปให้ระอา
แต่จะเลี้ยงเพียงเป็นนางพนักงาน ดูก็พานต่ำต้อยจะน้อยหน้า
ด้วยมันเป็นลูกสาวท้าวพระยา ให้มีคู่สู่หาเสียเป็นไร
อย่าเลยอ้ายพลายงามมีความชอบ ได้ประกอบยศศักดิเป็นไหนไหน
พร้อมสรรพเคหาทั้งข้าไท ยังแต่ไม่มีเมียจะถือน้ำ
ได้นึกอยู่ว่าจะดูหาเมียให้ เราจะได้เลี้ยงชุบอุปถัมภ์
ปล่อยไว้ฉวยได้คนระยำ มันจะทำเสื่อมเสียวิชาดี
มันก็เป็นจมื่นไวยวรนาถ หัวหมื่นมหาดเล็กใช้อยู่ใกล้ที่
ถึงตัวเจ้าเชียงใหม่ในครั้งนี้ มันก็มีคุณรับบำรุงมา
เห็นจะไม่ขัดใจเจ้าเชียงใหม่ เราขอเขาคงให้ดังเราว่า
ให้สำเร็จเสร็จเรื่องอีสร้อยฟ้า ทั้งมีหน้ามีตาอ้ายหมื่นไวย
ดูเหมาะหมดพอสมอารมณ์หมาย เจ้าขรัวนายจะเห็นเป็นไฉน
อ้ายหมื่นไวยได้อีสร้อยฟ้าไป ก็จะได้เป็นกำลังราชการ ฯ
๏ เจ้าขรัวนายกราบก้มบังคมบาท เคารพรับพระราชบรรหาร
จึงทูลความตามกระแสพระโองการ ซึ่งประทานจมื่นไวยนั้นควรนัก
ครั้งนี้มีชัยได้เมืองลาว ฦๅข่าวทั่วหล้าอาณาจักร
ถ้าประทานสร้อยฟ้าให้สมรัก ก็จะยิ่งสามิภักดิ์พระทรงชัย ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ปิ่นปักนัคเรศเป็นใหญ่
ฟังขรัวนายทูลสนองต้องพระทัย เอออ้ายไวยมันสมกับสร้อยฟ้า
แล้วหันมาปราศรัยนางสร้อยทอง อย่าหม่นหมองจะเลี้ยงให้งามหน้า
สมเป็นราชบุตรีศรีสัตนา ซึ่งบิดายกให้ด้วยไมตรี
จึงตรัสสั่งคลังในพนักงาน ให้จัดของพระราชทานตามที่
หีบหมากทองลงยาราชาวดี เงินยี่สิบชั่งทั้งขันทอง
แหวนเรือนรังแตนทั้งแหวนงู ตุ้มหูระย้าเพชรเก็จก่อง
ผ้ายกทองยกไหมสไบกรอง ทั้งสิ่งของส่วนพี่เลี้ยงกัลยา
จัดตำหนักให้อยู่ตึกหมู่ใหญ่ ข้าไทให้เป็นสุขทุกถ้วนหน้า
แล้วตรัสปราศรัยนางสร้อยฟ้า เอ็งก็อย่าอาวรณ์ร้อนฤทัย
ถึงพ่อเอ็งจู่ลู่ให้กูโกรธ กูก็ได้ยกโทษโปรดให้
เมื่อราชการเสร็จสรรพเขากลับไป กูไซร้จะเป็นพ่อออสร้อยฟ้า
จะเลี้ยงดูมิให้ได้อายเพื่อน ถึงจะมีเหย้าเรือนไปวันหน้า
จะตกแต่งให้ดีมีหน้าตา มิให้ใครครหานินทากู
เอ็งจงยับยั้งอยู่วังใน ขรัวนายไปจัดเรือนให้มันอยู่
ฝากเจ้าขรัวนายด้วยจงช่วยดู ทั้งคนผู้บ่าวไพร่ให้สบาย
ถ้าหากมันคิดถึงพ่อแม่ ให้เถ้าแก่พาไปดังใจหมาย
รับสั่งแล้วจึงท้าวเจ้าขรัวนาย พาสร้อยฟ้าผันผายลงมาพลัน ฯ
๏ ครั้นรุ่งแสงสุริยาภาณุมาศ โอภาสพรรณรายฉายฉัน
ฝ่ายว่าพระองค์ผู้ทรงธรรม์ จรจรัลออกพระโรงรัตนา
พรั่งพร้อมเสนาข้าเฝ้า ทุกหมู่เหล่าแวดล้อมอยู่พร้อมหน้า
เจ้าเชียงใหม่พ้นพระราชอาชญา ก็เข้ามาเฝ้าเบื้องบาทบงสุ์
พระองค์ทรงดำริตริตรา ถึงขอบขัณฑสิมาโดยประสงค์
เห็นว่าเจ้าเชียงใหม่นั้นใจจง ควรให้คงยศได้ไม่เสียการ
จึงตรัสว่าฮ้าเฮ้ยเจ้าเชียงใหม่ เราจะให้กลับหลังยังสถาน
ทั้งบ่าวไพร่ชายหญิงแลศฤงคาร ตัวท่านจงคืนเอาขึ้นไป
ไปรักษาพระนิเวศน์เขตขัณฑ์ ป้องกันศึกเสือเหนือใต้
ถ้าแม้นมีปัจจามิตรมาทิศใด เหลือกำลังก็ให้บอกลงมา ฯ
๏ เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังรับสั่งโปรด ปราโมทย์ดังจะเหาะขึ้นเวหา
ก้มกราบทูลพระองค์ทรงศักดา ขอรองพระบาทากว่าจะตาย
ไปเบื้องหน้าถ้าทำให้เคืองขัด แม้นเป็นสัตย์จงประหารให้ฉิบหาย
ตัวจำนำคำรับไม่กลับกลาย ขอถวายบุตรไว้ใต้บาทา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบทรงพระสรวลสำรวลร่า
เออเจ้าเชียงใหม่ไปพารา แล้วไปมาหากันก็เป็นไร
ซึ่งลูกสาวในอกยกให้ข้า ก็ขอบใจหนักหนาเจ้าเชียงใหม่
แต่เห็นหน้าข้าก็นึกตั้งใจไว้ จะขอสร้อยฟ้าให้กับอ้ายพลาย
มันน่าชมสมกันนี่กะไร ลูกสาวเจ้าเชียงใหม่ก็เฉิดฉาย
อ้ายพลายงามความรู้ก็เลิศชาย จะได้เป็นสุขสบายทั้งสองรา
อย่าเสียใจว่าได้กับต่ำศักดิ์ อ้ายพลายงามก็รักเหมือนลูกข้า
เป็นหัวหมื่นมหาดเล็กเด็กชา จงนึกว่าเราทั้งสองเกี่ยวดองกัน ฯ
๏ เจ้าเชียงใหม่ได้ฟังรับสั่งขอ รันทดท้อฤทัยให้ไหวหวั่น
เสียดายศักดิสุริวงศ์พงศ์พันธุ์ อัดอั้นมิใคร่ออกซึ่งวาจา
นึกถึงสร้อยฟ้านิจจาเอ๋ย ไม่ควรเลยจะระคนลงปนข้า
ครั้นขัดก็จะเคืองเบื้องบาทา จึงกราบทูลพระกรุณาด้วยจำใจ
อันลูกสาวเกล้ากระหม่อมถวายขาด ไว้เป็นข้าฝ่าพระบาทจนตักษัย
ซึ่งจะพระราชทานจมื่นไวย ก็สุดแท้แต่พระทัยจะโปรดปราน
อันพระไวยคนนี้ก็มีศักดิ แหลมหลักเปรื่องปราชญ์ชาติทหาร
ต่อไปคงจะได้ราชการ กระหม่อมฉานจะได้พึ่งเพื่อนสืบไป ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบตรัสว่าเออเจ้าเชียงใหม่
แม้นมีเหตุเภทพาลประการใด จะได้ใช้ให้ออไวยไปช่วยกัน
ท่านจงคืนหลังยังพารา ญาติวงศ์คอยท่าจะโศกศัลย์
ทั้งเจ้าไพร่จงเป็นสุขทุกคืนวัน พระสั่งเสร็จจรจรัลเข้าวังใน ฯ
๏ ฝ่ายว่าเจ้าเชียงอินท์ปิ่นประชา เสด็จขึ้นกลับมาที่อาศัย
มีรับสั่งโปรดปรานประการใด ก็เล่าให้เมียแจ้งแห่งกิจจา ฯ
๏ ครานั้นนางอัปสรมเหสี ได้ฟังคดีที่ผัวว่า
ยินดีที่จะได้ไปพารา แต่ทุกข์ถึงธิดาดวงชีวัน
ให้อีไหมไปบอกเจ้าสร้อยฟ้า ให้ออกมาทันทีขมีขมัน
สร้อยฟ้าจึงลาขรัวนายพลัน เถ้าแก่โขลนนั้นกำกับมา ฯ
๏ ครั้นถึงที่สถิตของบิดร นางยอกรกราบบาททั้งซ้ายขวา
เจ้าเชียงใหม่กอดลูกแล้วโศกา ว่าพ่อแม่นี้จะลาเจ้ากลับไป
เพราะมีตัวเจ้าถวายจึงคลายเคือง ได้เมื้อเมืองเจ้าจะตกอยู่กรุงใต้
จะโปรดปรานประทานให้หมื่นไวย เหลืออาลัยอยู่แล้วแก้วพ่ออา ฯ
๏ ครานั้นสร้อยฟ้ามารศรี ฟังคดีเพียงจะดิ้นสิ้นสังขาร์
สองกรกอดบาทพระบิดา ก้มหน้าซบลงแล้วโศกี
โอ้ว่าเจ้าประคุณของลูกแก้ว จะละลูกเสียแล้วเอาตัวหนี
ถึงตกไร้ใกล้ชนกชนนี ก็พอมีเยื่อใยในใจคอ
ซึ่งยกลูกถวายถ่ายชีวิต ลูกไม่คิดบิดเบือนดอกเจ้าพ่อ
ท่านจะใช้ตักน้ำฤๅหามวอ ไม่ย่อท้อจะแทนพระคุณไป
แสนทุกข์อยู่แต่ที่จะมีผัว พระทูนหัวอกเอ๋ยหาเคยไม่
จะดูการเรือนเหย้าเขาข้างไทย จะอย่างไรก็ไม่รู้ประเพณี
ก็จะถูกติฉินยินร้าย อัปยศอดอายชาวกรุงศรี
สำหรับเขาค่อนว่าทั้งตาปี มีแต่จะอับอายขายบาทา
ประการหนึ่งผู้ซึ่งจะเป็นผัว มิใช่ตัวเขาสมัครรักใคร่ข้า
ประทานไปถ้าเขาไม่มีเมตตา ก็จะพาลด่าว่าเอาตามใจ
แม้นจะทำย่ำยีถึงตีตบ จะสู้รบหลบหนีไปไหนได้
ตัวคนเดียวตกอยู่ในหมู่ไทย จะพึ่งใครยามยากลำบากกาย
จะได้แต่ร้องไห้ไปจนม้วย แม่พ่อพอจะช่วยก็ห่างหาย
ไหนจะอยู่ไปตลอดคงวอดวาย นางฟูมฟายชลนาโศกาลัย ฯ
๏ ครานั้นเจ้าเชียงใหม่อาลัยลูก พันผูกนั่งสะท้อนถอนใจใหญ่
แข็งขืนกลืนกลั้นน้ำตาไว้ โลมเล้าเอาใจของลูกรัก
เป็นกรรมของเรานะเจ้าเอ๋ย แต่เกิดมาพ่อไม่เคยจะหาญหัก
ครั้งนี้ขัดสนจนใจนัก เจ้าเหมือนที่พึ่งพักของบิดา
ตลอดถึงวงศาคณาญาติ ประชาราษฎร์เพื่อนยากมากหนักหนา
เป็นเชลยกองทัพเขาจับมา เหมือนลูกยาช่วยให้รอดตลอดไป
ถ้าไม่มีตัวเจ้าเข้าถวาย ก็คงพากันตายอยู่เมืองใต้
นี่พอให้ไว้เนื้อเชื่อพระทัย จึงโปรดให้กลับคืนไปเมืองเรา
ซึ่งพระองค์ทรงขอให้พระไวย มิใช่พ่อพอใจจะให้เจ้า
แต่จะขัดพระดำรัสเหมือนดูเบา จึงจำยกให้เขาตามบัญชา
ข้อนี้ก็ได้มีรับสั่งแล้ว ว่าจะเลี้ยงลูกแก้วให้สมหน้า
ด้วยพระองค์ทรงพระกรุณา จงพึ่งฝ่าบาทบงสุ์พระทรงชัย
ไปวันหน้าถึงว่าจะอาดูร จะเฝ้าแหนเพ็ดทูลก็พอได้
อนึ่งที่ตัวพระจมื่นไวย เมื่อขึ้นไปย่ำยีบุรีเรา
ถึงเมื่อไปเป็นปรปักษ์จะหักหาญ ด้วยทำการถวายเจ้านายเขา
เมื่อเราอ่อนเขาก็หย่อนผ่อนให้เบา จนเลยเข้ากันเป็นมิตรสนิทมา
คงเห็นกับไมตรีมีแต่หลัง ทั้งเป็นเมียประทานพระผ่านหล้า
ถึงเกิดข้อเคืองขัดอัธยา เห็นจะไม่ตีด่าให้อับอาย
พ่อจะให้เถรขวาดฉลาดเวท เธอวิเศษฤทธีดีใจหาย
อยู่เป็นเพื่อนป้องกันอันตราย กับเพี้ยควานขนานอ้ายด้วยอิกคน
แม่เจ้าเขาคงเลือกเหล่าผู้หญิง ที่เชื่อใจได้จริงมาแต่ต้น
มอบไว้ใช้ชิดติดกับตน ถึงพ่อไปเมืองบนไม่ละเลย
อันจะเป็นแม่เหย้าเจ้าเรือน ดูให้เหมือนแม่เจ้าเถิดลูกเอ๋ย
เขาดีจริงสิ่งไรเจ้าไม่เคย ทรามเชยถามแม่ให้แน่ใจ ฯ
๏ ครานั้นนางอัปสรชนนี เรียกสร้อยฟ้านารีเข้าเรือนใหญ่
สงสารลูกโลมเล้าเอาใจ อย่าร้องไห้ไปนักนะลูกอา
เกิดมาเป็นมนุษย์ปุถุชน ความทุกข์มิได้พ้นจนสักหน้า
สุดแท้แต่กรรมที่ทำมา ถึงเวลาสิ้นสุขก็ทุกข์ไป
ถ้าถึงคราวพ้นเข็ญที่เป็นทุกข์ ก็กลับมีความสุขสืบไปใหม่
เป็นธรรมดามาฉะนี้แต่ไรไร จะหวาดหวั่นพรั่นใจไม่ต้องการ
พระพ่อได้เจ้าถวายถ่ายโทษ เหมือนเจ้าโปรดพ่อให้ได้คืนสถาน
ดังกัณหาชาลีสองกุมาร เพิ่มประโยชน์โพธิญาณพระบิดา
เป็นกุศลผลบุญอันยิ่งใหญ่ จะค้ำชูตัวไปในภายหน้า
ไม่ควรย่อท้อคิดระอิดระอา จงก้มหน้าสนองพระคุณไป
ซึ่งภูบาลจะประทานให้มีผัว เจ้าอย่ากลัวชั่วร้ายหามีไม่
เป็นสตรีมีผัวกันทั่วไป เพราะว่าเป็นวิสัยแห่งโลกีย์
ถึงเนื้อคู่อยู่ห่างต่างภาษา จนหน้าตาไม่รู้จักมักจี่
สำคัญแต่ที่ให้ได้คนดี ก็จะมีความสุขไม่ทุกข์ใจ
เหมือนเช่นพระอุณรุทนางอุษา ก็อยู่ห่างต่างพาราเป็นไหนไหน
หลับอยู่เทวดาพาอุ้มไป ยังรักใคร่ปรองดองทั้งสองรา
ถึงตัวแม่เมื่อสาวคราวพวยพุ่ง ก็อยู่เวียงเชียงตุงไกลหนักหนา
พระปู่เถ้าเจ้าเชียงใหม่ไปขอมา พึ่งเห็นหน้าพ่อเจ้าต่อวันงาน
ถึงพ่อเจ้าเล่าก็ไม่ได้เห็นแม่ ได้ยินแต่ว่ารูปทรงส่งสัณฐาน
ยังอยู่ด้วยกันมาเป็นช้านาน มิได้มีร้าวรานประการใด
ด้วยวิสัยในการประเวณี ย่อมอยู่ที่ดวงจิตพิสมัย
พอถึงกันก็ประหวัดกำหนัดใน แต่พอได้รู้รสก็หมดกลัว
ยิ่งหนุ่มสาวคราวแรกภิรมย์รัก พอประจักษ์ได้เสียเป็นเมียผัว
มักหลงใหลคลึงเคล้าเฝ้าพันพัว ราวกับตัวขึ้นสวรรค์ชั้นตรัยตรึงศ์
เมื่อแรกแรกร่วมเรียงเคียงเขนย อย่ากลัวเลยจะพิโรธโกรธขึ้ง
ต่อนานวันว่างวายคลายเคล้าคลึง นั่นแลจึงจะได้รู้ดูใจกัน
วิสัยชายคล้ายกับคชสาร ถ้าหมอควาญรู้ทีดีขยัน
แต่ทว่าบางยกตกน้ำมัน ต้องรู้จักผ่อนผันจึงเป็นเพลง
ธรรมดาสตรีที่มีผัว ต้องเกรงยำจำกลัวผัวข่มเหง
เพราะถ้าผัวตัวนั้นยังคุ้มเกรง ถึงคนอื่นครื้นเครงมิเป็นไร
ถ้าผัวทิ้งคนเดียวเปลี่ยวอนาถ เหมือนสิ้นชาติสิ้นเชื้อที่เนื้อไข
หญิงที่ผัวทิ้งขว้างห่างเหไป จะเข้าไหนเขากระหยิ่มมักยิ้มเยาะ
ถึงจะหาลูกผัวแก้ตัวใหม่ ก็ยากนักจักได้ที่มั่นเหมาะ
ด้วยสิ้นพรหมจารีที่จำเพาะ เหมือนไส้กลวงด้วงเจาะรังเกียจกัน
ด้วยเหตุนี้มีผัวอย่ามัวประมาท ถ้าพลั้งพลาดเพียงชีวาจะอาสัญ
ต้องเอาใจสามีทุกวี่วัน ให้ผัวนั้นเมตตาอย่าจืดจาง
จงเคารพนบนอบต่อสามี กิริยาพาทีอย่าอางขนาง
จะยั่วยวนฤๅว่าที่มีระคาง ไว้ให้ว่างคนผู้อยู่ที่ลับ
สังเกตดูอย่างไรชอบใจผัว ทั้งอยู่กินสิ้นทั่วทุกสิ่งสรรพ
ทำให้ได้อย่าให้ต้องบังคับ เป็นแม่เรือนเขาจึงนับว่าดีจริง
อันเป็นเมียจะให้ชอบใจผัว สิ่งสำคัญนั้นก็ตัวของผู้หญิง
ทำให้ผัวถูกใจไม่มีทิ้ง ยังมีอีกสิ่งก็อาหารตระการใจ
ถ้ารู้จักประกอบให้ชอบลิ้น ถึงแก่สิ้นเพราพริ้งไม่ทิ้งได้
คงต้องง้อขอกินทุกวันไป จงใส่ใจจัดหาสารพัน
เป็นต้นต้มตีนหมูให้ชูรส ไข่ไก่สดปลาต้มยำทำขยัน
ตับเหล็กสันในแลไข่ดัน หั่นให้ชิ้นเล็กเล็กเหมือนเจ๊กทำ
พยายามเลี้ยงดูให้ชูใจ ถึงจะมีเมียใหม่ให้คมขำ
เสน่ห์ปลายจวักไม่รู้จักทำ หลงใหลไม่กี่น้ำก็จำคลาย
พ่อเจ้ามีห้ามสักสามร้อย เป็นไรไม่หลุดลอยไปง่ายง่าย
ปะสาวสาวเข้าก็ซมหลงงมงาย แต่พอหน่ายก็แพ้แม่ทุกที
ทำไมกับสาวสาวอีลาวเคอะ ถึงจะสวยมันก็เซอะดังซากผี
ยังชมว่าท่านยายแยบคายดี มิได้มีเหมือนแม่จนแก่ชรา
อันเป็นหญิงสุดแต่สิ่งปรนนิบัติ ใครสันทัดผัวก็รักเป็นหนักหนา
แม้นเจ้าทำเหมือนคำของมารดา ดีกว่ายาแฝดฝังทั้งตาปี ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมนางสร้อยฟ้า รับคำมารดาใส่เกศี
เจ้าแม่ไปขอให้สวัสดี ถึงปีแล้วจงใช้ให้คนมา
ให้แจ้งข่าวเจ้าประคุณว่าเป็นสุข ก็จะสบายคลายทุกข์ของตัวข้า
สั่งพลางต่างองค์ทรงโศกา เพียงว่าจะสิ้นสมประดี ฯ
๏ ครั้นสุริย์ฉายบ่ายคล้อยลงรำไร เจ้าเชียงใหม่กับองค์มเหสี
แสนสงสารลูกยายิ่งปรานี เวลานี้จวนเจ้าจะเข้าวัง
เอาธำมรงค์เก้ายอดถอดให้ลูก ถ้าจะขายถูกถูกก็สิบชั่ง
ไว้ต่อเมื่อยากจนพ้นกำลัง จำนำไว้ในวังพอแก้จน
แล้วเลือกสรรนางลาวพวกสาวใช้ นางสาวไหมพี่เลี้ยงนั้นเป็นต้น
กับรุ่นรุ่นรูปดีอิกสี่คน เอาไว้เป็นเพื่อนตนเถิดลูกอา
แล้วสั่งซ้ำกำชับกับสาวไหม เอ็งเอ๋ยอย่าถือใจว่าเป็นข้า
นึกว่านางเป็นน้องร่วมท้องมา จงอุตส่าห์หมั่นระวังสั่งสอนกัน
จวนประตูปิดแล้วแก้วแม่เอ๋ย อย่าช้าเลยกลับไปเข้าไอศวรรย์
แม่จงอยู่เป็นสุขทุกนิรันดร์ อันตรายราคีอย่ามีพาน ฯ
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าสร้อยฟ้า ฟังว่าดังอุระจะแตกฉาน
กราบตีนพ่อแม่ให้แดดาล ชลนัยน์ไหลซ่านลงโซมทรวง
เย็นนักจักช้าก็มิได้ เป็นทุกข์ใจจะรีบเข้าวังหลวง
พระสุริยาจวนพลบจะลบดวง ให้เป็นห่วงบ่วงใยมิใคร่จร
พวกเถ้าแก่เตือนตักว่าจักค่ำ นางยิ่งซ้ำแสนทุกข์สะท้อนถอน
จึงจำจากบิดาแลมารดร เฝ้าอาวรณ์โศกเศร้าจนเข้าวัง ฯ
๏ ครานั้นพระเจ้าเชียงใหม่ อาลัยลูกยาน้ำตาหลั่ง
แลตามสร้อยฟ้าจนฝาบัง แล้วนิ่งนั่งสะอื้นไห้อยู่ไปมา
ทั้งนางอัปสรมเหสี ก็โศกีร่ำรักเป็นหนักหนา
กระทั่งพวกสาวสรรค์กัลยา ต่างก็พลอยโศกาด้วยอาลัย
ครั้นว่าค่อยคลายวายโศกา จึงเรียกเหล่าเสนาเข้ามาใกล้
บอกว่าพระองค์ผู้ทรงชัย ยกโทษโปรดให้ไปธานี
จงไปสั่งพวกลาวบ่าวไพร่ ให้เตรียมตัวกลับไปบุรีศรี
พร้อมพรั่งตั้งแต่ในพรุ่งนี้ ฤกษ์ดีวันมะรืนจะคืนเมือง ฯ
๏ ฝ่ายว่าเสนาพระยาลาว ทราบข่าวว่าจะได้กลับไปเหนือ
ต่างดีใจรีบรัดไปจัดเรือ หาพริกเกลือเตรียมเสบียงไปเลี้ยงกัน
ส่วนพวกพลลาวบ่าวข้า ก็ติดตามกันมาจ้าละหวั่น
ช่วยกันยาเรือแพอยู่แจจัน บางคนนั้นเก็บของมากองไว้
บ้างไปซื้อเสื้อผ้าหาของกิน ที่ใครมีหนี้สินรีบใช้ให้
ขะมักเขม้นอารามยามจะไป ถึงเหน็ดเหนื่อยเหงื่อไหลไม่ขุ่นเคือง
พวกพ่อค้ารู้ข่าวลาวจะกลับ เอาของหาบหยับหยับมาแน่นเนื่อง
ชวนให้ซื้อของข้าวเอาไปเมือง ราคาเฟื้องขายสลึงให้พึงใจ
ฝ่ายพวกนางลาวเหล่าข้าหลวง ห่วงสมบัติต่างรีบหาหีบใส่
เก็บพับผ้าผ่อนท่อนสไบ แป้งน้ำมันเอาไปให้พอแรง
บรรดาพวกที่จะได้กลับไปบ้าน ต่างเบิกบานยิ้มหัวทั่วทุกแห่ง
ที่ต้องอยู่อยุธยาทำตาแดง หัวอกแห้งใครทักไม่พูดจา
เจ้าเชียงใหม่ครั้นเห็นก็สงสาร แจกบำเหน็จบำนาญให้หนักหนา
สูเอ๋ยอยู่หน่อยกับสร้อยฟ้า พอปีหน้าข้าจะให้ได้ไปเมือง ฯ
๏ พอรุ่งเช้ากลาโหมมหาดไทย ทั้งกรมแสงคลังในมาแน่นเนื่อง
ผู้คนขนของมานองเนือง แต่ล้วนเครื่องอุปโภคที่ริบไว้
บอกว่ามีพระราชโองการ พระราชทานคืนสิ่งศฤงคารให้
ของเหล่านี้ที่ส่งมากรุงไกร กลับขึ้นไปถึงพิจิตรจงแวะรับ
ช้างม้าพาหนะบ่าวไพร่ คืนไปตามรับสั่งให้เสร็จสรรพ
เอาบาญชีคลี่สำรวจตรวจนับ มอบแล้วต่างกลับไปฉับพลัน
พวกเสนาพระยาลาวชาวเชียงใหม่ ก็รับของขนไปเป็นหลั่นหลั่น
เรียกเรือมาเรียงไว้เคียงกัน เอาของบรรทุกเรียบเพียบทุกลำ
ทั้งของหลวงของเหล่าท้าวพระยา ผู้คนขนมาอยู่คลาคล่ำ
บรรทุกแล้วถอยมาทอดจอดประจำ ในท้องน้ำเสียงลาวออกฉาวไป
ที่ตรงท่าหน้าบ้านตะพานลง ให้จอดเรือลำทรงเจ้าเชียงใหม่
ต่อลงมาข้างท้ายเรือฝ่ายใน ให้จอดเรือพวกไพร่ข้างใต้น้ำ
ครั้นพร้อมเสร็จเจ้าเชียงใหม่มเหสี จรลีลงเรือเมื่อใกล้ค่ำ
เรือพวกท้าวพระยามาประจำ เรียงลำคอยท่าจะคลาไคล ฯ
๏ พอดาวประกายพรึกขึ้นพวยพุ่ง ใกล้รุ่งแสงทองจะส่องไข
พระจันทร์เคลื่อนเลื่อนบ่ายลงชายไม้ สกุณไก่ก้องขันสนั่นเมือง
พวกลาวต่างฟื้นตื่นนิทรา หุงข้าวเผาปลากันตามเรื่อง
พออุทัยไขแสงขึ้นแรงเรือง แลประเทืองทั่วฟ้าสุธาธาร
ลงเรือพร้อมพรั่งทั้งนายไพร่ เจ้าเชียงใหม่ลุกออกมานอกม่าน
พอได้ฤกษ์รังสีรวีวาร ให้ออกเรือจากตะพานในทันใด
น้ำขึ้นตีกรรเชียงเสียงครั่นครึก ตกลึกผ่านมาหน้าวังใหญ่
ท้าวคิดถึงลูกยายิ่งอาลัย น้ำตาไหลนิ่งนั่งอยู่ข้างท้าย
เรือตามน้ำขึ้นมาคว้างคว้าง ถึงเพนียดคล้องช้างก็ใจหาย
เห็นช้างผูกเสาเคียงอยู่เรียงราย โอ้ช้างพลายตามโขลงมาหลงซอง
งวงพาดงาเหงากับเสาจลุง ตาจะมุ่งดูอะไรเมื่อใจหมอง
น้ำตาซาบอาบหน้าอยู่เนืองนอง ทั้งสองข้างมีงาไม่กล้าแทง
ช้างเอ๋ยเคยกล้าอยู่กลางเถื่อน ไม่กลัวเพื่อนแล่นไล่ด้วยใจแข็ง
ความทะนงหลงตัวว่าเรี่ยวแรง ถูกเขาแกล้งปกพาเอามาคล้อง
ด้วยความรักนางพังกำบังตา ติดโขลงตามมาได้คล่องคล่อง
เพราะตัณหาพาหลงตรงเข้าซอง จึงมาต้องผูกมัดอยู่อัตรา
คิดถึงเพื่อนก็เหมือนกับตัวเรา แต่ก่อนเก่าสารพันจะหรรษา
สมบัติพัสถานก็ลานตา เมืองไหนไม่มาประมาทแคลน
เพราะหลงรักสร้อยทองปองสวาดิ พลั้งพลาดจึงทุกข์เสียเหลือแสน
เสียบ้านเสียเมืองได้เคืองแค้น แม้นแต่ลูกสายใจมิได้คืน
ยิ่งคิดยิ่งเหงาเศร้าวิญญาณ์ น้ำตาไหลหลั่งนั่งสะอื้น
ถึงบ้านมอญเห็นขอนมอญลงยืน น้ำตื้นให้ถ่อต่อไปพลัน
ผ่านโพธิสามต้นเห็นต้นโพธิ กิ่งไสวใหญ่โตสูงถงั่น
สามต้นปลูกเรียงไว้เคียงกัน ต้นหนึ่งนั้นอยู่กลางดูบางใบ
เหี่ยวแห้งรันทดสลดหมอง สองต้นสดชื่นรื่นไสว
เหมือนเราสองจะไปครองซึ่งเวียงชัย ลูกน้อยละห้อยไห้เป็นโพธิกลาง
โอ้วิบากปากน้ำพระประสบ สักเมื่อไรจะได้พบกับลูกบ้าง
ครวญคร่ำร่ำหามาตามทาง ถึงบ้านขวางท่าตอให้ท้อใจ
เหลียวหน้ามาทางมเหสี ก็เห็นนางโศกีสะอื้นไห้
ยิ่งเบื่อบ้านย่านทางหมางฤทัย นกไม้มีดื่นไม่ชื่นชม
ครั้นจวนเย็นจอดหาที่อาศัย เช้าไปแดดร้อนผ่อนพักร่ม
ข้ามบ้านผ่านแขวงเมืองอินทร์พรหม ชัยนาทมโนรมย์ลำดับมา
พ้นนครสวรรค์แปรไปแควใหญ่ เข้าปากน้ำเกยชัยในสาขา
ถึงบางคลานไม่รอถ่อนาวา จนถึงหน้าเมืองพิจิตรบุรี ฯ
๏ ฝ่ายผู้รั้งกรมการทราบสารตรา ต่างก็มารับรองต้องตามที่
มอบของนานาบรรดามี ตามบาญชีสั่งไปให้คืนนั้น
ที่ครอบครัวสิ่งของต้องประสงค์ ก็จัดส่งกรุงศรีขมีขมัน
สำเร็จเสร็จในไม่กี่วัน แล้วบอกบั่นตามคดีที่มีมา ฯ
๏ ฝ่ายข้างเจ้าเชียงใหม่ให้จัดกัน พวกหนึ่งนั้นเดินบกยกล่วงหน้า
ให้คุมครัววัวต่างแลช้างม้า ไปคอยท่าหน้าเมืองสัชนาลัย
กระบวนเรือน้อยใหญ่ก็ไคลคลา เข้าคลองพิงมาหาช้าไม่
ตกท่ากงลงทางน้ำยมไป พ้นบ้านใหม่ไม่ช้าถึงท่าเรือ ฯ
๏ ฝ่ายผู้รั้งสังคโลกกรมการ รักษาด่านพระนครข้างตอนเหนือ
ทราบว่าปล่อยเจ้าเชียงใหม่ให้คืนเมือ จัดพริกเกลือข้าวปลาหาเตรียมไว้
ครั้นพวกลาวบ่าวนายถึงพร้อมเพรียง เอาเสบียงอาหารมาจ่ายให้
แล้วตรวจสอบตามบาญชีที่จะไป ทั้งนายไพร่ช้างม้าเครื่องอาวุธ
ให้หลวงพลสงครามตามไปส่ง ถึงปากดงพงแดนเป็นที่สุด
แล้วให้แต่งม้าใช้ไปเร็วรุด บอกเมืองเถินทราบดุจเดียวกัน ฯ
๏ ครั้นกระบวนพร้อมพรั่งทั้งนายไพร่ เจ้าเชียงใหม่ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
ขึ้นบกยกออกจากเมืองพลัน เจ็ดวันถึงแคว้นแดนนคร
ท้าวพระยาผู้รักษาเมืองลำปาง ต่างก็มาพร้อมพรั่งดั่งแต่ก่อน
เจ้าเชียงใหม่ค่อยสบายคลายอาวรณ์ ให้พักผ่อนเหน็ดเหนื่อยที่เลื่อยล้า
ส่วนพระยาข้าเฝ้าเจ้าเชียงใหม่ ก็จัดแจงนายไพร่ให้ล่วงหน้า
รีบไปบอกข่าวชาวพารา ว่าพระเจ้าเชียงใหม่ได้คืนเมือง ฯ
๏ ฝ่ายว่าพวกลาวชาวเชียงใหม่ ต่างดีใจพร้อมหน้ามาแน่นเนื่อง
จัดกระบวนแหนแห่แลประเทือง ธงเทียวเขียวเหลืองบรรดามี
ทั้งราชยานคานหามแลวอทอง ฆ้องกลองเครื่องสังคีตดีดสี
แล้วป่าวร้องบอกลาวชาวบุรี มาคอยรับอยู่ที่เมืองลำพูน
ครั้นพระเจ้าเชียงใหม่ไปถึงนั่น ก็พากันมาเฝ้าเจ้าไอศูรย์
ทั้งเสนาอำมาตย์ราชประยูร เพ็ดทูลต้อนรับด้วยยินดี ฯ
๏ พอได้ฤกษ์วันดีมีมงคล ต่างตนประณตบทศรี
เชิญเจ้าสวรรยาเข้าธานี ครองบุรีเนาวรัฐเป็นฉัตรชัย
เชิญพระองค์ขึ้นทรงยานมาศ ทั้งนางราชเทวีศรีใส
แห่ออกนอกเมืองลำพูนชัย ไปยังเวียงเชียงใหม่ในวันนั้น
ทั้งสองข้างทางแห่ให้ปักฉัตร ผูกแผงราชวัติขึ้นกางกั้น
เจ้าของบ้านนั่งเรียงอยู่เคียงกัน พอเจ้านายถึงนั่นก็อวยพร
พลางโปรยบุปผามาลัย ยกมือกราบไหว้อยู่สลอน
องค์พระเจ้าเข้าคืนพระนคร เหมือนพระเวสสันดรแต่ก่อนมา
สาธุชัยตุภวัง ชัยมังคลังพระเจ้าข้า
ให้พ่อเจ้าเป็นสุขทุกเวลา ชาวพาราต่างอำนวยอวยพร ฯ
๏ ครั้นว่ามาถึงนิเวศน์วัง พระครูบามานั่งอยู่สลอน
แต่งบัตรพลีตั้งสลับซับซ้อน ตามแบบอย่างปางก่อนเคยฟาดเคราะห์
พระสังฆราชอัญเชิญเจ้าเชียงใหม่ เข้านั่งในซุ้มกล้วยเป็นกรวยเกราะ
มเหสีก็มีซุ้มจำเพาะ แล้วพระสงฆ์สวดสะเดาะขึ้นพร้อมกัน
สวดเสร็จสังฆราชเอาบาตรน้ำ เสกซ้ำด้วยพระมนต์ดลขยัน
รดสะเดาะเคราะห์ร้ายให้หายพลัน เสียงประโคมครื้นครั่นสนั่นดัง
ครั้นตกบ่ายชายแสงพระสุริยา พระญาติวงศ์พงศามาพร้อมพรั่ง
ทั้งเสนาข้าเฝ้าเหล่าชาววัง ประชุมนั่งในท้องพระโรงรัตน์
เชิญองค์เจ้าเชียงใหม่มเหสี สถิตที่แท่นประทับสำหรับกษัตริย์
ตั้งบายศรีเครื่องกระยาสารพัด ประจงจัดหลายอย่างต่างต่างกัน
ให้พระยาจ่าบ้านเป็นผู้ใหญ่ อวยชัยจำเริญเชิญพระขวัญ
แล้วผู้หัตถ์รัดด้ายถวายพลัน ตามเยี่ยงอย่างปางบรรพ์ประเพณี
สมโภชเสร็จเสด็จออกพลับพลา ราษฎรเข้ามาอยู่อึงมี่
เตรียมลุกุยมาทั่วที่ตัวดี ปล้ำประชันกันที่สนามใน
เอิกเกริกอยู่จนสนธยา จึงเลิกงานต่างมาที่อาศัย
เจ้าเชียงอินท์สำราญบานฤทัย ครองเชียงใหม่เป็นสุขทุกวันวาร ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ