๏ ครานั้นขุนแผนแสนสนิท |
คอยท่าช้าผิดหามาไม่ |
เยื้องย่างตามนางเข้าห้องใน |
สลดใจสงสารวันทองนัก |
แลเห็นนวลน้องเจ้าร้องไห้ |
ลมจับหลับไปยังมึนหนัก |
เสกนํ้าประพรมชโลมพักตร์ |
ด้วยพระเวทวิเศษศักดิ์ประสิทธี |
ลงฝ่ามือลูบลงตรงหลังน้อง |
วันทองฟื้นตื่นขึ้นจากที่ |
มาเลือกผ้าช้ากะไรใช่พอดี |
ลวงพี่ให้นั่งระวังคอย |
วันทองแก้เก้อพูดเพ้อพก |
กระทายหกตกหายทั้งไม้สอย |
ขุนแผนร้องว่าอย่าตะบอย |
พี่จะเหลาให้สักร้อยอย่าร้อนใจ ฯ |
๏ วันทองก้มหน้าตาตะแคง |
นี่ใครแกล้งฤๅว่าหาไปไม่ |
สะบัดหน้าลุกมาด้วยขัดใจ |
ไปเถิดเร็วเร็วจะวิ่งตาม |
น้องเอ๋ยพี่ไม่เคยพื้นกระดาน |
คร้ามจ้านระวังตัวด้วยกลัวหนาม |
จะจูงมือรื้อรุดสะดุดชาม |
กระเบื้องจะปามเข้าหนาอย่าวิ่งเลย |
น่าแค้นแน่นใจกะไรหนอ |
เฝ้าแต่พ้อไปทีเดียวพ่อคุณเอ๋ย |
ว่าพลางย่างไปมิได้เงย |
ก็ล่วงเลยลัดออกนอกห้องนอน ฯ |
๏ กลับเสียใจอาลัยขุนช้างเล่า |
นิจจาเจ้าหลับกลิ้งอยู่ไกลหมอน |
จะเย็นฉํ่าน้ำค้างขจายจร |
ใครจะซ้อนผ้าห่มให้ผัวรัก |
เห็นม่านขาดกลาดขวางอยู่กลางห้อง |
สองมือตีอกเพียงอกหัก |
จัณฑาลผลาญทำเจ็บช้ำนัก |
สะอื้นฮักฮักแล้วเดินมา |
ถึงหอกลางเกลื่อนกลาดด้วยทาสหญิง |
นอนกลิ้งนิ่งหลับไม่เงยหน้า |
ดูพลางทางคิดอนิจจา |
ถึงห้องแก้วกิริยายิ่งเศร้าใจ |
พี่จะลาไปแล้วเจ้าแก้วเอ๋ย |
สิ่งไรเคยทำเจ้าจำได้ |
ฝากขุนช้างด้วยช่วยปลอบใจ |
ข้าวปลาหาให้เหมือนพี่ยัง |
ถึงกรงนกขุนทองอยู่ทั้งคู่ |
นกโนรีแขวนอยู่ที่เตียงตั้ง |
นกเอ๋ยเคยเสียงเสนาะดัง |
ฟังชื่นเชยชมอารมณ์นาง |
ขุนช้างเรียกว่าแม่วันทอง |
สาลิกาเจ้าก็ร้องอย่างนั้นบ้าง |
แต่นี้เช้าเย็นจะเว้นวาง |
ครวญพลางทางตามขุนแผนมา |
ถึงกลางนอกชานละลานจิตร |
ตะลึงคิดลังเลดูเคหา |
แล้วชำเลืองเยื้องย่างถึงอ่างปลา |
ชะโงกหน้ามือช้อนมาชมชู |
กลมกลมสมอย่างตละปั้น |
บ้างว่ายหันเหวี่ยงหางกระทั่งหู |
ถึงกระถางต้นไม้ชายตาดู |
เป็นคู่คู่ชูช่ออรชร |
มะขามโพรงโค้งคู้เป็นข้อศอก |
ฝักกรอกแห้งเกราะกะเทาะล่อน |
จันทน์หอมจันทน์คณาจะลาจร |
มะลิซ้อนซ่อนชู้อยู่จงดี |
ลำดวนเอ๋ยจะด่วนไปก่อนแล้ว |
เกดแก้วพิกุลยี่สุ่นสี |
จะโรยร้างห่างสิ้นกลิ่นมาลี |
จำปีเอ๋ยกี่ปีจะมาพบ |
ที่มีกลิ่นก็จะคลายหายหอม |
จะพลอยตรอมเหือดสิ้นกลิ่นตรลบ |
ที่มีดอกก็จะวายระคายครบ |
จะเหี่ยวแห้งเซาซบสลบไป |
ต้นน้อยๆ ลูกย้อยระย้าดี |
ตั้งแต่นี้จะไปชมต้นไม้ใหญ่ |
จะทิ้งเรือนไปร้างอยู่กลางไพร |
ยุงร่านริ้นไรจะตอมกาย |
รากไม้จะต่างหมอนนอนอนาถ |
ดาวดาษจะต่างไต้น่าใจหาย |
ลงบันไดใจเจียนจะขาดตาย |
น้ำตาตกกระจายพรั่งพรายลง ฯ |
๏ ขุนแผนปลอบน้องอย่าร้องไห้ |
ไปหน่อยหนึ่งแล้วจะมาส่ง |
ไปเป็นเพื่อนพี่บ้างในกลางดง |
ชมหงส์เหมเล่นให้เย็นใจ |
ไปเดือนหนึ่งแล้วจะพากลับ |
ถ้วนเดือนแล้วจะรับเจ้าไปใหม่ |
จะร้องไห้ครวญครํ่าไปทำไม |
เขาอยู่เขาจะไร้เมื่อไรมี |
ข้างเขาสนุกบ้านเราสำราญไพร |
ข้างไหนจะปรีดิ์เปรมเกษมศรี |
เปลี่ยนมีเปลี่ยนจนคนละที |
ข้างไหนดีก็จะรู้อย่ารำคาญ ฯ |
๏ หุบปากเสียบ้างเถิดพ่อเจ้า |
อย่ามาเฝ้ากวนใจให้ฟุ้งซ่าน |
ที่ไหนน้องจะไปได้ด้วยนาน |
จะแกล้งผลาญจริงแล้วฤๅอย่างไร |
ไม่มาใครเขาวอนให้มารับ |
พาไปแล้วจะกลับมาคืนให้ |
ให้ได้อายหลายซ้ำระกำใจ |
ไม่ไปแล้วไม่ไปอย่าวอนเลย ฯ |
๏ พี่หยอกเล่นนิดหนึ่งก็ไม่ได้ |
ใจน้อยนี่กะไรวันทองเอ๋ย |
พี่รักใคร่พาไปจะชมเชย |
อย่านึกเลยที่จะคืนให้ใครชม |
ว่าพลางทางจูงสีหมอกม้า |
เบาะอานพานหน้าดูงามสม |
ดังจะปลิวลิ่วลอยไปตามลม |
อย่าปรารมภ์เลยนะเจ้ามาขี่ม้า |
ปลอบพลางทางกอดกระซิบบอก |
ม้าสีหมอกตัวนี้มีสง่า |
เนื้ออ่อนงอนง้อขอษมา |
อย่าให้สีหมอกม้ากระเดื่องใจ ฯ |
๏ วันทองสองมือประนมมั่น |
พรั่นพรั่นกลัวม้าไม่เข้าใกล้ |
พี่สีหมอกของน้องอย่าจองภัย |
จะขอขี่พี่ไปทั้งผัวเมีย |
ขุนแผนพานางมาใกล้ม้า |
ลูบหลังอาชาให้เชื่องเสีย |
หยิบมือลูบม้าว่าปลอบเมีย |
ม้าเลียมือหวีดประหวั่นกลัว |
นี่อะไรตกใจไปเปล่าเปล่า |
นิจจาเจ้าช่างไม่เชื่อนํ้าใจผัว |
โดดขึ้นหลังม้าเถิดอย่ากลัว |
ประคองตัววันทองย่องเหยียบโกลน |
นางหวั่นหวั่นครั่นครามไม่ขึ้นได้ |
ขุนแผนกดสีหมอกไว้มิให้โผน |
ม้าดีฝีเท้าไม่ก้าวโจน |
นางกลัวตัวโอนเข้าแนบชิด |
สองมือกอดผัวให้ตัวแน่น |
ขุนแผนพริ้มยิ้มหยอกศอกสะกิด |
เบือนหน้าว่าเจ้าเข้ามาให้ชิด |
ขอจูบนิดหนึ่งแล้วจะรีบไป |
แล้วร้องสั่งนางพรายสิ้นทั้งห้า |
เร่งตามไปในป่าให้จงได้ |
สั่งแล้วขับม้าคลาไคล |
ออกไปทางประตูตาจอม ฯ |
๏ ถึงวัดตะลุ่มโปงหนองนํ้า |
ข้ามโคกกำยานละหานหอม |
วันทองคลี่คลายค่อยวายตรอม |
กอดหม่อมขุนแผนแขนประคอง |
รีบรัดตัดทุ่งมุ่งมา |
ชักม้าเดินเดาะเหยาะย่อง |
พ้นสุพรรณไปดังใจปอง |
ถึงท้องนาแปลกแม่ชะแง้ไกล |
พ้นทุ่งมุ่งหมายเข้าชายเลาะ |
เป็นละเมาะละมาบเหมืองอยู่กว้างใหญ่ |
ถึงลำน้ำบ้านพลับเข้าฉับไว |
ฉงนใจชักม้าให้หยุดยืน |
จะข้ามอาชาจระเข้ร้าย |
ครั้นจะว่ายน้ำลึกมิใช่ตื้น |
แสนเวทนานางเมื่อกลางคืน |
ค่อยชื่นชื่นแล้วจะช้ำระกำใจ |
จะทำฉันใดดีเจ้าพี่เอ๋ย |
จะลุยเลยหลีกข้ามแม่น้ำได้ |
ในจิตรคิดตรึกรำลึกไป |
นึกได้แล้วเจ้าเรือจ้างมี |
บอกนางพลางขับสีหมอกม้า |
ครั้นถึงท่าร้องเรียกอยู่อึงมี่ |
ทำตะคอกขู่เข็ญให้เป็นที |
บัดนี้รับสั่งใช้ให้เรามา |
ไปสืบช้างทางโป่งโขลงจะสู่ |
เป็นช้างสำคัญอยู่ที่ในป่า |
ข้ามส่งจงพลันทันเวลา |
อย่าช้าบัดนี้จงเร็วไว ฯ |
๏ ครานั้นมะถ่อธะบม |
เรือจ้างติดตมหาตื่นไม่ |
ได้ยินเสียงเรียกผงกตกใจ |
เอ๊ะใครมาเรียกทำไมแนะ |
มาแต่ข้างไหนใต้ฤๅเหนือ |
เรือจ้างติดตมแตมะแขะ |
ตอตำเข้าฤๅไรน้ำไหลแซะ |
เหยียบสองแคมแบะแล้วกรรมกู ฯ |
๏ ฝ่ายว่าขุนแผนจึงร้องว่า |
เร็วเร็วรีบมาอย่าช้าอยู่ |
ข่าวช้างสารใหญ่ให้ไปดู |
เป็นการรับสั่งสูอย่านอนใจ ฯ |
๏ มะถ่อธะบมได้ยินว่า |
ถือรับสั่งมาไม่นิ่งได้ |
แกผ้าลุยเลนผลักเบนไป |
โยกโยกไม่ไหวมันฝืดนัก |
กลับมาดันท้ายขยายปรูด |
โคลนฉูดกระจายปลายสะบัก |
ขึ้นเรือหนาวครันคางสั่นงัก |
ชักพายขยุ่มสุ่มตะรัง |
ถึงท่าเห็นม้ากับสองคน |
เขยื้อนก้นลุกเถ่อทำเป้อปั้ง |
แปลกใจเอ๊ะหลอกดอกกระมัง |
ลักผู้หญิงชาววังที่ไหนมา |
หลอกเราใช้เล่นให้เข็นเรือ |
ยกเงื้อพายแร่ทั้งแก้ผ้า |
วันทองน้องอายไม่ลืมตา |
หม่อมขาดูเอาเถิดอ้ายนอกทาง |
ขุนแผนร้องเบื่อมันเหลือเถน |
โจงกระเบนเสียก่อนเจ้าเรือจ้าง |
เงื้อพายย่องแย่งแข้งขากาง |
ล้างโคลนเสียก่อนจึงขึ้นมา |
มะถ่อธะบมก้มดูพุง |
ผ้านุ่งกูใครเอาไปหวา |
ทรุดนั่งแยงแย่แลดูตา |
สองฝ่ามือปิดตะบิดตะบัน |
แล้วเลื่อนตัวมาเอาผ้านุ่ง |
ฉวยผ้าพันพุงขมีขมัน |
หลอกใช้เราเล่นได้เห็นกัน |
ลักผู้หญิงของทั่นเจ้านายมา ฯ |
๏ ขุนแผนเห็นช้าจะเสียการ |
โอมอ่านพระเวทคาถา |
โดดลงจากหลังอาชา |
ตรงหน้าก็เป่าไปทันใด |
อ้อนวอนโดยดีพี่เรือคอย |
ข้ามส่งน้องหน่อยอย่าผลักไส |
ช่วยส่งให้ปลอดตลอดไป |
น้องจะแทนคุณให้ที่เหนื่อยแรง |
ว่าพลางทางถอดแหวนสอดก้อย |
ไข่มุกสุกย้อยระยับแสง |
ยื่นส่งไปให้มิได้แคลง |
จวนแจ้งข้ามส่งจงเร็วรา ฯ |
๏ มะถ่อธะบมก้มดูแหวน |
ชะแง้แหงนหัวคากจนปากอ้า |
ลองมือถือล่อลออตา |
ห่อผ้าของดีตะลีตะลาน |
เร็วเร็วรีบมาช้าจะรุ่ง |
ข้ามทุ่งรีบไปให้พ้นบ้าน |
ผู้คนตื่นคลํ่าจะรำคาญ |
จะพาตัวดีฉานนี้พลอยตาย ฯ |
๏ ขุนแผนหันหน้ามาหาน้อง |
ชวนเจ้าวันทองแล้วผันผาย |
เปลื้องเครื่องสีหมอกออกจากกาย |
จูงนางย่างกรายลงนาวา |
นั่งลงกระทงกลางข้างละริม |
แย้มยิ้มเรียงรอเข้าคลอหน้า |
จับสายถือมือชักสีหมอกมา |
อนิจจาพี่สีหมอกต้องว่ายน้ำ |
คุณพี่มี่กับน้องนี้เหลือแสน |
ได้คุมแค้นเคืองมาเวลาคํ่า |
ต้องบุกป่ามาเถื่อนเพื่อนกรากกรำ |
น้องจะอุปถัมภ์ให้พอแรง |
ครั้นถึงท่าทางเรือจ้างประทับ |
ปล่อยม้าร่าหรับขึ้นกลางแจ้ง |
เครื่องอานสารพัดจัดแจง |
วันทองน้องแบ่งช่วยเอาไป |
ครั้นถึงจึงผูกสีหมอกสรรพ |
ประจงจับโกลนแผงหนังข้างใส่ |
เบาะอานพานพู่ดูละไม |
อุ้มวันทองน้องให้ขึ้นขี่ม้า |
ประคองวันทองมิให้ตก |
ยกเท้ากระทืบแผงสนั่นป่า |
สีหมอกแล่นไล่จนลายตา |
เลยมาบ้านกล้วยยุ้งทะลาย ฯ |
๏ เอาดาบถากต้นไม้ถ่านไฟเขียน |
อ้ายหัวเลี่ยนตามมาจะฉิบหาย |
ให้ม้นซ้อนกันมาตาขี่ยาย |
กูจะป่ายลงให้ใจริกริก |
ไม่ครือดาบหํ้าหั่นจะฟันฟาด |
ฉะฉาดขาดสิ้นลงดิ้นดิก |
จะผ่าอกยกกายหงายพลิก |
จิกสับฟันซ้ำให้หนำใจ |
ถึงจะเป็นความกันก็ไม่กลัว |
เมื่อตัวมันตายแล้วทำไมได้ |
ฟันเล่นเป็นไรก็เป็นไป |
ปู่ย่าอยู่ที่ไหนไปขุดมา |
อ้ายพี่น้องชายทรามทั้งสามคน |
ผีขอดตลอดกำด้นอ้ายชาติข้า |
แสนขลาดราทยาศรพระยา |
พี่จะฆ่าคนเดียวเจ้าคอยดู |
อันซึ่งจะถอยอย่าพึงนึก |
อ้ายหัวถึกตามมาพี่จะสู้ |
ทั้งล้านน้อยล้านใหญ่จะไล่พรู |
กรูมาพี่จะฆ่าให้ม้วยมิด |
มือซ้ายจะกอดวันทองมั่น |
มือขวาพี่จะฟันให้เป็นปลิด |
ให้ม้นกล้ามาสู้ลองดูฤทธิ์ |
ขุกคิดขึ้นมาเลือดตาแดง |
อัดอึดฮึดฮัดด้วยขัดใจ |
ชักฟ้าฟื้นได้ออกกวัดแกว่ง |
เงื้อง่าท่าทำกำลังแรง |
แทงนะแทงกันแล้วฟันฟัด |
ศอกวัดถูกอกเจ้าวันทอง |
โอ๊ยกรรมแล้วถูกน้องเข้าถนัด |
เจ้าวันทองร้องเอียงเพียงจะพลัด |
ขุนแผนกระหวัดวันทองไว้ |
อนิจจาพี่เผลอละเมอมัว |
ถูกตัวเจ้าเจ็บที่ตรงไหน |
อย่าถือโทษเลยหนอขออภัย |
พี่เคลิ้มไปจริงจริงเจ้าวันทอง |
คลึงเคล้าเย้ายีค่อยคลี่คลาย |
ชักม้าร่าสบายมาทั้งสอง |
พ้นสุพรรณไปได้ดังใจปอง |
พระจันทร์ผันผยองอยู่พร่างพร้อย ฯ |
๏ ถึงเขาพระที่เคยเขามาไหว้ |
พระสุกนี่กะไรดังหิ่งห้อย |
ชี้บอกวันทองน้องน้อย |
พระจันทร์ฉายบ่ายคล้อยลงฉับพลัน |
รื่นรื่นชื่นรสเสาวคนธ์ |
ปนกับกลิ่มแก้มเกษมสันต์ |
หอมกลิ่นบุปผาสารพัน |
พระจันทร์ดั้นหมอกออกแดงดวง |
ส่องต้องบุปผชาติสะอาดช่อ |
อ่อนลออเกสรขจรร่วง |
น่ารักโกสุมเป็นพุ่มพวง |
โน้มหน่วงกิ่งเก็บให้วันทอง |
ทัดหูชูชมภิรมย์จิตร |
ขอดมดอกไม้นิดอย่าปิดป้อง |
พี่สูดแต่น้อยน้อยค่อยประคอง |
ไฮ้อย่าต้องของฉันจะชอกช้ำ |
พี่ต้องแต่เบาเบาดอกเจ้าพี่ |
พอยินดีหายระหวยเมื่อยามคํ่า |
อันตัวพี่ไม่มีจะหยามทำ |
นั่นช้ำเก่าเจ้าแกล้งพาโลกัน |
วันทองร้องไฮ้อะไรนี่ |
เชิงกระนี้เหน็บแนมแกมขยัน |
แสนงอนค่อนว่าสารพัน |
ไก่ขันแจ้วแจ้วจะรุ่งราง |
เสียงจิ้งหรีดกรีดกริ่งระงมไพร |
ลองไนหริ่งหริ่งอยู่รอบข้าง |
จักจั่นสนั่นเสนาะคราง |
เมื่อแสงทองส่องสว่างสุธาดล |
สกุณากาแกก็แซ่ซ้อง |
ชะนีร้องเหนี่ยวไม้ในไพรสณฑ์ |
เห็นแสงพระอาทิตย์ผิดพิกล |
วะโหวดโหวยเวียนวนว่าเลือดย้อย |
เสียงเย็นเห็นยะยวบอยู่ปลายไม้ |
ไหวไหวผัวโวยโหยละห้อย |
พอเห็นคนแล่นโลดกระโดดลอย |
ลูกน้อยตามแต้กลัวแม่ทิ้ง |
ฝูงลิงไต่กิ่งลางลิงไขว่ |
ลางลิงแล่นไล่กันวุ่นวิ่ง |
ลางลิงชิงค่างขึ้นลางลิง |
กาหลงลงกิ่งกาหลงลง |
เพกากาเกาะทุกก้านกิ่ง |
กรรณิกากาชิงกันชมหลง |
มัดกากากวนล้วนกาดง |
กาฝากกาลงทำรังกา |
เสือมองย่องแอบต้นตาเสือ |
ร่มหูกวางกวางเฝือฝูงกวางป่า |
อ้อยช้างช้างน้าวเป็นราวมา |
สาลิกาจับกิ่งพิกุลกิน |
เขาคุ่มกะลุมพูคูขันจ้อ |
นกกระทาปักก้อในไพรสินธุ์ |
คิริบูนบ่นบ้ากระพือบิน |
ขมิ้นจับโมงหมายอยู่ชายไพร ฯ |
๏ ครั้นผ่านพ้นชายไพรใกล้ขอบหนอง |
เห็นนกตะกรุมโทนท่องอยู่ไหวๆ |
กระซิบบอกนางพลันนั่นเป็นไร |
ขุนช้างไล่มาแล้วเจ้าแลดู |
วันทองฟังแจ้งแสยงจิตร |
เหลียวชะแง้แลพิศอยู่เป็นครู่ |
เห็นแต่นกตะกรุมมันสุ่มปู |
ก็นิ่งอยู่มิได้ว่าประการใด |
อ่อนกดอกฤๅเจ้าวันทอง |
พี่คิดว่าผัวน้องมาตามไล่ |
ไม่ทันพิเคราะห์เพราะอยู่ไกล |
เข้าใกล้จึงรู้ว่านกตะกรุม |
หัวหูมันกะไรไม่มีขน |
หัวคนเช่นนี้ก็มีกลุ้ม |
ไฉนนกอย่างนี้จึงมีชุม |
มันเที่ยวสุ่มกุ้งกินอยู่ดิบดี |
พี่คิดว่าผัวนางวางมาตาม |
ผลีผลามชักม้าจะพาหนี |
มาจริงแล้วจะวิ่งไปไหนดี |
จวนตัวพี่ก็จะส่งเจ้าคืนไป |
ถ้าเขาเมตตาไม่ฆ่าฟัน |
ถ้อยความทั้งนั้นหาว่าไม่ |
ถ้าเขาฟ้องร้องหาศาลาใน |
พี่ก็จะแก้ไขไปตามบุญ |
จะให้การว่าไปธุระอื่น |
มิได้ขืนข่มเมียท่านตาขุน |
เมียท่านมารักข้าผลักรุน |
ฉวยฉุดยุดวุ่นแล้ววิ่งตาม |
เห็นข้าขี่ม้าวิ่งร้องไห้ |
วิงวอนว่าจะไปข้าได้ห้าม |
ฉวยหางม้ารั้งไม่ฟังความ |
จนข้ามบ้านพลับยี่แสมา |
ข้าเห็นเวทนาด้วยเหนื่อยใจ |
จึงรับให้ขี่ม้ามากับข้า |
วิงวอนให้ข้านอนด้วยรวดมา |
ข้าก็ไม่อยากยอมประเวณี ฯ |
๏ เออจริงแล้วคะข้าคนชั่ว |
รักชู้ชังผัวเอาตัวหนี |
เพราะความรักเขาเฝ้ายวนยี |
ด้วยเสน่ห์ของเจ้าดีจึงติดใจ |
จะตามไปไยเล่าไม่สมคิด |
จะว่าดีแต่สักนิดก็หาไม่ |
อาภัพลับสูญเหมือนปูนไป |
ไปทำไมหยุดม้าข้าจะลง ฯ |
๏ เอ๊ะจะโจนฤๅเจ้าขยับตัว |
ช่างกล้าไม่กลัวจะเดินหลง |
ทุ่งกว้างทางไกลมิใช่ตรง |
กลางดงเดินได้ฤๅไรนา |
มิเสียทีแก้วพี่มาติดตาม |
พี่จะให้สมความปรารถนา |
อนึ่งก็ได้กอดแอบแนบอกมา |
เมตตาขึ้นแล้วเจ้าวันทอง |
ถึงพูดไปใครจะเห็นว่าจริงด้วย |
เมื่อเมียท่านแร่รวยมาคล่องคล่อง |
จะแพ้ความก็ตามแต่ทำนอง |
ได้ถูกต้องเกินแล้วก็เหมือนจริง |
เป็นตายก็ตามแต่เวรา |
จะพาไปให้ตลอดเจ้ายอดมิ่ง |
กอดจูบลูบหลังไม่ชังชิง |
นิ่งเถิดรักแล้วอย่าเคืองใจ ฯ |
๏ วันทองข่วนหยิกแล้วพลิกผลัก |
อย่ามารักเลยหาให้ชมไม่ |
จะให้ชํ้าเสียเปล่าเอาอะไร |
มิใช่ค่าจ้างที่ขี่ม้า |
พลอดเล่นต่างต่างทุกอย่างไป |
จะทำให้สาสมแก่นํ้าหน้า |
แกะมือถือน้องไว้ไยนา |
ไม่ตกม้าดอกนะหม่อมอย่ากอดเลย ฯ |
๏ เห็นพรั่นพรั่นกันไว้สิกลับว่า |
เจ้าเจนม้าแล้วฤๅน้องวันทองเอ๋ย |
พี่กลัวเจ้าจะตกม้าขาไม่เคย |
เงยหน้าขึ้นเถิดอย่าเคืองใจ |
ว่าพลางทางขับม้าสีหมอก |
ให้ออกสะบัดย่างวางใหญ่ |
เหลียวหลังระวังวันทองไว้ |
สีหมอกแล่นไล่จนลายตา |
วิ่งลมออกหูวะวู่เวียน |
วันทองแอบแนบเนียนไม่เงยหน้า |
ฉวยฉุดหยุดรั้งมั่งเถิดรา |
ฟ้าผ่าเถิดจะตกม้าตายเสียแล้ว |
ไหนเล่าเจ้าว่าไม่กลัวตก |
เป็นไรมากอดอกอยู่แด่วแด่ว |
พาโลหยิกกันเล่นจนเป็นแนว |
ถึงแล้วถิ่นที่จะหยุดพัก ฯ |
๏ มาถึงเนินผาท่าต้นไทร |
นํ้าเปี่ยมสระใสสะอาดหนัก |
ที่ธารแก่งแรงไหลมาคักคัก |
เป็นชะงักชะง่อนผาน่าสำราญ |
บัวไสวใบบังระบุดอก |
เผยอออกกลิ่นชวยห้วยละหาน |
ต้นไม้สูงสะพรั่งบังริมธาร |
ที่ดอกบานแล้วก็หล่นละอองลง |
พระพายชายพัดมาเชยชื่น |
หอมรื่นรอบในไพรระหง |
จักจั่นสนั่นเสียงเสนาะดง |
รับวันทองน้องลงจากหลังม้า |
ปลดปล่อยสีหมอกให้กินนํ้า |
ขัดสีเสกซ้ำแล้วสาดหน้า |
ชักชวนวันทองน้องยา |
ผลัดผ้าโผลงในท้องธาร |
ว่ายกระทุ่มเที่ยวท่องในท้องนํ้า |
ผุดดำปรีดิ์เปรมเกษมสานต์ |
หัวระริกซิกซี้กันสำราญ |
บัวบานเกสรอ่อนลออ |
นํ้าใสไหลหลั่งศิลาลาด |
ใสสะอาดจริงจริงหนอเจ้าหนอ |
แสนสบายว่ายรี่เฝ้าคลีคลอ |
ระริกรี้หัวร่อแล้วหยอกเย้า |
ทำยื่นแขนแอ่นอ่อนให้เมียสี |
ไฮ้อะไรขยำขยี้ที่นั่นเล่า |
มิใช่การวานอย่ามาแกะเกา |
เปล่าดอกนั่นผงฤๅอะไร |
ติดเต้านมน้องอยู่ดำดำ |
ลูบคลำหัวร่ออ่อเป็นไฝ |
เอาน้ำสาดนมน้องคะนองใจ |
ไฮ้จู้จี้จ้านรำคาญจริง |
ฉันหนาวนักไม่อาบด้วยหม่อมได้ |
ขึ้นไปนั่งหัวร่ออยู่บนตลิ่ง |
ขุนแผนผลัดผ้าว่าเย็นจริง |
พาดพิงพาน้องเข้าร่มไทร ฯ |
๏ จึงร้องสั่งโหงพรายกุมารทอง |
คอยสอดมองคนมาอย่าให้ใกล้ |
แล้วตัดตองมารองใต้ร่มไม้ |
ปูให้วันทองน้องทันที |
แล้วเปลื้องเครื่องคาดจากกายา |
ปลดผ้าประเจียดจบเกศี |
เสื้อย้อมว่านยาล้วนอย่างดี |
ประคำถมตุ้มปี่สะอิ้งรัด |
ไหมทองกรองถักเป็นอักษร |
สอดซ้อนเส้นด้ายสายเข็มขัด |
ตะกรุดโทนลงยาสารพัด |
ประจงจัดวางเสร็จสำเร็จพลัน |
อิงแอบแนบชิดสนิทน้อง |
ส้วมสอดกอดวันทองเกษมสันต์ |
จงษมาพระไทรเสียด้วยกัน |
เป็นกลางวันทั่นอยู่จะดูแคลน ฯ |
๏ หม่อมเอ๋ยอย่าเพ่อเลยอย่างเช่นนั้น |
ไม่สิ้นวันดอกเจ้าจอมหม่อมขุนแผน |
น้องจะหนีไปไหนในดงแดน |
แสนรักสุดรักจึงหักมา |
สู้ทิ้งบ้านเรือนมาเพื่อนม้วย |
เอออวยดื้อดึงมาถึงป่า |
ความรักก็ประจักษ์อยู่แก่ตา |
ช่างไม่อายเทวดาพฤกษาไทร |
ถึงยากเย็นก็ให้เป็นกระท่อมทับ |
นี่จะหลับตาค้างอย่างไรได้ |
แม้นมิเอ็นดูน้องให้หมองใจ |
มิให้เก้ออยู่ก็ดูเอา ฯ |
๏ มันขัดสนจนใจอยู่แล้วน้อง |
มุ้งม่านบ้านช่องที่ไหนเล่า |
ก็เหมือนกับเรื่องเดิมเริ่มของเรา |
นึกว่าเข้าไร่ฝ้ายเถิดน้องอา |
นี่ก็เป็นป่าระหงดงไม้ |
น่าสำราญบานใจเป็นหนักหนา |
เนื้อเย็นเห็นอกพี่เถิดรา |
เจ้าอย่าอับอายพระไทรทิพย์ |
ว่าพลางเกี่ยวกอดสอดกระสัน |
ฟ้าลั่นเกิดฝนหล่นเปรียะปริบ |
ต้องใบไทรย้อยหยอยหยอยยิบ |
แชกซิบซึมชุ่มชอุ่มใบ |
พระพายชายพัดสะบัดโบก |
ต้นโยกกิ่งก้านสะท้านไหว |
ทั้งสองคลึงเคล้าเย้ายวนใจ |
สำราญรื่นร่มไทรในพนา ฯ |
๏ ครานั้นจึงโฉมเจ้าวันทอง |
สมสองต้องจิตรเป็นหนักหนา |
ได้ร่วมรสรักร้างที่ห่างมา |
เสนหาขุนแผนแสนอาวรณ์ |
นางหยิบใบยางมาต่างพัด |
โบกปัดยุงริ้นที่บินว่อน |
ปรนนิบัติมิให้ขัดอนาทร |
จนผัวนอนหลับสนิทด้วยเหนื่อยนัก |
นั่งอยู่ข้างผัวตัวคนเดียว |
ให้เปล่าเปลี่ยวเงียบเหงาเศร้าใจหนัก |
พอมนตร์หายคลายหลงพะวงรัก |
เห็นประจักษ์ทุกข์ร้อนก็ถอนใจ |
อนิจจาครานี้นะตัวกู |
มาอ้างว้างค้างอยู่ในป่าใหญ่ |
จะเป็นเหยื่อเสือสางที่กลางไพร |
เอาป่าไม้เป็นเรือนเหมือนป่าช้า |
นี่จะอยู่อย่างไรไม่เล็งเห็น |
ตายเป็นก็คงป่นอยู่กลางป่า |
มิได้คิดถึงตัวมัวจะมา |
ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นนี้เลย |
ขุนแผนพามาด้วยความรัก |
ก็ประจักษ์ใจจริงไม่นิ่งเฉย |
แต่ทุกข์ยากอย่างนี้ยังมิเคย |
อกเอ๋ยเกิดมาพึ่งจะพบ |
ไม่เคยเห็นก็มาเห็นอนาถนัก |
ไม่รู้จักก็มารู้อยู่เจนจบ |
ร่านริ้นบินต่ายระคายครบ |
ไม่เคยพบก็มาพบทุกสิ่งอัน |
ยังพรุ่งนี้นี่จะเป็นกะไรเล่า |
จะลำบากยิ่งกว่าเก่าฤๅไรนั่น |
คิดขึ้นมานํ้าตาตกอกใจตัน |
กลับหวั่นหวั่นหวนคะนึงถึงขุนช้าง |
นิจจาเอ๋ยเคยสำราญอยู่บ้านช่อง |
ถนอมน้องมิให้หน่ายระคายหมาง |
คลึงเคล้าเช้าเย็นไม่เว้นวาง |
อยู่กินก็สำอางลออออง |
ยามนอนเคยนอนบนเตียงตั้ง |
มุ้งบังยุงริ้นไม่บินต้อง |
ยามร้อนนอนเล่นบนเตียงทอง |
มีคนประคองคอยพัดวี |
อาบนํ้ามีคนเข้าเคียงขัด |
ผิวผัดขมิ้นผงประจงสี |
ส่องกระจกเงางามอร่ามดี |
ยาฟันสรรสีเป็นแสงยับ |
นํ้าหอมกล่อมกลิ่นดอกไม้กลั่น |
กระแจะจันทน์ผัดพริ้งทุกสิ่งสรรพ |
ผ้าผ่อนแพรพรรณสักพันพับ |
ลับสูญสิ้นไปมิได้ชม |
ตั้งแต่นี้มีแต่จะมัวหมอง |
สักหน่อยจะต้องกรองใบไม้ห่ม |
มาเกลือกกลั้วผงคลีธุลีลม |
นับวันยิ่งจะตรมระกำใจ |
นางสะท้อนถอนจิตรคิดถึงตัว |
เหลียวมาดูผัวเห็นหลับใหล |
จะเอนหลังมั่งเล่าก็เศร้าใจ |
จะวางกายลงกะไรล้วนกรวดทราย |
หยิบรากไม้มาวางลงต่างหมอน |
แลดูขอนจะหนุนก็ใจหาย |
คลำดินแข็งกระด้างระคางคาย |
เสียดายเอ๋ยเคยสุขสำราญเรือน |
สารพัดวิบัติไปหมดสิ้น |
ละถิ่นฐานนานดรมานอนเถื่อน |
แสงไฟไม่อยู่มาดูเดือน |
เหย้าเรือนทิ้งมาหาร่มไม้ |
อกเอ๋ยเกิดเข็ญเป็นสตรี |
พอที่จะเป็นสุขไม่สุขได้ |
ไม่รักอายร่ายชมภิรมย์ไป |
เพราะไม่ครองใจจึงได้แค้น |
เสียแรงรูปงามนามก็เพราะ |
ละมุนเหมาะใจชั่วนี้เหลือแสน |
ที่ดีดีสิ้นในดินแดน |
ชั่วเล่าใครจะแม้นก็ไม่มี |
ร่ำพลางทางสะท้อนถอนใจใหญ่ |
ง่วงเหงาเศร้าใจอยู่กับที่ |
เอาความรักหักหวนอยู่รวนรี |
ได้เสียทีทำกะไรไปตามเกิน |
จะเคืองขุ่นขุนแผนก็ไม่ได้ |
เขารักใคร่จริงจังไม่ห่างเหิน |
ไปจากกันนานช้าน่าจะเพลิน |
หมางเมินลูกเมียเขาก็มี |
สู้บากหน้ามาตามด้วยความรัก |
ลอบลักเข้าป่าพากันหนี |
ไม่กลัวความลามลุกคลุกคลี |
เอาชีวีแลกน้องวันทองมา |
จะทิ้งขว้างอย่างไรต้องไปด้วย |
จะมอดม้วยก็ตามแต่วาสนา |
นางทอดตัวกอดผัวแล้วโศกา |
ซบหน้านิ่งหลับระงับไป ฯ |