ตอนที่ ๔๑ พลายชุมพลจับเสน่ห์

๏ ครานั้นสร้อยฟ้านารี รู้ว่าคดีไม่หายสูญ
นางวิตกอกใจดังไฟฟูน ให้อาดูรหวาดหวั่นพรั่นฤทัย
โอ้ว่ากรรมทำไว้ไฉนหนอ ไม่พอที่จะมาเป็นเช่นนี้ได้
ว่าศึกมอญฤๅมาย้อนเป็นศึกไทย มิใช่ใครคือกาลกิณี
ถ้าปล่อยอีศรีมาลาลูกสะใภ้ ไปรับกันมาได้จะอึงมี่
ด้วยมันรู้แยบคายว่าร้ายดี ท่วงทีเห็นจะเกิดจลาจล
คิดพลางนางเรียกขนานอ้าย มาบรรยายเรื่องความตามเหตุผล
เอ็งเร่งหาข้าเราสักสิบคน เตรียมตนให้พร้อมด้อมออกไป
คอยดักอีศรีมาลาไปรับทัพ เอ็งจับฆ่าเสียให้จงได้
หยิบเงินห้าชั่งให้ดังใจ เอ็งอย่าให้มันรับกันกลับมา ฯ
๏ ขนานอ้ายรับว่าอย่าวิตก แล้วลงเรือรีบยกออกจากท่า
ได้เพื่อนคู่ใจแต่ไรมา อาวุธครบมือไม่อื้ออึง
ออกหัวแหลมเลี้ยวทางไปข้างขวา ผ่านวัดท่ารีบไปจะให้ถึง
พอเพลาพลบค่ำน้ำตึง จึงเข้าแอบเกาะมหาพราหมณ์ ฯ
๏ ฝ่ายพรายรักษาศรีมาลา รู้ว่าอ้ายลาวอยู่ปากง่าม
ก็ช่วยกันปล้ำปลุกคุกคำราม มัดศอกติดตามกันเต็มไป
เรือนางพายมาเวลาค่ำ ผีทำร้องว่าอย่าเข้าใกล้
ฝีพายไล่ขยุ่มสุ่มส่งไป ร้องเพลงปรบไก่เรียดทางมา
ล่วงลัดตัดทางบางโผงเผง บ่าวไพร่ครื้นเครงอยู่ฉาวฉ่า
ถึงบางกระทิงใกล้รุ่งมุ่งพายมา พอสว่างถึงท่าตาลานพลัน ฯ
๏ ฝ่ายพระกาญจน์บุรีกับลูกชาย กำลังออกเลียบค่ายเกษมสันต์
แลเห็นเรือกัญญาปรึกษากัน พระทรงธรรม์ทีจะใช้ให้ใครมา
ที่นั่งกลางมองเขม้นเป็นผู้หญิง ประหลาดจริงเมียใครนี้ใจกล้า
เห็นเม้ยรับพับเพียบหน้ากัญญา ศรีมาลาแน่แล้วลงมาเรือ
ครั้นถึงจึงถามเนื้อความไป ออกมาไยท้องไส้อลักเอลื่อ
เวทนาร้อยชั่งมานั่งเรือ เนื้อความเป็นอย่างไรจึงออกมา ฯ
๏ ศรีมาลากราบลงกับตีนพ่อ บอกข้อความไปไม่มุสา
บัดนี้พระองค์ทรงศักดา โปรดให้ข้ามารับพ่อเข้าไป
พระไวยแตกทัพกลับไปทูล เค้ามูลว่าพ่อนี้ล้อมไล่
กับน้องชายหมายจะฟันให้บรรลัย ทรงซักไซ้เรื่องเริ่มแต่เดิมมา
พระไวยทูลว่าวิวาทกัน พระทรงธรรม์ไม่เชื่อจึงสั่งข้า
ให้รับพ่อกับน้องทั้งสองรา ซึ่งโทษานุโทษนั้นโปรดปราน ฯ
๏ ครานั้นท่านพระกาญจน์บุรี ฟังคดีเคืองขุ่นอยู่งุ่นง่าน
ชิชะอ้ายไวยอ้ายใจพาล ช่างคิดอ่านเพ็ดทูลเอาแต่ดี
มารบหลบหนีหาที่พึ่ง เล่ากันซึ่งซึ่งเป็นไรนี่
จองหองฟ้องหาเอากูนี้ เป็นทีว่าอ้ายแก่นั้นยอกย้อน
พระก็ยังไม่ประหารผลาญล้าง คงจะถามกูบ้างสักคำก่อน
จริงเท็จคงจะเห็นเป็นแน่นอน พระภูธรไม่เลี้ยงก็จนใจ
ว่าแล้วขุนแผนแสนศักดา สั่งลูกชายมาหาช้าไม่
ให้แก้มนตร์พลหุ่นเสียทันใด แล้วชวนลูกลงในเรือกัญญา
ศรีมาลาก็มาในลำเรือ พลพายพายเฝือมาฉาวฉ่า
พอถึงกรุงไกรได้เวลา ตรงมายังท้องพระโรงพลัน
จวนเวลาเฝ้าองค์พระทรงชัย ขุนนางน้อยใหญ่ก็อยู่นั่น
พระไวยไพล่แอบเอาเสากัน หวาดหวั่นไหว้บิดานัยน์ตาดู
พอเห็นพ่อพลิกกลับขยับลุก พระไวยโดดปุกดังลูกหนู
พระกาญจน์บุรีชี้หน้าว่าหลอกกู พระไวยว่าไม่สู้ขอโทษตัว ฯ
๏ ครั้นว่าตะวันบ่ายชายลง ฝ่ายพระองค์ปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จออกเสนาประหม่ากลัว สะท้านทั่วทั้งขุนแผนพลายชุมพล
ทรงเห็นพ่อลูกมาหมอบเฝ้า พระเป็นเจ้าเพ่งพิศคิดเหตุผล
ดูทีพี่น้องทั้งสองคน ชอบกลละม้ายคล้ายคลึงกัน
อ้ายพลายชุมพลคนน้องชาย ก็แยบคายท่วงทีดีขยัน
ทั้งสองนี้หน้าตาสง่าครัน ละม้ายเหมือนพ่อมันทั้งสองคน
จึงตรัสขู่ดูก่อนอ้ายกาญจน์บุรี บังอาจยกโยธีมาเกลื่อนกล่น
เที่ยวไล่ฟันฝ่าประชาชน ด้วยถือว่าเวทมนตร์ของมึงดี
มึงนี้คิดเห็นเป็นไฉน หมายจะชิงกรุงไกรได้ฤๅนี่
ลืมละพระพิพัฒน์วารี กูนี้หลงรักสักเท่าใด
ว่าอ้ายมอญจับมึงเอาไปฆ่า กูเป็นกลั้นน้ำตามิใคร่ได้
อ้ายไวยจะแก้แค้นแล่นออกไป อ้ายพ่อลูกกลับไล่ตะลุมบอน
กูหมายว่าจะยกพลไกร ก็เข้าใจเสียว่ามึงคงเร้นซ่อน
จึงให้หามายังพระนคร จะถามก่อนมึงแก้ให้จงดี
เป็นกะไรบอกความไปตามจริง ถ้าสับปลับกลับกลิ้งจะเป็นผี
จนเลี้ยงให้ไปกินกาญจน์บุรี ถึงเพียงนี้ฤๅยังคิดขบถกู ฯ
๏ ครานั้นขุนแผนแสนสะท้าน กราบกรานก้มหน้าภาวนาอยู่
เชื่อเวทวิเศษด้วยคุณครู โน้มน้อมจิตสู่พระทรงธรรม์
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงเดช ปิ่นปักนัคเรศทุกเขตขัณฑ์
จะกราบทูลความจริงทุกสิ่งอัน ชีวันถวายไว้ใต้บาทา
ทุกเย็นเช้าเอาพระคุณไว้เหนือเกล้า ข้าพระพุทธเจ้าไม่มุสา
มิได้ขบถคตโท่พระกรุณา อันสัจจาถือมั่นมาแต่ไร
เมื่อครั้งต้องจองจำเป็นสาหัส ก็ยังหาละสัตย์ให้เสียไม่
ครั้งนี้ที่ทำเป็นกลใน เพราะความแค้นจมื่นไวยนั้นเหลือทน
เดิมพิโรธโกรธขึ้งศรีมาลา ทั้งด่าทั้งตีจนปี้ป่น
ซ้ำตีน้องชายพลายชุมพล หนีด้นป่าไปกาญจน์บุรี
กระหม่อมฉันพระพิจิตรบิดา ลงมาว่ากลับฮึกเอาอึงมี่
หยาบช้าท้าทายใช่พอดี มิได้มียั้งจิตรว่าบิดา
กระหม่อมฉันเห็นผิดจริตอยู่ พิเคราะห์ดูหน้าคล้ำดำเป็นฝ้า
ก็แจ้งใจว่าออไวยต้องมนตร์ยา ครั้นบอกกลับว่าไม่เชื่อใคร
ลำเลิกสบประมาทประกาศว่า ว่าขอจากคุกมาจึงออกได้
กระหม่อมฉันเหลือแค้นแสนเจ็บใจ จะใคร่ฟันเสียแต่วันนั้น
แต่หากมารดามาขวางไว้ จึงจำใจเงือดงดอดกลั้น
สองคนกับชุมพลจึงคิดกัน ผูกหุ่นครบพันแล้วยกมา
ด้วยคาดว่าออไวยคงไปรบ พอได้พบสมใจจึงไล่ฆ่า
ออไวยตายหมายรับพระอาญา ถ้าเบื้องหน้าเกิดศึกมาทางใด
ข้าพระพุทธเจ้าจะอาสา เอาชุมพลลูกยาถวายให้
อันวิชากล้าหาญชาญชัย กับออไวยพอเล่นกันเต็มที ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ฟังเหตุใคร่ครวญถ้วนถี่
จึงตรัสไปเฮ้ยไอ้กาญจน์บุรี กูนี้เชื่อมึงมาแต่ไร
ซึ่งมึงทำเป็นกระบวนทัพ ก็หาจับผู้คนเข่นฆ่าไม่
กูเห็นความจริงไม่กริ่งใจ อ้ายไวยองอาจอหังการ์
หุนหันดันดุเอาผู้ใหญ่ อาจใจจองหองเป็นหนักหนา
ว่าเล่นมันก็เป็นถึงบิดา คุณของมันมีมาเป็นเท่าไร
ไม่ควรจะลำเลิกเบิกความ หาเกรงขามคิดกลัวผู้ใหญ่ไม่
ดูซมเซอะเคอะครันทุกวันไป ช่างไม่ส่องกระจกดูหน้าตา
นี่มันถูกน้อยแต่เพียงนี้ นานไปไอ้นี่จะเป็นบ้า
เฮ้ยอ้ายขุนแผนแสนศักดา มึงอย่าเคืองแค้นอ้ายหมื่นไวย
ดูมันถูกยาแฝดแปดเปื้อน หาเหมือนแต่ก่อนแต่ไรไม่
มันก็ถือว่าวิชามันเกรียงไกร ที่ไหนมันจะต้องซึ่งคุณยา
ถึงถามมันเดี๋ยวนี้ก็คงเถียง จงทำให้เห็นเที่ยงกันต่อหน้า
คิดให้ได้ตัวคนทำมนตร์มา รูปรอยให้รู้ว่าอยู่แห่งไร
ถ้าหากจับได้ไอ้คนคด ความก็จะปรากฏหมดสงสัย
ใครผิดกูจะทำให้หนำใจ มิให้เป็นสินไหมพินัยกัน ฯ
๏ ครานั้นเจ้าพลายชายชุมพล ฟังยุบลทูลไปมิได้พรั่น
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงธรรม์ กระหม่อมฉันขอรับไปจับมา
ขอพระราชทานพยานไป พอเป็นสักขีไว้ให้แน่นหนา
จะให้ได้ตัวคนทำมนตร์ยา ทั้งรูปรอยนำมาไม่ช้าการ ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ทรงพระสรวล อ้ายนี่ถี่ถ้วนควรเป็นทหาร
จะได้ใครไปเป็นสักขีพยาน ที่ว่องไวชัยชาญฉลาดดี
จะต้องให้เป็นกลางหว่างพี่น้อง ดูทำนองเหมาะแต่จมื่นศรี
เอ็งออกไปหวาอย่าช้าที ช่วยจับอ้ายคนดีมีวิชา ฯ
๏ ครานั้นพระหมื่นศรีพลายชุมพล สองคนประนมก้มเกศา
รับสั่งแล้วถวายบังคมลา กลับมาเคหาด้วยทันใด
ก็คิดกันจัดแจงแต่งตน สองคนเป็นแขกน้อยใหญ่
ทำทีแขกชวามาอยู่ไทย สอดใส่สนับเพลาดูเพราตา
นุ่งยกพอปกลงถึงเข่า เจียระบาดคาดเข้างามหนักหนา
เหน็บกฤชดูดีทีชวา เสื้อสวมกายาอินทร์ธนู
สอดแขนตรึงแน่นเพียงข้อศอก ศีรษะพอกพันผ้ามาทั้งคู่
ไม่เพี้ยนเพศแขกชวามลายู บ่าวไพร่ตามพรูสะพรั่งมา
แต่ล้วนแกล้งแต่งตัวปลอมเป็นแขก ด้วยฤทธิ์มนตร์คนแปลกไปทั่วหน้า
ทำทีกะลาสีเข้าพารา ทั้งน้ำตาลกัญชาพาเอาไป
พร้อมสิ้นกล้องฝิ่นแลเหล้าเข้ม ใส่เต็มขวดเหลี่ยมเปี่ยมใส
ไม่พูดไม่จาภาษาไทย เข้าในตลาดเดินนาดมา
พวกสาวสาวชาวตลาดผาดเห็น เขม้นแขกแปลกใจเป็นหนักหนา
สะสรวยท่วงทีกิริยา สองตาสอดส่ายคล้ายกับไทย
อยู่ไหนไม่เห็นเลยสักวัน มากำปั่นฤๅว่ามาแต่ไหน
บ้างถามเป็นแยบคายขายสิ่งใด หัศรีมีอะไรมาให้เรา
เอออะไรเป็นแขกช่างแปลกเพศ ค้าเครื่องเทศแต่มือถือขวดเหล้า
ฤๅของตกมาใหม่ในสำเภา ชาวตลาดหยอกเย้าเฝ้าพูดจา
ครั้นมาถึงวัดพระยาแมน พรายกุมารวิ่งแล่นไปข้างหน้า
บอกชุมพลพลันมิทันช้า นั่นกุฎีขรัวตาที่ทำมนตร์
มีเณรศิษย์ติดมาแต่เมืองลาว คนออกชื่อฦๅฉาวทุกแห่งหน
วิชาแคล่วคล่องทั้งสองคน คิดอ่านผ่อนปรนให้จงดี ฯ
๏ เจ้าพลายชุมพลได้ฟังพราย บ่ายหน้ามากระซิบพระหมื่นศรี
ตัวสำคัญมันอยู่กุฎีนี้ ไม่ได้ท่วงทีจะเสียการ
ว่าแล้วก็อ่านพระคาถา ขับพรายของขรัวตาให้หนีพล่าน
ผีเณรเถรเลี้ยงไว้เชี่ยวชาญ อลหม่านโดดกุฎีรีบหนีไป
แขกปลอมก็พากันเดินมา หมาเห็นเห่าโฮกกระโชกไล่
หัศรีเรียกเณรร้องเกนไป เจ้าเณรอยู่ไหนดูหมาที
เณรจิ๋วเยี่ยมหน้ามาเห็นแขก เอาอิฐปาหมาแตกไปจากที่
เปิดประตูรับแขกขึ้นกุฎี วันนี้ได้กินอินทะผาลำ ฯ
๏ สองแขกเข้าไปนั่งไหว้เถร ยกของประเคนว่ามะหะหร่ำ
เถรขวาดว่ากูไม่รู้คำ จะเอารำมาให้กูไม่เอา
แขกว่าวันนี้ขึ้นปีใหม่ ฉันหาของมาให้ขรัวตาเจ้า
เป็นของแขกแปลกมาในสำเภา ได้ยินเขาโจษกันว่าทั่นดี
ถ้าใครเจ็บไข้ไม่สบาย มาหารักษาหายไม่เป็นผี
เถรว่าอย่าพูดให้เซ้าซี้ เอ็งมีอะไรมาให้เรา
สองแขกขยับจับตุ้งก่า จ้าหลิ่มยัดกัญชาไฟจุดเข้า
สูบคนละจ้าหลิ่มทำยิ้มเมา เถรเถ้าว่าอะไรข้างในดัง
สองแขกว่าข้างในนั้นใส่น้ำ เถรขวาดว่ามันทำเป็นอีฉัง
กูจะขอลองรสหมดฤๅยัง หยิบไฟเก้กังมาทันใด
สองแขกก็ยัดกัญชาส่ง เถรชักคอก่งไม่ทนได้
แสบคอเป็นจะตายหงายหน้าไป กูไม่เอาแล้วอย่าส่งมา
สองแขกรับตุ้งก่าเอามาไว้ เอากล้องฝิ่นส่งให้หัวเราะร่า
เถรขวาดแลเพ่งเขม็งตา ร้องว่านั่นอะไรมาให้กู
จุดไฟใส่ดูดเสียงดังเผลาะ เลียปากเจาะเจาะว่าขมอยู่
ลุกขึ้นวุ่นวายน้ำลายพรู แลดูนั่นไหอะไรวา
สองแขกบอกว่าอีนี่ดี แก้เชื่อมเมื่อตะกี้หลวงตาขา
เปรี้ยวเปรี้ยวหวานหวานน้ำตาลยา เอาโอคว้าตักลงส่งเข้าไป
เถรขวาดดื่มเฮือกเสือกโอมา อีกสักห้าหกโอหาพอไม่
ส่งมาใส่เข้าเมาสุดใจ ในขวดนั่นอะไรเอามาดู
สองแขกรินเหล้าเอาส่งให้ ถูกเข้าไปเต็มจอกลมออกหู
เวียนหัวใจหายน้ำลายพรู แลดูหลังคาเป็นปลาวาฬ
จับตุ้งก่ามาชักเข้าอิกที มือปัดฝาละมีอยู่งุ่นง่าน
หยิบสากตำหมากลากลนลาน ทะยานเหยียบเณรจิ๋วว่ารบกัน
เณรว่าเมามายจะตายโหง เถรว่ากูนายโรงถือพระขรรค์
นั่งลงเจรจาลูกตาชัน ทศกัณฐ์ลักนางอุทุมพร
สองแขกสรวลเสอยู่เฮฮา เถรขวาดยกขาท่าแผลงศร
กูจำได้หัวละมานเมื่อราญรอน จะเป็นโขนฤๅละครก็ไม่รู้
ถือไม้คนละอันยืนหันง่า ร้องอีหลัดถัดทากูเห็นอยู่
โปงมางโปงครุ่มเป็นกลุ่มพรู อ้ายพ่อกูวันนี้สนุกใจ
กูขอบใจไอ้แขกแปลกภาษา รู้จักหาของดีมีมาให้
แต่กูมาอยู่ในเมืองไทย ยังไม่ได้หวานมันเหมือนวันนี้
มึงเจ็บไข้เป็นไรฤๅไอ้หนู จึงได้มาหากูถึงที่นี่
ทางนอกกูก็ได้ในก็ดี บอกไปอย่าได้มีความเกรงใจ ฯ
๏ แขกว่าข้าพเจ้านี้มาหา ด้วยร้อนรนหนักหนาไม่ทนได้
ทิ้งพ่อแม่เสียมีเมียไทย ให้เงินมันกินสิ้นสำเภา
อยู่ด้วยกันไม่ทันจะถึงปี มันกลับไล่รุมตีเอาอิกเล่า
แม่ยายพ่อตาพาโลเอา อีเมียก็พลอยเข้าไปด้วยกัน
รุมด่าว่าอ้ายแขกหัวกะลา อ้ายนอกศาสนามากำปั่น
เข้าเรือนไม่ได้ไล่ตีรัน ทุกวันนี้แสนยากลำบากใจ
จึงชวนกันมาหาหลวงปู่ เอ็นดูฉันด้วยช่วยแก้ไข
ให้กลับโอนอ่อนเหมือนก่อนไร ได้แล้วเงินทองจะกองมา
ทำกุฎีเก้าห้องท้องกระดาน เผืองฝานอกชานให้แน่นหนา
ส่งเพลส่งเช้าทั้งข้าวปลา ถวายตัวเป็นข้าทั้งสองคน ฯ
๏ เถรขวาดหัวร่ออ้อเท่านั้น มันราวกับขี้ฟันของกูหล่น
ได้บากหน้าว่าวอนอย่าร้อนรน แก้จนกันสิเสียแรงมา
กูให้โกรธกันไปได้แปดปี ถ้าไม่กลับคืนดีแล้วจึงว่า
จมื่นไวยสร้อยฟ้าศรีมาลา ทำไม่ทันพริบตาก็เป็นไป
กูทำให้เฆี่ยนตีศรีมาลา ทองประศรีอีย่าก็หลงใหล
สร้อยฟ้าสำราญบานใจ กับอ้ายไวยเป็นสุขทุกเวลา
เณรจิ๋วได้ยินก็ตกใจ ทำไถลร้องเตือนขรัวตาขา
จวนเพลนิมนต์ฉันข้าวปลา พูดจาอื่นเกลื่อนให้เชือนไป
เถรขวาดตวาดว่าอ้ายหมา สอดปากมาว่ากับผู้ใหญ่
เพลผอกมาบอกกูทำไม ไสหัวมึงไปในกุฎี ฯ
๏ ครานั้นชุมพลคนขยัน เห็นถ้วนถี่สารพันทั้งหัวผี
พยักหน้าบอกไพร่ให้เป็นที บ่าวกรูขึ้นกุฎีไปพร้อมกัน
บ้างฉวยได้ไม้ค้อนก้อนอิฐ กระโดดผลับจับผิดสะบัดหัน
เร็วหวาคว้าตัวมันให้ทัน บ้างยืนกั้นประตูกรูเข้าไป
เถรขวาดเห็นผิดปิดประตู ทุดอ้ายบ้ายี่หนู่เชือดคอไก่
ขึ้นมาพัลวันด้วยอันใด ปิดประตูเข้าไว้ทำไมกู
ตักน้ำใส่ขันมิทันช้า เสกปาหัวเณรลงซู่ซู่
อ้ายจิ๋วมึงอย่ากลัวอ้ายศัตรู กอดบั้นเอวกูหายตัวไป
พวกไพร่เข้าไปในกุฎี หาเห็นมีตาเถรเจ้าเณรไม่
ชุมพลร้องว่าอย่าตกใจ ปิดประตูเข้าไว้ให้แน่นวา
กองไฟใส่เข้าที่ใต้ถุน เผาพริกควันกรุ่นขึ้นหนักหนา
เถรทนไม่ได้ไพล่ออกมา เอาหวานั่นแน่แลเห็นตัว
เถรขวาดตวาดดังฟ้าผ่า เฝืองฝาเลื่อนลั่นสนั่นทั่ว
พวกไพร่งกงันตัวสั่นรัว ความกลัวโดดกุฎีรีบหนีลง
ครั้นว่าพวกไพร่นั้นไพล่หนี ได้ทีเถรขวาดตวาดส่ง
ยืนยักบั้นเอวเล่นอยู่เป็นกง ข้าวสารหว่านวงกุฎีไว้
เหวยเหวยอ้ายแขกแหกฝามอง อ้ายหัวกะลาตาพองทำใครได้
มึงมาทำจู่ลู่รู้อะไร ดีแต่จะฆ่าไก่กินทุกวัน
อีหล่าต้าหล่าบ้ายี่หนู่ น้ำตาลมึงยังอยู่ขออิกขัน
อ้ายจองหองลองฤทธิทศกัณฐ์ อ้ายชาติชั่วหัวควั่นจะพลันตาย ฯ
๏ ชุมพลร้องตวาดอ้ายชาติข้า เอาให้ตาปริบปริบอ้ายฉิบหาย
ซัดซ้ำข้าวสารหว่านปราย เรียกพรายมาล้อมเข้าพร้อมพรู
เสกจังงังซ้ำเข้าเป่าตวาด เถรขวาดแข็งขึงตะลึงอยู่
ทุดอ้ายขี้ครอกมาหลอกกู กรูขึ้นไปเถิดหวาจะช้าไย
เถรเมาเหลือกำลังลงนั่งราก อ้าปากไม่อ่านอาคมได้
พวกไพร่พรั่งพรูกรูเข้าไป รวบไหล่ถองทุบตะครุบคอ
เถรขวาดถูกถองร้องตาปลิ้น เอาเหล้าให้กินข่มเหงพ่อ
จับเถรเณรได้ไม่รั้งรอ เอาเชือกปอผูกรัดมัดด้วยกัน
เถรถูกผูกคอแล้วรัดศอก หายใจไม่ออกจนตัวสั่น
ชุมพลซักถามเนื้อความพลัน มึงฝังรูปเลขยันต์ไว้แห่งใด
ทำพระไวยอย่างไรเร่งบอกมา มึงเดินหน้านำขุดมาให้ได้
เถรขวาดตาแดงดังแสงไฟ ร้องว่าจะทำไมกูไม่พา
ชุมพลโกรธนักชักกระบี่ ฟันลงตรงที่หว่างแสกหน้า
เลือดไหลปรี่ปรี่รี่ลงมา ขรัวตาเจ็บช้ำก็นำไป
ถึงป่าช้าวัดพระยาแมน ขุดลงสักแขนก็พอได้
พบรูปศรีมาลากับพระไวย หนามไหน่เสียบสะพรั่งไปทั้งตัว
พวกทนายขัดใจว่าไอ้ถ่อย เอาก้อนอิฐต่อยกะลาหัว
อิฐป่นหล่นแล่งแดงทั้งตัว หัวเหนียวนี่กะไรไอ้ขี้เค้า
คุมมาบ้านพระไวยมิได้ช้า ไหนรูปรอยสร้อยฟ้าพระไวยเล่า
โหงพรายบอกนายแต่เบาเบา ให้ขุดเข้าตรงใต้ที่นอนพลัน
ได้รูปพระไวยกับสร้อยฟ้า หันหน้ากอดกลิ้งอยู่ที่นั่น
ขุนแผนท่านย่าพร้อมหน้ากัน พระไวยนั้นก็เห็นอยู่เต็มตา
อีเม้ยรับเห็นจับรูปปรอยได้ ดีเนื้อดีใจหัวร่อร่า
หูตากลับกลอกบอกศรีมาลา นายขาเขาได้ทั้งรูปรอย
สร้อยฟ้าตระหนกอกสั่น เห็นได้รูปเลขยันต์ทำหน้าม่อย
หลบเข้าเคหานัยน์ตาปรอย เถรถ่อยชาติข้ามันพาตาย
อีไหมปลอบว่าอย่ากลัวแม่ ไม่ยักยอมแพ้มันง่ายง่าย
ยังหลีกเลี่ยงเถียงมันได้มากมาย เบี่ยงบ่ายบานบนให้พ้นตัว ฯ
๏ ครานั้นทองประศรีผู้เป็นย่า เสื่อมคลายคุณยาค่อยยังชั่ว
หมดมลทินสิ้นร้ายหายตามัว แกลุกขึ้นเต้นรัวหรบหรบไป
ทุดอีสร้อยฟ้าออกมานี่ อีลาวกาลีไม่เลี้ยงได้
ทำรูปทำรอยน้อยเมื่อไร ให้ออไวยหลงงมออกซมซาน
จนพ่อลูกจะไม่ได้ดูผี ออชุมพลก็หนีไปจากบ้าน
มันทำศรีมาลาจนหน้าม้าน กูจะเสี่ยงกระบานไม่ไว้มัน
พระไวยห้ามคุณย่าอย่าเพ่อก่อน จะอึงมี่ตีต้อนเขาไยนั่น
เนื้อความข้างหน้าจะว่ากัน ผิดจริงแล้วจะฟันเสียให้ตาย
พระกาญจน์บุรีหัวร่ออ่อพระไวย มันช่างหลงนี่กะไรน่าใจหาย
จนรู้แน่ในระแบบแยบคาย ยังสอดส่ายจะสงวนแม่สร้อยฟ้า ฯ
๏ พระหมื่นศรีฟังไปไม่ได้การ มันจะเกิดรำคาญขึ้นต่อหน้า
ก็ลาไปโดยด่วนจวนเวลา บ่าวข้ามัดมือเถรเณรไป
พอเพลาพลบค่ำย่ำลง เอาส่งไว้ที่ทิมตำรวจใหญ่
แจ้งข้อความเล่าให้เข้าใจ รับสั่งใช้ให้เราไปจับมา
สร้อยฟ้าให้ทำเอาพระไวย รูปรอยก็ได้มาหนักหนา
ครั้นจะทูลมิควรจวนเวลา หมายมาส่งฝากตำรวจไว้ ฯ
๏ ครานั้นนายเวรพระตำรวจ เร็วรวดสั่งผู้คุมหาช้าไม่
เอาโซ่ตรวนขื่อคามาทันใด ประทุกเถรเณรใส่ไว้เพียงคอ
จำครบห้าประการแล้วล่ามแหล่ง กว่าจะแจ้งอย่าไว้ใจนะไอ้พ่อ
ตำรวจฟังนายว่าไม่รารอ ก่อไฟจุดตะเกียงเสียงอึงไป ฯ
๏ ครานั้นฝ่ายว่าเจ้าเณรจิ๋ว หน้านิ่วไหวตัวมิใคร่ได้
เขาจำห้าประการรำคาญใจ บ่นไปกูห้ามไม่ฟังกู
น้ำตาลกัญชาปาเข้าไป สมคะเนมันใส่เอากบหู
เมาเปรอะพูดเลอะไม่แลดู กูว่ากลับด่ากูอึงไป
อวดดีบอกเขาว่าเจ้าเสน่ห์ ทำโลเลฟังเฆี่ยนเล่นไม่ไหว
เขาเฆี่ยนแต่ตัวขรัวเมื่อไร กูจะเสียเบี้ยใบ้ไปพลอยตาย
เถรขวาดเจาะเจาะกระเดาะปาก ลำบากเข้าไม่ได้ไอ้ฉิบหาย
กูเมาน้ำตาลส้มเสียงมงาย ถ้าดีแล้วอย่าหมายจะได้กู ฯ
๏ ครั้นถึงเวลาดึกกำดัด เงียบสงัดแสงไต้ริบหรี่อยู่
เถรขวาดรำพึงถึงคุณครู ระงับจิตลงสู่ให้แน่นอน
โอมอ่านคาถามหาสะกด ผู้คนหลับหมดดังไม้ท่อน
พิเคราะห์ใคร่ครวญดูราหูจร ปลอดเปลาะสะเดาะกลอนถอนโซ่ตรวน
ก็บันดาลขื่อคาสารพัด หลุดพลัดจากที่ลงถี่ถ้วน
แล้วสะเดาะโซ่กุญแจแปรปรวน ตรวนเณรจิ๋วร่วงลงฉับพลัน
จึงเสกปูนพลูด้วยรู้แม่น เป็นเณรเถรนอนแทนอยู่ที่นั่น
ย่องเหยียบเกรียบกริบไปตามกัน ล่องหนด้นดั้นประตูไป
จะเป็นคนด้นหนีไปบนบก นึกวิตกกลัวเขาจะจับได้
ลงน้ำเป็นจระเข้ว่ายเร่ไป เณรนั้นให้เป็นลูกเกาะหลังมา ฯ
๏ ครั้นพวยพุ่งรุ่งสางสว่างพลัน ผู้คุมตื่นจับขันขึ้นล้างหน้า
เห็นเถรเณรนอนนิ่งทั้งสองรา เฮ้ยฮ้าลุกขึ้นบ้างเป็นไร
เขาตื่นออกกลุ้มยังคลุมโปง อ้ายตายโหงมึงจะนอนไปถึงไหน
มือฉวยได้หวายป่ายลงไป ช่างทนได้ไม่พลิกกระดิกตัว
เตะสีข้างซ้ำเข้าต้ำผึง เอ๊ะอย่างไรนอนขึงยังคลุมหัว
นั่งลงเลิกผ้าเห็นน่ากลัว ร้องบอกกันทั่วให้มาดู
พร้อมทั้งนายเวรปลัดเวร เห็นเถรเณรนอนหงายตายกลิ้งคู่
ต่างคนตกใจไปพรั่งพรู ร่ำเรียนให้รู้ทั้งศาลา ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระองค์ผู้ทรงภพ ครั้นรุ่งสางสว่างจบทุกทิศา
ชำระสระสรงพระคงคา เสด็จออกข้างหน้าด้วยทันใด
ข้าเฝ้านอบน้อมอยู่พร้อมหน้า ทุกกระทรวงเสนาทั้งน้อยใหญ่
ดาษดาในหน้าพระลานชัย สำราญราชหฤทัยพระภูมี ฯ
๏ ครานั้นจมื่นศรีเสาวรักษ์ราช อภิวาททูลความไปตามที่
ขอเดชะพระองค์ทรงธรณี เมื่อวานนี้กระหม่อมฉันชุมพลไป
ได้ตัวเถรขวาดเณรจิ๋วนั้น รูปรอยเลขยันต์ก็จับได้
เถรขวาดบอกว่าสร้อยฟ้าใช้ ได้ทำเอาพระไวยจึงจับมา
ขุดรูปฝังไว้ได้สองแห่ง ตกแต่งเลขยันต์ไว้หนักหนา
จะกราบทูลอนุสนธิ์พ้นเวลา จึงปรึกษากันส่งตำรวจใน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบชอบพระอัชฌาสัย
เออช่างได้เร็วพลันทันอกใจ เหวยตำรวจเร็วไวเอาตัวมา ฯ
๏ ครานั้นท่านจางวางตำรวจใน จนใจบังคมก้มเกศา
ขอเดชะพระองค์ทรงพระกรุณา พระอาญาเป็นพ้นล้นเกล้าไป
ด้วยพระนายศรีกับพลายชุมพล เอาเถรเณรสองคนมาส่งให้
รูปรอยเลขยันต์ทั้งนั้นไซร้ ให้ผู้คุมจำไว้อย่างตรึงตรา
เมื่อคืนนี้ทั้งเถรแลเณรนั้น เกิดเป็นปัจจุบันดับสังขาร์
ได้แจ้งด้วยกันทั้งศาลา จงทราบบาทาพระทรงชัย ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษา ตบพระเพลาตรัสมาหาช้าไม่
ชะอ้ายเถรเณรนี้ดีกะไร รู้ตัวกลัวกลัวภัยจะเฆี่ยนตี
ชิงตายเสียก่อนไม่ทันผูก อ้ายลูกรู้หนีหน้าไปเป็นผี
ยังแต่สร้อยฟ้าอีกาลี ครั้งนี้จะได้เห็นเท็จจริงกัน
จึงดำรัสตรัสสั่งจมื่นศรี เอาอีสร้อยฟ้ามาให้มั่น
กูจะได้ไต่ถามความสำคัญ ถ้าจริงแล้วจะให้ฟันเสียวันนี้ ฯ
๏ ครานั้นจมื่นศรีได้รับสั่ง บังคมแล้วถอยหลังออกจากที่
สั่งตำรวจพลันในทันที ไปแจ้งคดีสร้อยฟ้าจงเร็วไว
ว่าพระองค์ทรงธรรม์นั้นให้หา ถ้าขืนขัดฉุดคร่ามาให้ได้
จงเลือกตัวกลั่นสรรออกไป ให้ทันรับสั่งอย่านั่งช้า ฯ
๏ ตำรวจในได้ฟังขัดรั้งวิ่ง เร็วจริงรีบตะบึงถึงเคหา
ขึ้นเรือนให้เรียกนางสร้อยฟ้า ออกมาเล่าแจ้งแถลงการ
ว่าทั้งเถรเณรนั้นกลั้นใจตาย ประเดี๋ยวนี้วุ่นวายอยู่อลหม่าน
รับสั่งให้หาอย่าได้นาน เชิญท่านไวไวไปเดี๋ยวนี้ ฯ
๏ สร้อยฟ้าได้ฟังตำรวจใน เร่าร้อนอกใจดังไฟจี้
รีบผลัดผ้าพลันในทันที มานี่อีไหมไปกับกู
ตำรวจในนำหน้ามาจากบ้าน ลนลานเร่งรุดไม่หยุดอยู่
ผู้คนเห็นหน้าพากันดู มาถึงผู้รับสั่งนั่งไหว้พลัน
พระหมื่นศรีจึงพาสร้อยฟ้าเฝ้า ก้มเกล้าทูลไปทันใดนั่น
พระโองการให้หาสร้อยฟ้านั้น บัดนี้มาอภิวันท์พระบาทา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช ทอดพระเนตรให้นึกชังน้ำหน้า
จึงมีสีหนาทประภาษมา ไฉนอีสร้อยฟ้าจึงกาลี
กูก็ชุบเลี้ยงมึงถึงขนาด ทั้งสกุลรุนชาติก็ส่งศรี
ทำเสน่ห์เล่ห์กลซนอัปรีย์ มึงโลภประเวณีนี่เหลือใจ
ไปลอบคบเถรเณรจนถึงวัด สารพัดเลขยันต์เขาจับได้
ฝังรูปฝังรอยน้อยเมื่อไร เขาเอามาให้อยู่ครบครัน
ขุดได้จนในใต้ถุนมึง ปั้นรูปขี้ผึ้งกอดกันมั่น
ใส่ใบรักสักด้ายแล้วผูกพัน ให้สมัครรักกันแต่ข้างตัว
ส่วนรูปอีศรีมาลากับอ้ายไวย เอาหนามไหน่ใส่แต่ตีนตลอดหัว
ฝังกับผีป่าช้าดูน่ากลัว จนอ้ายผัวสมมมออกซมซาน
โบยตีศรีมาลาพลายชุมพล หนีด้นซนซุกไปจากบ้าน
ให้เขาผิดพี่น้องพ้องพาน เป็นเหตุการเพราะมึงทำมลทิน
จึงเกิดศึกฮึกฮักมาทั้งนี้ ผู้คนแตกหนีไปทุกถิ่น
ข้นขุ่นวุ่นวายทั้งแผ่นดิน อ้ายไวยปิ้มจะสิ้นถึงชีวา
อ้ายแผนกับลูกชายพลายชุมพล ไล่ประจญโรมรันฟันฆ่า
เอาอ้ายไวยแตกทัพยับเยินมา สาเหตุกูพึ่งรู้เมื่อวานนี้
ต่อหาอ้ายพ่อลูกมาซักถาม มันบอกความจึงรู้เป็นถ้วนถี่
กูให้เขาจับได้ไอ้คนดี หัวผีโหงพรายก็ได้มา
ให้เถรเณรที่มันทำไปนำจับ ให้ตำรับรูปรอยเป็นหนักหนา
แต่มึงทำอย่างนี้กี่ปีมา อีสร้อยฟ้ามึงบอกแต่จริงไป ฯ
๏ สร้อยฟ้าได้ฟังรับสั่งถาม ใคร่ครวญข้อความหาคร้ามไม่
เถรเณรสิ้นชีวีไม่มีใคร คิดได้แล้วประนมบังคมทูล
ขอเดชะข้าแต่ละอองบาท องค์หริรักษ์ราชนเรนทร์สูร
ทรงธรรม์มหันตไพบูลย์ จะขอทูลตามจริงทุกสิ่งมา
ความสัตย์หาเป็นเช่นนั้นไม่ เขาชวนกันเสกใส่มุสาว่า
เดิมชุมพลคนนี้กับศรีมาลา ลอบลักคบหาเป็นชู้กัน
หม่อมฉันรู้เหตุผลชุมพลหนี ไปบอกท่านกาญจน์บุรีแกล้งเสกสรร
ว่าเอายาแฝดใส่พระไวยนั้น ให้ตีรันศรีมาลาว่าวุ่นไป
ฝ่ายพระกาญจน์บุรีมิทันคิด ปลงจิตรเชื่อลูกจึงสงสัย
เข้ามาด่าทอเป็นเท่าไร ว่าจะจับให้ได้ให้ดูเอา
กระหม่อมฉันก็ท้าว่าให้ทำ ชอบผิดจะปิดงำไว้ไยเล่า
ท่านก็ส่องกระจกยกดูเงา ว่าเห็นรูปข้าพเจ้ากับพระไวย
ท่านย่ามาดูว่าไม่เห็น ก็กลับเต้นเข่นเขี้ยวเอาผู้ใหญ่
กระทืบเท้าโผงผางวางกลับไป นัดให้พลายชุมพลยกทัพมา
ให้พ่อแผนไปรบก็สบเพลง พ่อลูกกันเองไม่เข่นฆ่า
ตีแต่ไพร่พลแตกร่นมา แกล้งทำมารยาว่าศึกมอญ
ครั้นโปรดให้พระไวยออกไปรบ ช่วยกันตีกระทบจนแตกว่อน
จะฆ่าฟันพระไวยให้ม้วยมรณ์ นี่หนีบุกซุกซ่อนจึงรอดตัว
ทำอุบายถ่ายเททุกอย่างไป แปลงเป็นมอญใหม่มิใช่ชั่ว
แล้วมาแก้ความผิดไม่คิดกลัว ไปจับเณรเถรขรัวที่ไหนมา
พระหมื่นศรีผู้กำกับเป็นพ่อเกลอ จึงทูลซ้ำสน่ำเสนอให้หนักหนา
ชะรอยเอาหัวผีที่ป่าช้า กับเลขยันต์เขียนมาเข้ากราบทูล
ครั้นจะสอบเถรเณรให้เห็นจริง ว่าล้มหายตายกลิ้งเป็นเสร็จสูญ
เห็นเป็นลาวชาวป่าพากันทูล ขอทรงพระอนุกูลในทางความ ฯ
๏ ครานั้นสมเด็จพระพันวษา ตรัสว่าอีสร้อยฟ้าว่าเข้าง่าม
ช่างประจบต้นปลายขยายความ เหมือนลากหนามสะจุกทุกช่องไป
มิเสียทีเป็นลูกพระยาลาว เหน็บแนมแกมกล่าวเอาจนได้
ยกโทษโจทจับได้ฉับไว ติดใจทั้งตำรวจตระลาการ
แต่พื้นผู้ใหญ่เคยใช้สอย ช่างตะบอยท้วงติงเอาจริงจ้าน
เพราะเหตุไม่มีสักขีพยาน จึงว่าขานแก้เกี้ยวเลี้ยวลดไป
จะให้มันรับว่าจริงยิ่งยากนัก จะซ้ำซักข้างเดียวก็ไม่ได้
มาจับงูข้างหางผิดอย่างไป มันจึงว่าได้ทุกสิ่งอัน
ต้องให้แพ้ทานบนจนพยาน จึงจะว่าขานได้แม่นมั่น
ต้องเรียกศรีมาลามาว่ากัน ให้เห็นว่าสัตย์ธรรม์ข้างผู้ใด
เหวยตำรวจจงรีบออกไปหา เรียกอีศรีมาลามาให้ได้
ครั้นได้ตัวศรีมาลามาทันใด ก็เข้าไปบังคมก้มกราบกราน ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ดำรงโลก ชะโงกตรัสคดีอยู่มี่ฉาน
ถามศรีมาลาพลันมิทันนาน อีสร้อยฟ้าว่าขานกล่าวโทษมึง
ว่าทำชู้กับอ้ายพลายชุมพล อีสร้อยฟ้ารู้กลมึงโกรธขึ้ง
เป็นสาเหตุเรื่องราวที่ฉาวอึง จนถึงจะฆ่าอ้ายหมื่นไวย
เนื้อความข้ออื่นกูไม่ว่า ที่ทำชู้สู่หาเป็นข้อใหญ่
จะสมคำมันหาฤๅว่าไร จริงฤๅหาไม่ให้ว่ามา ฯ
๏ นางศรีมาลากราบทูลไป จะจริงหามิได้พระเจ้าข้า
เมื่อชุมพลด้นไปหาบิดา ยังเด็กนักชันษาเพียงเจ็ดปี
ใครห่อนจะสอนซึ่งเด็กได้ มาใส่ไคล้เจรจาน่าบัดสี
ข้างลาวเคยทำบ้างฤๅอย่างนี้ สอนเด็กให้กาลีดังเจรจา
แกล้งเอาความร้ายมาป้ายเขา ทีตัวเจ้าชั่วเองสิไม่ว่า
ถ้าจริงแล้วเลี้ยงไว้ขายบาทา ควรโปรดให้ฆ่าให้บรรลัย
จะนิ่งไว้ใครเลยจะเล็งเห็น ทั้งผัวเล่าก็จะเป็นที่สงสัย
ขอให้หมดมลทินสิ้นภัย ชีวิตอยู่ใต้พระบาทา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงศักดิ เป็นปิ่นปักหลักโลกนาถา
ทรงฟังคำทูลเป็นมูลมา จึงตรัสปรึกษาไปฉับพลัน
ดูก่อนเจ้าพระยาเสนามาตย์ กูฟังเรื่องดูประหลาดเป็นความขัน
ถ้อยคำแก้เกี้ยวเลี้ยวติดพัน กฎหมายก่อนนั้นเป็นอย่างไร
ความใครไม่มีซึ่งพยาน ตระลาการเอาจริงยังไม่ได้
จะพิจารณาว่าฉันใด ที่จะให้เห็นจริงทุกสิ่งอัน ฯ
๏ ครานั้นข้าเฝ้าเจ้าพระยา ปรึกษากันแล้วทูลทันใดนั่น
ขอเดชะพระองค์ผู้ทรงธรรม์ อันชีวันอยู่ใต้พระบาทา
เมื่อครั้งความขุนช้างบังอาจใจ พาพระหมื่นไวยไปเข่นฆ่า
เป็นเหตุกลางไพรในพนา ก็ไม่มีใครมาจะรู้ความ
ทั้งสองฝ่ายมีคำสำนวนพูด ให้ปรึกษาได้พิสูจน์รูดลองถาม
จึงดำน้ำถวายกับพลายงาม ครั้งนี้ตามแต่จะทรงพระปรานี ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบเค้ามวลเป็นถ้วนถี่
พระจึงถามศรีมาลาไม่ช้าที เฮ้ยมึงนี้จะว่าประการใด
จะต้องหาความจริงด้วยสิ่งสัตย์ ฤๅจะขัดว่าพิสูจน์นั้นไม่ได้
กูเห็นดีแต่ที่น้ำกับไฟ นั่นแลจะได้เห็นจริงจัง ฯ
๏ ครานั้นนารีศรีมาลา ก้มกราบทูลมาด้วยใจหวัง
ข้าแต่พระองค์ดำรงวัง หม่อมฉันหวังตั้งจิตรคิดลุยไฟ
แม้นแพ้แก่ข้างนางสร้อยฟ้า จงประหารชีวาให้ตักษัย
ทำชั่วแล้วตัวจะอยู่ไย ขอลุยไฟให้เห็นประจักษ์ตา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ได้ทรงฟัง ทรงพระสรวลดังอยู่เริงร่า
ได้ยินฤๅไม่อีสร้อยฟ้า อีศรีมาลาขันรับจะลุยไฟ
ถ้าจริงของมึงมึงจึงสู้ เท็จแล้วบอกกูจะผ่อนให้
มึงอย่าก้มหน้าอยู่ว่าไร จะสู้มันฤๅไม่ให้ว่ามา ฯ
๏ นางสร้อยฟ้าฟังพระโองการ สะทกสะท้านหัวพองสยองฉ่า
จะรับผิดคิดกลัวพระอาญา แข็งใจเงยหน้าขึ้นทูลไป
ซึ่งว่าทำเสน่ห์เล่ห์กล มนตร์ดลจนผัวนั้นหลงใหล
คบเถรเณรทำเอาพระไวย จะลุยไฟให้เห็นเป็นสัจจา ฯ
๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงศักดิ ปิ่นปักหลักโลกนาถา
ครั้นสองนางต่างทูลเป็นมูลมา พระผ่านฟ้าทรงฟังเห็นบังควร
จึงสั่งให้ขุดรางหน้าที่นั่ง ตำรวจในรับสั่งเป็นการด่วน
เกณฑ์เจ้าพนักงานการทั้งมวล ถี่ถ้วนเร่งรัดจัดแจงพลัน
พระสั่งเสร็จเสด็จขึ้นข้างใน พวกขุนนางต่างออกไปเป็นเหล่าหลั่น
ผู้คุมคุมคู่ความไปตามกัน มาถึงทิมดาบนั้นเข้ามณฑล
พวกตำรวจนั่งพิทักษ์รักษา มิให้ใครไปมาเดินสับสน
ให้นุ่งขาวห่มขาวทั้งสองคน เครื่องมณฑลจัดวางอย่างบุราณ
ข่าตะไคร้พริกขิงทุกสิ่งเสร็จ ไก่เป็ดหมากมะพร้าวข้าวสาร
หม้อข้าวหม้อแกงแลเชิงกราน จัดการเสร็จสิ้นทุกสิ่งอัน
รางไฟตำรวจก็เร่งขุด บ้างตรวจตราอุตลุดอยู่ตัวสั่น
บ้างขนฟืนแบกหามมาตามกัน ดินนั้นมอมแมมเปื้อนแก้มคาง
บ้างถกเขมรแบกงันตัวสั่นงก บ้างอ้าปากตาประหลกหกล้มผาง
ลุกขึ้นลุกลนขนดินพลาง ขุนรางแล้วเสร็จสำเร็จพลัน ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ